ตอบข้อสงสัย เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
1. ทำไมให้ลูกกินแต่นม จนถึง 6 เดือน

จริงๆแล้ว กระเพาะของทารกแรกเกิด มีขนาดเล็กมากค่ะ โดยในช่วงแรกเกิด ขนาดกระเพาะของทารกจะมีขนาดเท่ากับลูกเชอร์รี่ และขนาดของกระเพาะจะค่อยๆขยายขึ้นช้าๆ เท่ากับขนาดของ ไข่ไก่ ประมาณ 1 เดือน หลังคลอด

นอกจากนี้ ตับอ่อนของทารกยังทำงานไม่สมบูรณ์ ทำให้การหลั่งน้ำย่อยไม่สมบูรณ์เช่นกัน แปลง่ายๆคือ ย่อยไม่เก่ง ธรรมชาติจึงสร้าง นมแม่ ให้เหมาะกับระบบย่อยของทารกตั้งแต่แรกเกิด ทั้งย่อยง่าย ดูดซึมง่าย และ มีปริมาณน้ำและสารอาหารครบถ้วน พอเหมาะกับความต้องการของทารก
นมแม่มีคุณสมบัติ Hypo-Allergenic (H.A.) ที่อ่อนโยนต่อระบบภูมิคุ้มกันของทารก นมแม่ อุดมไปด้วยสารเสริมภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ ที่ช่วยให้ระบบป้องกันโรคของลูกแข็งแรงขึ้น มีโปรตีนบางส่วนที่ถูกย่อยให้มีขนาดเล็กลงตามธรรมชาติ หรือ PHP (Partially Hydrolyzed Proteins) ที่ช่วยลดภาระงานของระบบย่อยอาหาร ทำให้ลูกสบายท้องและย่อยโปรตีนได้ดีขึ้น พร้อมกันนี้ นมแม่ยังเป็นแหล่งของจุลินทรีย์สุขภาพอย่าง โพรไบโอติก บีแล็กทิส (B. lactis) ที่ช่วยสร้างสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ทำให้ระบบย่อยอาหารและภูมิคุ้มกันลำไส้ทำงานร่วมกันได้อย่างเหมาะสม ลดโอกาสการเกิดภูมิแพ้ และช่วยให้ลูกเจ็บป่วยน้อยลงในวัยทารก
และที่สำคัญ นมแม่อุดมด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด มีสารอาหารสำคัญต่อพัฒนาการสมอง เช่น ดีเอชเอ (DHA), โอเมก้า 3,6,9 (Omega 3,6,9) และ แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน (Alphalac Sphingomyelin) ซึ่งมีบทบาทในการสร้างปลอกประสาทไมอีลิน ช่วยให้การส่งสัญญาณประสาทของสมองเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทำให้ลูกเรียนรู้ จดจำ และพัฒนาทักษะต่าง ๆ ได้ดีขึ้นตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของชีวิต
ในทางกลับกัน บางคนที่มีความเชื่อผิดๆว่า ทารกกินแต่นมไม่น่าอิ่ม และพยายามหาป้อนอาหารอื่นๆให้ทารก ทั้งที่กระเพาะยังไม่สามารถจุปริมาณได้เพียงพอ เมื่อป้อนอาหารอื่นๆ เช่น กล้วย หรือข้าว ที่มีสารอาหารต่ำกว่านมแม่ ทำให้กระเพาะเต็มเร็ว ทั้งที่สารอาหารยังไม่พอ อาจทำให้ทารกขาดสารอาหารได้
นอกจากนี้ การป้อนอาหารอื่นๆ ที่ทารกยังไม่พร้อมจะย่อย เนื่องจากน้ำย่อยยังทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้อาหารเหล่านี้ไม่ ย่อย เกิดลำไส้อุดตันได้ ทำให้ทารกมีอาการท้องอืด ปวดท้อง ลำไส้อักเสบ ซึ่งสามารถเสียชีวิตได้ จากที่เคยมีข่าวปรากฎอยู่ โดยตับอ่อนจะเริ่มหลั่งน้ำย่อยตอนประมาณ 4 เดือน ดังนั้น จึงเป็นที่มาว่า ทำไมปัจจุบัน เราควรให้ทารกกินแต่นม จนถึง 6 เดือนค่ะ
2. หลังฉีดวัคซีน ต้องปั๊มนมทิ้งไหม

