เช็กน้ำหนักทารกในครรภ์ ลูกน้ำหนักตัวเท่าไหร่ คุณแม่ควรรู้อะไรบ้าง

ตารางน้ำหนักทารกในครรภ์ พร้อมวิธีดูน้ำหนักลูกในครรภ์

น้ำหนักทารกในครรภ์จะมากหรือน้อย เกิดจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นขณะตั้งครรภ์ของแม่ท้อง กิจกรรมที่แม่ท้องทำตอนตั้งครรภ์ หรือโรคที่เกิดขึ้นกับแม่ตั้งครรภ์ เช่น เบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมได้ ครรภ์เป็นพิษ ส่งผลต่อน้ำหนักของทารกในครรภ์ได้ ทำให้ทารกมีน้ำหนักตัวน้อยเกินไปหรือมากเกินไป และส่งผลต่อความเสี่ยงในช่วงคลอดอีกด้วย

ตารางน้ำหนักทารกในครรภ์ พร้อมวิธีดูน้ำหนักลูกในครรภ์

หนูน้ำหนักตัวขึ้นน้อยมากเลยค่ะ ไม่ค่อยเป็นไปตามเกณฑ์ แบบนี้แปลว่าลูกในท้องจะตัวเล็กตามไปด้วยใช่ไหมคะ?

ไม่เสมอไปค่ะ! แม้ว่าน้ำหนักตัวของคุณแม่จะเป็นปัจจัยหนึ่ง แต่ไม่ใช่ปัจจัยเดียวค่ะ ในช่วงแรกที่แพ้ท้อง หรือในคุณแม่บางท่านที่เผาผลาญดี น้ำหนักอาจจะขึ้นไม่เยอะ แต่ทารกยังสามารถดึงสารอาหารที่จำเป็นจากร่างกายของคุณแม่ไปใช้ในการเจริญเติบโตได้ค่ะ สิ่งที่สำคัญกว่าน้ำหนักตัวของคุณแม่ คือ "ขนาดของมดลูก" และ "การอัลตราซาวด์" ซึ่งคุณหมอจะทำการวัดและประเมินเป็นประจำในการฝากครรภ์แต่ละครั้ง ตราบใดที่คุณหมอแจ้งว่าขนาดของลูกยังเป็นไปตามเกณฑ์อายุครรภ์ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหนักตัวของคุณแม่มากจนเกินไปค่ะ

น้ำหนักลูกที่ได้จากการอัลตราซาวด์ "แม่นยำ" แค่ไหนคะ? จะเท่ากับตอนคลอดจริงไหม?

เป็นคำถามที่ดีมากค่ะ น้ำหนักที่ได้จากการอัลตราซาวด์เป็นการ "คาดคะเน" หรือ "ประเมิน" จากการวัดส่วนต่างๆ ของทารก (เช่น เส้นรอบศีรษะ, รอบท้อง, ความยาวกระดูกต้นขา) แล้วนำมาคำนวณผ่านสูตรอีกทีหนึ่ง ไม่ใช่การนำลูกไปชั่งบนตราชั่งจริงๆ ค่ะ ดังนั้น จึงมีโอกาส "คลาดเคลื่อนได้ประมาณ ±10% ถึง 15%" ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติค่ะ น้ำหนักที่ได้จึงเป็นเพียงค่าประมาณการเพื่อใช้ประเมินการเจริญเติบโต ไม่ใช่ตัวเลขที่แม่นยำ 100% ค่ะ

ถ้าตรวจเจอว่าลูกตัวเล็กกว่าเกณฑ์นิดหน่อย จะมีวิธี "บำรุง" ให้ลูกน้ำหนักขึ้นได้อย่างไรบ้างคะ?

หากคุณหมอประเมินแล้วว่าไม่ได้เกิดจากความผิดปกติร้ายแรง การปรับโภชนาการของคุณแม่สามารถช่วยได้ค่ะ:
เน้นโปรตีนคุณภาพดี: เพิ่มการทาน "ไข่", "เนื้อปลา", "เนื้อไก่", และ "นม" ในแต่ละมื้อ เพราะโปรตีนคือหน่วยโครงสร้างสำคัญในการสร้างเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อของลูก
ทานมื้อเล็กๆ แต่บ่อยขึ้น: แทนที่จะทาน 3 มื้อใหญ่ ลองเปลี่ยนเป็น 5-6 มื้อเล็กๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างต่อเนื่อง
เลือกไขมันดี: การทานอะโวคาโด, ถั่วต่างๆ (หากไม่แพ้), หรือปลาทะเลที่มีไขมันดี จะช่วยเพิ่มแคลอรี่ที่มีคุณภาพได้
พักผ่อนให้เพียงพอ: การพักผ่อนช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงมดลูกและรกได้ดีขึ้น ทำให้ลูกได้รับสารอาหารและออกซิเจนอย่างเต็มที่ค่ะ

