ข้อห้ามหลังผ่าคลอดมีอะไรบ้าง พร้อมวิธีลุกจากเตียงหลังผ่าตัดคลอด
คุณแม่มือใหม่หลังผ่าคลอดต้องเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของร่างกายหลังคลอด ดังนั้นเพื่อให้คุณแม่สามารถรับมือจัดการได้กับทุกเรื่อง เพื่อที่จะได้เลี้ยงดูลูกน้อยได้อย่างราบรื่น จึงได้รวบรวมข้อห้ามหลังผ่าคลอด โภชนาการ และการดูแลแผลผ่าคลอดมาให้คุณแม่เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติกันค่ะ
PLAYING: ข้อห้ามหลังผ่าคลอดมีอะไรบ้าง พร้อมวิธีลุกจากเตียงหลังผ่าตัดคลอด
สรุป
- ลูกน้อยจะได้รับสารอาหาร และรสชาติของอาหารจากที่คุณแม่รับประทานเข้าไป ผ่านมาทางน้ำนมแม่ ดังนั้นคุณแม่ไม่ควรรับประทานอาหารรสจัด อาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีประโยชน์ ได้แก่ ของหมักดอง น้ำอัดลม ชา กาแฟ และแอลกอฮอล์
- หลังผ่าคลอดคุณแม่จะฟื้นตัวดีขึ้นใน 12 ชั่วโมง และต้องอยู่พักฟื้นเพื่อติดตามอาการหลังคลอดที่โรงพยาบาลอีกประมาณ 4 วัน
- หลังผ่าคลอดคุณแม่ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ก่อน 6 สัปดาห์ เนื่องจากแผลผ่าตัดยังไม่หายดี และยังมีน้ำคาวปลา ช่วงเวลาที่เหมาะสมหากต้องการมีเพศสัมพันธ์ช่วง 6 สัปดาห์ขึ้นไป
- อาการของแผลผ่าคลอดที่มีความปกติ ได้แก่ แผลบวม แดง ร้อนบริเวณแผล มีเลือดซึมออกมา และมีไข้ร่วมด้วย
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- 7 สิ่งที่คุณแม่ผ่าคลอดไม่ควรทำหลังผ่าคลอดลูกน้อย
- หลังผ่าคลอด ควรอยู่โรงพยาบาลกี่วัน
- ทำไมหลังผ่าคลอด คุณแม่จึงควรขยับตัวให้เร็วที่สุด?
- หลังผ่าคลอด คุณแม่จะมีอาการอย่างไร
- วิธีลุกจากเตียง หลังผ่าคลอด
- อาหารที่คุณแม่หลังผ่าคลอดควรรับประทาน
- แผลผ่าคลอดที่ผิดปกติ เป็นอย่างไร
หลังผ่าคลอดคุณแม่ยังไม่สามารถกลับไปทำในหลายเรื่องที่เคยทำได้ก่อนที่จะมีการตั้งครรภ์ นั่นก็เพราะเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพร่างกายของคุณแม่และลูกน้อย
7 สิ่งที่คุณแม่ผ่าคลอดไม่ควรทำหลังผ่าคลอดลูกน้อย
1. ห้ามรับประทานอาหารรสจัด
24 ชั่วโมงแรกหลังผ่าคลอด คุณแม่จะยังไม่สามารถดื่มน้ำและรับประทานอาหาร จนกว่าลำไส้จะกลับมาทำงานได้เป็นปกติ เมื่อผ่าน 24 ชั่วโมงไปแล้ว คุณแม่ก็จะเริ่มได้จิบน้ำ และรับประทานอาหารได้เล็กน้อยเป็นซุป หรือน้ำแกงจืด และค่อย ๆ ปรับเป็นข้าวต้มนิ่ม ๆ โจ๊ก อาหารที่รับประทานได้ช่วงแรกหลังคลอดจะเป็นอาหารที่ย่อยง่าย และมีรสชาติจืด
และเมื่อคุณแม่กลับมาพักฟื้นร่างกายที่บ้าน การรับประทานอาหารสำหรับคุณแม่ผ่าคลอด จะต้องหลากหลายมีประโยชน์ครบ 5 หมู่ เพื่อที่ร่างกายจะได้ผลิตน้ำนมออกมาได้ปริมาณที่เพียงพอสำหรับลูกน้อย อาหารที่ดีกับร่างกาย ระบบขับถ่ายของคุณแม่หลังคลอดได้แก่ ผัก ผลไม้ที่มีไฟเบอร์ และอาหารที่ช่วยกระตุ้นสร้างน้ำนม เช่น ขิง ฟักทอง หัวปลี ฯลฯ