หลังฉีดวัคซีนใดๆ ไม่ว่าจะเป็น วัคซีน Covid19 หรือวัคซีนอื่นๆ เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ไม่ต้องปั๊มนม ทิ้งค่ะ เนื่องจากเชื้อที่นำมาทำ วัคซีน เป็นเชื้อที่ทำให้อ่อนฤทธิ์อยู่แล้ว ก่อโรคไม่ได้ เมื่อแม่ฉีดวัคซีน และให้นมลูก จะไม่ส่งผ่านเชื้อ ก่อโรคไปยังลูกแน่นอน

ถึงแม้ว่า หลังฉีดวัคซีนอาจมีอาการไม่สบายตัว มีไข้ ปวดบวมแดงบริเวณที่ฉีด ก็ยังสามารถให้นมแม่ได้ค่ะ ทารกจะไม่ติดไข้จากแม่ เนื่องจากไข้ของแม่เกิดจากปฏิกิริยาของ ภูมิต้านทานโรคที่กำลังทำงาน และไข้นี้ไม่สามารถส่งผ่านทางน้ำนม ไปสู่ลูกได้
3. แม่ไม่สบายให้นมได้ไหม

ตามปกติแล้ว ไม่ว่าคุณแม่จะมีอาการไม่สบาย เป็นหวัด มีไข้ ท้องเสีย เชื้อเหล่านี้ ไม่ได้ผ่าน ทางน้ำนมดังนั้น เมื่อแม่ไม่สบายด้วยอาการทั่วๆ ไปเหล่านี้ยังสามารถให้นมแม่ได้ค่ะ แต่ควรระวังการติดลูกทางอื่นแทนค่ะ เช่น หวัด ไม่ได้ติดทางการให้นม แต่ลูกอาจติดจากการไอจามหายใจรดกัน ดังนั้นขณะให้นมควรล้างมือให้สะอาด หรือใส่หน้ากากอนามัย ป้องกันการไอจามใส่ลูก หรือหากแม่เป็นเริม / สุกใส ก็ยังสามารถให้นมได้ เพราะเชื้อไม่ผ่านน้ำนม แต่ลูกอาจติดได้ทางการสัมผัส ดังนั้นควรระวังลูกสัมผัสโดนตุ่มน้ำของเรา ต้องล้างมือก่อน ให้นม อาจใช้การปั๊มนมให้ลูกกินแทนการกินจากเต้าก็ได้ค่ะ หากมีตุ่มขึ้นบริเวณใกล้กับเต้านมด้วย หากคุณแม่ให้นมจำเป็นต้องกินยา แนะนำให้ปรึกษา บุคลากรทางการแพทย์
4. นมแม่ใส แปลว่า ไม่มีสารอาหาร?
ในนมแม่ ทุกๆครั้งที่หลั่งออกมา จะมี 2 ส่วน คือ ส่วนหน้า กับส่วนหลัง ซึ่งรู้ไหมคะ ว่า ส่วนประกอบไม่เหมือนกัน

นมแม่ส่วนหน้า (foremilk)
มีส่วนประกอบของน้ำเป็นหลัก ดังนั้นจึงดูใส แต่จริงๆแล้วมีสารอาหารเต็มเปี่ยม ทั้งน้ำตาลแลคโตสที่เป็นสารอาหาร ที่สำคัญของสมอง โปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็น สำหรับการเติบโต

