
ครรภ์เป็นพิษ วิธีสังเกตอาการและแนวทางป้องกันเพื่อสุขภาพแม่และลูก
การตั้งครรภ์อาจไม่ราบรื่นเสมอไป บางครั้งอาจเกิดเหตุไม่คาดคิด เช่น ภาวะครรภ์เป็นพิษ ซึ่งเป็นอาการคนท้องที่เกิดจากความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ และอาจมาพร้อมกับอาการอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพของแม่และทารกในครรภ์ เพื่อความปลอดภัยของทั้งแม่และลูก สามารถลดความเสี่ยงของภาวะครรภ์เป็นพิษนี้โดยเริ่มต้นจากการฝากครรภ์และไปพบสูติแพทย์ให้ตรงตามนัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สูติแพทย์สามารถติดตามสุขภาพและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
สรุป
- ภาวะครรภ์เป็นพิษมีอาการเริ่มแรก คือ ความดันโลหิตสูง มีอาการบวมที่ขา เท้าและมือ
- ภาวะครรภ์เป็นพิษมักเริ่มหลังจากตั้งครรภ์ได้ 20 สัปดาห์ หากไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ทั้งแม่และลูก
- หากพบว่าคุณแม่ท้องมีภาวะครรภ์เป็นพิษ สูติแพทย์ที่ดูแลมักจะแนะนำให้ทำการคลอด ซึ่งระยะเวลาที่สูติแพทย์จะให้คลอดนั้น ขึ้นอยู่กับอายุครรภ์ของคุณแม่และความรุนแรงที่มีภาวะครรภ์เป็นพิษ
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- รู้จักอาการครรภ์เป็นพิษ คืออะไร
- อาการครรภ์เป็นพิษของคนท้อง
- อาการคนท้อง แบบไหนเสี่ยงครรภ์เป็นพิษ?
- ความแตกต่างระหว่างครรภ์เป็นพิษชนิดรุนแรงและชนิดไม่รุนแรง
- คนท้องครรภ์เป็นพิษ เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง
- สัญญาณเตือนของครรภ์เป็นพิษในคนท้อง
- ภาวะแทรกซ้อนจากครรภ์เป็นพิษ
- คนท้องครรภ์เป็นพิษ ต้องยุติการตั้งครรภ์ไหม
- วิธีการป้องกันและดูแลคนท้องครรภ์เป็นพิษ
รู้จักอาการครรภ์เป็นพิษ คืออะไร
อาการคนท้องครรภ์เป็นพิษ (เดิมเรียกว่า ภาวะเป็นพิษในเลือด) เกิดขึ้นเมื่อคุณแม่มีความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ โดยพบว่าปริมาณโปรตีนมากเกินไปในปัสสาวะ อาการที่พบได้คือ คนท้องเท้าบวม มือบวม และอาจมีอาการอื่น ๆ ตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง อาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งก่อนคลอด
อาการครรภ์เป็นพิษของคนท้อง
อาการคนท้องโดยทั่วไป เช่น อาการบวม (บวมน้ำ) เกิดจากมีปริมาณโปรตีนส่วนเกินในปัสสาวะ และความดันโลหิตที่วัดได้มากกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท อาจเป็นสัญญาณเตือนที่ควรเฝ้าระวัง อย่างไรก็ตาม อาการครรภ์เป็นพิษของคนท้อง อาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ได้แก่
- น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
น้ำหนักตัวอาจเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติในช่วง 1-2 วัน เนื่องจากมีการสะสมของเหลวในร่างกายมากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่อาการบวมที่รุนแรงขึ้น
- ปวดไหล่
อาการปวดบริเวณไหล่หรือหลังส่วนบน อาจสัมพันธ์กับความดันที่เพิ่มขึ้นและการไหลเวียนโลหิตที่ผิดปกติ
