ลูกเป็นผื่นเม็ดเล็ก ๆ คัน สาเหตุที่พบบ่อย พร้อมวิธีรับมือที่ถูกต้อง
คำถามที่พบบ่อย
การใช้แป้งเด็กทาบริเวณที่เป็นผดร้อน ช่วยได้จริงหรือไม่?
เพื่อความปลอดภัย ควรหลีกเลี่ยงการใช้แป้ง ครีม และขี้ผึ้งค่ะ เนื่องจากแป้งเด็กไม่ได้ช่วยให้อาการผดร้อนดีขึ้นหรือป้องกันได้ ส่วนครีมและขี้ผึ้งจะทำให้ผิวอับชื้นและไปอุดตันรูขุมขนค่ะอย่างไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์หากสังเกตว่าผิวลูกมีผดร้อน เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสม
ลูกเป็นผื่นบ่อย ๆ จำเป็นต้องตรวจภูมิแพ้อาหารแฝงทุกคนหรือไม่?
มีหลายปัจจัยที่ทำให้ลูกเป็นผื่นได้ และไม่ได้เกิดจากการแพ้อาหารเสมอไป แต่หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นอาการเหล่านี้ร่วมด้วย เช่น
- ผื่นลมพิษ หรือ ผื่นเม็ดทราย ที่ผิวหนัง
- มีน้ำมูก ไหลบ่อย ๆ
- ท้องเสีย หรือ ถ่ายมีมูกปนเลือด
นี่อาจเป็นสัญญาณของการแพ้อาหาร ควรพาลูกมาพบแพทย์เพื่อตรวจและซักประวัติอย่างละเอียด หากแพทย์สงสัยว่าลูกแพ้อาหารชนิดใด จะแนะนำให้ตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธี สะกิดผิว (Skin Prick Test) หรือ เจาะเลือด เพื่อหาชนิดของอาหารที่แพ้ได้อย่างแม่นยำ
ลูกเป็นผื่นคันแต่ไม่มีไข้ สามารถทายาสเตียรอยด์เองได้ไหม?
การใช้ยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) ชนิดทา ควรอยู่ภายใต้การดูแลตามที่แพทย์สั่งเท่านั้น โดยแพทย์จะเลือกชนิดและความแรงของยาให้เหมาะสมกับลักษณะ และตำแหน่งของผื่น ไม่ควรซื้อยาคอร์ติโคสเตียรอยด์จากร้านขายยาเอง เพราะผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอาจมีผลข้างเคียงจากยาดังกล่าวได้ (เช่น ผิวหนังส่วนที่ทายาบางลง เกิดแผลแตก และติดเชื้อได้ง่าย) การพิจารณาเลือกยาเพื่อบรรเทาอาการใด ๆ ควรอยู่ภายใต้การดูแลและคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
สรุป
- ลูกเป็นผื่นเม็ดเล็ก ๆ คัน ผดร้อน กับ ผื่นร้อน มีความแตกต่างกัน ผดร้อน เกิดจากต่อมเหงื่ออุดตันจากการระบายเหงื่อไม่ทัน ผิวลูกจะมีลักษณะเป็นตุ่มเล็ก ๆ สีแดงหรือใส กระจายอยู่ทั่วใบหน้า คอ หลัง หรือบริเวณที่มีเหงื่อออกง่าย ส่วน ผื่นร้อน เกิดจากการที่ผิวถูกกระตุ้นจากความร้อนและเหงื่อเป็นเวลานาน ผิวลูกจะแดงเป็นปื้น ๆ
- ลูกเป็นผื่นเม็ดเล็ก ๆ คัน ที่เกิดจากผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง มีอาการแสดงทางผิวหนัง สังเกตได้จากผิวแห้ง แดง คัน เป็น ๆ หาย ๆ ตำแหน่งของผื่นที่ขึ้นจะต่างกันไปตามช่วงอายุ เช่น เด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี มักมีผื่นที่แก้ม หน้าผาก ท้ายทอย แขนขาด้านนอก และที่ข้อมือ ข้อเท้า หรือลูกเป็นผื่นแดงทั้งตัว และเด็กอายุมากกว่า 2 ปี มักมีผื่นที่คอ ข้อพับแขน-ขาทั้ง 2 ข้าง