นมส่วนหลัง (hindmilk)
มีส่วนประกอบหลักเป็นไขมัน ทำให้ข้นหนืดกว่า แต่คุณแม่หลายคนที่ปั๊มไม่เกลี้ยงเต้า หรือให้ลูกกินจากเต้าจะไม่เห็นว่ามีนมส่วนนี้ จึงทำให้เข้าใจ ผิดว่านมแม่มีแต่ใสๆได้ค่ะ
นอกจากนี้สารอาหารหลายตัว เป็นสารอาหารที่ละลายในน้ำ ดังนั้นจึงใส และไม่จำเป็นต้องเป็นตะกอนให้เห็นด้วยตาเปล่า ซึ่งสารอาหารหนึ่งที่สำคัญมาก และมองไม่ เห็นด้วยตาเปล่าจริงๆ นั่นคือ ภูมิต้านทานจากแม่ค่ะ ที่ส่งผ่านทางน้ำนมสู่ลูก ดังนั้น หมอจึงยืนยันว่า นมแม่ที่ใส ก็มีสารอาหารครบถ้วน แน่นอนค่ะ
5. หลัง 6 เดือน นมแม่มีสารอาหาร น้อยลงจริงหรือ?

หลัง 6 เดือน นมแม่ ยังมีประโยชน์เหมือนเดิมค่ะ ไม่ได้ลดคุณค่าทางสารอาหารลง แต่เด็กหลัง 6 เดือน ต้องการสารอาหารที่มากขึ้น เพื่อใช้ในการเจริญเติบโต และพัฒนาการที่มากขึ้น โดยเฉพาะธาตุเหล็ก ที่ต้องการมากขึ้น จึงเป็นเหตุผลที่เด็กต้อง “กินเพิ่ม” เริ่มกินอาหารตามวัยเมื่ออายุครบ 6 เดือน แต่ไม่ได้แปลว่า นมแม่ “มีสารอาหารน้อยลง”
มันไม่เกี่ยวกันเลยค่ะ นมแม่ยังคงมีสารอาหารครบถ้วน และมีสิ่งที่จำเป็นสำหรับ ลูกเช่นเคย นั่นคือ ภูมิต้านทานที่ส่งผ่านจากนมแม่สู่ลูก ดังนั้น หลัง 6 เดือน แม่ท่านไหนที่ยังมีนมแม่อยู่ ยังไม่จำเป็นต้องเลิกนะคะ ยังสามารถให้นมลูกต่อได้ยาวๆ ตราบที่แม่ยังไหว ได้เลยค่ะ
6. แม่ให้นม กินกาแฟได้ไหม
โดยทั่วไปแล้ว คุณแม่ให้นมสามารถดื่มกาแฟได้ในปริมาณที่ไม่มากเกินไปได้ค่ะ โดยดูจากปริมาณของคาเฟอีนในเครื่องดื่ม เป็นหลัก แต่นอกจากกาแฟแล้ว ชาและช็อคโกแลตก็เป็นเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเช่นกัน ต้องอย่าลืมจำกัดปริมาณด้วยเช่นกันค่ะ
ปริมาณคาเฟอีนที่แนะนำคือ ไม่เกิน 200 มก.ต่อวัน ซึ่งเทียบเท่ากับ (โดยประมาณ เนื่องจากปริมาณคาเฟอีนขึ้นกับหลายปัจจัย)


