ตอบข้อสงสัย เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
1. ทำไมให้ลูกกินแต่นม จนถึง 6 เดือน

จริงๆแล้ว กระเพาะของทารกแรกเกิด มีขนาดเล็กมากค่ะ โดยในช่วงแรกเกิด ขนาดกระเพาะของทารกจะมีขนาดเท่ากับลูกเชอร์รี่ และขนาดของกระเพาะจะค่อยๆขยายขึ้นช้าๆ เท่ากับขนาดของ ไข่ไก่ ประมาณ 1 เดือน หลังคลอด

นอกจากนี้ ตับอ่อนของทารกยังทำงานไม่สมบูรณ์ ทำให้การหลั่งน้ำย่อยไม่สมบูรณ์เช่นกัน แปลง่ายๆคือ ย่อยไม่เก่ง ธรรมชาติจึงสร้าง นมแม่ ให้เหมาะกับระบบย่อยของทารกตั้งแต่แรกเกิด ทั้งย่อยง่าย ดูดซึมง่าย และ มีปริมาณน้ำและสารอาหารครบถ้วน พอเหมาะกับความต้องการของทารก
นมแม่มีคุณสมบัติ Hypo-Allergenic (H.A.) ที่อ่อนโยนต่อระบบภูมิคุ้มกันของทารก นมแม่ อุดมไปด้วยสารเสริมภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ ที่ช่วยให้ระบบป้องกันโรคของลูกแข็งแรงขึ้น มีโปรตีนบางส่วนที่ถูกย่อยให้มีขนาดเล็กลงตามธรรมชาติ หรือ PHP (Partially Hydrolyzed Proteins) ที่ช่วยลดภาระงานของระบบย่อยอาหาร ทำให้ลูกสบายท้องและย่อยโปรตีนได้ดีขึ้น พร้อมกันนี้ นมแม่ยังเป็นแหล่งของจุลินทรีย์สุขภาพอย่าง โพรไบโอติก บีแล็กทิส (B. lactis) ที่ช่วยสร้างสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ทำให้ระบบย่อยอาหารและภูมิคุ้มกันลำไส้ทำงานร่วมกันได้อย่างเหมาะสม ลดโอกาสการเกิดภูมิแพ้ และช่วยให้ลูกเจ็บป่วยน้อยลงในวัยทารก
และที่สำคัญ นมแม่อุดมด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด มีสารอาหารสำคัญต่อพัฒนาการสมอง เช่น ดีเอชเอ (DHA), โอเมก้า 3,6,9 (Omega 3,6,9) และ แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน (Alphalac Sphingomyelin) ซึ่งมีบทบาทในการสร้างปลอกประสาทไมอีลิน ช่วยให้การส่งสัญญาณประสาทของสมองเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทำให้ลูกเรียนรู้ จดจำ และพัฒนาทักษะต่าง ๆ ได้ดีขึ้นตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของชีวิต
ในทางกลับกัน บางคนที่มีความเชื่อผิดๆว่า ทารกกินแต่นมไม่น่าอิ่ม และพยายามหาป้อนอาหารอื่นๆให้ทารก ทั้งที่กระเพาะยังไม่สามารถจุปริมาณได้เพียงพอ เมื่อป้อนอาหารอื่นๆ เช่น กล้วย หรือข้าว ที่มีสารอาหารต่ำกว่านมแม่ ทำให้กระเพาะเต็มเร็ว ทั้งที่สารอาหารยังไม่พอ อาจทำให้ทารกขาดสารอาหารได้
นอกจากนี้ การป้อนอาหารอื่นๆ ที่ทารกยังไม่พร้อมจะย่อย เนื่องจากน้ำย่อยยังทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้อาหารเหล่านี้ไม่ ย่อย เกิดลำไส้อุดตันได้ ทำให้ทารกมีอาการท้องอืด ปวดท้อง ลำไส้อักเสบ ซึ่งสามารถเสียชีวิตได้ จากที่เคยมีข่าวปรากฎอยู่ โดยตับอ่อนจะเริ่มหลั่งน้ำย่อยตอนประมาณ 4 เดือน ดังนั้น จึงเป็นที่มาว่า ทำไมปัจจุบัน เราควรให้ทารกกินแต่นม จนถึง 6 เดือนค่ะ
2. หลังฉีดวัคซีน ต้องปั๊มนมทิ้งไหม