อาหารที่คุณแม่รับประทานในทุกมื้ออาหาร สารอาหารต่าง ๆ และรสชาติ ลูกน้อยจะได้รับผ่านน้ำนมแม่ ดังนั้นคุณแม่ควรต้องระมัดระวังในการรับประทานอาหาร คุณแม่ควรงดหรือหลีกเลี่ยงอาหารประเภทหมักดอง อาหารรสจัด (เผ็ด เค็ม หวาน เปรี้ยว) เครื่องที่มีแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม ชา กาแฟ
2. ห้ามนอนเฉย ๆ ตลอดเวลา
หลังผ่าคลอดตั้งแต่วันแรก คุณหมอจะแนะนำให้คุณแม่ลุกยืน เดินช้า ๆ ก้าวสั้น ๆรอบเตียง เพื่อกระตุ้นให้ลำไส้กลับมาขยับและทำงานเป็นปกติ การลุกเดินหลังผ่าคลอดยังช่วยป้องกันการเกิดอาการท้องอืดอีกด้วย
3. ห้ามละเลยดูแลแผลผ่าคลอด
ก่อนคุณแม่กลับมาพักฟื้นร่างกายหลังคลอดที่บ้าน สำหรับแผลผ่าตัดคุณหมอจะปิดแผลด้วยแผ่นติดชนิดกันน้ำให้ คุณแม่สามารถอาบน้ำได้ตามปกติ เพียงแต่ต้องระวังอย่าให้น้ำซึมเข้าไปในแผ่นแปะปิดแผล และพอครบ 7 วันหลังคลอด คุณหมอก็จะนัดคุณแม่เพื่อมาตรวจดูแผลผ่าตัดและตัดไหมออกให้
4. ห้ามมีเพศสัมพันธ์
หลังผ่าคลอดก่อน 6 สัปดาห์ คุณหมอไม่แนะนำให้คุณแม่มีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากแผลผ่าตัดยังไม่หาย และยังมีน้ำคาวปลาอยู่ ช่วงเวลาที่เหมาะสมหากมีเพศสัมพันธ์คือช่วง 6 สัปดาห์หลังคลอด
5. ห้ามหยุดให้นมลูก
ผลข้างเคียงของการผ่าคลอด อาจทำให้ร่างกายคุณแม่ผลิตน้ำนมออกมาได้ช้า การแก้ไขก็คือให้ลูกเข้าเต้ากินนมแม่หลังคลอดให้เร็วที่สุด การเข้าเต้าจะไปช่วยกระตุ้นร่างกายให้ผลิตน้ำนมได้ดีขึ้น คุณแม่ให้ลูกเข้าเต้าดูดนมบ่อย ๆ ในช่วงกลางวันทุก 2-3 ชั่วโมง และช่วงกลางคืนทุก 3-4 ชั่วโมง
6. ห้ามรับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ
คุณแม่หลังคลอดไม่ควรรับประทานอาหารที่ปรุงไม่สุก หรือไม่ผ่านการปรุง เช่น ไข่ดิบ ซูชิ ปลาร้า แหนม ฯลฯ เพราะอาจไม่สะอาดและมีแบคทีเรียที่ก่อให้อาการท้องเสีย อาหารเป็นพิษ
7. ห้ามดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เด็ดขาด
การดื่มแอลกอฮอล์ของคุณแม่หลังคลอด เป็นอันตรายต่อพัฒนาการสมองการเรียนรู้ของลูกน้อย เพราะแอลกอฮอล์ส่งผ่านมาทางน้ำนมได้ และยังส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณแม่ด้วย
หลังผ่าคลอด ควรอยู่โรงพยาบาลกี่วัน
คุณแม่หลังผ่าคลอดจะเริ่มฟื้นตัวได้ดีขึ้นภายใน 12 ชั่วโมง ในคุณแม่ผ่าคลอดจะต้องอยู่พักฟื้นที่โรงพยาบาลนานประมาณ 4 วัน ช่วงระหว่างที่คุณแม่พักฟื้นที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่พยาบาลจะมาตรวจชีพจร วัดความดันของคุณแม่ทุก 4 ชั่วโมง
ทำไมหลังผ่าคลอด คุณแม่จึงควรขยับตัวให้เร็วที่สุด?