กาแฟชองพร้อมชง 3 ซอง

น้ำอัดลมสีดำ 6 กระป๋อง

อเมริกาโน่ 1 แก้ว

ลาเต้ 3 แก้ว
คาเฟอีนมีผลต่อทารกอย่างไร
คาเฟอีนในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้ทารกกระสับกระส่าย ร้องกวน งอแง หัวใจเต้นเร็ว หรือนอนไม่หลับได้ค่ะ โดยคาเฟอีนสามารถอยู่ในร่างกายคุณแม่ได้ 4-6 ชั่วโมง สูงสุดในช่วง 1-2 ชั่วโมงหลังดื่ม และความไวต่อคาเฟอีนของทารกแต่ละคน อาจไม่เท่ากัน ดังนั้นนอกจากจำกัดปริมาณคาเฟอีนต่อวันแล้ว คุณแม่อาจสังเกตอาการของลูกหากกระสับกระส่ายมาก ควรปั๊มนมทิ้งในช่วง 4-6 ชั่วโมงหลังดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนทิ้งได้ค่ะ
7. โด๊ปอะไรดี ให้มีน้ำนมเยอะๆ
จริงๆแล้วสูตรการเพิ่มน้ำนม มีเยอะมาก แต่หมอขอแนะนำ “ตัวช่วย” มาให้แม่ๆเช็กลิสต์ตัวเองกันดูค่ะ

1. ต้องดื่มน้ำให้เพียงพอ
อันนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของคนที่ให้นมค่ะ เนื่องจากถ้าปริมาณน้ำในร่างกายไม่เพียงพอ บำรุงด้วยอย่างอื่นยังไง นมแม่ก็มา น้อยได้เพราะปริมาณน้ำในร่างกายไม่เพียงพอ นอกจากนี้การฝืนปั๊มนมเยอะทั้งที่ดื่มน้ำไม่พอ จะทำให้ร่างกายของแม่ขาดน้ำ และยิ่งทำให้สุขภาพของแม่ทรุดโทรมเร็วขึ้นด้วยค่ะ โดยปริมาณที่แนะนำคือ มากกว่า 2-3 ลิตรต่อวันค่ะ
2. สมุนไพรที่มีฤทธิ์กระตุ้นน้ำนม
ที่นิยมนำมาใช้ เช่น ลูกซัด หัวปลี น้ำขิง ฯลฯ สามารถใช้ร่วมกันได้ค่ะ แต่ควรควบคู่กับการดื่มน้ำให้เพียงพอ กระตุ้นเต้านมสม่ำเสมอทุก 3 ชั่วโมง และพักผ่อนให้เพียงพอ ถึงจะเห็นผลค่ะ
สิ่งสำคัญคือ คุณแม่ต้องอย่าลืมดูแลตัวเองควบคู่ไปด้วย ด้วยการปรับสภาพอารมณ์ พยายามไม่เครียด พักผ่อนให้เพียงพอ เนื่องจากสุขภาพที่ทรุดโทรมและฮอร์โมนความเครียดก็ทำให้น้ำนมมาน้อยได้ค่ะ และสุดท้าย หากคุณแม่ยังกังวลใจเรื่องน้ำนมน้อยควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้ค่ะ
8. สูตรปั๊มให้น้ำนมแม่ ไหลมาเทมา
สำหรับแม่ๆสายปั๊ม ที่อยากให้น้ำนมมาเยอะๆ วิธีคือ
1. ปั๊มนมทุก 3 ชั่วโมง

เพื่อกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมน oxytocin ให้สม่ำเสมอ ทำให้น้ำนมแม่ไหลดี ต่อเนื่องได้ค่ะ
2. ปั๊มทีละ 2 ข้าง พร้อมกัน

หรือกรณีที่ให้ ลูกเข้าเต้า อาจใช้เครื่อง ปั๊มนมปั๊มอีกข้างพร้อมกัน เพื่อหลอกร่างกายว่า มีลูกแฝด ทำให้ร่างกาย ต้องเพิ่มการผลิตน้ำนม
3. สูตรปั๊ม แบบ Power Pump (20-10-10-10-10)
วิธีทำคือ ปั๊มนมทีละ 2 ข้าง ปั๊มแล้วพักเป็นรอบๆ โดยปั๊ม 20 นาที - พัก 10 นาที - ปั๊ม10นาที - พัก 10 นาที - ปั๊ม 10 นาที นับเป็น 1 เซ็ต ทำ Power Pump วันละ 1-2 เซ็ต
แต่ที่สำคัญที่สุดคือ การเลือกเครื่องปั๊มนมให้เหมาะกับเราด้วยค่ะ เลือกกรวยปั๊มนมที่มีขนาดเหมาะสม เนื่องจากถึงใช้สูตร ปั๊มทุกสูตรแล้ว แต่หากกรวยปั๊มนมขนาดไม่เหมาะสม หรือเครื่องปั๊มเบาไป/แรงไป ปั๊มแล้วเจ็บ ก็ทำให้น้ำนมมาน้อย ได้เช่นกันค่ะ
9. ลูกกินนมแม่จากเต้า จะรู้ได้อย่างไรว่า ได้รับน้ำนมเพียงพอ