หลังฉีดวัคซีนใดๆ ไม่ว่าจะเป็น วัคซีน Covid19 หรือวัคซีนอื่นๆ เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ไม่ต้องปั๊มนม ทิ้งค่ะ เนื่องจากเชื้อที่นำมาทำ วัคซีน เป็นเชื้อที่ทำให้อ่อนฤทธิ์อยู่แล้ว ก่อโรคไม่ได้ เมื่อแม่ฉีดวัคซีน และให้นมลูก จะไม่ส่งผ่านเชื้อ ก่อโรคไปยังลูกแน่นอน

ถึงแม้ว่า หลังฉีดวัคซีนอาจมีอาการไม่สบายตัว มีไข้ ปวดบวมแดงบริเวณที่ฉีด ก็ยังสามารถให้นมแม่ได้ค่ะ ทารกจะไม่ติดไข้จากแม่ เนื่องจากไข้ของแม่เกิดจากปฏิกิริยาของ ภูมิต้านทานโรคที่กำลังทำงาน และไข้นี้ไม่สามารถส่งผ่านทางน้ำนม ไปสู่ลูกได้
3. แม่ไม่สบายให้นมได้ไหม

ตามปกติแล้ว ไม่ว่าคุณแม่จะมีอาการไม่สบาย เป็นหวัด มีไข้ ท้องเสีย เชื้อเหล่านี้ ไม่ได้ผ่าน ทางน้ำนมดังนั้น เมื่อแม่ไม่สบายด้วยอาการทั่วๆ ไปเหล่านี้ยังสามารถให้นมแม่ได้ค่ะ แต่ควรระวังการติดลูกทางอื่นแทนค่ะ เช่น หวัด ไม่ได้ติดทางการให้นม แต่ลูกอาจติดจากการไอจามหายใจรดกัน ดังนั้นขณะให้นมควรล้างมือให้สะอาด หรือใส่หน้ากากอนามัย ป้องกันการไอจามใส่ลูก หรือหากแม่เป็นเริม / สุกใส ก็ยังสามารถให้นมได้ เพราะเชื้อไม่ผ่านน้ำนม แต่ลูกอาจติดได้ทางการสัมผัส ดังนั้นควรระวังลูกสัมผัสโดนตุ่มน้ำของเรา ต้องล้างมือก่อน ให้นม อาจใช้การปั๊มนมให้ลูกกินแทนการกินจากเต้าก็ได้ค่ะ หากมีตุ่มขึ้นบริเวณใกล้กับเต้านมด้วย หากคุณแม่ให้นมจำเป็นต้องกินยา แนะนำให้ปรึกษา บุคลากรทางการแพทย์
4. นมแม่ใส แปลว่า ไม่มีสารอาหาร?
ในนมแม่ ทุกๆครั้งที่หลั่งออกมา จะมี 2 ส่วน คือ ส่วนหน้า กับส่วนหลัง ซึ่งรู้ไหมคะ ว่า ส่วนประกอบไม่เหมือนกัน

นมแม่ส่วนหน้า (foremilk)
มีส่วนประกอบของน้ำเป็นหลัก ดังนั้นจึงดูใส แต่จริงๆแล้วมีสารอาหารเต็มเปี่ยม ทั้งน้ำตาลแลคโตสที่เป็นสารอาหาร ที่สำคัญของสมอง โปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็น สำหรับการเติบโต

