เป็นคำถามที่คุณแม่ให้นมถามกันบ่อยมากเลยค่ะ ในทารก "บางคน" อาจมีความไวต่อโปรตีนบางชนิดในอาหารที่คุณแม่ทานเข้าไป เช่น ผลิตภัณฑ์จากนมวัว หรือถั่ว

เข้าใจเลยค่ะว่าฟังเสียงลูกร้องไห้ไม่หยุดแล้วใจจะขาดเลย จุดสังเกตของโคลิคที่สำคัญคือ "รูปแบบ" ของการร้องค่ะ มักจะเกิดขึ้นในเวลาเดิมๆ ของทุกวัน

เป็นภาพที่ทำให้คุณแม่ใจหายได้เลยค่ะ แต่การมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อยหลังสะดือหลุดถือเป็นเรื่องที่ "พบได้ปกติ" นะคะ เหมือนกับเวลาที่เรามีสะเก็ดแผลหลุดออกไปค่ะ

เป็นคำถามที่สำคัญมากเลยค่ะ หลักการที่ถูกต้องคือใน 24-48 ชั่วโมงแรกหลังเกิดอุบัติเหตุ ควร "ประคบเย็น" เท่านั้นค่ะ ความเย็นจะช่วยให้หลอดเลือดหดตัว

ความเชื่อที่ว่าเสมหะสีเขียวหรือเหลืองหมายถึงการติดเชื้อแบคทีเรียเสมอไปนั้น "ไม่ถูกต้องเสมอไป" นะคะ! สีของเสมหะสามารถเกิดจากการที่มีเซลล์เม็ดเลือดขาวออกมาต่อสู้กับการติดเชื้อ

เข้าใจเลยค่ะว่าเป็นสถานการณ์ที่น่าตกใจและทำให้รู้สึกผิดมากๆ เลย แต่คุณแม่ต้องทราบว่าถึงแม้กระหม่อมจะยังไม่ปิด แต่ก็ยังมีเยื่อหุ้มที่เหนียวและแข็งแรงมากๆ

เป็นคำถามที่ดีมากเลยค่ะ สาเหตุหลักมาจากกายวิภาคของเด็กเล็กค่ะ "ท่อยูสเตเชียน" ซึ่งเป็นท่อที่เชื่อมระหว่างหูชั้นกลางกับหลังโพรงจมูกของเด็กนั้น ทั้งสั้นกว่า, แคบกว่า

เป็นภาพที่บีบคั้นหัวใจคุณแม่ที่สุดเลยค่ะ แต่ขอให้คุณแม่ทราบว่านี่เป็นปฏิกิริยาที่ "ปกติมาก" นะคะ! สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณแม่ต้องแสดงท่าทีที่มั่นคงและมั่นใจค่ะ บอกรักเขา

เป็นคำถามที่คุณพ่อคุณแม่ถามกันบ่อยที่สุดเลยค่ะ! จริงๆ แล้วอาการปวดเหงือกจากฟันที่กำลังจะขึ้นสามารถส่งต่อไปยังบริเวณหูได้ค่ะ แต่ถ้าเป็นการติดเชื้อในช่องหู

เป็นข้อสังเกตที่ดีมากเลยค่ะ ส่วนใหญ่แล้วถ้าเป็นพัฒนาการปกติ น้องจะดูสนุกสนาน มีความสุข และมักจะทำเสียงอ้อแอ้ไปด้วยค่ะ แต่ถ้าหากเป็นปัญหาการกลืน น้องอาจจะมีอาการอื่นร่วมด้วย

เป็นไปได้สูงมากเลยค่ะ! ในช่วงอายุ 4-7 เดือน ต่อมน้ำลายของน้องจะเริ่มทำงานเต็มที่ ประกอบกับเป็นช่วงที่ฟันกำลังจะเริ่มขึ้น ซึ่งจะกระตุ้นให้มีการผลิตน้ำลายออกมาเยอะเป็นพิเศษค่ะ

เข้าใจความกังวลของคุณแม่เลยค่ะ แต่ไม่ต้องกลัวนะคะ การตรวจนั้นไม่เจ็บเลยค่ะ คุณหมอจะใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า "โอโตสโคป" (Otoscope) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีไฟฉายและเลนส์ขยาย

เป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูและ "ปกติมาก" เลยค่ะ! การเป่าน้ำลายเป็นฟองคือการที่เขากำลัง "ค้นพบ" และ "ฝึกฝน" กล้ามเนื้อปาก ลิ้น และขากรรไกรของตัวเองค่ะ นี่คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญมากของ

เป็นข้อสังเกตที่ดีมากค่ะ กระหม่อมที่บุ๋มลงไปอาจเป็นสัญญาณหนึ่งของการขาดน้ำได้ "แต่" มักจะต้องมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยอย่างชัดเจนค่ะ เช่น ปากแห้ง, ไม่ค่อยมีน้ำตาเวลาร้องไห้

อาจเป็นได้ทั้งสองอย่างเลยค่ะ ในแง่พฤติกรรม มันอาจเป็นวิธีที่เขากำลังทดสอบขอบเขตหรือเรียกร้องความสนใจจากเรา แต่สิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรมองข้ามคือสาเหตุทางกายภาพค่ะ

เป็นข้อสังเกตที่คุณพ่อคุณแม่เจอเป็นประจำเลยค่ะ! สาเหตุหลักเป็นเพราะตอนกลางคืนระดับฮอร์โมนบางชนิดที่ช่วยกดการอักเสบจะลดลง ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานเต็มที่