ในกรณีกินนมจากเต้า คุณแม่หลายคนสงสัยว่า น้ำนมแม่ ไหลดีไหม? ลูกได้รับนมพอไหม? จะดูอย่างไร ในขณะให้นม วิธีสังเกตว่า ลูกได้รับน้ำนมพอหรือไม่ ให้ดูว่าที่เต้า นมอีกข้างมีน้ำนมไหลซึมออกมาหรือไม่ค่ะ
ซึ่งอาการที่น้ำนมอีกข้างไหลออกมาด้วยนี้ เรียกว่า Led down reflex เนื่องจากเป็นการตอบสนองของฮอร์โมนหลั่งน้ำนม ทำให้น้ำนมอีกข้างไหลออกมาด้วย ช่วยให้แม่ ๆ มั่นใจได้ค่ะว่าข้างที่ลูกดูด มีน้ำนมไหลออกมาแน่นอน
ส่วนปริมาณนม การดูว่าลูกได้รับปริมาณนมเพียงพอไหม ให้ดูการขับถ่ายของลูกค่ะ โดยเด็กทารกแรกเกิด เมื่อได้รับ น้ำนมเพียงพอ จะปัสสาวะวันละ 6 ครั้งขึ้นไป อุจจาระ 4 ครั้ง ขึ้นไป (นับรวมกันใน 24 ชั่วโมง) นอกจากนี้ ยังสามารถดูได้จาก น้ำหนักของลูก โดยเด็กทารกควรมีน้ำหนักขึ้นตามนี้

- 0-3 เดือน น้ำหนักทารก ขึ้นเดือนละ 600-800 กรัม
- 4-6 เดือน น้ำหนักทารก ขึ้นเดือนละ 400-600 กรัม
ควรติดตามน้ำหนักลูกทุกครั้งที่ไปฉีดวัคซีน โดยเทียบกับกราฟมาตรฐานการเจริญเติบโตเกณฑ์ปกติค่ะ เพื่อดูว่าน้ำหนัก ของลูก ขึ้นตามเกณฑ์หรือไม่ เนื่องจากการดูด้วยตาเปล่าอาจทำให้คลาดเคลื่อนได้
10. ทำไมห้ามอุ่นนมแม่ ด้วยไมโครเวฟ