- ลูกเป็นผื่นเม็ดเล็ก ๆ คัน ที่เกิดจากการแพ้นมวัว จะมีอาการทางผิวหนังที่พบได้บ่อย คือ มีผื่นลมพิษ เป็นผื่นแดงคันขึ้นตามตัว หรือเป็นบางส่วนของร่างกาย หรืออาจเป็นผื่นคัน ซึ่งมีลักษณะเป็นฝ้าขาวนูน
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- ลูกเป็นผื่นเม็ดเล็ก ๆ คันตามตัวแต่ไม่มีไข้ เกิดจากอะไร
- ลูกเป็นผื่นเม็ดเล็ก ๆ คัน ผดร้อนทารกคืออะไร
- ลูกเป็นผื่นเม็ดเล็ก ๆ คัน ผดร้อนทารก เมื่อไหร่ที่ต้องพบคุณหมอ
- ผดร้อนทารกกับผื่นร้อนทารก ต่างกันอย่างไร
- การให้นมแม่เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- คลายข้อสงสัยปัญหาผด ผื่นในทารก
ลูกเป็นผื่นเม็ดเล็ก ๆ คันตามตัวแต่ไม่มีไข้ เกิดจากอะไร
คุณแม่คงกังวลใจไม่น้อยเลยใช่ไหมคะเวลาที่เห็น ลูกเป็นผื่นเม็ดเล็ก ๆ ขึ้นตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น แก้ม หน้าผาก ซอกคอ ท้ายทอย แขน ขา หรือตามข้อพับ ทำให้เจ้าตัวน้อยมีอาการคัน รู้สึกไม่สบายตัว หงุดหงิด และงอแงได้ง่าย ผื่นคันในเด็กนั้นมีหลายชนิดและเกิดได้จากหลายปัจจัยค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาการภูมิแพ้ผิวหนัง ซึ่งเป็นโรคประจำตัวที่พบได้บ่อยในวัยเด็ก มักมาพร้อมผื่นแดงคันบนร่างกาย มาดูกันว่า ลูกมีผื่นแต่ไม่มีไข้ สามารถเป็นอะไรได้บ้าง เพื่อที่คุณแม่จะได้ดูแลลูกได้อย่างถูกวิธีค่ะ
1. ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
คุณแม่ควรปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชกร เพื่อรับคำแนะนำในการ เลือกยาบรรเทาอาการที่เหมาะสมกับลูก หากลูกมีอาการผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง คุณแม่จะสังเกตเห็นว่าผิวของลูกจะแห้ง แดง และมีอาการคันเป็น ๆ หาย ๆ โดยตำแหน่งที่เกิดผื่นจะแตกต่างกันไปตามช่วงวัยค่ะ
- เด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี มักมีผื่นขึ้นที่แก้ม หน้าผาก ท้ายทอย แขนขาด้านนอก และบริเวณข้อมือข้อเท้า
- เด็กอายุมากกว่า 2 ปี มักมีผื่นขึ้นที่คอและข้อพับแขน-ขา
สาเหตุของผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
- กรรมพันธุ์ หากในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ อาจส่งผลให้โครงสร้างผิวของลูกไม่แข็งแรง
- สิ่งแวดล้อม สภาพอากาศที่ร้อนหรือหนาวเกินไป สารระคายเคือง เช่น สารเคมีในสบู่ น้ำหอม เสื้อผ้าที่เนื้อหยาบ และสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เช่น ไรฝุ่นและเชื้อรา
- อาหาร การแพ้อาหารบางชนิด เช่น นม ไข่ หรือถั่ว ก็สามารถกระตุ้นให้ผื่นกำเริบได้เช่นกันค่ะ
การดูแลเบื้องต้น
- ทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับเด็ก (มอยส์เจอไรเซอร์) ตามคำแนะนำจากคุณหมอให้ลูกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น
- ลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผิวแห้ง เช่น ไม่ควรอาบน้ำอุ่นจัด หรือแช่น้ำนานเกินไป และไม่ใช้สบู่ที่มีสารเคมีรุนแรง