 

สรุป

  • น้ำหนักตัวของแม่ตั้งครรภ์มีผลต่อน้ำหนักตัวของทารกในครรภ์ด้วย หากแม่ท้องมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าเกณฑ์ ทารกในครรภ์มีความเสี่ยงที่จะคลอดออกมาตัวเล็กเกินไป มีพัฒนาการที่ไม่สมบูรณ์ และอาจเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยได้ง่าย
  • ทารกในครรภ์ที่มีน้ำหนักตัวมาก มีความเสี่ยงการคลอดไหล่ติด ทารกบาดเจ็บที่กระดูก บาดเจ็บที่เส้นประสาทบริเวณคอ หรือขณะคลอดทำให้เกิดภาวะขาดอากาศหายใจ ความเสี่ยงสำหรับแม่ท้อง คือ ช่องคลอดบาดเจ็บ หรือตกเลือดหลังคลอดได้
  • การประเมินน้ำหนักด้วยคลื่นความถี่สูง (Ultrasonography) เป็นการตรวจวัดที่แม่นยำมากกว่าการคลำหน้าท้อง

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

ทารกในครรภ์น้ำหนักตัวน้อยอันตรายหรือไม่

ทารกที่มีน้ำหนักตัวน้อยเกินเกณฑ์ อันตรายหรือไม่ ขึ้นอยู่กับหลายสาเหตุ เช่น

  • ทารกขนาดเล็กตามธรรมชาติ หากเกิดจากลักษณะทางพันธุกรรม เช่น แม่ท้องมีรูปร่างเล็ก เป็นต้น แต่ไม่ได้เกิดจากความผิดปกติอื่น ๆ หรือคลอดก่อนกำหนด ถือว่าไม่อันตราย ทั้งนี้ควรให้แพทย์เป็นผู้ดูแลและวินิจฉัย
  • ทารกขาดอาหารหรือเจริญเติบโตช้า ที่เกิดจากการขาดสารอาหารหรือภาวะทุพโภชนาการ สัมพันธ์เกี่ยวกับการทำงานของรกผิดปกติ หรือเกิดจากโรคทางหลอดเลือดของแม่ท้อง ภาวะโลหิตจาง ความดันโลหิตสูง โรคไตบางชนิดของแม่ตั้งครรภ์ สาเหตุเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ อาจทำให้สุขภาพของทารกในครรภ์ไม่แข็งแรง
  • ทารกมีโรคหรือความผิดปกติอื่น ๆ ซึ่งอาจมีอันตรายได้

 

ชั่งน้ำหนักทารกในครรภ์ ทำได้โดยวิธีไหนบ้าง

การชั่งน้ำหนักตัวทารกในครรภ์ ทำได้ด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังนี้

  1. คาดคะเนขนาดตัวทารก (Tactile assessment of fetal size) ในครรภ์ด้วยมือของสูติแพทย์ จากการตรวจร่างกายแม่ท้อง แต่วิธีการนี้อาจเกิดความคลาดเคลื่อนได้สูง
  2. ประเมินน้ำหนักตัวทารกด้วยการประเมินน้ำหนักของแม่ตั้งครรภ์ (Maternal Self-Estimation) วิธีนี้ใช้ในการประเมินน้ำหนักในครรภ์หลัง ๆ และใช้ประเมินน้ำหนักทารกในครรภ์เมื่อครบกำหนดคลอด
  3. ใช้คลื่นความถี่สูง หรืออัลตราซาวด์ (Ultrasonography) ใช้วัดสัดส่วนของทารกด้วยวิธีการวัดความยาว การวัดความกว้างของศีรษะทารก การวัดรอบวงศีรษะ การวัดเส้นรอบท้อง และวัดความยาวกระดูกต้นขา

 

คุณแม่สามารถชั่งน้ำหนักทารกในครรภ์ได้ด้วยการอัลตราซาวด์

 