ในกรณีที่แม่ๆที่ทำนมสต็อกให้ลูกกิน การเอานมสต็อกมาอุ่น ควรอุ่นในชามน้ำร้อน ไม่ควรอุ่นในไมโครเวฟค่ะ เนื่องจาก การอุ่นในไมโครเวฟ ความร้อนในนมไม่สม่ำเสมอ ทำให้เกิดการไหม้ในบางจุดได้ ในขณะที่บางจุดยังเย็น เมื่อทารกกินอาจทำให้บางจุดที่ความร้อนสูง ลวกปากและลิ้นของ ทารกได้
นอกจากนี้ การอุ่นในไมโครเวฟ ยังทำลายสารภูมิต้านทานและสารอาหารในนมแม่อีกด้วย ดังนั้นจึงไม่ควรอุ่นนมแม่ในไมโครเวฟ วิธีการที่ถูกต้องคือ
1. ย้ายถุงนมแม่แช่แข็งจากช่องฟรีส ลงมาช่องธรรมดา ให้ละลายเองในตู้เย็นข้ามคืน
2. ก่อนให้ลูกกิน ใช้วิธีแช่ถุงนมในชามน้ำอุ่น
การอุ่นนมที่ถูกวิธี นอกจากไม่ลวกปากและลิ้นของลูก ยังช่วย รักษาคุณค่าและสารอาหารของนมแม่ให้ได้มากที่สุดอีกด้วยค่ะ
All articles
อาหารเสริมธัญพืช เพื่อพัฒนาการของสมองและร่างกาย
เมนูอาหารเสริมธัญพืช เต็มไปด้วยคุณค่าจาก DHA และธาตุเหล็ก ที่จะช่วยเติมเต็มพัฒนาการทางสมองและร่างกายของลูกน้อยให้สมบูรณ์แข็งแรงและเติบโตได้อย่างสมวัย
2นาที อ่าน
มันเทศสุดยอดอาหารเสริมสำหรับเด็กวัยนั่งได้
"มันเทศ" อาหารแข็งแรกเริ่มที่อุดมด้วยสารอาหาร และวิตามินมากมาย เหมาะกับเด็กวัยนั่งได้เป็นอย่างมาก
2นาที อ่าน
อาหารเสริมธัญพืชตับบด เมนูที่แน่นด้วยคุณค่า
วันนี้เรามีเมนู “อาหารเสริมธัญพืชตับบด” ที่ทั้งทำง่ายและใช้เวลาไม่นาน ทั้งยังเป็นเมนูที่ลูกจะได้รับประโยชน์จากธัญพืช แคลเซียมจากนม และธาตุเหล็กจากตับบดอย่างเต็มที่
2นาที อ่าน
โฮลเกรน เมนูธัญพืชแสนอร่อย เหมาะสำหรับลูกน้อย
เมื่อลูกน้อยอายุ 1 ปี ระบบทางเดินอาหารจะมีความพร้อมรับประโยชน์ดีๆ จาก “โฮลเกรน” และอาหารอื่นๆ เพราะฟันที่เพิ่มขึ้นช่วยให้ลูกน้อยสามารถเคี้ยวอาหารได้มากขึ้น
2นาที อ่าน
ประโยชน์ดี ๆ ของโยเกิร์ต เมนูสุขภาพ เหมาะกับลูกน้อย
เมื่อลูกน้อยอายุได้ 12 เดือนนอกเหนือจากการกระตุ้นพัฒนาการด้านภาษาแล้ว คุณแม่สามารถเริ่มให้อาหารใหม่ๆ เช่น โยเกิร์ตที่มีส่วนผสมของผักหรือผลไม้บดได้
1นาที อ่าน
สารอาหารและโภชนาการลูกวัย 1-2 ขวบ เด็กวัยนี้ควรกินอะไรบ้าง
โภชนาการของลูกเมื่อลูกเข้าสู่วัย 1 ขวบแล้ว สำคัญมาก สารอาหารต่างๆจะช่วยเรื่องการเจริญเติบโตและเสริมพัฒนาการ มาดูกันค่ะว่าลูกวัย 1-2 ขวบต้องการอาหารอะไรบ้าง
สารอาหารและโภชนาการลูกวัย 2 - 3 ขวบ เด็กวัยนี้ควรกินอะไรบ้าง
เมื่อลูกเข้าสู่วัย 2 – 3 ปี จะเริ่มมีความเป็นตัวเองมากขึ้น ค่อนข้างเลือกกิน ทำเอาพ่อแม่ต่างเป็นกังวล วันนี้เรามาดูโภชนาการของลูกวัย 2 - 3 ขวบกันค่ะ
