ลูกถ่ายไม่ออกร้องไห้ พร้อมวิธีดูแลลูกท้องผูก
ภาวะท้องผูกในเด็กเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในวัยทารกที่ระบบย่อยอาหารยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ ซึ่งอาจทำให้คุณแม่รู้สึกกังวลใจ หากลูกถ่ายยากหรือไม่สม่ำเสมอ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกมีความสำคัญ เพราะนมแม่ช่วยให้ระบบย่อยอาหารของทารกทำงานได้ดี และลดโอกาสการเกิดท้องผูก
สรุป
- ลูกท้องผูก ลูกถ่ายไม่ออก ลูกถ่ายยาก มักจะเป็นอาการที่เราพบกันบ่อย ๆ ในเด็ก ซึ่งการดูแลที่ไม่ถูกต้องหรือรู้ไม่เท่าทันโรคนั้นจะทำให้เกิดความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
- ควรฝึกนิสัยในการขับถ่ายให้ลูกน้อย หากลูกมีอาการท้องผูกเรื้องรัง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- ลูกท้องผูกเรื้อรัง ลูกไม่ถ่าย ลูกถ่ายยาก บ่งบอกถึงอะไร
- อาการแบบนี้อาจเรียกว่า ลูกท้องผูก
- เด็กท้องผูก ถ่ายยาก เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง
- อาการท้องผูกของเด็ก พ่อแม่จะสังเกตอย่างไร
- วิธีดูแลลูกท้องผูกและการรับมือลูกท้องผูก
- วิธีป้องกันไม่ให้ลูกน้อยมีอาการท้องผูก ถ่ายไม่ออก
- เมื่อไหร่ที่คุณแม่ควรพาลูกน้อยไปพบแพทย์
ลูกท้องผูกเรื้อรัง ลูกไม่ถ่าย ลูกถ่ายยาก บ่งบอกถึงอะไร
สาเหตุที่ทำให้ลูกท้องผูก ขับถ่ายไม่ปกติ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยภาวะท้องผูกส่วนใหญ่เกิดจากสิ่งแวดล้อมและปัจจัยต่าง ๆ หนึ่งในสาเหตุสำคัญ คือ การให้กินอาหารไม่เหมาะกับวัย ในช่วง 6 เดือนแรก จึงไม่ควรให้ทารกกินอาหารชนิดอื่นนอกจากนมแม่ นอกจากนี้ อาการท้องผูกยังสัมพันธ์กับโรคทางกายได้ด้วย เช่น
- การให้อาหารไม่เหมาะสมกับวัย: การให้ทารกกินอาหารที่ไม่เหมาะสมในช่วง 6 เดือนแรก เช่น การเริ่มให้ทารก ทานอาหารเสริมก่อนเวลาหรืออาหารที่มีกากใยไม่เพียงพอ อาจทำให้ลำไส้ของทารกยังไม่พร้อมทำงานเต็มที่
- ความผิดปกติของสรีรวิทยาร่างกาย: เช่น ความผิดปกติบริเวณทวารหนัก เช่น รูก้นแคบ หรือแม้กระทั่งการเกิดอาการที่ทารกไม่มีรูก้น ซึ่งอาจส่งผลให้การขับถ่ายเป็นไปได้ยาก
- ความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ: หากมีการผิดปกติของต่อมไร้ท่อที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการทำงานของระบบทางเดินอาหาร อาจทำให้เกิดปัญหาท้องผูก
