ก้างปลาติดคอลูกทําไงดี พร้อมวิธีเอาก้างปลาออกจากคอลูกให้ปลอดภัย

ก้างปลาติดคอลูกทําไงดี พร้อมวิธีเอาก้างปลาออกจากคอลูกให้ปลอดภัย

คู่มือคุณแม่มือใหม่
บทความ
มี.ค. 24, 2025
4นาที

พูดถึงเรื่อง “ก้างปลาติดคอ” อาจฟังดูเป็นเรื่องเล็กๆ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ ใครๆ ก็มีประสบการณ์นี้ก็จริง แต่หากเกิดกับลูกน้อย เรื่องเล็กนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน อีกทั้งความเชื่อหลากหลายที่ฟังต่อๆ กันมา เช่น ให้รีบกลืนข้าวคำโตๆ หรือขนมปังเป็นก้อนๆ ไปไล่ก้างปลาที่ติดคอนั้น จะได้ผลหรือไม่ รวมถึงการดื่มน้ำมะนาวเยอะๆ จะช่วยให้ก้างปลาอ่อนตัวจริงหรือเปล่า? แล้วเรามีวิธีป้องกันก้างปลาติดคอลูกได้อย่างไรบ้าง เรามีคำตอบในบทความนี้

ก้างปลาติดคอลูกทําไงดี พร้อมวิธีเอาก้างปลาออกจากคอลูกให้ปลอดภัย

สรุป

  • เมื่อลูกก้างปลาติดคอ ให้ลูกดื่มน้ำ กลั้วคอเยอะๆ เพราะหากเป็นก้างเล็ก จะหลุดออกมาเองได้ แต่หากไม่หาย  ให้รีบมาโรงพยาบาลโดยทันที
  • หากเป็นก้างปลาใหญ่ติดคอ กลั้วน้ำแล้วไม่ออก ให้รีบมาพบแพทย์โดยด่วน
  • ห้ามกลืนก้อนข้าวเหนียว ขนมปังหรือกล้วย อาจจะทำให้ก้างปลาติดลึกกว่าเดิม และห้ามดื่มน้ำมะนาว เพราะก้างปลาไม่สามารถนิ่มลงได้

 

อ่านตามหัวข้อ

 

ลูกน้อยก้างปลาติดคอทำไงดี ปล่อยให้หายเองได้หรือเปล่า

เมื่อลูกก้างปลาติดคอ สิ่งแรกที่ต้องทำคือตั้งสติก่อนเลย จากนั้นให้ลูกดื่มน้ำ กลั้วคอเยอะๆ เพราะหากเป็นก้างเล็ก จะหลุดออกมาเองได้ แต่หากไม่หายห้ามปล่อยไว้เด็ดขาด ให้รีบมาโรงพยาบาลโดยทันที โดยห้ามเด็ดขาดคือการนวดบริเวณลำคอที่จะทำให้เกิดแผลอักเสบได้ รวมถึงห้ามกลืนข้าว ขนมปัง หรือมาร์ชแมลโลว์ เพื่อให้ก้างหลุดลงไปเด็ดขาด เพราะอาจจะยิ่งทำให้ก้างยิ่งติดลึกลงไปอีก

 

อาการก้างปลาติดคอ ลูกจะรู้สึกยังไง

หากลูกมีอาการก้างปลาติดคอ เด็กๆ จะมีอาการตามนี้

  • ไอ สำลัก หายใจไม่สะดวก หายใจเร็วผิดปกติ
  • เจ็บคอ น้ำลายไหลมาก น้ำลายมีเลือดปน
  • เจ็บหน้าอก ปวดท้อง หรือรู้สึกว่ามีบางอย่างติดอยู่ในคอ
  • หายใจไม่ออก หรือหายใจเสียงดังเหมือนคนเป็นโรคหอบหืด
  • ลูกอาเจียนหรือถ่ายมีเลือดปน
  • กลืนลำบาก หรือ แสดงอาการเจ็บเมื่อกลืน
  • ในเด็กเล็ก จะไม่ยอมกินอาหาร และร้องไห้ไม่หยุดหลังกินปลา

หากมีอาการเหล่านี้ถือเป็นภาวะฉุกเฉินต้องรีบมาโรงพยาบาลในทันที

 

เอาก้างปลาออกจากคอลูก

หากเป็นก้างขนาดเล็ก ให้ดื่มน้ำแล้วกลั้วคอแรงๆ วิธีนี้อาจช่วยให้ก้างหลุดออกมาได้ หากไม่หลุดควรรีบพบแพทย์ทันที เพื่อนำก้างปลาออก

 

จะรู้ได้ไงว่าก้างปลาหลุดจากคอลูกแล้ว

หากเป็นก้างเล็กๆ อาจจะสังเกตจากที่ลูกอาการดีขึ้นหลังดื่มน้ำกลั้วคอ อย่างไรก็ตามแม้ก้างปลาจะหลุดจากคอแล้วก็ควรไปพบแพทย์ เพราะก้างอาจจะไปติดอยู่ในตำแหน่งอื่นๆ ของทางเดินอาหารได้ เช่น หูรูดหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร เป็นต้น ซึ่งอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บของเยื่อบุ หรืออาจทำให้หลอดอาหารทะลุได้ ซึ่งอันตรายมาก

 

ก้างปลาติดคอลูก ห้ามทำแบบนี้

มีความเชื่อเรื่องการแก้ก้างปลาติดคอหลากหลายมาก ซึ่งบางวิธีไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง ที่นอกจากจะไม่ช่วยให้ก้างปลาหลุดแล้ว ยังทำให้ลูกเสี่ยงต่อการบาดเจ็บเพิ่มอีกด้วย ข้อห้ามมีดังนี้