2. ผื่นแพ้หรือผื่นระคายเคืองจากการสัมผัส
ผื่นชนิดนี้จะเกิดขึ้นเมื่อลูกสัมผัสกับสารบางอย่างที่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง โดยผิวหนังจะมีผื่นแดง คัน และแสบร้อน หากอาการรุนแรงอาจมีตุ่มน้ำพองร่วมด้วยค่ะ
สาเหตุของผื่นแพ้หรือผื่นระคายเคือง
- สารก่อภูมิแพ้ เช่น การสัมผัสกับไรฝุ่น ขนสัตว์เลี้ยง เกสรดอกไม้ หรือแมลง
- สารระคายเคือง เช่น เหงื่อ น้ำลาย ปัสสาวะ หรืออุจจาระในผ้าอ้อม เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ หรือแมลงบางชนิดอย่างแมลงก้นกระดก
การดูแลเบื้องต้น
- สิ่งสำคัญคือการหลีกเลี่ยงสารที่กระตุ้นให้เกิดอาการค่ะ
- เลี่ยงการสัมผัส สารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง
- รักษาความสะอาด หมั่นทำความสะอาดเหงื่อและน้ำลายของลูก และเปลี่ยนผ้าอ้อมให้บ่อยขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดความอับชื้น
- ทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับเด็ก ตามคำแนะนำจากคุณหมอ เพื่อให้ผิวลูกแข็งแรงอยู่เสมอ
3. ผื่นแพ้ยุง ผื่นจากแมลงกัดต่อย
ผื่นชนิดนี้จะทำให้เกิดตุ่มแดง บวม และคันที่ผิวของลูกน้อย ซึ่งบางครั้งอาจมีการอักเสบหรือมีตุ่มน้ำพองได้ค่ะ
สาเหตุของผื่นแพ้จากแมลง
- ถูกแมลงกัด เช่น ยุง มด เห็บ หมัด ริ้นทะเล ตัวคุ่น
การดูแลเบื้องต้น
- คุณแม่สามารถใช้โลชั่นหรือครีมบรรเทาอาการคันที่เหมาะสำหรับเด็กตามคำแนะนำจากคุณหมอ หรืออาจใช้วิธีประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมและความคันค่ะ
- เพื่อป้องกันแมลงกัดต่อย คุณแม่ควรให้ลูกใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด ทาโลชั่นกันแมลง และหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีแมลงชุกชุม
4. ผื่นผ้าอ้อม
ผื่นชนิดนี้จะปรากฏเป็นตุ่มหรือปื้นแดงบริเวณต้นขาด้านใน ก้น หรืออวัยวะเพศของลูกน้อย การใช้ขี้ผึ้งหรือครีมเคลือบผิวเพื่อป้องกัน ควรเป็นไปตามคำแนะนำของคุณหมอหรือเภสัชกรนะคะ
สาเหตุของผื่นผ้าอ้อม
- เกิดจากการที่ผิวลูกน้อยเสียดสี หรือความอับชื้นจากการสวมใส่ผ้าอ้อมนานเกินไป
การดูแลเบื้องต้น
- คุณแม่ควรเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกบ่อย ๆ เพื่อลดความอับชื้น คุณแม่อาจใช้เป็นขี้ผึ้งหรือครีมเคลือบผิวตามคำแนะนำจากคุณหมอ ทาผิวลูกเพื่อป้องกันผิวหนังไม่ให้ถูกสารเคมีหรือสิ่งต่าง ๆ ได้ค่ะ
5. ผื่นลมพิษ
ผื่นลมพิษจะมีลักษณะเป็นรอยนูนบวมแดงและคันอย่างชัดเจน ผื่นจะเป็น ๆ หาย ๆ ค่ะ หากมีการใช้ยาแก้แพ้เพื่อ บรรเทาอาการควรเป็นไปตามคำแนะนำจากคุณหมอหรือเภสัชกรเสมอนะคะ
สาเหตุของผื่นลมพิษ
- เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อ การแพ้อาหาร หรือสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ
การดูแลเบื้องต้น