10 ข้อห้ามหลังผ่าคลอด ห้ามทำอะไรบ้าง? อุ้มลูก ขับรถได้เมื่อไหร่?
รวมครบทุกข้อห้ามหลังผ่าคลอดที่แม่ต้องรู้! พร้อมไทม์ไลน์การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดคลอด ขับรถได้เมื่อไหร่? ยกของหนักได้ตอนไหน? พร้อมวิธีลุกจากเตียงหลังผ่าคลอดที่ต้องรู้
20นาที อ่าน
อาการแพ้แลคโตสทารก เกิดจากอะไร พร้อมวิธีป้องกันเมื่อลูกแพ้
สงสัยว่าลูกมีอาการแพ้แลคโตส? อาการแพ้แลคโตสทารก เกิดจากอะไร ทำไมลูกน้อยถึงท้องเสีย ถ่ายเหลวและท้องอืดบ่อย ไปดูสาเหตุอาการแพ้แลคโตสทารกหรือภาวะย่อยแลคโตสบกพร่องกัน
8นาที อ่าน
ผ่าคลอดนอนตะแคงได้ไหม? พร้อมวิธีลุกจากเตียงและท่านอนหลังผ่าคลอด
คลายข้อสงสัย! ผ่าคลอดนอนตะแคงได้ไหม? ควรเริ่มนอนเมื่อไหร่? พร้อมแนะ 4 ท่านอนที่ดีที่สุดและวิธีลุกจากเตียงหลังผ่าคลอดอย่างถูกวิธี ไม่ให้เจ็บแผล ไปดูกัน
7นาที อ่าน
ผ่าคลอดได้กี่ครั้ง ผ่าคลอดมีลูกได้กี่คน ผ่าคลอดบ่อย อันตรายไหม
คุณแม่ผ่าคลอดได้กี่ครั้ง ผ่าคลอดมีลูกได้กี่คน คุณแม่ผ่าคลอดครั้งที่ 3 อันตรายไหม ส่งผลร้ายต่อร่างกายของคุณแม่หรือเปล่า ไปดูข้อควรรู้การผ่าคลอดกัน
9นาที อ่าน
กลากน้ำนม เกิดจากอะไร พร้อมวิธีดูแลเกลื้อนน้ำนมในเด็ก
กลากน้ำนม คืออะไร กลากน้ำนม เกลื้อนน้ำนม หรือเกลื้อนแดด พบได้บ่อยในเด็กอายุ 3-14 ปี เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคกลากน้ำนมได้
7นาที อ่าน
ภูมิแพ้คนท้อง ลดความเสี่ยงคนท้องเป็นภูมิแพ้ได้ตั้งแต่ตั้งครรภ์
คนท้องเป็นภูมิแพ้ กับ 2 สาเหตุหลักของโรคภูมิแพ้คนท้อง เพื่อให้คุณแม่หาวิธีป้องกันโรคภูมิแพ้ให้ลูกน้อยจากปัจจัยสิ่งแวดล้อม เพื่อลดความเสี่ยงลูกเป็นภูมิแพ้
7นาที อ่าน
อัลตร้าซาวด์ 4 มิติ คืออะไร? แตกต่างกับ 2 มิติ 3 มิติอย่างไร?
การอัลตร้าซาวด์ช่วยให้คุณแม่ตั้งครรภ์ตรวจดูพัฒนาการของทารกในครรภ์ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อคำแนะนำที่เหมาะสม
11นาที อ่าน
ผนังมดลูกบาง สาเหตุ อาการที่คุณแม่ควรรู้เบื้องต้น
ทำไมภาวะผนังมดลูกบางถึงมีผลต่อการตั้งครรภ์ ในบทความนี้ขอแชร์สาเหตุ อาการ และข้อสังเกตเบื้องต้นเพื่อให้คุณแม่พร้อมรับมือและเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
5นาที อ่าน
อาหารแม่ให้นม 10 เมนูสร้างน้ำนม บำรุงสุขภาพแม่และลูกน้อย
แนะนำ 10 อาหารแม่ให้นมที่ช่วยกระตุ้นน้ำนม บำรุงสุขภาพคุณแม่ และเสริมพัฒนาการลูกน้อย พร้อมเคล็ดลับการกินอาหารสร้างน้ำนมอย่างมีประสิทธิภาพ