นมส่วนหลัง (hindmilk)
มีส่วนประกอบหลักเป็นไขมัน ทำให้ข้นหนืดกว่า แต่คุณแม่หลายคนที่ปั๊มไม่เกลี้ยงเต้า หรือให้ลูกกินจากเต้าจะไม่เห็นว่ามีนมส่วนนี้ จึงทำให้เข้าใจ ผิดว่านมแม่มีแต่ใสๆได้ค่ะ
นอกจากนี้สารอาหารหลายตัว เป็นสารอาหารที่ละลายในน้ำ ดังนั้นจึงใส และไม่จำเป็นต้องเป็นตะกอนให้เห็นด้วยตาเปล่า ซึ่งสารอาหารหนึ่งที่สำคัญมาก และมองไม่ เห็นด้วยตาเปล่าจริงๆ นั่นคือ ภูมิต้านทานจากแม่ค่ะ ที่ส่งผ่านทางน้ำนมสู่ลูก ดังนั้น หมอจึงยืนยันว่า นมแม่ที่ใส ก็มีสารอาหารครบถ้วน แน่นอนค่ะ
5. หลัง 6 เดือน นมแม่มีสารอาหาร น้อยลงจริงหรือ?

หลัง 6 เดือน นมแม่ ยังมีประโยชน์เหมือนเดิมค่ะ ไม่ได้ลดคุณค่าทางสารอาหารลง แต่เด็กหลัง 6 เดือน ต้องการสารอาหารที่มากขึ้น เพื่อใช้ในการเจริญเติบโต และพัฒนาการที่มากขึ้น โดยเฉพาะธาตุเหล็ก ที่ต้องการมากขึ้น จึงเป็นเหตุผลที่เด็กต้อง “กินเพิ่ม” เริ่มกินอาหารตามวัยเมื่ออายุครบ 6 เดือน แต่ไม่ได้แปลว่า นมแม่ “มีสารอาหารน้อยลง”
มันไม่เกี่ยวกันเลยค่ะ นมแม่ยังคงมีสารอาหารครบถ้วน และมีสิ่งที่จำเป็นสำหรับ ลูกเช่นเคย นั่นคือ ภูมิต้านทานที่ส่งผ่านจากนมแม่สู่ลูก ดังนั้น หลัง 6 เดือน แม่ท่านไหนที่ยังมีนมแม่อยู่ ยังไม่จำเป็นต้องเลิกนะคะ ยังสามารถให้นมลูกต่อได้ยาวๆ ตราบที่แม่ยังไหว ได้เลยค่ะ
6. แม่ให้นม กินกาแฟได้ไหม
โดยทั่วไปแล้ว คุณแม่ให้นมสามารถดื่มกาแฟได้ในปริมาณที่ไม่มากเกินไปได้ค่ะ โดยดูจากปริมาณของคาเฟอีนในเครื่องดื่ม เป็นหลัก แต่นอกจากกาแฟแล้ว ชาและช็อคโกแลตก็เป็นเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเช่นกัน ต้องอย่าลืมจำกัดปริมาณด้วยเช่นกันค่ะ
ปริมาณคาเฟอีนที่แนะนำคือ ไม่เกิน 200 มก.ต่อวัน ซึ่งเทียบเท่ากับ (โดยประมาณ เนื่องจากปริมาณคาเฟอีนขึ้นกับหลายปัจจัย)