น้ำหนักลูกในครรภ์น้อยเกินไป เสี่ยงเป็นอะไรบ้าง

ทารกในครรภ์น้ำหนักตัวน้อย มีแนวโน้มเป็นทารกแรกเกิดที่มีน้ำหนักตัวน้อยกว่า 2,500 กรัม รวมถึงเสี่ยงจะคลอดก่อนกำหนด คือ แม่ท้องอาจคลอดบุตรในระหว่างที่มีอายุครรภ์น้อยกว่า 37 สัปดาห์อีกด้วย ทารกในครรภ์ น้ำหนักน้อยเกินไป มีความเสี่ยง ดังนี้

  • ทารกมีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ เพราะปอดอาจจะยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ เกิดภาวะหายใจลำบากตั้งแต่แรกคลอดได้
  • ผิวหนังทารกที่มีน้ำหนักตัวน้อย ทำให้มีผิวหนังบาง ไขมันใต้ผิวหนังน้อย ทำให้สูญเสียความร้อนง่ายทำให้เกิดภาวะตัวเย็นได้ง่าย
  • ทารกมีปัญหาระบบทางเดินอาหารที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ ส่งผลให้การย่อยและดูดซึมสารอาหารได้ไม่ดี เป็นสาเหตุทำให้ทารกได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต
  • ระบบภูมิคุ้มกันที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ ทารกน้อยเกิดการติดเชื้อได้ง่าย
  • ทารกมีระบบหัวใจและหลอดเลือด ความดันเลือดต่ำ จึงมีโอกาสเสี่ยงต่อการหัวใจล้มเหลวได้

 

น้ำหนักลูกในครรภ์มากเกินไป เสี่ยงเป็นอะไรบ้าง

ทารกในครรภ์ที่มีน้ำหนักตัวมาก มีแนวโน้มจะเป็นทารกแรกเกิดที่มีน้ำหนักตัวมากกว่า 4,000 กรัม ทารกที่มีน้ำหนักมาก มีความเสี่ยงดังนี้

  • การบาดเจ็บจากการคลอด ทำให้มีโอกาสต้องใช้เครื่องช่วยหายใจหลังคลอด
  • ทารกที่คลอดออกมาน้ำหนักตัวมากกว่า 5,000 กรัม มีอัตราการเสียชีวิตสูงขึ้น ปัจจุบันแบ่งอัตราความเสี่ยงน้ำหนักทารกตัวโตเป็น 3 ระดับ ได้แก่ 4,000-4,499 กรัม 4,500-4,999 กรัม และ มากกว่า 5,000 กรัม
  • ทารกอาจเกิดความพิการทางสมอง เนื่องจากการคลอดลำบากมีภาวะคลอดติดไหล่ทำให้สมองของทารกขาดออกซิเจน ซึ่งความรุนแรงทางสมองของทารกขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่ขาดออกซิเจนยาวนานเพียงใด
  • ทารกมีความเสี่ยงเสียชีวิตจากภาวะคลอดยาก

 

