คุณแม่ท้อง 7 เดือน หัวลูกอยู่ตรงไหน ตั้งครรภ์ 7 เดือน ที่แม่ต้องรู้

คุณแม่ท้อง 7 เดือน หัวลูกอยู่ตรงไหน ตั้งครรภ์ 7 เดือน ที่แม่ต้องรู้

17.02.2024

ช่วงตั้งครรภ์ 7 เดือน เป็นช่วงก้าวแรกของไตรมาสที่ 3 ซึ่งถือเป็นไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ โดยในช่วงนี้เป็นช่วงที่ลูกน้อยมีพัฒนาการที่น่าสนใจหลายด้าน รวมถึงการที่ลูกเริ่มเปลี่ยนท่าเป็นท่านำหัวลง เพื่อเตรียมสู่การคลอด นอกจากนี้คุณแม่ก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย เนื่องจากลูกตัวโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มดลูกเริ่มขยายไปบังอวัยวะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกระเพาะอาหาร กระเพาะปัสสาวะ หรือแม้แต่กระบังลม ทำให้คุณแม่เริ่มอึดอัด  เหนื่อยง่าย หายใจไม่อิ่ม ท้องอืด ปวดหลัง ปวดเอวและมีปัญหาปัสสาวะบ่อยได้ อาการที่สำคัญในช่วงนี้ที่คุณแม่อาจเผชิญได้ คืออาการท้องแข็ง ซึ่งจำเป็นต้องสังเกตตัวเอง เพราะอาจนำไปสู่การคลอดก่อนกำหนดได้

headphones

PLAYING: คุณแม่ท้อง 7 เดือน หัวลูกอยู่ตรงไหน ตั้งครรภ์ 7 เดือน ที่แม่ต้องรู้

อ่าน 7 นาที

 

สรุป

  • ช่วงตั้งครรภ์ 7 เดือน เป็นช่วงก้าวแรกของไตรมาส 3 ซึ่งถือเป็นไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ลูกจะเริ่มหมุนเปลี่ยนท่าให้อยู่ในลักษณะกลับหัวลงเพื่อเตรียมคลอด และสามารถตอบสนองต่อเสียงและแสงได้แล้วด้วย
  • คุณแม่ก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย เนื่องจากลูกตัวโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มดลูกเริ่มขยายไปบังอวัยวะต่าง ๆ ไม่ว่าจะ ทำให้คุณแม่เริ่มอึดอัด เหนื่อยง่าย หายใจไม่อิ่ม ท้องอืด ปวดหลัง ปวดเอวและมีปัญหาปัสสาวะบ่อยได้
  • เกิดอาการท้องแข็งได้บ่อย ซึ่งเกิดจากการหดรัดตัวของมดลูกเป็นครั้งคราว นอกจากการบีบตัวของมดลูก บางครั้งอาจเกิดจากการทานอาหารอิ่มเกินไป
  • แต่หากเกิดอาการท้องแข็งผิดปกติ หรือมีเลือดออกทางช่องคลอดด้วย ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณอันตรายได้

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

การเปลี่ยนแปลงที่ต้องตั้งรับ สำหรับคุณแม่อายุครรภ์ 7 เดือน

  1. ปัสสาวะบ่อยขึ้น เพราะทารกกินพื้นที่ในท้องและเบียดทับกระเพาะปัสสาวะ
  2. เหนื่อยง่าย หายใจไม่อิ่ม จากภาวะที่มดลูกโตขึ้น มาดันกระบังลมทำให้อึดอัดและหายใจได้สั้น ๆ เคลื่อนไหวไม่คล่องตัว
  3. นอนไม่ค่อยหลับ จากการที่ลูกในท้องจะตื่น และมดลูกจะบีบรัดตัว โดยปกติแล้วจะเกิดขึ้นครั้งละไม่นานเกิน 30 วินาที
  4. ปวดเอว ลามไปถึงขา จากการที่น้ำหนักตัวคุณแม่เพิ่มขึ้นและลูกในท้องก็เติบโตขึ้นเช่นกัน
  5. ปวดหลัง อาการปวดหลังของคนท้อง 7 เดือน เกิดจากลูกในท้องทารกมีการเจริญเติบโต มดลูกขยายใหญ่ขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อตรงส่วนกลางของลำตัวเกิดการแยกตัว ทำให้เกิดอาการปวดหลังตามมา
  6. แสบร้อนกลางอก อาหารไม่ย่อย การเจริญเติบโตของลูกในท้อง ทำให้มดลูกดันไปเบียดกระเพาะอาหาร ซึ่งทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้ง่าย