- ปวดท้อง โดยเฉพาะบริเวณด้านขวาบน
มักเกิดจากความดันในตับที่เพิ่มสูงขึ้น อาจเป็นสัญญาณเตือนของการทำงานผิดปกติของอวัยวะภายใน
- ปวดศีรษะรุนแรง
อาการปวดหัวที่ไม่ตอบสนองต่อยาหรือการพักผ่อน อาจเกิดจากความดันโลหิตที่สูงขึ้น
- การตอบสนองหรือสภาพจิตใจเปลี่ยนแปลง
อาจรู้สึกมึนงง สับสน หรือมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากปกติ ซึ่งบ่งบอกถึงการทำงานผิดปกติของสมอง
- ปัสสาวะน้อยลงหรือไม่มีเลย
เป็นสัญญาณของไตที่ทำงานผิดปกติ ซึ่งมักพบในภาวะครรภ์เป็นพิษที่รุนแรง
- เวียนศีรษะ
รู้สึกโคลงเคลงหรือเสียสมดุล ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการไหลเวียนของเลือดที่ผิดปกติ
- หายใจติดขัดหรือหายใจลำบาก
อาจเกิดจากการสะสมของของเหลวในปอด หรือการทำงานของหัวใจที่ผิดปกติ
- คลื่นไส้และอาเจียนรุนแรง
แม้ว่าจะเป็นอาการที่พบได้ในช่วงตั้งครรภ์ แต่หากเกิดอย่างรุนแรงร่วมกับอาการอื่น ๆ ควรรีบปรึกษาสูติแพทย์
- การมองเห็นผิดปกติ
อาการคนท้องที่มีการเปลี่ยนแปลงในการมองเห็น รวมถึงการสูญเสียการมองเห็นชั่วคราว เช่น เห็นแสงกะพริบ ภาพเบลอ หรือภาพซ้อน อาจเป็นผลจากความดันในสมองที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นภาวะที่ต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์ ในบางกรณี คุณแม่อาจไม่มีอาการเหล่านี้ แต่ยังคงมีภาวะผิดปกติทางสุขภาพอยู่ ดังนั้น หากรู้สึกไม่สบายหรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ควรไปพบสูติแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดและเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
คนท้องเสี่ยงครรภ์เป็นพิษ จะมีอาการแบบไหน
อาการครรภ์เป็นพิษเริ่มแรก คือ ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ และอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ซึ่งสูติแพทย์สามารถตรวจพบได้เมื่อคุณแม่เข้ารับการตรวจสุขภาพ สำหรับคนท้องที่เสี่ยงครรภ์เป็นพิษจะมีอาการดังนี้
- มีโปรตีนมากเกินไปในปัสสาวะของคุณแม่
- เกล็ดเลือดในเลือดไม่พอที่ร่างกายจะทำงานได้เป็นปกติ
- สารเคมีที่เกี่ยวข้องกับไตในเลือดอยู่ในระดับสูง
- สารเคมีที่เกี่ยวข้องกับตับในเลือดอยู่ในระดับสูง
- มีของเหลวในปอด
- อาการปวดหัวไม่ยอมหายไปเมื่อรับประทานยา
เพื่อยืนยันการวินิจฉัยหลังแจ้งให้คุณแม่รับทราบว่ากำลังเสี่ยงกับครรภ์เป็นพิษ คุณหมอจะทำการทดสอบให้กับคุณแม่ ดังนี้
- ตรวจเลือดเพื่อหาสารเคมีในไตหรือตับ
- ทดสอบปัสสาวะเพื่อวัดระดับโปรตีน
- อัลตราซาวด์ เพื่อจะดูว่าลูกน้อยของคุณแม่เติบโตดีอยู่หรือไม่
ความแตกต่างระหว่างครรภ์เป็นพิษชนิดรุนแรงและชนิดไม่รุนแรง
ภาวะครรภ์เป็นพิษ เป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ มักพบในช่วงอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ขึ้นไป คุณแม่ที่มีภาวะนี้อาจมีอาการตั้งแต่ไม่รุนแรงไปจนถึงขั้นรุนแรงมาก ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระดับดังนี้