ตารางน้ำหนักทารกในครรภ์ตามเกณฑ์

น้ำหนักทารกในครรภ์ตามเกณฑ์ แต่ละเดือน มีดังนี้

  • เดือนแรก - ปฏิสนธิ เป็นช่วงแรกของไข่ผสมกับอสุจิ และฝังตัวในผนังมดลูก เริ่มต้นการแบ่งเซลล์
  • เดือนที่ 2 - พัฒนาการเริ่มต้น เมื่อตัวอ่อนแบ่งเซลล์ที่ผนังมดลูกแล้ว เริ่มมีพัฒนาการ ขนาดศีรษะทารกที่ใหญ่ขึ้น หัวใจเต้นตุบ ๆ ทารกจะมีรูปร่างกลม ๆ มีความยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร
  • เดือนที่ 3 - สมองและกล้ามเนื้อทำงานประสานกัน ในช่วงนี้อวัยวะบนใบหน้าของทารกเกือบจะสมบูรณ์แล้ว แต่ดวงตายังปิดอยู่ ตอนนี้ทารกในครรภ์มีขนาดยาวประมาณ 10-12 เซนติเมตร
  • เดือนที่ 4 - หญิงหรือชาย ร่างกายเริ่มมีพัฒนาการมากขึ้น สามารถเคลื่อนไหวได้มากขึ้น และอัลตราซาวด์มองเห็นเพศทารกได้ ตอนนี้ทารกจะมีความยาวประมาณ 16-18 เซนติเมตร มีน้ำหนักประมาณ 200 กรัม
  • เดือนที่ 5 - รับรู้โลกภายนอกครรภ์แม่ ทารกช่วงนี้จะเติบโตรวดเร็วมาก เริ่มมีพัฒนาการด้านสัมผัสรับรู้รสชาติ กลิ่น เสียง แม้ดวงตาของทารกจะยังปิดอยู่ ทารกได้ยินเสียงของแม่ และรับรู้สัมผัสได้เมื่อแม่ลูบท้อง ตอนนี้ทารกจะมี ความยาวประมาณ 20-25 เซนติเมตร มีน้ำหนักประมาณ 400 กรัม
  • เดือนที่ 6 - ตอบสนองต่อสิ่งเร้า ทารกสามารถบิดตัวไปมา ระบบอวัยวะในร่างกายพัฒนาขึ้นมาก สามารถรับรู้เสียงจากภายนอก เสียงแม่ เสียงดนตรี หรือเสียงอื่น ๆ ตอนนี้ทารกจะมีความยาวประมาณ 30 เซนติเมตร มีน้ำหนักประมาณ 600 กรัม
  • เดือนที่ 7 - เริ่มลืมตาแล้ว หนังตาของทารกเริ่มเปิด ตาจะมองเห็นแสงผ่านทางหน้าท้องของแม่ได้ จะขยับตัวเมื่อได้ยินเสียงดัง ตอนนี้ทารกจะมีความยาวประมาณ 35 เซนติเมตร มีน้ำหนักประมาณ 1,000-1,200 กรัม
  • เดือนที่ 8 - เตรียมคลอด ร่างกายของทารกสมบูรณ์เหมือนทารกแรกเกิด ร่างกายแข็งแรง ศีรษะของทารกเริ่มหันมาทางปากมดลูก เพื่อเตรียมความพร้อมคลอดในเวลาไม่นาน ตอนนี้ทารกจะมีความยาวประมาณ 40-45 เซนติเมตร มีน้ำหนักประมาณ 2,000-2,500 กรัม
  • เดือนที่ 9 - ทารกคลอดแล้ว ในเดือนสุดท้ายนี้ทารกอยู่ในท่าพร้อมคลอดได้ตลอด ทารกกลับตัวศีรษะอยู่ใกล้ปากมดลูก คุณแม่ต้องสังเกตอาการที่จะคลอดอยู่เสมอ ตอนนี้ทารกจะมีความยาวประมาณ 50 เซนติเมตร มีน้ำหนักประมาณ 2,800-3,000 กรัม

 

หากแม่ท้องดูแลตนเองอย่างดี และดูแลอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะเรื่องโภชนาการคนท้อง เพื่อป้องกันปัญหาน้ำหนักตอน ตั้งครรภ์น้อยเกินไปหรือมากเกินไป เพราะน้ำหนักของแม่ท้องมีผลต่อน้ำหนักทารกในครรภ์ หากแม่ท้องดูแลตนเองดี การตั้งครรภ์เป็นไปโดยปกติ เพิ่มโอกาสคลอดเองตามธรรมชาติให้สูงขึ้น เพราะการคลอดแบบธรรมชาติทำให้ทารกได้รับจุลินทรีย์สุขภาพหลายสายพันธุ์จากแม่ตั้งแต่แรกคลอด อาทิ B. lactis ที่เป็นจุลินทรีย์ในกลุ่มบิฟิโดแบคทีเรียมที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ให้ทารกหลังคลอด เพราะการคลอดธรรมชาติส่งผลดีต่อแม่ท้องและทารกแรกเกิด

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

 

อ้างอิง:

  1. การคาดคะเนน้ำหนักทารกในครรภ์ (Estimate fetal weight), คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  2. น้ำหนัก ครรภ์ น้อยกว่าเกณฑ์ ส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์อย่างไร, hellokhunmor
  3. ภาวะทารกในครรภ์เจริญเติบโตช้า (IUGR), pobpad
  4. เด็กแรกเกิดน้ำหนักตัวเกินผิดปกติหรือไม่?, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
  5. ทารกน้ำหนักตัวน้อย, โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3
  6. ภาวะทารกตัวโต (macrosomia), คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  7. ทารกในครรภ์ตัวโต, haamor
  8. 9 เดือน มหัศจรรย์พัฒนาการทารกในครรภ์, โรงพยาบาลสมิติเวช
  9. น้ำหนักทารกในครรภ์ พัฒนาการและการดูแลอย่างถูกวิธี, hellokhunmor
  10. ความหมายของเอ็ดเวิร์ดซินโดรม, pobpad

อ้างอิง ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567