การนวดด้วยมือเปล่าก็ให้ประโยชน์เรื่องการสัมผัสได้ดีเยี่ยมแล้วค่ะ แต่การใช้ออยล์หรือโลชั่นสำหรับเด็กเล็กจะช่วยลดการเสียดสี ทำให้การนวดลื่นไหลและนุ่มนวลขึ้นค่ะ

เกี่ยวข้องกันโดยตรงเลยค่ะ! เวลาที่เป็นหวัดหรือภูมิแพ้ เยื่อบุในโพรงจมูกจะบวมและอักเสบ ทำให้เส้นเลือดฝอยเปราะบางกว่าปกติค่ะ ประกอบกับการที่น้องอาจจะสั่งน้ำมูกแรงๆ

คุณแม่ยังไม่ต้องกังวลจนเกินไปนะคะ กระหม่อมหน้าเป็นกระหม่อมอันใหญ่ที่ใช้เวลาปิดนานที่สุดค่ะ โดยทั่วไปแล้วจะค่อยๆ ปิดสนิทในช่วงอายุระหว่าง 9 ถึง 18 เดือนค่ะ

คุณแม่สามารถเริ่มนวดสัมผัสเบาๆ ให้ลูกได้ตั้งแต่สัปดาห์แรกๆ หลังคลอดเลยค่ะ แต่ถ้าเป็นการนวดที่เป็นกิจวัตรมากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มักจะแนะนำให้รอจนน้องอายุประมาณ 1 เดือน

เป็นความเชื่อที่ "ผิดและอันตรายมาก" เลยค่ะ! การเงยหน้าจะทำให้เลือดไหลย้อนกลับลงไปในคอ ซึ่งอาจทำให้เกิดการสำลักหรืออาเจียนได้ค่ะ วิธีที่ถูกต้องคือต้องให้นั่งตัวตรงและ

ใช่แล้วค่ะ! นั่นเป็นหลักการที่ถูกต้องสำหรับ "ปรอทวัดไข้แบบแก้ว" นะคะ เพราะการวัดทางรักแร้จะให้ค่าที่ต่ำกว่าอุณหภูมิแกนกลางของร่างกายเล็กน้อยค่ะ แต่ถ้าหากคุณแม่ใช้

เป็นคำถามที่ดีมากเลยค่ะ หากน้องมีไข้ไม่สูงมาก (ต่ำกว่า 38.5 องศาเซลเซียส) และยังนอนหลับได้สบายดี การปล่อยให้น้องได้พักผ่อนถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดค่ะ แต่ถ้าหากน้องมีไข้สูง

เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ค่ะ! ลองเช็กปัจจัยพื้นฐานง่ายๆ ก่อนนะคะ เช่น น้องอาจจะกำลังหิว เหนื่อย หรือหนาวเกินไปหรือเปล่า บางทีเขาอาจจะยังไม่คุ้นเคยกับสัมผัสแบบนี้ค่ะ

เป็นข้อสังเกตที่ดีมากค่ะ แม้ว่าทักษะการเคี้ยวของเด็กวัยนี้ยังพัฒนาไม่เต็มที่ แต่ส่วนใหญ่ก็สามารถจัดการกับอาหารอ่อนๆ ได้แล้วค่ะ ลองสังเกตดูว่าเวลาเขากินขนมที่ชอบ

ยังไม่สายเกินไปแน่นอนค่ะ! แม้ว่าช่วงเวลาทองในการปรับรูปทรงศีรษะจะอยู่ในช่วง 4-6 เดือนแรก แต่กะโหลกศีรษะของน้องยังคงมีความนุ่มและยืดหยุ่นอยู่ค่ะ ในวัยนี้ที่น้องเริ่มชันคอ

เป็นเรื่องที่คุณแม่หลายคนเจอเลยค่ะ พัฒนาการในช่วงวัยนี้เขาจะเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเองและสนใจสิ่งรอบข้างมากขึ้น การอมข้าวอาจเป็นวิธีที่เขาใช้บอกว่า "หนูยังไม่หิว"

เข้าใจเลยค่ะว่าพอเห็นลูกร้องแล้วก็ใจไม่ดีเลย การนวดอาจจะทำให้น้องรู้สึกไม่สบายตัวได้บ้างค่ะ ลองเปลี่ยนมาทำตอนที่เขากำลังผ่อนคลาย เช่น หลังอาบน้ำอุ่น

ส่วนใหญ่มักจะไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลค่ะ การนอนกรนชั่วคราวเวลาที่เป็นหวัดเกิดจากการที่เยื่อบุในจมูกบวมและมีน้ำมูกอุดตัน ทำให้ทางเดินหายใจแคบลงชั่วคราวค่ะ

เป็นความคิดที่คุณพ่อคุณแม่หลายท่านเคยลองทำดูค่ะ แต่จริงๆ แล้วมันอาจจะให้ผลตรงกันข้ามเลยนะคะ! การที่เด็กไม่ได้นอนกลางวันเลยอาจทำให้เขา "เหนื่อยเกินไป"

เป็นเสียงที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่กังวลใจได้เลยค่ะ เสียงครืดคราดในทารกเล็กๆ มักจะ "ไม่ใช่เสมหะ" ในปอดจริงๆ ค่ะ ส่วนใหญ่มักเกิดจากภาวะกระดูกอ่อนกล่องเสียงยังนิ่มอยู่

เป็นปัญหาที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่เพลียที่สุดเลยค่ะ! สิ่งสำคัญที่สุดคือพยายาม "ไม่เล่นด้วย" และ "ไม่เปิดไฟสว่าง" ค่ะ ให้บรรยากาศในห้องเงียบและมืดที่สุดเท่าที่จะทำได้