  • ห้ามกลืนก้อนข้าวเหนียว ขนมปังหรือกล้วย  วิธีนี้ไม่ได้การันตีว่าจะช่วยให้ก้างปลาหลุดออกมาได้ อาจจะทำให้ก้างปลาติดลึกกว่าเดิม
  • ห้ามเอานิ้วล้วงเอาก้างปลาออก วิธีนี้นอกจากจะไม่ช่วยให้ก้างปลาหลุดแล้ว การเขี่ยไปมาอาจทำให้เกิดแผล และหากนิ้วมือสกปรกก็อาจทำให้ติดเชื้อได้
  • ห้ามดื่มน้ำมะนาว ด้วยความเชื่อที่ว่าจะทำให้ก้างปลาอ่อนนุ่มลง นี่คือการเข้าใจผิดเพราะก้างปลาไม่สามารถนิ่มลงได้ อีกทั้งหากดื่มมากๆ ก็จะระคายเคืองกระเพาะอาหารได้อีกด้วย
  • ห้ามนวดหรือบีบคอด้านนอก เพราะอาจจะยิ่งทำให้เกิดแผลได้
  • ห้ามปล่อยให้ก้างปลาติดคอนานเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดแผลในอวัยวะภายในได้

 

ก้างปลาติดคอหายเองได้ไหม

คุณพ่อคุณแม่อาจจะมองว่าเรื่องก้างปลาติดคอเป็นเรื่องเล็ก เดี๋ยวก็คงหายไปเอง จริงๆ แล้วขึ้นอยู่กับขนาดของก้างปลา อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าถ้าเป็นก้างขนาดเล็ก แล้วใช้วิธีให้ดื่มน้ำแล้วกลั้วคอแรงๆ ก้างก็อาจจะหลุดออกมาได้ แต่หากใช้วิธีนี้แล้วไม่หาย การพาลูกไปพบแพทย์ย่อมดีกว่าการรอให้หายเองแน่นอน

 

หากปล่อยให้ก้างปลาติดคอลูกนานไปจะอันตรายไหม

นอกจากจะทำให้ลูกเจ็บคอและไม่ยอมกินข้าวแล้ว หากปล่อยให้ก้างปลาติดคอเป็นระยะเวลานานนั้นอันตรายแน่นอน เพราะก้างปลาอาจทำให้เกิดแผลใน เพดานอ่อน ต่อมทอนซิล ผนังคอหอย โคนลิ้น ฝาปิดกล่องเสียง โดยหากปล่อยให้ก้างปลาติดคอเป็นระยะเวลานาน นอกจากจะทำให้เจ็บ และเป็นแผลแล้ว ยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อ จนเกิดภาวะแทรกซ้อน เป็นหนองในลำคอ จนลุกลามไปสู่ช่องอกได้

 

4 วิธีป้องกันก้างปลาติดคอลูก

เรามีวิธีง่ายๆ ให้คุณแม่ได้ใช้ป้องกันก้างปลาติดคอลูกได้มาฝากกัน

  1. ควรระมัดระวังมากขึ้น เมื่อต้องทานปลาหรืออาหารที่มีปลาเป็นส่วนประกอบ
  2. ตัดแบ่งเป็นคำเล็กพอที่เด็กจะสามารถเคี้ยวได้ และง่ายต่อการนำก้างออก
  3. ควรสอนให้ลูกเคี้ยวอาหารช้าๆ ให้ละเอียดก่อนกลืน
  4. ไม่ควรให้ลูกกินอาหารขณะวิ่ง เดิน หรือพูดคุย

 

ปลาเป็นเมนูอร่อยที่มีประโยชน์สำหรับทุกคนในครอบครัวก็จริง แต่การรับประทานปลาของเด็กๆ จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าเมนูอื่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดก้างปลาติดคอ แต่เมื่อเกิดเหตุก้างปลาติดคอแล้ว คุณพ่อคุณแม่ต้องมีสติและให้ลูกดื่มน้ำมากๆ หากไม่ดีขึ้น ต้องรีบพบแพทย์โดยด่วน ไม่ควรปล่อยไว้เป็นเวลานาน เพราะอาจจะก่อให้เกิดแผลในอวัยวะภายในและอาจติดเชื้อตามมาได้ เพราะฉะนั้นกันไว้ด้วยความระมัดระวังในทุกมื้อของลูกดีกว่าตามแก้แน่นอน

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่

 

อ้างอิง:

  1. เมื่อลูกกลืนสิ่งแปลกปลอม, โรงพยาบาลสมิติเวช
  2. ก้างปลาติดคอ, ศูนย์ศรีพัฒน์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  3. RAMA Square - ก้างปลาติดคอ เอาออกอย่างไรให้ปลอดภัย ? 11/08/63 l RAMA CHANNEL, โรงพยาบาลรามา
  4. หยุดความเชื่อผิดๆ เมื่อก้างปลาติดคอ, โรงพยาบาลบางปะกอก
  5. เตรียมพร้อมรับมือ 24 ชม. เมื่อลูก “อาหารติดคอ”, โรงพยาบาลเปาโล
  6. ลูก 1 ขวบได้กลืนก้างปลาลงไป จะเป็นอะไรไหม", POBPAD
  7. พบหมอรามาฯ – ก้างปลาติดคอจะทำอย่างไร? , กินผักสุกหรือผักสดเลือกอย่างไร 1/1/64 l RAMA CHANNEL, โรงพยาบาลรามา

อ้างอิงเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 67