 

คุณแม่ท้อง 7 เดือน น้ำหนักควรเพิ่มขึ้นกี่กิโล

คุณแม่ตั้งครรภ์ 7 เดือน หรือ ท้อง 30 สัปดาห์ คุณแม่แต่ละคนมีน้ำหนักและส่วนสูงก่อนตั้งครรภ์ที่ต่างกัน ดังนั้น ถ้าคุณแม่อยากรู้ว่าน้ำหนักที่พอดีควรเป็นเท่าไร สามารถประเมินได้ด้วยตัวเอง โดยใช้สูตรคำนวณดัชนีมวลกายง่าย ๆ (BMI : Body Mass Index) คือ เอาน้ำหนักตัวก่อนตั้งครรภ์ (กิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง (เมตร) ยกกำลังสอง แล้วนำค่าดัชนีมวลกายที่ได้ มาเปรียบเทียบกับตาราง ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

 

คุณแม่ท้อง 7 เดือน น้ำหนักควรเพิ่มขึ้นกี่กิโล

 

อายุครรภ์ 7 เดือน เจ้าตัวเล็กอยู่ในท่าไหนนะ?

ในช่วงนี้ลูกน้อยจะเริ่มขยับตัว จะเริ่มหมุนเปลี่ยนท่าให้อยู่ในลักษณะกลับหัวลง โดยเข่าทั้ง 2 ข้างจะงอติดหน้าอก ปลายคางชิดหัวเข่า แขนและขาอยู่ในท่าไขว้กัน เป็นท่าคุดคู้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอดนั่นเอง

 

อาการท้องแข็งขณะตั้งครรภ์ 7 เดือน ผิดปกติ อันตรายหรือเปล่า?

อาการท้องแข็ง พบได้บ่อยครั้งในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ (เดือนที่ 7-9) เพราะมดลูกจะเริ่มขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งปกติแล้วมดลูกจะมีลักษณะเป็นก้อนนิ่ม ๆ เมื่อคลำดูก็จะสัมผัสได้ถึงการมีทารกดิ้นอยู่ บางครั้งคุณแม่อาจรู้สึกว่าท้องแข็งหรือรู้สึกตึงหน้าท้องซึ่งเกิดจากการหดรัดตัวของมดลูกเป็นครั้งคราว นอกจากการบีบตัวของมดลูก บางครั้งอาจเกิดจากการทานอาหารอิ่มเกินไป หรือเคี้ยวไม่ละเอียดจนอาหารไม่ย่อยทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะ ซึ่งอาจทำให้มดลูกบีดรัดตัวเพราะถูกกระตุ้นจากการเบียดของกระเพาะอาหารได้

 

แต่หากเกิดอาการท้องแข็งผิดปกติ เช่น ท้องแข็งนานเป็น 10 นาทีจึงคลายลง และเป็นต่อเนื่อง 4-5 ครั้งเป็นชุด ๆ หรือหากท้องแข็งแล้วมีเลือดออกทางช่องคลอดขณะตั้งครรภ์ด้วย ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณอันตรายได้

 