10นาที อ่าน
เรียนรู้ผ่านการเล่น เสริมพัฒนาการสติปัญญาด้วย Play-Based Learning
Play-Based Learning คืออะไร? เปลี่ยนทุกการเล่นให้เป็นการเรียนรู้ ด้วย Play-Based Learning วิธีเสริมสร้างทักษะและพัฒนาการด้านสติปัญญาให้ลูกน้อยอย่างสมวัย
8นาที อ่าน
วัคซีนเด็ก 2567 ตารางวัคซีนสำหรับลูกน้อยตามช่วงวัย
วัคซีนเด็ก สำคัญกับลูกน้อยอย่างไร เด็กทารกควรฉีดวัคซีนอะไรบ้าง เพื่อเสริมภูมิต้านทานและป้องกันโรค วัคซีนสำหรับเด็กจำเป็นแค่ไหน ไปดูวัคซีนเด็ก ที่คุณแม่ควรรู้กัน
18นาที อ่าน
ลูกตัวร้อนอย่างเดียว ลูกเป็นไข้หลายวันไม่หาย รับมือยังไงดี
ลูกตัวร้อนอย่างเดียว ลูกเป็นไข้หลายวันไม่หาย อยู่ดี ๆ ลูกก็ตัวร้อนไม่ทราบสาเหตุ คุณแม่ดูแลลูกน้อยอย่างไรได้บ้าง หากลูกร้องไห้ไม่หยุด อ่อนเพลียและมีอาการอาเจียน
8นาที อ่าน
ลูกเป็นไข้ตัวร้อนแต่มือเท้าเย็น คุณแม่รับมืออย่างไรดี
ลูกเป็นไข้ตัวร้อนแต่มือเท้าเย็นผิดปกติไหม ลูกตัวร้อนแต่มือเท้าเย็นเกิดจากสาเหตุอะไร อันตรายไหม ลูกตัวร้อนมือเท้าเย็นพ่อแม่ควรดูแลลูกแบบไหนให้ดีที่สุด
6นาที อ่าน
ช่วงไข่สุกคืออะไร? ไข่ตกหรือไข่สุก ช่วงไหนเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์
ช่วงไข่สุก คืออะไร ไข่ตกและไข่สุกต่างกันอย่างไร พร้อมอาการสำคัญ เช่น มูกปากมดลูกเปลี่ยนแปลง ปวดท้องน้อย เพื่อการวางแผนตั้งครรภ์สำหรับคุณแม่
9นาที อ่าน
ไข่ไม่ตก หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้มีบุตรยาก ไขข้อสงสัยรักษา แก้ไขยังไง
ไข่ไม่ตก ประจำเดือนไม่มา? หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้มีบุตรยาก กังวลใจเรื่องไข่ไม่ตก สาเหตุเกิดจากอะไร? เช็คอาการและทำความเข้าใจภาวะไข่ไม่ตก พร้อมแนวทางดูแลตัวเอง
7นาที อ่าน
คนท้องเดินทางไกลได้ไหม? สิ่งที่ควรรู้สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
ไขข้อสงสัยให้คุณแม่ตั้งครรภ์ "คนท้องเดินทางไกลได้ไหม" พร้อมแนะข้อควรปฏิบัติและข้อห้ามสำคัญที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรรู้ เพื่อให้ทุกการเดินทางปลอดภัยทั้งแม่และลูก
6นาที อ่าน
นม DHA สำหรับเด็ก 1 ขวบ พร้อมอาหารที่มี DHA สูง ช่วยบำรุงสมองลูก
เรียนรู้ประโยชน์ของนม DHA และอาหารที่มี DHA สูง พร้อมคำแนะนำในการเลือกนมและอาหารที่ช่วยบำรุงสมองลูกน้อยให้พัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ
10นาที อ่าน