- ความผิดปกติของประสาทที่ควบคุมการขับถ่าย: เช่น ความผิดปกติของประสาทไขสันหลังส่วนปลายที่ควบคุมการถ่ายอุจจาระ ซึ่งอาจทำให้ลำไส้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ
- การใช้ยาบางชนิด: ยาบางชนิด เช่น ยาบำรุงเลือด, ยาลดกรดในกระเพาะอาหารที่มีเกลืออลูมิเนียม, ยาธาตุเหล็ก, ยาระงับประสาท, และยารักษาโรคมะเร็งบางชนิด อาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้ลำไส้ทำงานช้าลงหรือไม่ทำงานเลย
- โรคต่อมไธรอยด์ทำงานน้อยกว่าปกติ: ภาวะที่ต่อมไธรอยด์ไม่ทำงานตามปกติอาจทำให้เกิดอาการท้องผูกในเด็กได้
- ความเครียดหรือปัญหาทางจิตใจ: เด็กที่มีความเครียดหรือมีปัญหาทางจิตใจ เช่น การฝึกขับถ่ายเร็วเกินไปอาจส่งผลให้ระบบขับถ่ายไม่ทำงานได้ดี
- การขาดอาหารที่มีกากใย: เด็กที่ได้รับอาหารที่มีกากใยไม่เพียงพอ หรือไม่เพียงพอในปริมาณที่เหมาะสมกับวัย อาจทำให้เกิดปัญหาท้องผูกได้
อาการแบบนี้อาจเรียกว่า ลูกท้องผูก
การสังเกตอาการท้องผูกของลูกไม่จำเป็นต้องนับจำนวนครั้งที่ถ่าย แต่ควรสังเกตลักษณะของอุจจาระและพฤติกรรมต่าง ๆ เช่น
1. อุจจาระมีลักษณะเป็นก้อนแข็ง
หากทารกมีอุจจาระแข็งหรือเป็นก้อนเล็ก ๆ คล้ายลูกกระสุน อาจเป็นสัญญาณของท้องผูก
2. เลือดปนในอุจจาระ
หากทารกท้องผูกมานาน อาจพบเลือดปนในอุจจาระ เนื่องจากอุจจาระแข็งจนทำให้เกิดแผลบริเวณรูก้นเมื่อเบ่งถ่าย
3. ร้องไห้ขณะเบ่งถ่าย
หากทารกร้องไห้หรือมีอาการงอแงขณะพยายามขับถ่าย เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าลูกอาจกำลังมีปัญหาท้องผูก
4. พฤติกรรมกลั้นอุจจาระ
บางครั้งเด็กที่มีประสบการณ์เจ็บขณะเบ่งถ่ายอาจมีพฤติกรรมกลั้นอุจจาระ เพื่อหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดจากการถ่าย
เด็กท้องผูก ถ่ายยาก เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง
1. ท้องผูกเพราะนมผง
เด็กที่กินนมผงสำหรับเด็กบางคน อาจมีแนวโน้มการถ่ายอุจจาระแข็งกว่า จำนวนวันห่างกว่าทารกที่กินนมแม่อย่างเดียว ให้สังเกตลักษณะอุจจาระของทารก หากเป็นก้อนแข็งหรือเป็นเม็ดคล้ายลูกกระสุน จึงจะเรียกได้ว่า เด็กท้องผูก
2. ชงนมผิดสัดส่วน
การชงนมผิดสัดส่วนอาจส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร จึงทำให้ลูกท้องผูก ขับถ่ายยากได้ จึงควรชงนมให้ถูกวิธีตามสัดส่วนที่แนะนำไว้ข้างกล่อง
3. การคลอดก่อนกำหนด
ทารกที่คลอดก่อนกำหนดสุขภาพร่างกายอาจไม่แข็งแรง ระบบย่อยอาหารยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ จึงอาจมีโอกาสเกิดอาการท้องผูกได้ง่าย
