
การติดเชื้อในช่องหูของทารก พร้อมวิธีสังเกตอาการลูกน้อย
คำถามที่พบบ่อย
ลูกดึงหูบ่อยๆ ค่ะ เป็นเพราะฟันจะขึ้น หรือว่าเป็นหูอักเสบกันแน่คะ?
เป็นคำถามที่คุณพ่อคุณแม่ถามกันบ่อยที่สุดเลยค่ะ! จริงๆ แล้วอาการปวดเหงือกจากฟันที่กำลังจะขึ้นสามารถส่งต่อไปยังบริเวณหูได้ค่ะ แต่ถ้าเป็นการติดเชื้อในช่องหู (หูชั้นกลางอักเสบ) มักจะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น มีไข้, งอแงมากกว่าปกติโดยเฉพาะเวลานอนราบ, หรือบางครั้งอาจมีน้ำหนองไหลออกมาจากหูค่ะ ดังนั้นถ้าไม่แน่ใจ หรือน้องมีไข้ร่วมด้วย การให้คุณหมอช่วยส่องหูดูด้วยเครื่องมือคือวิธีเดียวที่จะยืนยันได้แน่นอนค่ะ
ทำไมเด็กเล็กถึงเป็นหูชั้นกลางอักเสบง่ายกว่าผู้ใหญ่คะ?
เป็นคำถามที่ดีมากเลยค่ะ สาเหตุหลักมาจากกายวิภาคของเด็กเล็กค่ะ "ท่อยูสเตเชียน" ซึ่งเป็นท่อที่เชื่อมระหว่างหูชั้นกลางกับหลังโพรงจมูกของเด็กนั้น ทั้งสั้นกว่า, แคบกว่า, และวางตัวในแนวราบมากกว่าของผู้ใหญ่ค่ะ ทำให้เวลาที่เป็นหวัด เชื้อโรคจากจมูกและคอจึงเดินทางเข้าไปในหูชั้นกลางได้ง่าย และของเหลวก็ระบายออกมาได้ยากกว่า ทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อได้ง่ายค่ะ หากน้องเป็นหวัดบ่อยๆ แล้วลามไปเป็นหูอักเสบซ้ำๆ การปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทางการป้องกันที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญค่ะ
เวลาไปหาหมอ คุณหมอจะตรวจว่าเป็นหูอักเสบได้ยังไงคะ ต้องเจาะหูไหม น่ากลัวจัง
เข้าใจความกังวลของคุณแม่เลยค่ะ แต่ไม่ต้องกลัวนะคะ การตรวจนั้นไม่เจ็บเลยค่ะ คุณหมอจะใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า "โอโตสโคป" (Otoscope) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีไฟฉายและเลนส์ขยาย ส่องเข้าไปดูที่แก้วหูของน้องเบาๆ ค่ะ สิ่งที่คุณหมอมองหาคือลักษณะของแก้วหูที่แดง บวม หรือโป่งนูนออกมา ซึ่งเป็นสัญญาณของการอักเสบและการมีของเหลวคั่งอยู่ข้างในค่ะ ไม่มีการเจาะหูเพื่อการวินิจฉัยแน่นอนค่ะ หากน้องมีอาการน่าสงสัย ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีนะคะ การวินิจฉัยที่รวดเร็วจะช่วยให้น้องหายเจ็บได้เร็วขึ้นค่ะ"
การติดเชื้อไวรัสอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กทารกมีการติดเชื้อในช่องหู
หูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน (acute otitis media) เป็นภาวะแทรกซ้อนที่มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส แต่ก็อาจเกิดจากสาเหตุอื่นได้ การอักเสบจะไปกีดขวางท่อยูสเตเชียน และขัดขวางทางเดินอากาศที่ไหลผ่านท่อ ของเหลวเหนียวที่สะสมอยู่ในช่องหูส่วนกลางจะกลายเป็นแหล่งแพร่พันธุ์ของแบคทีเรียและทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องหูส่วนกลาง ของเหลวที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ความดันภายในหูสูงขึ้นและทำให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรง มีหลายสัญญาณและอาการที่แสดงว่าลูกอาจมีการติดเชื้อในช่องหู
อาการของการติดเชื้อในช่องหู
มีหลายสัญญาณและอาการที่แสดงว่าลูกอาจมีการติดเชื้อในช่องหู ถ้าคุณคิดว่าลูกอาจมีการติดเชื้อในช่องหู ก็ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ อาการด้านล่างอาจเป็นตัวบ่งชี้ว่าลูกมีการติดเชื้อในช่องหู
• ดึงใบหู – ถ้าลูกดึงหรือจับใบหูบ่อยๆ อาจเป็นสัญญาณว่ามีปัญหาที่หู แต่ก็ไม่เสมอไป มันอาจแค่การแสดงว่าเขารู้สึกหงุดหงิด
• กลิ่นเหม็น ของเหลวที่ไหลออกมาจากหูอาจมีกลิ่นเหม็น ของเหลวที่ไหลออกมานี้จะแตกต่างจากขี้หูปกติ มันอาจมีสีส้มเหลือง หรือสีน้ำตาลแดง
• มีไข้และหนาว ถ้าลูกของคุณมีไข้และรู้สึกหนาวพร้อมกับมีปัญหาในการได้ยิน และนอนหลับไม่เป็นสุข พวกเขาอาจไม่สบายจากการติดเชื้อในช่องหู ในบางกรณีก็มีความอยากอาหารลดลงได้
การรักษาและการป้องกัน
การติดเชื้อในช่องหูมักหายได้เองโดยไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา ของเหลวจะไหลออกมาจากช่องหูและลูกมักรู้สึกดีขึ้นหลังจากนั้น หูชั้นกลางอักเสบที่ของเหลวในช่องหูมีลักษณะเป็นมูกข้น (glue ear) อาจพบได้เมื่อมีของเหลวค้างอยู่ในช่องหู การที่ช่องหูถูกขวางกั้นอาจเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาในการฟัง และพูดช้า ทำให้หู จมูก และช่องคอสะอาด รักษาสุขอนามัยที่ดีของหู การทำให้จมูกและช่องคอของลูกสะอาดอยู่เสมอเมื่อลูกเป็นไข้หวัดก็อาจช่วยได้ การใช้เครื่องทำความชื้น และใช้น้ำเกลือล้างโพรงจมูก และการดื่มน้ำให้มากๆ ก็สามารถช่วยได้สุขอนามัยของหู การติดเชื้อในช่องหูอาจป้องกันได้ด้วยการรักษาสุขอนามัยของช่องหู การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อาจช่วยได้ เพราะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งช่วยป้องกันการติดเชื้อในช่องหูได้ ปรึกษาแพทย์ เพื่อให้มั่นใจว่ามีการดูแลและรักษาอย่างถูกต้อง ถ้าคุณสงสัยว่าลูกมีการติดเชื้อในช่องหู
ไม่จำเป็นต้องกังวลถ้าลูกติดเชื้อในช่องหู เพราะส่วนใหญ่จะหายได้เองเมื่อมีการดูแลให้มีสุขอนามัยที่ดี แต่บางครั้งมันก็อาจไปทำให้แก้วหูถูกทำลาย หรือมีผลต่อความบกพร่องทางการได้ยินในระยะยาว เนื่องจากสภาวะที่เรียก หูชั้นกลางอักเสบ ที่ของเหลวในช่องหูมีลักษณะเป็นมูกข้น (glue ear)