วิธีกล่อมลูกนอน 10 เทคนิคง่าย ๆ รวมถึงเสียงไดร์เป่าผม

วิธีกล่อมลูกนอน 10 เทคนิคง่าย ๆ รวมถึงเสียงไดร์เป่าผม

ทารกแรกคลอดมักมีเวลานอนที่ไม่เป็นเวลา เดี๋ยวนอนหลับและตื่นสลับกันไป เมื่อโตขึ้นทารกจะเริ่มนอนเป็นเวลาแต่ยังมีเด็กบางคนที่นอนยากหรือนอนไม่เป็นเวลากว่าจะกล่อมนอนได้เล่นเอาพ่อแม่เหนื่อยเลย หากพ่อแม่คนไหนกำลังหาวิธีกล่อมนอนลูกน้อยลองใช้ เสียง White Noise เสียงนี้จะช่วยให้เด็กนอนหลับได้ง่ายขึ้นนะคะ แล้วเสียง White Noise คืออะไรกัน? มาหาคำตอบที่บทความนี้ได้เลยค่ะ

วิธีกล่อมลูกนอน 10 เทคนิคง่าย ๆ รวมถึงเสียงไดร์เป่าผม

คำถามที่พบบ่อย

การเปิดเสียงไดร์เป่าผมหรือ White Noise ทั้งคืนปลอดภัยหรือไม่?

แม้ว่าเสียงไดร์เป่าผมหรือ White Noise จะมีความปลอดภัยและช่วยทำให้เด็กนอนหลับได้ง่ายขึ้นแต่ไม่แนะนำให้มีการเปิดทิ้งไว้ตลอดทั้งคืนค่ะ เพราะจะทำให้ร่างกายของลูกน้อยจำเงื่อนไขว่าต้องเปิดเสียงถึงจะนอนหลับได้ ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับระยะเวลาการใช้งานที่เหมาะสม

การอุ้มกล่อมจนหลับคาอกผิดหรือไม่?

ไม่ผิดค่ะ โดยเฉพาะในช่วงแรกเกิด การอุ้มกล่อมเป็นการปลอบประโลมลูกน้อยทำให้เด็กนอนหลับได้ดี แต่หากทำเป็นประจำอาจทำให้ลูกสร้างเงื่อนไขว่าต้องอุ้มถึงจะหลับได้ เมื่อลูกอายุ 3-4 เดือนขึ้นไป ควรเริ่มฝึกวางลูกลงบนเตียงตอนที่กำลังเคลิ้ม ๆ เพื่อให้เขาเรียนรู้ที่จะหลับด้วยตัวเอง ควรปรึกษาแพทย์หากลูกมีปัญหาการนอนหลับที่รุนแรง

ควรเริ่มสร้างกิจวัตรก่อนนอนให้ลูกตอนอายุเท่าไหร่?

สามารถเริ่มได้ตั้งแต่สัปดาห์แรก ๆ เลยค่ะ แม้ในช่วงแรกอาจจะยังไม่เห็นผลชัดเจน เพราะทารกยังตื่นบ่อย ๆ แต่การทำกิจกรรมที่สงบและเป็นลำดับซ้ำ ๆ กันทุกคืน (เช่น อาบน้ำ-นวด-อ่านนิทาน-เข้าเต้า) จะช่วยทำให้ลูกเรียนรู้ว่าใกล้ถึงเวลานอนแล้ว ควรปรึกษาแพทย์หากมีข้อกังวลเกี่ยวกับตารางการนอนของลูก

สรุป

  • การนอนมีความสำคัญกับลูกน้อยมาก เพราะการนอนหลับเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการเด็ก ทั้งยังช่วยให้เด็กมีการเจริญเติบโตที่ดี และความจำยาวนานขึ้นด้วยนะคะ
  • คุณแม่สามารถกล่อมเด็กนอนได้ตั้งแต่ช่วงทารกไม่ว่าจะใช้การอุ้มเดินบ้าง หรือให้ลูกน้อยดูดนมจนหลับบ้าง แต่เมื่อลูกน้อยโตขึ้นควรลดการกล่อมนอนให้น้อยลงแล้วพยายามส่งเสริมให้ลูกหัดกล่อมตัวเองหลับเองแทนนะคะ เพื่อพัฒนาการที่ดีของเด็ก
  • White Noise หรือเสียงสีขาว เป็นหนึ่งในวิธีช่วยกล่อมเด็กนอน คือเสียงกลบความเงียบที่มี่ความสม่ำเสมอ เช่น เสียงฝนตก พัดลม เครื่องปรับอากาศ หรือแม้แต่เสียงไดร์เป่าผม ซึ่งเสียงนี้สามารถกลบเสียงรบกวนอื่น ๆ ได้ดีจึงทำให้ทารกเข้าสู่โหมดการนอนหลับได้ง่ายขึ้นค่ะ
  • ข้อระวังเมื่อใช้เสียง White Noise ในเด็ก คือ คุณแม่อาจเปิดเสียงดังเกินกว่าระดับที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก รวมถึงการใช้เสียง White Noise เป็นประจำอาจทำให้ลูกน้อยติดการใช้เสียง White Noise ในการกล่อมตัวเองนอน และเสียง White Noise อาจใช้ไม่ได้ผลกับเด็กบางคน