4. อาการขาดน้ำ
ในเด็กเล็กที่เริ่มให้ดื่มน้ำได้ ควรได้รับน้ำในปริมาณที่เพียงพอและเหมาะสมกับวัย ช่วงวัย 1-3 ปี ควรได้รับปริมาณน้ำ 1.3 ลิตรต่อวัน เพื่อให้ขับถ่ายได้ตามปกติ
5. ให้อาหารประเภทอื่นเร็วเกินไป
ก่อน 6 เดือน ทารกไม่ควรได้รับอาหารเสริมอื่น นอกจากนมแม่ หากได้รับอาหารเสริมเร็วเกินไป จะส่งผลให้ลูกท้องผูกได้ เพราะร่างกายของทารกยังไม่พร้อมย่อย
อาการท้องผูกของเด็ก พ่อแม่จะสังเกตอย่างไร
1. ลูกถ่ายอุจจาระน้อยกว่าปกติ
หากลูกถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เป็นเวลามากกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า ลูกท้องผูก
2. ลูกถ่ายไม่ออก
เมื่อลูกถ่ายอุจจาระลำบาก ใช้เวลานานในการเบ่ง ก็เป็นหนึ่งในอาการท้องผูกในเด็ก
3. ลูกอุจจาระแข็ง
ลักษณะอุจจาระแข็งเป็นก้อน หรืออุจจาระเป็นลูกกระสุน ก้อนเล็กก้อนน้อยเหมือนขี้แพะ เป็นลักษณะของอุจจาระที่บ่งบอกว่า ลูกกำลังท้องผูก
4. ลูกทรมานเวลาถ่าย
เมื่ออุจจาระแข็ง ลูกจะรู้สึกทรมาน เบ่งออกมาได้ยาก และอาจเกิดบาดแผลบริเวณรูทวารได้ด้วย
5. ลูกไม่ถ่ายเลย 5-10 วัน
การที่เด็กถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้ง/สัปดาห์ หรือก้อนอุจจาระแข็งมีเลือดปน ทำให้ต้องเบ่งอุจจาระมากขึ้น เป็นอาการสำคัญที่บ่งบอกว่า ลูกท้องผูก
6. ลูกเบื่ออาหาร
ภาวะท้องผูกในเด็ก จะทำให้เด็กรู้สึกเบื่ออาหาร หรือรู้สึกอิ่มเร็ว ไม่อยากอาหาร แต่ถ้าอาการท้องผูกดีขึ้น ความรู้สึกอยากอาหารจะค่อย ๆ กลับมา
วิธีดูแลลูกท้องผูกและการรับมือลูกท้องผูก
หากลูกท้องผูก ลูกถ่ายยาก ถ้าเป็นเด็กที่อายุ 6 เดือนขึ้นไป คุณแม่สามารถเพิ่มอาหารที่มีกากใยสูง ได้แก่
- ผลไม้ที่มีกากใยสูง เช่น มะละกอ กล้วย ส้ม
- เพิ่มผักสับตุ๋นในข้าวแล้วบดละเอียดตามวัยของทารก
- ให้ลูกกินน้ำผลไม้คั้นสด หรือใช้น้ำลูกพรุนสกัดเจือจางด้วยน้ำต้มสุกอย่างละเท่า ๆ กัน แล้วค่อย ๆ ป้อนให้ลูกกิน
ส่วนเด็กที่มีอายุ 3-6 ปี ขึ้นไป ควรลดอาหารที่ทำมาจากนมเนยที่มีไขมันสูง เพราะจะส่งผลให้ท้องผูกได้ และควรให้ลูกดื่มน้ำเป็นประจำในปริมาณที่เหมาะสมตามวัย
นอกจากนี้ ควรฝึกนิสัยการขับถ่ายให้เป็นเวลาทุกวัน โดยฝึกหลังรับประทานอาหาร เมื่ออิ่มท้องแล้ว ร่างกายจะกระตุ้นลำไส้ให้อยากถ่ายอุจจาระ แต่ไม่ควรกดดันหรือทำให้เด็กรู้สึกเครียด ควรให้เด็กค่อย ๆ ฝึกการขับถ่ายให้เหมาะสมตามวัย และคอยชมเชยเมื่อลูกทำได้ดี
