ลูกปวดท้องตรงสะดือเป็น ๆ หาย ๆ เกิดจากอะไร พร้อมวิธีดูแลทารกปวดท้อง

ลูกปวดท้องตรงสะดือเป็น ๆ หาย ๆ เกิดจากอะไร พร้อมวิธีดูแลทารกปวดท้อง

02.02.2024

อาการปวดท้องเป็นอาการที่พบได้บ่อยทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แต่อาการปวดท้องในเด็กมีความน่าเป็นห่วงกว่าเนื่องจากลูกน้อย ยังไม่สามารถบอกถึงอาการปวดท้องหรือตำแหน่งของการปวดท้องได้อย่างชัดเจน พ่อแม่จึงต้องคอยสังเกตอาการลูกดูว่าเด็กมีอาการอื่นนอกจากอาการปวดท้องหรือไม่ เพราะอาการปวดท้องแต่ละแบบบ่งบอกถึงอาการของโรคที่แตกต่างกัน ถ้าลูกปวดท้องตรงสะดือเป็น ๆ หาย ๆ แบบนี้อันตรายหรือไม่ เรามาหาคำตอบกัน

headphones

PLAYING: ลูกปวดท้องตรงสะดือเป็น ๆ หาย ๆ เกิดจากอะไร พร้อมวิธีดูแลทารกปวดท้อง

อ่าน 7 นาที

 

สรุป

  • อาการปวดท้องตรงสะดือเป็น ๆ หาย ๆ ในเด็กเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุทั้งจากความเครียด อารมณ์ ความรู้สึกของเด็ก และการรับประทานอาหารที่ไม่ตรงเวลา
  • เมื่อไหร่ที่ลูกปวดท้องตรงสะดือแล้วย้ายมาบริเวณด้านขวาล่างและปวดท้องมากขึ้น พร้อมกับมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อาเจียน มีไข้ เบื่ออาหารหรือไม่กินนม อาจเป็นสัญญาณของโรคไส้ติ่งอักเสบให้คุณพ่อคุณแม่รีบพาลูกน้อยไปพบคุณหมอทันที
  • หากคุณพ่อคุณแม่ไม่แน่ใจว่าลูกน้อยปวดท้องจากอะไร ให้สังเกตสัญญาณอันตรายที่ควรรีบพาไปพบคุณหมอ เช่น ปวดท้องรุนแรง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด มีไข้และอาเจียน ถ่ายเป็นเลือด อาเจียนเป็นสีเขียว ตัวเหลือง ตาเหลือง เป็นต้น

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

เมื่อลูกน้อยปวดท้องตรงสะดือเป็น ๆ หาย ๆ อาจเกิดขึ้นจากการทานอาหารของลูกน้อย เพราะบริเวณทางเดินอาหารของคนเรามีเส้นประสาทความรู้สึกที่เชื่อมโยงกับสมองอยู่โดยเฉพาะบริเวณกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กที่จะมีความรู้สึกไวเป็นพิเศษ เมื่อลูกน้อยกินข้าวไม่ตรงเวลา หรือกินอาหารที่มีรสชาติจัดอาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง รวมถึงความเครียดของเด็กที่อาจส่งผลให้ลูกน้อยรู้สึกปวดท้องบริเวณสะดือเป็น ๆ หาย ๆ นั่นเอง

 

ส่วนอีกสาเหตุที่ทำให้ลูกน้อยเกิดอาการปวดท้องตรงบริเวณสะดืออาจเกิดจากโรคไส้ติ่งอักเสบ เพียงแต่อาการของโรคนี้จะไม่เป็น ๆ หาย ๆ แต่จะยิ่งปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ ในเด็กบางคนอาจรู้สึกปวดตั้งแต่รอบสะดือแล้วย้ายไปยังบริเวณท้องล่างขวา เมื่อใช้มือกดแล้วลูกน้อยจะยิ่งรู้สึกเจ็บจี๊ดเพิ่มมากขึ้น ร่วมถึงยังมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ทารกท้องเสีย อาเจียน เป็นต้น

 

ดังนั้น เมื่อคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าลูกน้อยมีอาการปวดท้อง ควรสังเกตอาการของลูกว่ามีอาการปวดท้องเฉียบพลันบริเวณด้านล่างขวาขึ้นไปเรื่อย ๆ หรือไม่ เนื่องจากลูกน้อยไม่สามารถบอกถึงอาการเจ็บปวดได้ที่ชัดเจนได้ หากคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าลูกน้อยมีอาการปวดท้องที่รุนแรงให้รีบมาพบแพทย์ทันที