กาแฟชองพร้อมชง 3 ซอง

น้ำอัดลมสีดำ 6 กระป๋อง

อเมริกาโน่ 1 แก้ว

ลาเต้ 3 แก้ว
คาเฟอีนมีผลต่อทารกอย่างไร
คาเฟอีนในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้ทารกกระสับกระส่าย ร้องกวน งอแง หัวใจเต้นเร็ว หรือนอนไม่หลับได้ค่ะ โดยคาเฟอีนสามารถอยู่ในร่างกายคุณแม่ได้ 4-6 ชั่วโมง สูงสุดในช่วง 1-2 ชั่วโมงหลังดื่ม และความไวต่อคาเฟอีนของทารกแต่ละคน อาจไม่เท่ากัน ดังนั้นนอกจากจำกัดปริมาณคาเฟอีนต่อวันแล้ว คุณแม่อาจสังเกตอาการของลูกหากกระสับกระส่ายมาก ควรปั๊มนมทิ้งในช่วง 4-6 ชั่วโมงหลังดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนทิ้งได้ค่ะ
7. โด๊ปอะไรดี ให้มีน้ำนมเยอะๆ
จริงๆแล้วสูตรการเพิ่มน้ำนม มีเยอะมาก แต่หมอขอแนะนำ “ตัวช่วย” มาให้แม่ๆเช็กลิสต์ตัวเองกันดูค่ะ

1. ต้องดื่มน้ำให้เพียงพอ
อันนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของคนที่ให้นมค่ะ เนื่องจากถ้าปริมาณน้ำในร่างกายไม่เพียงพอ บำรุงด้วยอย่างอื่นยังไง นมแม่ก็มา น้อยได้เพราะปริมาณน้ำในร่างกายไม่เพียงพอ นอกจากนี้การฝืนปั๊มนมเยอะทั้งที่ดื่มน้ำไม่พอ จะทำให้ร่างกายของแม่ขาดน้ำ และยิ่งทำให้สุขภาพของแม่ทรุดโทรมเร็วขึ้นด้วยค่ะ โดยปริมาณที่แนะนำคือ มากกว่า 2-3 ลิตรต่อวันค่ะ
2. สมุนไพรที่มีฤทธิ์กระตุ้นน้ำนม
ที่นิยมนำมาใช้ เช่น ลูกซัด หัวปลี น้ำขิง ฯลฯ สามารถใช้ร่วมกันได้ค่ะ แต่ควรควบคู่กับการดื่มน้ำให้เพียงพอ กระตุ้นเต้านมสม่ำเสมอทุก 3 ชั่วโมง และพักผ่อนให้เพียงพอ ถึงจะเห็นผลค่ะ
สิ่งสำคัญคือ คุณแม่ต้องอย่าลืมดูแลตัวเองควบคู่ไปด้วย ด้วยการปรับสภาพอารมณ์ พยายามไม่เครียด พักผ่อนให้เพียงพอ เนื่องจากสุขภาพที่ทรุดโทรมและฮอร์โมนความเครียดก็ทำให้น้ำนมมาน้อยได้ค่ะ และสุดท้าย หากคุณแม่ยังกังวลใจเรื่องน้ำนมน้อยควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้ค่ะ
8. สูตรปั๊มให้น้ำนมแม่ ไหลมาเทมา
สำหรับแม่ๆสายปั๊ม ที่อยากให้น้ำนมมาเยอะๆ วิธีคือ
1. ปั๊มนมทุก 3 ชั่วโมง

เพื่อกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมน oxytocin ให้สม่ำเสมอ ทำให้น้ำนมแม่ไหลดี ต่อเนื่องได้ค่ะ
2. ปั๊มทีละ 2 ข้าง พร้อมกัน

หรือกรณีที่ให้ ลูกเข้าเต้า อาจใช้เครื่อง ปั๊มนมปั๊มอีกข้างพร้อมกัน เพื่อหลอกร่างกายว่า มีลูกแฝด ทำให้ร่างกาย ต้องเพิ่มการผลิตน้ำนม
3. สูตรปั๊ม แบบ Power Pump (20-10-10-10-10)
วิธีทำคือ ปั๊มนมทีละ 2 ข้าง ปั๊มแล้วพักเป็นรอบๆ โดยปั๊ม 20 นาที - พัก 10 นาที - ปั๊ม10นาที - พัก 10 นาที - ปั๊ม 10 นาที นับเป็น 1 เซ็ต ทำ Power Pump วันละ 1-2 เซ็ต
แต่ที่สำคัญที่สุดคือ การเลือกเครื่องปั๊มนมให้เหมาะกับเราด้วยค่ะ เลือกกรวยปั๊มนมที่มีขนาดเหมาะสม เนื่องจากถึงใช้สูตร ปั๊มทุกสูตรแล้ว แต่หากกรวยปั๊มนมขนาดไม่เหมาะสม หรือเครื่องปั๊มเบาไป/แรงไป ปั๊มแล้วเจ็บ ก็ทำให้น้ำนมมาน้อย ได้เช่นกันค่ะ
9. ลูกกินนมแม่จากเต้า จะรู้ได้อย่างไรว่า ได้รับน้ำนมเพียงพอ

