กลิ่นฉุนๆ เหล่านั้นมาจากสารเคมีที่ระเหยได้ค่ะ การสูดดมเข้าไปในปริมาณมากและบ่อยครั้งอาจทำให้รู้สึกเวียนศีรษะหรือคลื่นไส้ได้ค่ะ ดังนั้นเวลาทำเล็บ ไม่ว่าจะทำเองหรือไปที่ร้าน

เป็นปัญหาที่พบบ่อยครับ คุณพ่อคุณแม่อาจลองนำผักผลไม้ไปปั่นรวมกับโยเกิร์ตทำเป็นสมูทตี้, ทำซุปข้นโดยใส่ผักหลายชนิด, หรือหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ผสม

การทาเล็บเจลก็สามารถทำได้เช่นกันค่ะ แต่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเรื่อง "ความสะอาด" ของอุปกรณ์ที่ร้านค่ะ เพราะขั้นตอนการเตรียมหน้าเล็บอาจทำให้เกิดแผลเล็กๆ และเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายค่ะ

สัญญาณที่อาจบ่งชี้ว่าเด็กมีภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือต่ำกว่าปกติ เช่น การติดเชื้อบ่อยและรุนแรง (เช่น เป็นหวัดมากกว่า 7-8 ครั้งต่อปี, หูชั้นกลาง

โดยทั่วไปแล้ว หากเด็กได้รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ มีความหลากหลายและมีโภชนาการที่ดี ก็ไม่จำเป็นต้องทานวิตามินเสริมครับ การได้รับสารอาหารจาก

แนะนำให้มองหาผลิตภัณฑ์ที่เขียนว่า "3-Free", "5-Free" หรือมากกว่านั้นค่ะ ซึ่งหมายความว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ ปราศจากสารเคมีอันตรายหลักๆ เช่น โทลูอีน, ฟอร์มาลดีไฮด์, และไดบูทิลพาทาเลต

ทำได้ค่ะ และยังคงได้ผลดีอยู่! แม้ว่าการทำ Power Pumping ในช่วงกลางคืนหรือเช้ามืดจะได้ผลดีที่สุดเพราะเป็นช่วงที่ฮอร์โมนโปรแลคติน ฮอร์โมน

ย้อมได้เช่นกันค่ะ เพราะสารเคมีจากการย้อมผมแทบจะไม่สามารถซึมผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ได้เลยค่ะ แต่ก็ควรใช้ความระมัดระวังเหมือนตอนท้อง คือเลือกผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยน

ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดเฉพาะหน้าได้ แต่ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุค่ะ แผ่นแปะป้องกันหัวนม (Nipple Shield) ซึ่งเป็นแผ่นซิลิโคนบางๆ ครอบหัวนม

เป็นไปได้ค่ะว่าอาจมีปัจจัยอื่นที่คุณแม่อาจมองข้ามไป:
ขนาดของเสื้อชั้นใน: แม้จะไม่มีโครง แต่ถ้าเสื้อชั้นใน "รัดแน่นเกินไป" ก็ยังสามารถกดทับ

มีแน่นอนค่ะ! ก่อนจะคิดถึงเรื่องยา ลองใช้วิธีธรรมชาติเหล่านี้ดูก่อนนะคะ: ลองพักผ่อนในห้องที่เงียบๆ มืดๆ, ใช้ผ้าเย็นประคบบริเวณหน้าผากหรือท้ายทอย, หรือให้คุณพ่อช่วยนวดเบาๆ ที่คอ บ่า ไหล่

อาการเจ็บจี๊ดๆ ลึกเข้าไปในเต้าหลังให้นมเสร็จ อาจเป็นสัญญาณของ:
การติดเชื้อรา (Thrush): มักจะมีอาการคัน แสบร้อน หรือหัวนมแดงเงาผิดปกติร่วม

จุดขาวที่หัวนมคือ "ก้อนไขมันนมที่แข็งตัว" จนอุดตันอยู่ที่ปลายท่อเปิดของน้ำนม ทำให้เหมือนมีสิวหัวขาวเล็กๆ ปิดทางออกของน้ำนมอยู่ ซึ่งเจ็บมาก

การอุดตันซ้ำๆ ที่ตำแหน่งเดิมอาจเป็นสัญญาณว่ามีปัญหาบางอย่างที่จุดนั้นค่ะ เช่น อาจจะมีท่อน้ำนมบางท่อที่ตีบแคบกว่าปกติ หรืออาจเกิดจากแรงกดทับ

เป็นคำถามที่ดีมากเลยค่ะคุณแม่! ถ้าเราทานในปริมาณที่พอเหมาะ ก็ไม่น่ากังวลค่ะ แต่ถ้าทานเยอะเกินไป ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงได้จริงๆ เพราะในอินทผาลัมมีน้ำตาลธรรมชาติค่อนข้างสูงค่ะ

เป็นเรื่องปกติมากๆ เลยค่ะที่คุณแม่จะอยากทานของอร่อยๆ ไม่ต้องรู้สึกผิดนะคะ ลองใช้วิธีทานของที่มีประโยชน์เป็นหลักสัก 80% แล้วให้รางวัลตัวเองด้วยของที่อยากทานอีก 20% ก็ได้ค่ะ