 

เด็กที่เป็นไส้ติ่งอักเสบ จะมีอาการอย่างไร

อาการไส้ติ่งอักเสบสามารถเกิดขึ้นได้ทุกช่วงวัย เมื่อคุณพ่อคุณแม่พบว่าลูกน้อยมีอาการปวดท้องมากขึ้นอย่าชะล่าใจ เพราะหากปล่อยให้ลูกน้อยปวดท้องนาน ๆ โดยเฉพาะบริเวณท้องขวาล่างอาจทำให้เกิดไส้ติ่งแตกจนทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายไปทั่วทั้งร่างกายได้อย่างรวดเร็วจนนำไปสู่การเสียชีวิตในเด็กได้ พ่อแม่จึงควรสังเกตสัญญาณของโรคไส้ติ่งอักเสบในเด็กให้ดี โดยมีลักษณะอาการ ดังนี้

  • ปวดท้องฉับพลัน ปวดท้องจนตัวงอเดินไม่ไหว
  • ปวดท้องมากขึ้นเรื่อย ๆ ภายใน 6-24 ชั่วโมง
  • ปวดบริเวณรอบสะดือ แล้วอาจย้ายไปปวดบริเวณด้านขวาล่างของท้อง
  • มีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก ถ่ายเหลว บางรายท้องเสียติดต่อกัน 2-3 วัน
  • มีไข้
  • ลูกน้อยมักมีอาการเบื่ออาหาร หรือไม่กินนม
  • เมื่อกดบริเวณหน้าท้องแล้วลูกเกร็งต้าน และปวดทรมานแม้กดเพียงเล็กน้อย

 

ลูกปวดท้องแบบเฉียบพลัน มีอาการอย่างไร

เมื่อลูกมีอาการปวดท้องเฉียบพลันพร้อมกับมีอาการอื่นร่วมด้วย คุณพ่อคุณแม่อย่านิ่งนอนใจ ให้รีบพาลูกน้อยไปพบคุณหมอ เมื่อลูกน้อยมีอาการ

  • ลูกปวดท้องมาก ปวดจนตัวงอ
  • ปวดมากบริเวณด้านขวาล่างของท้อง
  • ปวดท้อง พร้อมมีผื่นขึ้นเป็นจ้ำ ๆ ตามร่างกาย
  • ถ่ายเหลว
  • อาเจียนเป็นน้ำดีสีเขียว
  • มีไข้ ร่วมกับอาเจียน
  • ถ่ายเป็นมูกเลือด

 

ปวดท้องแบบเฉียบพลัน เป็นโรคอะไรได้บ้าง

โรคที่เกิดจากการปวดท้องฉับพลันในเด็กมีหลายสาเหตุ ส่วนใหญ่มักมีอาการปวดท้องร่วมกับอาการอื่น ๆ ที่แตกต่างกันไป ดังนี้

  • ลูกปวดท้องเฉียบพลันจากการติดเชื้อในทางเดินอาหาร มีลักษณะอาการ คือ ปวดท้อง ถ่ายเหลวพร้อมอาเจียน และมีไข้
  • ลูกปวดท้องเฉียบพลันจากโรคไส้ติ่งอักเสบ มีลักษณะอาการ คือ ปวดท้องบริเวณด้านล่างขวาขึ้นเรื่อย ๆ หรือปวดบริเวณรอบสะดือแล้วค่อยย้ายมาที่ด้านล่างขวาของท้อง มีไข้ และอาเจียน
  • ลูกปวดท้องเฉียบพลันจากโรคลำไส้กลืนกัน มีลักษณะอาการ คือ ลูกน้อยร้องไห้กวนพร้อมกับปวดท้อง อาเจียนเป็นสีเขียวมีน้ำดีปน และถ่ายเป็นมูกเลือด
  • ลูกปวดท้องเฉียบพลันจากโรคลำไส้อักเสบและอาหารเป็นพิษ มีลักษณะอาการ คือ ปวดท้องพร้อมถ่ายเหลว จะมีไข้หรือไม่มีไข้ก็ได้
  • ลูกปวดท้องเฉียบพลันจากโรคเส้นเลือดในลำไส้อักเสบ มีลักษณะอาการ คือ เด็กมีอาการปวดท้องที่รุนแรง ปวดจนตัวงอ ไม่มีไข้ แต่มีผื่นขึ้นเป็นจ้ำ ๆ ตามร่างกาย