ในกรณีกินนมจากเต้า คุณแม่หลายคนสงสัยว่า น้ำนมแม่ ไหลดีไหม? ลูกได้รับนมพอไหม? จะดูอย่างไร ในขณะให้นม วิธีสังเกตว่า ลูกได้รับน้ำนมพอหรือไม่ ให้ดูว่าที่เต้า นมอีกข้างมีน้ำนมไหลซึมออกมาหรือไม่ค่ะ
ซึ่งอาการที่น้ำนมอีกข้างไหลออกมาด้วยนี้ เรียกว่า Led down reflex เนื่องจากเป็นการตอบสนองของฮอร์โมนหลั่งน้ำนม ทำให้น้ำนมอีกข้างไหลออกมาด้วย ช่วยให้แม่ ๆ มั่นใจได้ค่ะว่าข้างที่ลูกดูด มีน้ำนมไหลออกมาแน่นอน
ส่วนปริมาณนม การดูว่าลูกได้รับปริมาณนมเพียงพอไหม ให้ดูการขับถ่ายของลูกค่ะ โดยเด็กทารกแรกเกิด เมื่อได้รับ น้ำนมเพียงพอ จะปัสสาวะวันละ 6 ครั้งขึ้นไป อุจจาระ 4 ครั้ง ขึ้นไป (นับรวมกันใน 24 ชั่วโมง) นอกจากนี้ ยังสามารถดูได้จาก น้ำหนักของลูก โดยเด็กทารกควรมีน้ำหนักขึ้นตามนี้

- 0-3 เดือน น้ำหนักทารก ขึ้นเดือนละ 600-800 กรัม
- 4-6 เดือน น้ำหนักทารก ขึ้นเดือนละ 400-600 กรัม
ควรติดตามน้ำหนักลูกทุกครั้งที่ไปฉีดวัคซีน โดยเทียบกับกราฟมาตรฐานการเจริญเติบโตเกณฑ์ปกติค่ะ เพื่อดูว่าน้ำหนัก ของลูก ขึ้นตามเกณฑ์หรือไม่ เนื่องจากการดูด้วยตาเปล่าอาจทำให้คลาดเคลื่อนได้
10. ทำไมห้ามอุ่นนมแม่ ด้วยไมโครเวฟ