- คุณแม่ควรพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่ลูกแพ้ แต่ถ้าลูกมีอาการเรื้อรัง ควรพาไปพบคุณหมอเพื่อตรวจหาสาเหตุอย่างละเอียดนะคะ
สิ่งสำคัญที่สุดคือการสังเกตอาการของลูกอย่างใกล้ชิดค่ะ หากลูกเป็นผื่นเม็ดเล็ก ๆ คัน อาการไม่ดีขึ้น หรือคุณแม่ไม่แน่ใจว่าผื่นที่เกิดขึ้นกับลูกคืออะไร ควรพาลูกไปปรึกษาคุณหมอเพื่อวินิจฉัยและได้รับการดูแลอย่างถูกต้องนะคะ

ลูกเป็นผื่นเม็ดเล็ก ๆ คัน ผดร้อนทารกคืออะไร
ผดร้อน (Heat Rash) หรือ Prickly Heat เป็นผดร้อนในทารก ที่เกิดจากการอุดตันของต่อมเหงื่อใต้ผิวหนังของลูกน้อยค่ะ การเกิดผดร้อนทารกก็เพราะว่าผิวหนังยังพัฒนาได้ไม่สมบูรณ์ ทำให้เหงื่อไม่สามารถระบายออกได้ตามปกติ จึงเกิดเป็นผื่นหรือผดบริเวณที่เหงื่อสะสมนั่นเองค่ะ
อาการผดร้อนทารกที่พบบ่อย
- ผื่นหรือตุ่มเล็ก ๆ อาจเป็นสีแดงหรือตุ่มใส
- มักขึ้นตามบริเวณที่อับชื้น เช่น คอ รักแร้ หลัง ขาหนีบ และหน้าผาก
- ลูกอาจรู้สึกคัน ระคายเคือง หงุดหงิด หรือร้องไห้ง่ายกว่าปกติ
วิธีดูแลและป้องกันผดร้อนในทารก
การดูแลและป้องกันผดร้อนเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่คุณแม่สามารถทำได้ค่ะ
- อาบน้ำให้ลูกอย่างสม่ำเสมอ: ควรใช้น้ำอุณหภูมิปกติ ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำอุ่น และเลือกใช้สบู่ที่อ่อนโยน ไม่มีน้ำหอมหรือสารเคมีรุนแรง
- เลือกเสื้อผ้าที่โปร่งสบาย: เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้ายบางเบาจะช่วยระบายอากาศได้ดี ลดการสะสมของเหงื่อ ควรหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่ทำจากไนลอนหรือวัสดุที่ไม่ระบายอากาศ
- อยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทได้ดี: ควรให้ลูกอยู่ในห้องที่อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ร้อนหรืออับชื้น อาจใช้พัดลมหรือเครื่องปรับอากาศช่วยควบคุมอุณหภูมิในห้อง
- งดการใช้แป้งเย็นหรือครีมที่ไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์: หากต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ใด ๆ กับผิวลูก ควรปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชกรก่อนนะคะ
การดูแลอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผดร้อนหายได้เร็วขึ้น และช่วยให้ลูกสบายตัวมากขึ้นค่ะ แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้น หรือคุณแม่ไม่แน่ใจ ควรพาลูกไปปรึกษาคุณหมอเพื่อการรักษาที่เหมาะสมนะคะ
ลูกเป็นผื่นเม็ดเล็ก ๆ คัน ผดร้อนทารก เมื่อไหร่ที่ต้องพบคุณหมอ
โดยปกติแล้ว ผดร้อนในทารกมักจะหายไปได้เองภายใน 2-3 วันเมื่อคุณแม่ดูแลอย่างถูกวิธี แต่ก็มีบางครั้งที่ผดร้อนอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อได้ หากคุณแม่สังเกตเห็นอาการเหล่านี้ในลูก ควรพาไปพบคุณหมอทันทีเพื่อความสบายใจนะคะ
- ผื่นมีลักษณะเป็นหนอง บวม แดง หรือมีอาการอักเสบ