 

ลูกปวดท้องแบบเรื้อรัง มีอาการอย่างไร

อาการปวดท้องเรื้อรังในเด็กที่คุณพ่อคุณแม่ควรระวัง หากพบว่าลูกมีอาการเหล่านี้ให้รีบพาไปหาหมอ คือ

  • ลูกปวดท้องมากติดต่อกัน 7-14 วัน หรือนานนับเดือนจนรบกวนการเรียนหรือทำกิจกรรม
  • ปวดท้องจนนอนไม่ได้ทำให้ตื่นขึ้นมากลางดึกบ่อย ๆ
  • ท้องอืดบวม
  • มีอาการเบื่ออาหาร ทานอาหารน้อย
  • น้ำหนักตัวลด
  • คลื่นไส้ อาเจียน เรอเปรี้ยว
  • ท้องผูก ท้องเสียเป็น ๆ หาย ๆ
  • ตัวเหลือง ตาเหลือง หรือซีด
  • มีไข้ และอ่อนเพลีย

 

ปวดท้องแบบเรื้อรัง เป็นโรคอะไรได้บ้าง

อาการปวดท้องแบบเรื้อรังในเด็กมักเกิดจากการปวดท้องติดต่อกันนาน ๆ ร่วมกับอาการอื่น ๆ คือ

  • ลูกปวดท้องแบบเรื้อรังจากโรคกรดไหลย้อน มีลักษณะอาการ คือ ลูกน้อยมักมีอาการปวดท้อง พร้อมกับอาการเรอเปรี้ยว อาเจียน และแสบร้อนกลางอก
  • ลูกปวดท้องแบบเรื้อรังจากโรคกระเพาะอาหารอักเสบ มีลักษณะอาการ คือ เด็กมักปวดท้องพร้อมกับอาการแน่นหน้าอกบริเวณลิ้นปี่ และทานข้าวได้น้อยลงเป็นประจำ
  • ลูกปวดท้องแบบเรื้อรังจากโรคลำไส้อักเสบ มีลักษณะอาการ คือ เด็กมักมีอาการท้องเสียเป็น ๆ หาย ๆ อยู่บ่อย ๆ
  • ลูกปวดท้องแบบเรื้อรังจากโรคเกี่ยวกับน้ำดีหรือตับ มีลักษณะอาการ คือ ลูกปวดท้องนาน ๆ พร้อมกับอาการตัวเหลือง ตาเหลืองอย่างชัดเจน
  • ลูกปวดท้องแบบเรื้อรังจากโรคไม่มีปมประสาทลำไส้ใหญ่ส่วนล่าง มีลักษณะอาการเด่น ๆ คือ ลูกน้อยมีอาการท้องผูกเรื้อรังนาน ๆ

 

ลูกปวดท้องแบบไหน ต้องรีบพาไปพบแพทย์

  • ปวดท้องมาก ปวดท้องบ่อย
  • ปวดท้องจนต้องตื่นมากลางดึก
  • เบื่ออาหาร ทานอาหารได้น้อยลง
  • น้ำหนักตัวลด น้ำหนักไม่ขึ้นตามเกณฑ์
  • ท้องแข็ง
  • มีไข้ พร้อมอาเจียน
  • อาเจียนเป็นสีเขียว
  • มีการขับถ่ายที่ผิดปกติ เช่น ท้องผูก ถ่ายเหลวหลายครั้ง หรือถ่ายแล้วมีเลือดปน
  • ตาเหลือง ตัวเหลือง ซีด

 

