การทานมื้อเล็กๆ แต่บ่อยขึ้น (เช่น 5-6 มื้อต่อวัน) จะช่วยได้มากเลยค่ะ เพราะจะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ทำให้ไม่รู้สึกโหยหรือหน้ามืด และยังช่วยลดอาการจุกเสียดแน่นท้องจากกรดไหลย้อนได้ด้วยค่ะ

เข้าใจเลยค่ะว่าทรมานมาก ลองเคล็ดลับง่ายๆ เหล่านี้นะคะ: ดื่มน้ำเปล่าให้เยอะขึ้นตลอดทั้งวัน, ทานผลไม้อย่างมะละกอสุกหรือแก้วมังกร, และลองทานโยเกิร์ตที่มีโปรไบโอติกส์ดูค่ะ

โดยทั่วไปแล้วอาการไอธรรมดาๆ ไม่ได้ส่งผลอันตรายโดยตรงต่อลูกน้อยในครรภ์ค่ะลูกน้อยของเรามีน้ำคร่ำเป็นเกราะป้องกันอย่างดี แต่ถ้าคุณแม่ไอแรงๆ หรือไอบ่อยมากๆ

เป็นเรื่องปกติเลยค่ะคุณแม่ เพราะในช่วงตั้งครรภ์ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะทำงานลดลงเล็กน้อยตามธรรมชาติ เพื่อไม่ให้ร่างกายต่อต้านเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้องค่ะ

ทานได้ค่ะคุณแม่ สบายใจได้เลย อินทผาลัมมีประโยชน์มากเลยค่ะ มีทั้งกากใยสูงช่วยเรื่องท้องผูก แล้วก็มีวิตามินกับแร่ธาตุดีๆ เยอะเลยค่ะ แต่เพราะว่ามีรสหวาน ก็เลยมีน้ำตาลสูงเหมือนกัน

สบายใจได้เลยค่ะคุณแม่ โดยทั่วไปแล้วอาการปวดก้นกบของคุณแม่ไม่ได้ส่งผลอันตรายโดยตรงต่อลูกน้อยในท้องเลยค่ะ เป็นอาการที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของคุณแม่เองค่ะ

เป็นอาการยอดฮิตที่คุณแม่หลายคนต้องเจอเลยค่ะ ไม่ต้องกังวลนะคะ สาเหตุหลักๆ มาจากฮอร์โมนที่ทำให้เส้นเอ็นและข้อต่อบริเวณอุ้งเชิงกรานคลายตัว เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด

มีประโยชน์เยอะเลยค่ะ! หอยแครงเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีเยี่ยมเลยค่ะ แถมยังมีธาตุเหล็กสูง ช่วยบำรุงเลือดให้ทั้งคุณแม่และเจ้าตัวเล็ก แล้วก็ยังมีแคลเซียมช่วยเรื่องกระดูกอีกด้วยค่ะ

อันนี้ต้องระวังเป็นพิเศษเลยค่ะคุณแม่! ปกติแล้วการลวกแบบที่เราชอบทานกัน (แบบยังมีเลือดแดงๆ) ถือว่ายังดิบอยู่นะคะ ซึ่งอาจจะมีเชื้อโรคที่ทำให้คุณแม่ท้องเสียรุนแรงได้ค่ะ ถ้าอยากทานจริงๆ

ทานได้ค่ะคุณแม่!

ข่าวดีก็คือคุณแม่ส่วนใหญ่ "อาการจะดีขึ้นและหายไปเอง" หลังคลอดค่ะ! เมื่อร่างกายไม่ต้องแบกรับน้ำหนักครรภ์และระดับฮอร์โมนกลับสู่ภาวะปกติ อาการปวดก็จะค่อยๆ ทุเลาลงค่ะ

เข้าใจเลยค่ะว่าเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดมาก สาเหตุหลักมาจากฮอร์โมนคนท้องที่ทำให้ลำไส้ทำงานช้าลง ประกอบกับเจ้าตัวเล็กก็เริ่มโตจนไปเบียดลำไส้ของเราค่ะ คุณแม่ลองเน้นทานผักผลไม้ที่มีกากใยสูงๆ

เป็นคำถามที่ดีและเป็นความกังวลใจของคุณแม่หลายท่านเลยค่ะ คำตอบคือ นมแม่ของคุณยังคงเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกเสมอ ค่ะ โอลิโกแซคคาไรด์ในนมแม่

เป็นอาการยอดฮิตที่คุณแม่ต้องเจอเลยค่ะ เพราะผิวหนังบริเวณหน้าท้องกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วเพื่อรองรับเจ้าตัวเล็กที่กำลังโตขึ้นค่ะ การทาครีมหรือออยล์ที่ให้ความชุ่มชื้นและปลอดภัย

จริงที่สุดเลยค่ะคุณแม่! ตอนนี้ระบบการได้ยินของเจ้าตัวเล็กพัฒนาขึ้นมากแล้ว เขาเริ่มจดจำและแยกแยะเสียงของคุณพ่อคุณแม่ได้แล้วด้วยค่ะ การพูดคุย ร้องเพลง หรือเล่านิทานให้เขาฟังเป็นประจำ

นอกจากอาการเฉื่อยชาที่บทความกล่าวถึงแล้ว สัญญาณที่เห็นได้ชัดเจนที่คุณแม่สามารถสังเกตได้เองคือ:
ความซีด: ผิวของลูกจะดูซีดๆ หรือเหลืองกว่าปกติ

ตัวการสำคัญที่ขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กก็คือ "แคลเซียม" ค่ะ เพราะแคลเซียมกับธาตุเหล็กจะแย่งกันดูดซึมในลำไส้ ดังนั้น คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงการ

เป็นคำถามที่ดีมากค่ะ เพราะเนื้อสัตว์อาจดูเป็นของแข็งสำหรับเด็กเล็ก วิธีที่ง่ายและปลอดภัยที่สุดคือ:
นำเนื้อสัตว์ (เช่น สันในไก่, สันในหมู)

ไม่ต้องตกใจไปนะคะคุณแม่ อาการนี้ส่วนใหญ่เรียกว่า "การเจ็บท้องหลอก" หรือการซ้อมใหญ่ของมดลูกค่ะ จะมาแบบไม่สม่ำเสมอ ไม่เจ็บแรงขึ้น และพอเปลี่ยนท่าทางก็จะหายไปเอง

เข้าใจเลยค่ะว่าอาจจะทำให้กังวลใจ เส้นเลือดขอดเป็นอาการที่คุณแม่หลายคนเจอค่ะ เกิดจากฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นและขนาดของมดลูกที่ใหญ่ขึ้นไปกดทับเส้นเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนกลับได้ไม่สะดวกเท่าเดิมค่ะ

เข้าใจเลยค่ะว่าเป็นอาการยอดฮิตที่คุณแม่ต้องเจอ เป็นเพราะน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นและฮอร์โมนที่ทำให้เส้นเอ็นและข้อต่อต่างๆ คลายตัวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอดค่ะ ลองเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ

เป็นคำถามที่คุณแม่หลายท่านสงสัยค่ะ โดยทั่วไปหากการตั้งครรภ์ของคุณแม่ไม่มีภาวะเสี่ยงใดๆ ก็ยังสามารถมีได้ค่ะ แต่ต้องใช้ความนุ่มนวลและเลือกท่าที่ไม่กดทับหน้าท้อง อย่างไรก็ตาม

ยินดีด้วยนะคะ!