1. ภาวะครรภ์เป็นพิษ ระดับไม่รุนแรง
- มีความดันโลหิตสูง 140/90 มิลลิเมตรปรอท
- มีอาการบวม แต่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
- อาจไม่ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล แต่คุณแม่ควรพบสูติแพทย์ตามนัดสม่ำเสมอ
- คุณแม่ควรลดอาหารรสจัดและพักผ่อนให้เพียงพอ หากมีอาการตาพร่ามัว จุกแน่นลิ้นปี่ หรือปวดศีรษะ ควรรีบพบสูติแพทย์ทันที
2. ภาวะครรภ์เป็นพิษ ระดับรุนแรง
- มีความดันโลหิตสูง 160/110 มิลลิเมตรปรอท
- มีอาการตาพร่ามัว จุกแน่นลิ้นปี่ ปวดศีรษะรุนแรง
- อาจมีภาวะเกล็ดเลือดแตก หรือภาวะเกล็ดเลือดต่ำ
- จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เพื่อให้สูติแพทย์ติดตามอาการของคุณแม่และการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์อย่างใกล้ชิด
3. ภาวะครรภ์เป็นพิษ ระดับรุนแรงจนเกิดอาการชัก
- เป็นภาวะที่รุนแรงที่สุด มักเกิดจากภาวะครรภ์เป็นพิษระดับรุนแรงที่ไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที
- คุณแม่อาจมีอาการชัก เกร็ง ซึ่งเป็นอันตรายทั้งต่อตัวคุณแม่และทารกในครรภ์
- มีความเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิต จึงจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนและใกล้ชิดจากสูติแพทย์
เพื่อความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์ หากมีอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาสูติแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและดูแลอย่างเหมาะสม ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
คนท้องครรภ์เป็นพิษ เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง
ปัจจัยทางกายภาพอาจทำให้เกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ คุณแม่ควรระมัดระวังและดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม โดยพิจารณาปัจจัยเสี่ยงต่อไปนี้
1. ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงขั้นสูง
- มีประวัติการป่วยด้วยภาวะครรภ์เป็นพิษมาก่อน
- อุ้มท้องเตรียมคลอดลูกน้อยมากกว่าหนึ่งคน (กำลังมีลูกแฝด)
- อาการความดันโลหิตสูงเรื้อรัง
- โรคไต
- โรคเบาหวาน
- ภาวะภูมิต้านตนเอง เช่น โรคลูปัส
2. มีปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงระดับปานกลางอยู่หลายรายการ
- ตั้งครรภ์เป็นครั้งแรก
- ระยะที่เริ่มตั้งครรภ์ปัจจุบันห่างจากการตั้งครรภ์ครั้งสุดท้ายมากกว่า 10 ปี
- ค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 30
- มีประวัติสมาชิกในครอบครัวมีอาการครรภ์เป็นพิษ (แม่หรือพี่น้องผู้หญิงมีอาการนี้มาก่อน)
- อายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป
- มีภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์ที่ผ่านมา (เช่น มีลูกที่มีน้ำหนักแรกเกิดน้อย)
- มีภาวะปฏิสนธินอกร่างกาย (IVF)
- เป็นคนชายขอบ (เพราะความไม่เท่าเทียมกันในสังคมจะเพิ่มความเสี่ยงให้เจ็บป่วย)