ความเครียดของเด็ก ก็ส่งผลให้ปวดท้องได้เช่นกัน

คุณพ่อคุณแม่รู้หรือไม่ว่าบางครั้งความเครียดอาจส่งผลให้ลูกน้อยปวดท้องได้ เนื่องจากทางเดินอาหารมีเส้นประสาทที่เชื่อมโยงไปยังสมองอยู่ เมื่อลูกน้อยมีความเครียด ความวิตกกังวล หรือมีเรื่องให้ไม่พอใจ เช่น การบังคับให้กินข้าว หรือการทำกิจกรรมบางอย่างก็อาจเป็นตัวกระตุ้นให้ลูกน้อยปวดท้องขึ้นมา ซึ่งอาการปวดท้องลักษณะนี้จะมีความแตกต่างกับการปวดท้องที่เกิดจากโรคอื่น เพราะไม่มีเวลาปวดที่แน่นอน และอาจมีการย้ายไปปวดตำแหน่งอื่น ๆ เรื่อย ๆ เมื่อเด็กเป็นแล้วยังสามารถเล่นได้ น้ำหนักไม่ลด ไม่มีอาการอื่น ๆ ร่วม เช่น ท้องเสีย หรืออาเจียน เหมือนกับโรคที่เกิดทางร่างกาย

 

วิธีดูแลทารกปวดท้องเบื้องต้นที่พ่อแม่ช่วยทำได้

  1. คุณแม่ควรสังเกตอาการปวดท้องของลูกน้อย หากลูกน้อยมีอาการปวดท้องควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาทุกครั้ง
  2. พยายามปรับพฤติกรรมการกินให้ลูกน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดท้องขึ้นมาซ้ำและไม่ให้เกิดอาการปวดท้องที่รุนแรงขึ้น
  3. สังเกตว่าลูกมีอาการปวดอย่างไร เช่น ปวดรุนแรงต่อเนื่อง หรือปวดเป็น ๆ หาย ๆ มีอาการอื่นร่วมหรือไม่ เช่น มีไข้ ถ่ายเหลว ซีด และลูกปวดท้องจากการประสบอุบัติเหตุหรือไม่
  4. หากพบว่าลูกน้อยมีอาการปวดมากโดยเฉพาะบริเวณท้องด้านขวาล่างให้รีบไปพบแพทย์ทันที และไม่ควรให้ลูกทานยาแก้ปวดใด ๆ

 

อาการปวดท้องในเด็กมีหลายสาเหตุทั้งจากปัญหาทางเดินอาหาร เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย และความวิตกกังวลหรือความเครียดได้เช่นกัน ลักษณะของอาการปวดท้องก็มีหลายอาการหลายระดับตั้งแต่ปวดท้องฉับพลัน ปวดคงที่ ปวดท้องเป็น ๆ หาย ๆ ปวดเฉพาะที่ หรือปวดรุนแรงขึ้น

 

บ่อยครั้งที่ลูกมีอาการปวดท้องแต่ไม่สามารถบอกอาการที่แน่ชัดได้ คุณแม่อาจต้องใช้วิธีสังเกตพฤติกรรมในลูกน้อย เพื่อดูว่าเจ้าตัวเล็กมีอาการเจ็บปวดอย่างไรบ้าง เช่น ร้องไห้งอแงไหม ปวดมากจนตัวงอหรือเปล่า ไม่อยากเล่น ไม่อยากอาหารหรือกินนมบ้างไหม การขับถ่ายเป็นอย่างไร เพราะหากลูกน้อยมีอาการเหล่านี้พร้อมกับอาการอาเจียนเป็นสีเขียว สีถ่ายอุจจาระทารก เป็นสีดำหรือมีเลือดปน คุณแม่ควรพาลูกน้อยไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุดเพราะอาจเป็นสัญญาณของการปวดท้องที่ร้ายแรงขึ้นได้ค่ะ

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่

 

 

อ้างอิง:

  1. สิ่งที่พ่อแม่ควรรู้ เมื่อลูกน้อยหรือเด็กปวดท้องบ่อย, โรงพยาบาลวิมุต
  2. ปวดท้องแบบนี้ สัญญาญของไส้ติ่งอักเสบชัวร์, โรงพยาบาลเปาโล
  3. เมื่อลูกไส้ติ่งอัดเสบ, โรงพยาบาลเปาโล
  4. เมื่อลูกปวดท้อง พ่อแม่อย่าชะล่าใจ! เพราะอาจร้ายแรงกว่าที่คิด, โรงพยาบาลพญาไท
  5. ภาวะปวดท้องเรื้อรัง, โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
  6. อาการปวดท้องในเด็กที่ควรพามาพบแพทย์ทันที, โรงพยาบาลเด็กสินแพทย์
  7. อาการปวดท้องในเด็ก ปวดแบบไหนบอกโรคอะไร, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