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

ทำไมการกล่อมนอนลูกน้อยถึงสำคัญ?

การนอนมีความสำคัญกับลูกน้อยโดยเฉพาะในวัยเด็กเป็นอย่างมาก เพราะหลังจากลูกน้อยนอนไปแล้ว 1-2 ชั่วโมง ฮอร์โมนการเจริญเติบโต (Growth Hormone) ที่ส่งผลต่อความสูงจะหลั่งออกมาได้เต็มที่ ทั้งยังช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ช่วยให้สมองและร่างกายได้พักผ่อน และฟื้นฟูความจำ ทำให้มีความจำดีเพราะสมองจะจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้รับในระหว่างวันให้เข้าสู่ระบบความจำระยะยาวค่ะ ถ้าลูกน้อยนอนหลับไม่เพียงพอหรือนอนหลับอย่างไม่มีประสิทธิภาพอาจส่งผลต่อการหลั่งของฮอร์โมนการเจริญเติบโต

การนอนหลับจึงเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการเด็กค่ะ ดังนั้น เมื่อแม่เห็นว่าถึงเวลานอนหลับแล้วแต่ลูกยังไม่นอนก็ควรกล่อมเด็กนอนเพื่อให้ร่างกายและสมองได้ฟื้นฟูและลูกน้อยจะได้มีความจำและพัฒนาการที่ดีในอนาคตนะคะ

 

ควรเริ่มกล่อมนอนลูกน้อยจริงจังตอนไหน?

สามารถกล่อมนอนลูกน้อยได้ตั้งแต่ช่วงทารกเลยค่ะ แม้ว่าทารกจะใช้เวลาไปกับกับการนอนมากถึง 16 ชั่วโมงต่อวัน และตื่นทุก 3-4 ชั่วโมง แต่ก็จะยังมีเด็กส่วนหนึ่งที่กลางคืนไม่นอน ชอบตื่นมาเล่น เรียกว่า “มนุษย์ค้างคาว” ทำให้คุณแม่ต้องคอยกล่อมนอนลูกน้อยอยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะอุ้มเดินบ้าง หรือให้ลูกน้อยดูดนมจนหลับไปบ้าง ซึ่งอาการนอนไม่เป็นเวลาของลูกจะเริ่มดีขึ้น ลูกจะเริ่มนอนยาวได้นานมากขึ้นในตอนกลางคืนเมื่อทารกอายุ 3-4 เดือนค่ะ

อย่างไรก็ตาม ทารก 3 เดือน จะเริ่มมีพัฒนาการที่สามารถกล่อมตัวเองให้หลับ (Self-soothing) ได้แล้ว คุณแม่ควรลดการสร้างความเคยชินการกล่อมนอนให้ลูกน้อย ด้วยการลดการกล่อมนอนให้น้อยลง เช่น เมื่อลูกตื่นกลางดึกให้คุณแม่พยายามกอดและตบก้นเบา ๆ เพื่อให้ลูกน้อยหลับต่อ ถ้าลูกไม่ยอมนอนจริง ๆ ก็ไม่ควรพาอุ้มเดินไปมาหรือตื่นมาเล่นด้วยนะคะ เพราะอาจทำให้เด็กไม่เรียนรู้ที่จะกล่อมตัวเอง คุณแม่ควรส่งเสริมให้ลูกได้หัดกล่อมตัวเองหลับเองแทนค่ะ

วิธีทำให้ลูกกล่อมตัวเองนอน คือ ให้คุณแม่วางลูกน้อยบนเตียงในช่วงที่เด็กเริ่มง่วงเคลิ้มแต่ยังไม่หลับ เพื่อให้เด็กฝึกนอนหลับเองโดยไม่ต้องมีสิ่งอื่นกระตุ้น ลูกน้อยจะได้สามารถกล่อมตัวเองให้หลับได้ดีและพัฒนาการนอนเป็นการหลับสนิทตลอดคืน โดยไม่ต้องตื่นมาดูดนมหรือให้พ่อแม่กล่อมนอนค่ะ