- ลูกมีไข้หรือร้องไห้ไม่หยุด
- อาการของผดร้อนไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หลังจากที่ได้ดูแลเบื้องต้นแล้ว
การไปพบคุณหมอจะช่วยให้ลูกได้รับการวินิจฉัยและการดูแล ที่ถูกต้องและเหมาะสม เพื่อให้ลูกน้อยกลับมาสบายตัวและสดใสร่าเริงอีกครั้งค่ะ
ผดร้อนทารกกับผื่นร้อนทารก ต่างกันอย่างไร
คุณแม่คะ หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า ผดร้อนทารก กับ ผื่นร้อนทารก เป็นสิ่งเดียวกัน เพราะมักจะเกิดในช่วงที่อากาศร้อนหรือเมื่อลูกมีเหงื่อออกมากเหมือนกันใช่ไหมคะ แต่ความจริงแล้ว ผดร้อนทารก และ ผื่นร้อนทารก นั้นแตกต่างกันค่ะ ทั้งลักษณะที่ปรากฏ บริเวณที่พบ อาการ สาเหตุ รวมถึงวิธีการดูแลด้วยค่ะ
| จุดสังเกต | ผดร้อนทารก | ผื่นร้อนทารก |
| ลักษณะที่ปรากฏ | ตุ่มเล็ก ๆ สีแดงหรือใส | ผิวหนังแดงเป็นปื้น คัน แสบร้อน หรือเจ็บร่วมด้วย |
| บริเวณที่พบ | ใบหน้า คอ หลัง บริเวณที่มีเหงื่อออกง่าย | บริเวณที่สัมผัสความร้อนและเหงื่อเป็นเวลานาน |
| อาการ | มักไม่คัน หรือคันเล็กน้อย | มักมีอาการคัน แสบร้อน หรือเจ็บร่วมด้วย |
| สาเหตุ | ต่อมเหงื่ออุดตันจากการระบายเหงื่อไม่ทัน | ผิวแพ้ง่าย หรือถูกกระตุ้นจากความร้อนและเหงื่อเป็นเวลานาน |
| การดูแล | หายได้เองเมื่ออากาศเย็นลงหรือผิวหนังแห้ง | หลีกเลี่ยงการเกา เพราะอาจทำให้อักเสบและติดเชื้อ |

การให้นมแม่เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
คุณแม่ทราบไหมคะว่า ทางเลือกที่ดีที่สุดในการลดความเสี่ยงภูมิแพ้ของลูกตั้งแต่ช่วงแรกของชีวิต คือ การให้ลูกกินนมแม่ ค่ะ เพราะนมแม่มีสารอาหารกว่า 200 ชนิด เช่น ดีเอชเอ (DHA), วิตามิน , แคลเซียม และแอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน (Alphalac Sphingomyelin) ซึ่งสารอาหารเหล่านี้ช่วยในเรื่องพัฒนาการสมอง สติปัญญา และการเจริญเติบโตของลูกได้เป็นอย่างดีค่ะ
นอกจากนี้ นมแม่ยังมีคุณสมบัติเป็น Hypo-Allergenic (H.A.) ที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคภูมิแพ้ได้ โดยโปรตีนในนมแม่บางส่วนจะถูกย่อยให้มีขนาดเล็กลง หรือที่เรียกว่า PHP (Partially Hydrolyzed Proteins) ซึ่งง่ายต่อการดูดซึมเข้าร่างกายของลูกน้อยค่ะ ที่สำคัญ นมแม่ยังมีโพรไบโอติก (Probiotics) หลายชนิด เช่น B. lactis (บีแล็กทิส) ซึ่งเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงของการเกิดภูมิแพ้ได้ดีอีกด้วยค่ะ
คลายข้อสงสัยปัญหาผด ผื่นในทารก
ปัญหาผดผื่นในเด็กเล็กเป็นเรื่องที่สร้างความกังวลใจให้คุณพ่อคุณแม่ไม่น้อยเลยใช่ไหมคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเห็นลูกมีผื่นเม็ดเล็ก ๆ หรือผื่นแดงขึ้นตามตัว เราจะมาช่วยคลายข้อสงสัยต่าง ๆ เกี่ยวกับปัญหาผดผื่นในทารก พร้อมทั้งให้คำแนะนำดี ๆ ในการดูแลลูกน้อยค่ะ
การแพ้ในเด็กมักเกิดจากสารก่อภูมิแพ้อะไร?