ในกรณีที่แม่ๆที่ทำนมสต็อกให้ลูกกิน การเอานมสต็อกมาอุ่น ควรอุ่นในชามน้ำร้อน ไม่ควรอุ่นในไมโครเวฟค่ะ เนื่องจาก การอุ่นในไมโครเวฟ ความร้อนในนมไม่สม่ำเสมอ ทำให้เกิดการไหม้ในบางจุดได้ ในขณะที่บางจุดยังเย็น เมื่อทารกกินอาจทำให้บางจุดที่ความร้อนสูง ลวกปากและลิ้นของ ทารกได้
นอกจากนี้ การอุ่นในไมโครเวฟ ยังทำลายสารภูมิต้านทานและสารอาหารในนมแม่อีกด้วย ดังนั้นจึงไม่ควรอุ่นนมแม่ในไมโครเวฟ วิธีการที่ถูกต้องคือ
1. ย้ายถุงนมแม่แช่แข็งจากช่องฟรีส ลงมาช่องธรรมดา ให้ละลายเองในตู้เย็นข้ามคืน
2. ก่อนให้ลูกกิน ใช้วิธีแช่ถุงนมในชามน้ำอุ่น
การอุ่นนมที่ถูกวิธี นอกจากไม่ลวกปากและลิ้นของลูก ยังช่วย รักษาคุณค่าและสารอาหารของนมแม่ให้ได้มากที่สุดอีกด้วยค่ะ
All articles
ลูกท้องผูก 1 ขวบ สาเหตุ อาการ และ 20 วิธีดูแลให้ลูกกลับมาสบายท้อง
ลูกท้องผูก 1 ขวบเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย เรียนรู้สาเหตุ อาการ และ 20 วิธีดูแลเมื่อลูกท้องผูก พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อสุขภาพลำไส้ที่ดี
9นาที อ่าน
เด็กทารกไม่ถ่ายกี่วันผิดปกติ เมื่อทารกตดบ่อย ควรดูแลอย่างไร
ทารกไม่ถ่ายกี่วันมีโอกาสผิดปกติ ทารกตดบ่อย ตดเหม็นปกติไหม คุณแม่สังเกตลูกอย่างไร เมื่อทารกไม่ถ่าย อาหารแบบไหนที่ช่วยให้ลูกขับถ่ายได้ดี พร้อมวิธีดูแลทารกไม่ถ่าย
10นาที อ่าน
ทารกอุจจาระมีมูกเลือดปกติไหม แบบไหนที่ต้องระวัง
ทารกอุจจาระมีมูก ลูกท้องเสียถ่ายมีมูกเลือดเป็นอย่างไร อาการร่วมแบบไหนคือผิดปกติ คุณพ่อคุณแม่ควรระวังเรื่องอะไรบ้าง ไปดูสาเหตุ อาการ พร้อมวิธีป้องกัน
7นาที อ่าน
ไข้สูงในเด็ก ลูกมีอาการหนาวสั่นมีไข้ เช็ดตัวยังไงให้ไข้ลด
ลูกมีอาการหนาวสั่นมีไข้ ดูแลลูกน้อยอย่างไรให้ถูกวิธี อาการไข้ในเด็กอันตรายไหม อาการแบบไหนที่คุณแม่ควรสังเกตเมื่อลูกมีไข้หนาวสั่น พร้อมวิธีดูแลลูกน้อยเบื้องต้น
5นาที อ่าน
วิธีบรรเทาอาการไอของลูกน้อย พร้อมวิธีดูแลเมื่อลูกไอไม่หยุด
ลูกไอไม่หยุด ลูกไอแห้ง ๆ ไม่มีเสมหะ ไม่มีไข้ เป็นการตอบสนองของร่างกายตามธรรมชาติ ในบางครั้งอาจเป็นสัญญาณบอกโรคที่ไม่ควรมองข้าม ไปดูวิธีบรรเทาอาการไอของลูกน้อยกัน
9นาที อ่าน
ทารกอุจจาระเป็นเม็ดมะเขือทำไงดี พร้อมวิธีดูแลลูกน้อย
ทารกอุจจาระเป็นเม็ดมะเขือ บ่งบอกถึงอาการท้องผูกในเด็ก หากลูกน้อยมีอาการถ่ายเหลวและมีไข้ แสดงว่ามีความผิดปกติของลำไส้ ไปดูวิธีสังเกตอาการที่คุณแม่ควรรู้กัน
5นาที อ่าน
ลูกถ่ายวันละ 3-4 ครั้งปกติไหม ลูกถ่ายบ่อย อันตรายแค่ไหน