 

เด็กนอนหลับตะแคง

 

6 วิธีกล่อมนอนลูกน้อยแบบคลาสสิกที่ได้ผล

ในช่วงแรกที่ทารกยังนอนไม่เป็นเวลาและมักจะตื่นนอนอยู่บ่อย ๆ และจำเป็นต้องได้รับการกล่อมนอนจากพ่อแม่ เพื่อให้ลูกน้อยนอนหลับได้ดีโดยเฉพาะในตอนกลางคืน เรามีเคล็ดลับการกล่อมลูกนอน ดังนี้ค่ะ

  1. อุ้มลูกไปมา: การโยกตัวและตบก้นลูกเบา ๆ เป็นวิธีแบบคลาสสิกที่ช่วยกล่อมนอนได้ดี พ่อแม่อาจใช้เวลาอุ้มนอนนานถึง 20 นาทีกว่าที่ลูกน้อยจะหลับสนิท แล้วค่อยวางลูกลงนอนค่ะ
  2. ห่อตัวให้ลูกน้อย: ทารกบางคนมักสะดุ้งตื่นเองอยู่บ่อย ๆ ซึ่งการห่อตัวให้ทารกจะช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกปลอดภัยและนอนหลับได้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ไม่ควรห่อตัวลูกแน่นเกินไป เพราะอาจทำให้เด็กรู้สึกร้อนหรือถูกจำกัดการเคลื่อนไหวของขา และควรตรวจสอบว่าผ้าไม่ปิดบังใบหน้าเกินไปจนอาจทำให้ลูกน้อยหายใจลำบากค่ะ
  3. ปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับการนอน: ภายในห้องต้องไม่มีเสียงรบกวน ไม่ควรเปิดทีวีและไฟทิ้งไว้ แต่อาจใช้วิธีหรี่ไฟลงเพื่อบอกให้ลูกรู้ว่าถึงเวลานอนแล้ว
  4. จัดกิจกรรมที่ผ่อนคลายก่อนนอน: ในช่วง 20-45 นาที ก่อนเวลานอน ให้คุณแม่ทำกิจกรรมที่ผ่อนคลายกับลูกน้อย เช่น เล่านิทาน ร้องเพลงกล่อมเด็ก ฟังเพลงเบา ๆ เพื่อไม่ทำให้เด็กถูกกระตุ้นมากเกินไป ไม่ควรเล่นกับลูกก่อนนอน เพราะการเล่นจะยิ่งทำให้เด็กสนุกและตื่นเต้นมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อการนอนหลับได้ค่ะ
  5. ปล่อยให้ลูกนอนเอง: เมื่อถึงวัยหนึ่งที่ลูกเริ่มนอนเองได้แล้ว พ่อแม่อาจให้ลูกนอนบนที่นอนในช่วงเวลาที่เด็กเริ่มง่วงแต่ยังไม่หลับ เพื่อให้เด็กกล่อมตัวเองนอนได้โดยที่พ่อแม่ไม่ต้องเข้าไปกล่อมลูก พ่อแม่ควรลดการอุ้มลูกนอน ลูบให้ลูกหลับ หรือพาลูกเดินค่ะ รวมถึงถ้าลูกนอนไปแล้วแต่ร้องไห้ตื่นขึ้นมาพ่อแม่ก็ไม่ควรอุ้มกล่อมลูกจนหลับคาอกเป็นชั่วโมง ๆ นะคะ แต่ควรปล่อยให้ลูกได้กล่อมตัวเองดูบ้าง
  6. ใช้เสียง White Noise” หรือ เสียงกลบความเงียบที่มีจังหวะสม่ำเสมอ: เสียงนี้จะช่วยปลอบประโลมทารกทำให้เด็กนอนหลับได้ง่ายและเร็วขึ้น มีการศึกษาหนึ่งพบว่าทารกแรกเกิดกว่า 80% ที่ได้รับเสียง White Noise จะหลับไปภายใน 5 นาที

 

การใช้ "เสียงไดร์เป่าผม" หรือ White Noise ช่วยกล่อมนอนลูกน้อย

White Noise หรือ เสียงสีขาว มีประโยชน์อย่างยิ่งช่วงสองสามเดือนแรก เพราะเด็กช่วงวัยนี้มักมีปัญหาการนอนหลับ ทั้งนอนไม่เป็นเวลา ตื่นกลางดึกบ่อย ๆ ทำให้พ่อแม่ต้องหาวิธีกล่อมลูกน้อยนอน

White Noise คืออะไร และทำงานอย่างไร?