คุณแม่หลายท่านอาจสงสัยว่าอาการแพ้ที่เกิดขึ้นกับลูกนั้นมีสาเหตุมาจากอะไร วันนี้เราจะมาดูกันค่ะว่าสารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อยในเด็กมีอะไรบ้าง
- ในเด็กเล็ก: อาการแพ้มักเกิดจากอาหารที่รับประทานเข้าไป เช่น นมวัว ไข่ ถั่ว หรือแป้งสาลี ซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้ที่พบได้บ่อย
- ในเด็กโตและผู้ใหญ่: มักเกิดจากการแพ้สารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา เช่น ไรฝุ่นที่อยู่บนที่นอน แมลงสาบ ละอองเกสรดอกไม้ น้ำหอม หรือสารเคมีต่าง ๆ
การสังเกตอาการแพ้และหาสาเหตุเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ลูกห่างไกลจากสิ่งที่ทำให้แพ้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นค่ะ
ลูกเป็นผื่นเม็ดเล็ก ๆ คัน ดูแลอย่างไร ?
เมื่อลูกเป็นผื่นเม็ดเล็ก ๆ คัน อาจเกิดจากอาการภูมิแพ้ผื่นผิวหนังที่ขึ้นได้จากหลายปัจจัยค่ะ เช่น พันธุกรรม สิ่งแวดล้อมภายนอกที่เป็นตัวกระตุ้น การแพ้อาหาร หรือสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ ควรต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์เฉพาะทาง เพื่อที่คุณหมอจะได้ดูแล อาการผื่นผิวหนังของลูกน้อยได้อย่างถูกต้อง ดังนั้น เพื่อให้อาการลูกเป็นผื่นดีขึ้นและปลอดภัย คุณพ่อคุณแม่ควรเข้ารับคำปรึกษาและปฏิบัติตามคำแนะจากคุณหมออย่างเคร่งครัดนะคะ ไม่ควรซื้อยามาทาหรือให้ลูกรับประทานเองโดยเด็ดขาด เพราะการใช้ยาไม่ถูกกับโรคอาจส่งผลให้อาการแย่ลง หรือเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ค่ะ
โรคผื่นแพ้ในเด็กหายเองได้ไหม?