เจ้าตัวเล็กในท้อง 7 เดือน หนักเท่าไหร่แล้วนะ

คุณแม่ท้อง 7 เดือน เจ้าตัวเล็กทำน้ำหนักตัวประมาณ 1,700 กรัม มีความยาวประมาณ 28 เซนติเมตร สามารถตอบสนองต่อเสียงและแสงได้แล้วด้วย จึงเป็นอีกช่วงที่ลูกในท้องสามารถจำเสียงคุณพ่อคุณแม่ได้ ลองพูดคุย เล่านิทาน และลองออกไปเดินออกกำลังกายยามเช้า ให้ลูกได้สัมผัสกับแสงได้ เป็นการกระตุ้นพัฒนาการของเขาตั้งแต่ในท้องด้วย

 

การดูแลตัวเองขณะตั้งครรภ์ 7 เดือน

  1. ทำจิตใจให้แจ่มใส ผ่อนคลายด้วยการทำกิจกกรรมที่ชอบหรือ ฟังเพลงผ่อนคลาย ซึ่งจะส่งผลต่อลูกในท้องด้วย
  2. นวดผ่อนคลายเบาๆ เลือกการนวดเบา ๆ ผ่อนคลายที่แขนขาหรือคอ บ่า ไหล่ ที่ไม่กระทบกระเทือนกับท้อง
  3. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเป็นอาหารที่สดใหม่ ปรุงรสน้อย แต่มีพลังงานเพียงพอ โดยช่วงตั้งครรภ์เดือนที่ 7-9 ควรได้รับพลังงานเพิ่มขึ้นจากเดิมวันละ 470 กิโลแคลอรี
  4. หลีกเลี่ยงการออกไปเผชิญมลภาวะนอกบ้าน หรือพื้นที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคติดต่อและมลภาวะ เช่น ฝุ่น PM 2.5 อีกด้วย
  5. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ควรนอนหลับให้ได้คืนละ 8 ชั่วโมง โดยเฉพาะช่วงไตรมาสที่ 3

 

เข้าสู่ไตรมาสที่ 3 อย่างเต็มตัว เป็นช่วงที่คุณแม่ต้องตั้งรับ การเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายของคุณแม่เองและลูกน้อย อย่างไรก็ตามเราขอให้คุณแม่ทำใจให้สบาย และพุดคุยกับลูกน้อยให้มากขึ้น รวมถึงพยายามกินอาหารสำหรับคนท้องที่มีประโยชน์และนอนหลับให้เพียงพอ เพราะการได้พักให้มาก จะช่วยให้ทั้งคุณแม่ได้ผ่อนคลาย และลูกน้อยได้มีพัฒนาการที่สมบูรณ์ต่อไป

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

 

 

อ้างอิง:

  1. ภาวะปัสสาวะบ่อย, MedPark Hospital
  2. คำแนะนำ คุณแม่ตั้งครรภ์ไตรมาส 3 (อายุครรภ์ 7-9 เดือน), โรงพยาบาลเปาโล
  3. คำแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ไตรมาส 1-3, โรงพยาบาลบางปะกอก
  4. ไม่ดีแน่… ถ้าปล่อยให้คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องสู้กับ “กรดไหลย้อน”, โรงพยาบาลเปาโล
  5. น้ำหนักคุณแม่ตั้งครรภ์แต่ละไตรมาสควรเพิ่มเท่าไหร่, โรงพยาบาลนครธน
  6. ท้อง 7 เดือน กับการเตรียมตัวให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง, Pobpad
  7. ท้องแข็งขณะตั้งครรภ์ เสี่ยงอันตรายแค่ไหน, โรงพยาบาลพญาไท
  8. ไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ (อายุครรภ์ > 28 สัปดาห์ ), โรงพยาบาลBNH
  9. เทคนิคดูแลตัวเองระหว่างตั้งครรภ์อย่างมีสุขภาพดีทั้งแม่และทารกในครรภ์, โรงพยาบาลนครธน
  10. คุณแม่ตั้งครรภ์กับอาการปวดหลัง, โรงพยาบาลสมิติเวช