- กลุ่มผู้มีรายได้น้อย (เพิ่มความเสี่ยงที่พบกับความไม่เท่าเทียมกันในสังคม และทำให้เสี่ยงที่จะเจ็บป่วยได้มากกว่า)

สัญญาณเตือนของครรภ์เป็นพิษในคนท้อง
อาการที่เกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์ เช่น คนท้องมือชา เป็นตะคริว แพ้ท้อง ปวดหลัง หรือท้องผูก มักเป็นอาการปกติที่พบได้ทั่วไป แต่หากคนท้องมีอาการต่อไปนี้ อาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะครรภ์เป็นพิษ คุณแม่ควรเฝ้าระวัง และหากพบความผิดปกติ ควรรีบปรึกษาสูติแพทย์เพื่อรับการดูแลอย่างเหมาะสมทันที
- น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว บางรายน้ำหนักอาจเพิ่มขึ้นถึง 4 กิโลกรัมภายใน 1 สัปดาห์
- บวม มีอาการบวมน้ำ เช่น ขาบวม
- ปวดศีรษะ อาการปวดศีรษะที่เกิดขึ้นบ่อยหรือรุนแรง
- ความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตมากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 มิลลิเมตรปรอท หากสูงเกิน 160/110 มิลลิเมตรปรอท ถือว่ารุนแรงมาก
- จุกแน่นใต้ชายโครง รู้สึกแน่นหรือปวดบริเวณใต้ชายโครง
- ลูกตัวเล็กและเคลื่อนไหวน้อยลง ทารกโตช้าหรือตัวเล็ก ไม่ดิ้น หรือท้องไม่โตตามอายุครรภ์
ภาวะแทรกซ้อนจากครรภ์เป็นพิษ
ภาวะครรภ์เป็นพิษ หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง ทั้งต่อคุณแม่และทารกในครรภ์ ได้แก่
1. เสี่ยงคลอดก่อนกำหนด
เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และลูกน้อย สูติแพทย์อาจตัดสินใจให้คลอดก่อนกำหนด ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพของทารก
2. รกลอกตัวก่อนกำหนด
ภาวะนี้อาจทำให้เกิดการตกเลือดอย่างรุนแรงและเสี่ยงต่อการเสียชีวิต
3. ทารกน้ำหนักน้อย
เนื่องจากการได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทารกอาจไม่เติบโตตามเกณฑ์
4. คุณแม่มีอาการชัก
หากอาการไม่ดีขึ้น สูติแพทย์อาจพิจารณายุติการตั้งครรภ์เพื่อรักษาชีวิตคุณแม่
5. อวัยวะเสียหายรุนแรง
ภาวะนี้อาจทำให้อวัยวะสำคัญเสียหายและนำไปสู่การเสียชีวิต โดยอาจเกิดขึ้นอย่างกะทันหันโดยไม่มีสัญญาณเตือน
คนท้องครรภ์เป็นพิษ ต้องยุติการตั้งครรภ์ไหม
แม้คำว่า "ยุติการตั้งครรภ์" อาจฟังดูน่ากลัว แต่แท้จริงแล้วอาจไม่ได้หมายถึงเรื่องเลวร้ายเสมอไป เพราะยังหมายถึงการทำคลอด ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยให้คุณแม่และทารกปลอดภัย โดยเฉพาะในกรณีที่เกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ โดยสูติแพทย์มักเลือกให้คลอดทางช่องคลอดเนื่องจากเป็นวิธีที่ปลอดภัย แต่หากอาการรุนแรงมาก อาจต้องพิจารณาผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องตามความเหมาะสม และในบางกรณีสูติแพทย์อาจใช้คีมช่วยคลอดเพื่อลดความเจ็บปวดและป้องกันไม่ให้คุณแม่ต้องออกแรงเบ่งมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน
วิธีการป้องกันและดูแลคนท้องครรภ์เป็นพิษ
การป้องกัน คือการลดความเสี่ยงให้ต่ำที่สุด แม้ว่าจะไม่มีวิธีการป้องกันที่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่คุณแม่สามารถดูแลตนเองเพื่อลดโอกาสเกิดภาวะนี้ได้ดังนี้