คุณแม่คงอยากรู้ว่าโรคผื่นแพ้ผิวหนังของลูกน้อยจะดีขึ้นได้หรือไม่ใช่ไหมคะ โดยปกติแล้ว เมื่อลูกโตขึ้น อาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นเองค่ะ โดยส่วนใหญ่แล้วอาการจะดีขึ้นได้ถึง 80% เลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม การดูแลลูกน้อยอย่างต่อเนื่องก็ยังเป็นสิ่งสำคัญนะคะ ควรหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้และปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจกระตุ้นให้เกิดผื่นค่ะ
ลูกมีผื่นแดงขึ้นตามตัวคัน อาจเกิดจากลูกแพ้นมวัว
คุณแม่หลายท่านอาจไม่ทราบว่าอาการผื่นคันของลูกน้อยอาจเกิดจากการแพ้นมวัวได้ค่ะ โดยอาการแพ้นมวัวมักจะแสดงออกมา 3 รูปแบบหลัก และจะเกิดขึ้นภายใน 4 สัปดาห์หลังลูกได้รับนมวัว
- อาการทางผิวหนัง: เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด โดยลูกอาจมี ผื่นลมพิษ เป็นผื่นแดงคันขึ้นตามตัว หรือเป็นบางส่วนของร่างกาย หรืออาจเป็นผื่นคัน มีลักษณะเป็นฝ้าขาวนูนได้เช่นกันค่ะ
- อาการทางระบบทางเดินหายใจ: ลูกอาจมีอาการตั้งแต่ คัดจมูกเรื้อรัง มีน้ำมูกไหล มีเสมหะในลำคอ หรืออาจรุนแรงถึงขั้นปอดอักเสบได้ค่ะ
- อาการทางระบบทางเดินอาหาร: อาการที่สังเกตได้คือ ลูกแหวะนมหรืออาเจียนบ่อย ร้องโคลิกทุกคืน ท้องเสียเรื้อรัง หรือบางรายอาจมีอาการท้องผูกรุนแรงได้ค่ะ
หากคุณแม่สงสัยว่าลูกอาจมีอาการแพ้นมวัว ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อตรวจวินิจฉัยและรับคำแนะนำในการดูแลที่เหมาะสมนะคะ
อาการผื่นคันในเด็กเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น ผดร้อน ผื่นแพ้ผิวหนัง ผื่นจากแมลงกัด หรือผื่นแพ้อาหาร ซึ่งความรุนแรงของอาการก็จะแตกต่างกันไป การสังเกตและจดบันทึกอาการของลูกอย่างละเอียดจะช่วยให้คุณหมอวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริงได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว เพื่อให้ได้รับการดูแลที่ตรงจุดและปลอดภัยที่สุดค่ะ
เช็กความเสี่ยงภูมิแพ้เบื้องต้น
เพราะอาการผื่นคันอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคภูมิแพ้ได้ หากคุณพ่อคุณแม่สงสัยว่าลูกน้อยอาจมีภาวะภูมิแพ้ ลองทำแบบประเมินความเสี่ยงเพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นได้ที่นี่เลยค่ะ
- ทำแบบประเมินความเสี่ยงภูมิแพ้สำหรับลูกน้อย คลิก
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการของลูกน้อย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและคำแนะนำที่ถูกต้องต่อไปค่ะ
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่
อ้างอิง:
- สารพันปัญหาผื่นในเด็ก, โรงพยาบาลสมิติเวช
- 5 ผื่นแพ้ของลูกน้อย พบบ่อย…แต่รับมือได้, โรงพยาบาลกรุงเทพสิริโรจน์
- รู้เท่าทัน “ผดร้อนในทารก” ปัญหาที่ไม่ควรมองข้ามในหน้าร้อน, โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล
- ความแตกต่างของผื่นร้อนและผดร้อน, โรงพยาบาลจุฬารัตน์ แอร์พอร์ต 9
- ปัญหาผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบ ปัญหาของเด็ก ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป, โรงพยาบาลสมิติเวช ธนบุรี
- โรคแพ้นมวัว, โรงพยาบาลสมิติเวช
- Babies and heat rashes, National Library of Medicine
- มารู้จัก โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังในเด็ก...แบบเจาะลึกกัน!, โรงพยาบาลพญาไท
- ลูกแพ้อาหารอะไรบ้าง? รู้ได้ด้วยการทดสอบการแพ้อาหาร วิธี Oral Food Challenge Test, โรงพยาบาลพญาไท
อ้างอิง ณ วันที่ 8 สิงหาคม 2568