ลูกถ่ายวันละ 3-4 ครั้งปกติไหม หากลูกถ่ายกะปริบกะปรอยบ่อย ๆ ทุกวัน อันตรายกับลูกน้อยหรือเปล่า อาการถ่ายบ่อยของลูกแบบไหนที่คุณแม่ควรรีบพาไปพบแพทย์
10นาที อ่าน
ลูกอุจจาระสีเขียวขี้ม้าเหม็นปกติไหม บอกอะไรบ้าง
อุจจาระสีเขียวขี้ม้าเหม็นในเด็กปกติไหม ลูกอุจจาระสีเขียวปนเหลืองหรือขี้สีเขียว เกิดจากอะไร อาการแบบนี้ ผิดปกติหรือเปล่า ไปดูวิธีรับมือที่ถูกต้องกัน
5นาที อ่าน
สีอึทารก บอกอะไร? เช็กลิสต์สีอุจจาระทารก แบบไหนปกติ แบบไหนต้องหาหมอ
ไขทุกข้อสงสัยเรื่องสีอึทารกและลักษณะอุจจาระแต่ละแบบ ลูกถ่ายเหลวสีเหลืองอันตรายไหม? ลูกอุจจาระสีดำมีกลิ่นเหม็นต้องทำอย่างไร? พร้อมสัญญาณเตือนเมื่อลูกถ่ายผิดปกติ
เด็กท้องผูกร้องไห้งอแง พร้อมวิธีดูแลเด็กถ่ายไม่ออก
เด็กท้องผูก เด็กถ่ายไม่ออกร้องไห้ทำไงดี อาการลูกถ่ายยากเกิดจากอะไร คุณแม่ควรสังเกตอย่างไรเมื่อลูกท้องผูก พร้อมวิธีรับมือเมื่อลูกถ่ายไม่ออกร้องไห้งอแง
ลูกร้องไห้ไม่หยุด? เข้าใจพฤติกรรมและวิธีรับมือเด็กร้องไห้ไม่หยุด
ลูกร้องไห้แบบนี้แปลว่าอะไร? หิว ง่วง หรือแค่เอาแต่ใจ? มาเข้าใจสาเหตุที่เด็กร้องไห้กันค่ะ! พร้อมวิธีปลอบโยนทารกและรับมือลูกวัยเตาะแตะเจ้าอารมณ์
13นาที อ่าน
โภชนาการเด็กวัยหัดเดิน: 8 เทคนิคแก้ปัญหา “ลูกกินยาก” วัย 1 ปีขึ้นไป
ปลูกฝังวินัยการกินและโภชนาการที่ดีให้กับลูก ช่วยให้ลูกมีนิสัยการกินที่ดีไปตลอดชีวิต ไปดู 6 เทคนิคที่คุณแม่ควรนำไปใช้ เพื่อปลูกฝังนิสัยการกินและโภชนาการที่ดีของลูก
15นาที อ่าน
เมนูอาหารเด็ก 6-12 เดือน เมนูเด็กทำง่ายพร้อมวิธีทำ พร้อมวิธีทำ สำหรับแม่มือใหม่
มองหาเมนูอาหารสำหรับเด็กอยู่ใช่ไหม? แจกสูตรอาหารเด็ก 6-12 เดือน ทำตามง่าย ได้สารอาหารครบถ้วน พร้อมข้อมูลอาหารเสริมเด็กที่จำเป็นสำหรับลูกน้อย และเคล็ดลับโภชนาการ
15นาที อ่าน
คนท้องไม่สบายกินยาอะไรได้บ้าง ยาแบบไหนต้องปรึกษาแพทย์
ไขข้อสงสัย คนท้องเป็นหวัด คนท้องไม่สบายกินยาอะไรได้บ้าง ยาแบบไหนต้องปรึกษาแพทย์ พร้อมแนะนำวิธีดูแลตัวเองโดยไม่ใช้ยา และสัญญาณเตือนที่ควรรีบพบแพทย์
8นาที อ่าน
ประจำเดือนหลังคลอดจะเริ่มมาเมื่อไหร่ ประจำเดือนหลังคลอดมากี่วัน
ไขข้อสงสัยประจำเดือนหลังคลอดจะกลับมาเมื่อไหร่สำหรับแม่ให้นมและไม่ได้ให้นม อาการที่ต่างจากเดิม แบบไหนอันตราย และวิธีดูแลตัวเองให้ร่างกายฟื้นตัวเป็นปกติ
7นาที อ่าน
ถอดรหัสภาษาทารก เมื่อลูกส่งเสียงอ้อแอ้หมายความว่าอะไร
เสียงอ้อแอ้ เสียงร้องไห้ การเตะขา หรือ ภาษากายต่าง ๆ ของลูก กำลังบอกอะไร? บทความนี้จะช่วยให้แม่เข้าใจภาษาทารก สัญญาณความหิว ไปจนถึงเคล็ดลับเสริมพัฒนาการภาษาให้ลูก