อ้างอิง ณ วันที่ 7 มกราคม 2567

บทความแนะนำ

ทำลูกแฝดยากไหม คุณแม่อยากมีลูกแฝด ทำอย่างไรได้บ้าง

อยากได้ลูกแฝดต้องอ่าน! วิธีทำลูกแฝด ทั้งทางการแพทย์และวิธีธรรมชาติ

คุณแม่อยากมีลูกแฝด การทำลูกแฝดยากไหมในปัจจุบัน หากอยากทำลูกแฝด มีวิธีไหนบ้าง ไปดูขั้นตอนการทำลูกแฝดทางการแพทย์และความแตกต่างของแฝดแท้และแฝดเทียม

คนท้องกินโซดาได้ไหม อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องกินโซดาได้ไหม อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องกินโซดาได้ไหม คำถามที่คุณแม่หลายคนสงสัย คนท้องกินน้ำอัดลมได้ไหม ถ้าอยากกิน ต้องกินปริมาณเท่าไหร่ กินยังไงไม่ให้กระทบกับคุณแม่และทารกในครรภ์ ไปดูกัน

คนท้องกินสับปะรดได้ไหม เสี่ยงแท้งแค่ไหน อันตรายกับคนท้องหรือเปล่า

คนท้องกินสับปะรดได้ไหม เสี่ยงแท้งแค่ไหน อันตรายกับคนท้องหรือเปล่า

คนท้องกินสับปะรดได้ไหม คุณแม่ตั้งครรภ์กินสับปะรดได้หรือเปล่า กินมากไปอันตรายกับทารกในครรภ์ไหม กินแล้วเสี่ยงแท้งจริงหรือเปล่า พร้อมวิธีดูแลครรภ์สำหรับคุณแม่ท้อง

คนท้องเป็นกรดไหลย้อน รับมือแบบไหนดี

คนท้องเป็นกรดไหลย้อน รับมือแบบไหนดี

คนท้องเป็นกรดไหลย้อน คุณแม่ตั้งครรภ์รับมืออย่างไรดี หากมีอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย กรดไหลย้อน ทำให้คุณแม่รู้สึกไม่สบายตัว พร้อมวิธีดูแลครรภ์

คนท้องกินชาเย็นได้ไหม กินได้บ่อยแค่ไหน อันตรายกับคนท้องหรือเปล่า

คนท้องกินชาเย็นได้ไหม กินได้บ่อยแค่ไหน อันตรายกับคนท้องหรือเปล่า

คนท้องกินชาเย็นได้ไหม คำถามที่คุณแม่หลายคนสงสัย ชาไทยมีคาเฟอีนไหม กินทุกวันอันตรายหรือเปล่า ไปดูวิธีดื่มชาเย็นแบบปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายสำหรับทารกในครรภ์กัน

ภาวะเเท้งคุกคาม เกิดจากอะไร สังเกตได้อย่างไร พร้อมวิธีป้องกัน

ภาวะเเท้งคุกคาม เกิดจากอะไร สังเกตได้อย่างไร พร้อมวิธีป้องกัน

ภาวะเเท้งคุกคาม เกิดขึ้นจากอะไรได้บ้าง ช่วงไหนที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรระมัดระวัง เพื่อป้องกันภาวะแท้งคุกคาม ไปดูสาเหตุ อาการและวิธีป้องกันภาวะแท้งคุกคามเบื้องต้น

ผลไม้ที่คนท้องควรกิน แม่ลูกอ่อนกินผลไม้อะไรได้บ้าง ช่วยบำรุงครรภ์

ผลไม้ที่คนท้องควรกิน แม่ลูกอ่อนกินผลไม้อะไรได้บ้าง ช่วยบำรุงครรภ์

ผลไม้ที่คนท้องควรกินและช่วยบำรุงครรภ์มีอะไรบ้าง คนท้องกินผลไม้ได้ทุกชนิดไหม คนท้องอ่อนห้ามกินผลไม้อะไรบ้าง ไปดูผลไม้ที่คนท้องควรกินและมีประโยชน์กับสุขภาพกัน

เลือกระยะการตั้งครรภ์และพัฒนาการเด็ก