วิธีป้องกันไม่ให้ลูกน้อยมีอาการท้องผูก ถ่ายไม่ออก
ลูกในวัยแรกเกิดถึง 6 เดือน ควรได้รับนมแม่ย่อยง่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง มีภูมิคุ้มกัน และมีพัฒนาการอย่างสมวัย เพราะนมแม่ย่อยง่าย ดีต่อระบบย่อยอาหารของทารก แต่ถ้ากินนมผสมควรให้ลูกกินนมสูตรเดิม หากต้องการเปลี่ยนสูตร ควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์ และ ควรค่อย ๆ เปลี่ยน เริ่มจากผสมนมสูตรเดิมปริมาณมากกว่าสูตรใหม่ก่อน จากนั้นลดปริมาณนมสูตรเดิมลงแล้วเพิ่มปริมาณนมสูตรใหม่ ให้ลูกได้ปรับตัว และค่อย ๆ คุ้นเคยกับนมสูตรใหม่
เมื่อไหร่ที่คุณแม่ควรพาลูกน้อยไปพบแพทย์
หากลูกท้องผูก มีอาการนานเกิน 2 สัปดาห์ หรือลูกขับถ่ายยากมีเลือดปน ควรปรึกษากุมารแพทย์ โรคทางเดินอาหาร ไม่ควรปล่อยให้ลูกท้องผูกนาน เพราะอาจกลายเป็นลูกท้องผูกเรื้อรังได้
สมองและพัฒนาการของลูกน้อยจะพัฒนาได้อย่างเต็มที่อยู่ที่การมีสุขภาพร่างกายที่ดีอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้คุณแม่จึงควรหมั่นสังเกตสุขภาพและพัฒนาการเด็กเล็กเป็นประจำ ว่ามีความผิดปกติอย่างไรหรือไม่ ลูกทานอาหารนี้แล้วเป็นอย่างไร เพื่อสุขภาพที่ดีของลูกน้อย
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่
- Health check แบบประเมินสุขภาพของคุณแม่และพัฒนาการของลูกน้อย
- ภูมิแพ้ในเด็กเล็ก พร้อมวิธีดูแลลูก เมื่อเด็กเป็นภูมิแพ้
- ผื่นลมพิษในเด็ก เกิดจากอะไร พร้อมวิธีป้องกันลมพิษในเด็ก
- ลูกแพ้แลคโตส คืออะไร อาการแพ้แลคโตสทารกที่คุณแม่ต้องรู้
- ลูกมีผื่นคันขึ้นตามตัวแต่ไม่มีไข้ เกิดจากอะไร พร้อมวิธีดูแล
- ลูกเป็นผื่นผิวสาก ๆ เกิดจากอะไร พร้อมวิธีดูแลทารกผื่นสาก
- ผื่นขึ้นหน้าทารก ทำไงดี พร้อมวิธีแก้ผดผื่นบนใบหน้าทารก
- ผดผื่นลักษณะผื่นแพ้อาหารทารก พร้อมวิธีสังเกตทารกแพ้อาหาร
- เด็กแพ้นมวัว มีอาการอย่างไร พร้อมวิธีสังเกตลูกน้อย
- ผดร้อนทารก ลูกเป็นผื่นเม็ดเล็ก ๆ คัน ดูแลลูกแบบไหนให้ถูกวิธี
- เด็กแพ้อากาศ อาการภูมิแพ้อากาศในเด็ก พร้อมวิธีดูแล
อ้างอิง
- ท้องผูกในเด็กทารก” ควรแก้ไขอย่างถูกวิธี, รามา แชนแนล
- ‘ท้องผูกในเด็ก’ ปัญหาเรื้อรัง…ที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม, รพ.ไทยนครินทร์
- สังเกตยังไง...ว่าลูกกำลังมีภาวะท้องผูก, โรงพยาบาลพญาไท
อ้างอิง ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2566
บทความที่เกี่ยวข้อง