18นาที อ่าน
พัฒนาการเด็ก 10 เดือน ทารก 10 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
พัฒนาการทารก 10 เดือน ลูกน้อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง คุณแม่สามารถกระตุ้นพัฒนาการเด็ก 10 เดือน และเสริมพัฒนาการเด็ก 10 เดือน ได้อย่างไร ไปดูกัน
10นาที อ่าน
พัฒนาการเด็ก 2 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการเด็ก
พัฒนาการเด็ก 2 เดือน ลูกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง ทั้งน้ำหนัก ส่วนสูง พร้อมวิธีกระตุ้นพัฒนาการทารก 2 เดือน ให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีและแข็งแรง
พัฒนาการเด็ก 3 เดือน ทารก 3 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
พัฒนาการทารก 3 เดือน ลูกน้อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง คุณแม่สามารถกระตุ้นพัฒนาการทารก 3 เดือน และส่งเสริมพัฒนาการเด็ก 3 เดือน ได้อย่างไร ไปดูกัน
10นาที อ่าน
พัฒนาการเด็ก 4 เดือน ทารก 4 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
พัฒนาการทารก 4 เดือน ลูกน้อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง คุณแม่สามารถกระตุ้นพัฒนาการทารก 4 เดือน และส่งเสริมพัฒนาการเด็ก 4 เดือน ได้อย่างไร ไปดูกัน
พัฒนาการเด็ก 5 เดือน ทารก 5 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
พัฒนาการทารก 5 เดือน ลูกน้อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง คุณแม่สามารถกระตุ้นพัฒนาการทารก 5 เดือน และส่งเสริมพัฒนาการเด็ก 5 เดือน ได้อย่างไร ไปดูกัน
12นาที อ่าน
พัฒนาการเด็ก 6 เดือน ทารก 6 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
พัฒนาการทารก 6 เดือน ลูกน้อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง คุณแม่สามารถกระตุ้นพัฒนาการทารก 6 เดือน และส่งเสริมพัฒนาการเด็ก 6 เดือน ได้อย่างไร ไปดูกัน
11นาที อ่าน
ทารกฟันขึ้นตอนกี่เดือน? ฟันเด็กขึ้นกี่เดือน? พร้อมวิธีดูแล
ไขข้อสงสัยคุณพ่อคุณแม่! มาหาคำตอบว่าฟันเด็กขึ้นกี่เดือน? ทารกฟันขึ้นกี่เดือนถึงจะปกติ แล้วถ้าฟันขึ้นช้าสุดกี่เดือนถึงน่ากังวล? พร้อมสัญญาณเตือนและวิธีดูแล
9นาที อ่าน
พัฒนาการเด็ก 2 ขวบ พร้อมวิธีส่งเสริมพัฒนาการลูกน้อยให้รอบด้าน
พัฒนาการเด็ก 2 ขวบ เด็กวัยนี้เริ่มเข้าใจภาษามากขึ้น และมีพัฒนาการในการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก พร้อมวิธีส่งเสริมทักษะและพัฒนาการ 2 ขวบ ที่พ่อแม่มือใหม่ควรรู้