- ดื่มน้ำวันละ 6 แก้ว หรือมากกว่า
- นอนหลับให้เต็มอิ่ม เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
- ออกกำลังกายตามคำแนะนำของสูติแพทย์
- หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ เช่น กาแฟ ชา โคล่า และเครื่องดื่มชูกำลัง
- ควรเริ่มฝากครรภ์ทันทีที่ทราบว่าตั้งครรภ์ และปฏิบัติตามคำแนะนำของสูติแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะครรภ์เป็นพิษ
- ดูแลตัวเองหลังผ่าคลอด ปฏิบัติตามคำแนะนำของสูติแพทย์
- ภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด สูติแพทย์เฝ้าระวังอาการของคุณแม่อย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังมีความเสี่ยงที่ความดันโลหิตจะสูงขึ้น หรืออาจเกิดอาการชักได้
- ภายใน 2 สัปดาห์หลังคลอด ร่างกายของคุณแม่จะค่อย ๆ ฟื้นตัว แต่ยังคงต้องดูแลสุขภาพและติดตามอาการกับสูติแพทย์อย่างต่อเนื่อง
การพบสูติแพทย์ตามนัด การตรวจสุขภาพ และการเฝ้าระวังตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงของ ภาวะครรภ์เป็นพิษ และภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ นอกจากจะเป็นการดูแลสุขภาพของคุณแม่แล้ว ยังเป็นการมอบความรักและความใส่ใจให้กับลูกน้อยตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เพราะความรักจากแม่ส่งถึงลูกได้เสมอ เมื่อลูกเติบโตในครรภ์ที่แข็งแรงปลอดภัย และได้รับการดูแลอย่างดี ย่อมส่งผลต่อพัฒนาการที่สมบูรณ์
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่
- Health check แบบประเมินสุขภาพของคุณแม่และพัฒนาการของลูกน้อย
- แผลผ่าคลอดอักเสบข้างใน คุณแม่เจ็บแผลผ่าตัดข้างใน อันตรายไหม
- สักทับรอยผ่าคลอดอันตรายไหม พร้อมวิธีดูแลรอยสักทับแผลผ่าคลอด
- ผ่าคลอดเจ็บไหม ผ่าคลอดดีไหม แม่ผ่าคลอดดูแลแผลผ่าคลอดยังไงดี
- คันแผลผ่าคลอด คุณแม่ทำยังไงดี พร้อมวิธีแก้อาการคันแผลผ่าคลอด
- ผ่าคลอดกินข้าวเหนียวได้ไหม คนท้องกินข้าวเหนียวได้ไหม
- ผ่าคลอดกินไข่ได้ไหม แม่หลังผ่าคลอดกินไข่ได้ไหม ห้ามกินอะไรบ้าง
- ท่านอนหลังผ่าคลอด ท่านอนคนผ่าคลอด คุณแม่นอนแบบไหนถึงดีที่สุด
- ผ่าคลอดเบ่งอุจจาระได้ไหม ท้องผูกหลังผ่าคลอด คุณแม่ทำยังไงดี
- คุณแม่ผ่าคลอดห้ามยกของหนักกี่เดือน ผ่าคลอดยกของหนักได้ตอนไหน
- ไหมละลายหลังคลอดกี่วันหาย แผลผ่าคลอดไหมละลายตอนไหน
อ้างอิง:
- ครรภ์เป็นพิษ ภาวะอันตรายของคุณแม่ตั้งครรภ์ , โรงพยาบาลสมิติเวช
- ภาวะครรภ์เป็นพิษภัยเงียบที่คุณแม่ต้องระวัง , โรงพยาบาลบางปะกอก3
- สารพันปัญหา “ภาวะครรภ์เป็นพิษ” , โรงพยาบาลนครธน
- อาการปวดข้อมือ ชา คล้ายเป็นเหน็บ ของคุณแม่มือใหม่หรือช่วงตั้งครรภ์ เกิดจากอะไร ? , โรงพยาบาลเฉพาะทางกระดูกและข้อ kdms - ข้อดีมีสุข
- อาการระหว่างตั้งครรภ์ เรื่องสำคัญที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรรู้ , โรงพยาบาลพญาไท
อ้างอิง ณ วันที่ 12 มีนาคม 2568