เข้าใจเลยค่ะว่าบางทีก็อยากทานของหวานๆ ชื่นใจๆ เนาะ แนะนำว่าทานประมาณ 2-3 เม็ดต่อวันก็พอให้หายอยากแล้วค่ะ และไม่ควรทานทุกวันนะคะ การทานผลไม้หลากหลายชนิดสลับกันไปจะดีที่สุด

เข้าใจเลยค่ะคุณแม่ เป็นช่วงที่ทรมานมากจริงๆ ไม่ต้องกังวลจนเกินไปนะคะ ช่วงนี้เจ้าตัวเล็กยังดึงสารอาหารสำรองจากร่างกายคุณแม่ไปใช้ได้ค่ะ พยายามจิบน้ำบ่อยๆ หรือทานของที่พอจะทานได้ทีละนิด

คำถามนี้สำคัญมากค่ะ! ถ้าคุณแม่มีอาการจุกแน่นลิ้นปี่ร่วมกับอาการเหล่านี้ ต้องรีบไปโรงพยาบาลทันทีนะคะ: ปวดหัวรุนแรง, ตาพร่ามัว, หรือมีอาการบวมฉับพลันที่หน้า มือ หรือเท้า

การที่ลูกน้อยตัวเล็กกว่าเกณฑ์อาจมีความเสี่ยงบางอย่างได้ค่ะ เช่น อาจทำให้คลอดง่ายขึ้นแต่ก็อาจมีปัญหาสุขภาพในช่วงแรกเกิดได้บ้างค่ะ แต่คุณแม่ไม่ต้องกังวลนะคะ คุณหมอจะคอยดูแล

สบายใจได้เลยค่ะคุณแม่ โดยทั่วไปแล้วอาการท้องอืดของคุณแม่ไม่ได้ส่งผลอันตรายโดยตรงต่อลูกน้อยในท้องเลยค่ะ เป็นอาการที่คุณแม่รู้สึกไม่สบายตัวคนเดียวค่ะ แต่ถ้าอาการท้องอืดมาพร้อมกับอาการปวดท้องรุนแรง

เป็นคำถามที่ดีมากเลยค่ะ! หัวใจสำคัญคือการเลือกทานอาหารที่ "มีประโยชน์เน้นๆ" ไม่ใช่แค่ "แคลอรีสูงๆ" ค่ะ คุณแม่ควรเน้นทานโปรตีนดีๆ อย่างไข่และปลา, ไขมันดีจากอะโวคาโดและถั่วต่างๆ

เป็นเรื่องที่คุณแม่หลายท่านกังวลใจมากค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ คุณแม่ส่วนใหญ่ที่มีภาวะนี้ก็ยังสามารถให้นมลูกได้สำเร็จค่ะ สิ่งสำคัญคือการได้รับคำแนะนำและการช่วยเหลือที่ถูกต้องจากคลินิกนมแม่

ไม่ต้องกังวลเลยค่ะคุณแม่ มีทางเลือกอื่นอีกเยอะเลยค่ะ!

มีแน่นอนค่ะ! ลองจิบ "น้ำขิงอุ่นๆ" จะช่วยขับลมได้ดีมากเลยค่ะ หรือลองทาน "โยเกิร์ตรสธรรมชาติ" ที่มีโปรไบโอติกส์ ก็จะช่วยปรับสมดุลลำไส้ได้ค่ะ นอกจากนี้ การทานผลไม้อย่าง "มะละกอสุก" หรือ "กล้วย"

เข้าใจเลยค่ะว่าทรมานมาก ลองปรับการกินดูนะคะ: ทานอาหารมื้อเล็กๆ แต่บ่อยขึ้น, เคี้ยวอาหารให้ละเอียด, หลีกเลี่ยงของทอด ของมัน และน้ำอัดลมค่ะ การลุกเดินเบาๆ หลังทานอาหารก็จะช่วยให้ลำไส้ขยับตัว

ใช่เลยค่ะคุณแม่!

ก่อนอื่นให้คุณแม่ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ แม้ว่าช่วงเวลาทองในการป้องกันภาวะหลอดประสาทไม่ปิดจะอยู่ในช่วงเดือนแรก แต่ก็ "ยังไม่สายเกินไปที่จะเริ่ม"

เป็นเรื่องปกติที่คุณแม่หลายคนเจอเลยค่ะ ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะในช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายจะต้องผลิตเลือดเพิ่มขึ้นเยอะมากเพื่อส่งไปเลี้ยงเจ้าตัวเล็กค่ะ ถ้าคุณแม่ได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอต่อการสร้างเลือด

มีประโยชน์มากเลยค่ะ! นอกจากบทบาทสำคัญกับลูกแล้ว โฟเลตยังช่วยดูแลสุขภาพของคุณแม่ตั้งครรภ์โดยตรงในด้านต่างๆ คือ:
ป้องกันภาวะโลหิตจาง: โฟเลตทำ

คุณแม่ไม่ต้องตกใจไปนะคะ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อยมากๆ ค่ะ โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ที่เจ้าตัวเล็กยังตัวนิดเดียว เขาอาจจะกำลังนอนขดตัวอยู่ในมุมที่หาเจอยาก หรือบางทีรกของคุณแม่อาจจะบังอยู่ค่ะ