อ้างอิง ณ วันที่ 22 ธันวาคม 2566

บทความแนะนำ

พรีไบโอติกส์ สำหรับเด็ก สารอาหารสำคัญ ดีต่อสุขภาพลูกน้อย

พรีไบโอติกส์ สำหรับเด็ก สารอาหารสำคัญ ดีต่อสุขภาพลูกน้อย

พรีไบโอติกส์ สำหรับเด็ก คือ ส่วนประกอบในอาหารที่สำคัญพรีไบโอติกส์เด็กมีอยู่ในอาหารหลายชนิด มีอะไรบ้าง ไปดูกัน

ภาวะตัวเหลือง เกิดจากอะไร พร้อมวิธีดูแลทารกตัวเหลือง

ภาวะตัวเหลือง เกิดจากอะไร พร้อมวิธีดูแลทารกตัวเหลือง

ภาวะตัวเหลือง เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้ช่วงหลังคลอดและตอนที่ทารกกลับไปอยู่บ้าน คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตภาวะตัวเหลืองในทารกได้ พร้อมวิธีดูแลทารกตัวเหลือง

ล้างจมูกทารก แบบไหนปลอดภัย ล้างยังไงไม่ให้ลูกกลัว

ล้างจมูกทารก แบบไหนปลอดภัย ล้างยังไงไม่ให้ลูกกลัว

ล้างจมูกทารก ปลอดภัยสำหรับลูกแค่ไหน ล้างจมูกทารกได้ตั้งแต่กี่เดือน ทำไมคุณพ่อคุณแม่ควรรู้วิธีล้างจมูกทารกเมื่อลูกเป็นหวัด คัดจมูก หรือหายใจไม่ออก

รวมไอเดียทรงผมลูกชายดาราตามเทรนด์ ให้ลูกชายหล่อเท่ ไม่ตกเทรนด์

รวมไอเดียทรงผมลูกชายดาราตามเทรนด์ ให้ลูกชายหล่อเท่ ไม่ตกเทรนด์

ไอเดียทรงผมลูกชายดารา ทรงผมลูกชายเท่ ๆ แบบไม่ตกเทรนด์ ให้คุณพ่อคุณแม่เลือกทรงผมที่เหมาะกับลูกชายวัยกำลังโตมากที่สุด เสริมหล่อให้ลูกชายกันได้เลย

รวมแคปชั่นคนท้องตื่นเต้นอยากเจอลูกน้อย ให้คุณแม่เลือกไปโพสต์ได้เลย

รวมแคปชั่นคนท้องตื่นเต้นอยากเจอลูกน้อย ให้คุณแม่เลือกไปโพสต์ได้เลย

แคปชั่นคนท้อง คำคมคนท้องน่ารักสำหรับคุณแม่ที่ตื่นเต้นและเฝ้ารออยากจะเจอเจ้าตัวเล็ก มีทั้งแคปชั่นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ให้คุณแม่มาเลือกไปโพสต์ลงโซเชียลได้เลย

รวมแคปชั่นลูกคือทุกอย่าง แคปชั่นรักลูก บอกรักลูกสุดซึ้ง

รวมแคปชั่นลูกคือทุกอย่าง แคปชั่นรักลูก บอกรักลูกสุดซึ้ง

แคปชั่นลูกคือทุกอย่าง แคปชั่นรักลูก สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ คิดชื่อแคปชั่นเกี่ยวกับลูกไม่ออก ลองมาเลือกในแคปชั่นลูกคือทุกอย่าง ที่เรารวบรวมเอาไว้ให้แล้วได้เลย

รวมแคปชั่นลูกชาย สำหรับแม่ ๆ สายโซเชียล อวดลูกชายให้โลกรู้กันไปเลย

รวมแคปชั่นลูกชาย สำหรับแม่ ๆ สายโซเชียล อวดลูกชายให้โลกรู้กันไปเลย

ไอเดียแคปชั่นลูกชาย แคปชั่นอวดลูกชาย สำหรับพ่อแม่สายโซเชียล ที่ยังคิดแคปชั่นสำหรับลูกชายตัวแสบไม่ออก ไปดูไอเดียแคปชั่นลูกชายสุดน่ารัก พร้อมอวดให้โลกรู้กัน

เลือกระยะการตั้งครรภ์และพัฒนาการเด็ก