White Noise หรือเสียงสีขาว หรือเสียงกลบความเงียบที่มีจังหวะสม่ำเสมอ เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ทารกนอนหลับได้ดี White Noise คือเสียงพื้นหลังที่มีคลื่นความถี่หลากหลายผสมกันอย่างสม่ำเสมอ เช่น เสียงฝนตก พัดลม เครื่องปรับอากาศ หรือแม้แต่เสียงไดร์เป่าผม ซึ่งเสียงนี้สามารถกลบเสียงรบกวนอื่น ๆ ได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเสียงรถ เสียงคน หรือเสียงข้างห้อง ทำให้ลูกน้อยไม่ตื่นตัวกับเสียงอื่น ๆ ได้ง่าย ลูกน้อยรู้สึกอุ่นใจเมื่อต้องการเสียงสม่ำเสมอ และเข้าสู่โหมดการนอนหลับได้ง่ายขึ้นค่ะ White Noise จึงเป็นเสียงที่ปลอดภัย และไม่เป็นอันตรายต่อการได้ยินของลูกน้อย

ทำไมเสียงไดร์เป่าผมถึงช่วยให้ทารกสงบลงได้?

เสียงไดร์เป่าผม เป็นเสียง White Noise เช่นเดียวกัน เนื่องจากเสียงนี้ให้จังหวะสม่ำเสมอเช่นเดียวกับพัดลม ทำให้ลูกน้อยรู้สึกสงบขึ้นได้ค่ะ อย่างไรก็ตาม เสียงไดร์เป่าผม ที่ดีต้องไม่มีความดังมากเกินไป เพราะอาจทำอันตรายต่อเด็กได้ โดยสถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกา (AAP) แนะนำให้ใช้ เสียง White Noise ไม่เกิน 50 เดซิเบล อย่างไรก็ตาม คุณแม่สามารถใช้เครื่องกำเนิดเสียง White Noise อื่น ๆ แทนเสียงไดร์เป่าผมได้ เช่น เครื่องฟอกอากาศ หรือคลิปเสียงบน YouTube อย่างเสียงไดร์เป่าผม เสียงน้ำไหล เสียงฝน เสียงนกร้อง และคลื่นกระทบฝั่ง เป็นต้นค่ะ นอกจากนี้มีผลการศึกษาหนึ่งที่มีการเปรียบเทียบระหว่างการอุ้มลูกนอนกับการใช้เสียง White Noise เมื่อเด็กมีอาการโคลิค พบว่า การใช้เสียง White Noise เป็นวิธีกล่อมนอนโดยไม่ใช้ยาที่มีประสิทธิภาพมากกว่าการอุ้มลูกกล่อมนอนด้วยค่ะ

อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของเสียง White Noise ที่พ่อแม่ต้องระวังคือ

  • ระดับเสียง White Noise อาจมีระดับเสียงที่ดังเกินไปสำหรับเด็ก หากคุณแม่จะใช้ ควรปรับระดับเสียงให้มีความเหมาะสมกับลูกน้อย
  • การเปิดเสียง White Noise กล่อมนอนบ่อย ๆ อาจทำให้ลูกน้อยติด จนจำเป็นต้องพึ่งเสียง White Noise เพื่อช่วยให้สามารถนอนหลับได้
  • เด็กบางคนอาจใช้เสียง White Noise กล่อมนอนไม่ได้ผล

 

การนอนหลับที่ดีช่วยให้ลูกน้อยมีพัฒนาการที่ดีและเจริญเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่โภชนาการสำหรับทารกก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะเด็กจำเป็นต้องได้รับโภชนาการที่ดีควบคู่ไปกับการนอนหลับที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้ลูกน้อยเติบอย่างแข็งแรง คุณแม่จึงควรให้ลูกน้อยได้รับนมแม่ตั้งแต่แรกคลอดอย่างน้อย 6 เดือน และให้ต่อเนื่องไปถึง 2 ปีหรือนานกว่านั้น เพราะนมแม่มีสารอาหารนานาชนิดที่ล้วนมีประโยชน์ต่อทารก เช่น โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน เกลือแร่ รวมถึงแอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน (Alphalac Sphingomyelin) ที่ช่วยเรื่องพัฒนาของระบบประสาทและสมอง เพราะเด็กเจนใหม่ สร้างสมองไว ได้มากกว่าที่แม่คิด คุณแม่จึงต้องดูแลเอาใจใส่และเตรียมพร้อมลูกน้อยอยู่เสมอ


บทความที่เกี่ยวข้อง