คุณแม่หลังผ่าคลอดเมื่อฟื้นตัวได้ดีขึ้น คุณหมอจะแนะนำให้คุณแม่พยายามพลิกตัว และลุกเดินบ่อย ๆ ก็เพื่อช่วยกระตุ้นให้ลำไส้กลับมาทำงานปกติ และป้องกันไม่เกิดพังพืดตรงบริเวณแผลผ่าตัด
หลังผ่าคลอด คุณแม่จะมีอาการอย่างไร
การคลอดด้วยวิธีการผ่าคลอด คุณแม่จะมีอาการต่าง ๆ ดังนี้เกิดขึ้นได้หลังฟื้นตัวจากการผ่าตัดคลอด
- คลื่นไส้อาเจียน: ผลข้างเคียงจากยาบล็อกหลัง เมื่อฟื้นตัวขึ้นมาหลังคลอด คุณแม่จะมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนได้
- ขยับขาไม่ได้: ยาบล็อกหลังที่ฉีดเข้าที่ช่องไขสันหลัง จะทำให้คุณแม่ชาไม่มีความรู้สึกไปถึงช่วงขาทั้งสองข้าง เมื่อฟื้นตัวขึ้นมาหลังคลอด ผลค้างเขียงจากฤทธิ์ยาบล็อกหลัง คุณแม่จะไม่สามารถขยับขาและลุกขึ้นนั่ง หรือเดินได้ในทันที แต่หลังจาก 2-4 ชั่วโมงหลังคลอดไปแล้ว คุณแม่จะรู้ขยับขาได้เป็นปกติ
- ปวดแผลผ่าตัดคลอด: ในช่วงแรกหลังคลอดคุณแม่จะมีอาการปวดแผลผ่าตัดมาก เนื่องจากเต้านมถูกกระตุ้นจากการดูดนมของลูกน้อย ทำให้มดลูกหดรัดตัว
- เจ็บหัวนมสองข้าง: หลังคลอดคุณแม่จะรู้สึกได้ถึงความไวของหัวนมจนรู้สึกเจ็บ และเมื่อให้ลูกน้อยเข้าเต้าดูดนม อาการเจ็บหัวนมจะหายไปภายใน 1 นาที และหลังคลอดประมาณหนึ่งสัปดาห์ อาการเจ็บหัวนมก็จะหายเป็นปกติ
วิธีลุกจากเตียง หลังผ่าคลอด
คุณแม่ผ่าคลอดหากจะลุกขึ้นจากเตียงต้องมีท่าในการพยุงตัวให้ลุกขึ้นจากเตียงได้ง่าย เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนเจ็บแผลผ่าตัด
- ก่อนที่จะลุกขึ้นจากเตียง ให้คุณแม่พลิกตัวนอนตะแคงตามด้านที่คุณแม่ถนัด
- จากนั้นให้ใช้ข้อศอกข้างที่อยู่ด้านล่างยันขึ้นกับพื้นเตียง
- ใช้แขนอีกข้างเกาะเหล็กกั้นเตียง
- คุณแม่พยุงตัวเองขึ้นมาอยู่ในท่าตะแคง จากนั้นก็ลุกออกจากเตียง
อาหารที่คุณแม่หลังผ่าคลอดควรรับประทาน
- อาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ และเน้นเพิ่มอาหารกลุ่มโปรตีน เพื่อช่วยบำรุงฟื้นฟูให้ร่างกายหลังผ่าคลอดแข็งแรง และกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำนมสำหรับลูกน้อย
- อาหารที่ช่วยกระตุ้นเพิ่มน้ำนม เช่น กะเพรา ขิง กระเทียม ฟักทอง เป็นต้น
- อาหารที่ปรุงสุก สดใหม่
แผลผ่าคลอดที่ผิดปกติ เป็นอย่างไร
คุณแม่หลังผ่าคลอดอาจเกิดความผิดปกติขึ้นที่แผลผ่าคลอดได้ ซึ่งหากคุณแม่มีอาการเหล่านี้ ให้ไปโรงพยาบาลทันที
- แผลบวม แดง
- รู้สึกร้อนบริเวณแผล
- มีเลือดซึมออกมา
- มีไข้ร่วมด้วย
น้ำนมแม่มีประโยชน์ดีต่อพัฒนาการสมองการเรียนรู้ และระบบภูมิคุ้มของลูกน้อย คุณแม่ควรให้ลูกได้กินนมแม่ให้เร็วที่สุดหลังคลอด นมแม่มีสารอาหารกว่า 200 ชนิด รวมทั้งสารอาหารสำคัญอย่าง สฟิงโกไมอีลิน ดีเอชเอ ที่เป็นสารอาหารเพื่อพัฒนาให้สมองมีการเรียนรู้ได้เร็ว และมีจุลินทรีย์สุขภาพหลายสายพันธุ์ เช่น B. lactis ช่วยกระตุ้นสร้างภูมิคุ้มกันในลำไส้ให้แข็งแรง
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
- พัฒนาการทารกในครรภ์ 1-40 สัปดาห์ ที่แม่มือใหม่ห้ามพลาด
- อาการแพ้ท้องของคุณแม่ แพ้ท้องพะอืดพะอม แก้ยังไง พร้อมวิธีรับมือ
- อาการคนท้องระยะแรก สัญญาณการตั้งครรภ์เป็นแบบนี้
- เมนูคนท้อง อาหารคนท้องบำรุงคุณแม่ท้อง ดีต่อลูกในครรภ์
- คนท้องห้ามกินอะไร อาหารที่ส่งผลเสียต่อคุณแม่ตั้งครรภ์
- วิธีนับอายุครรภ์ คำนวณอายุครรภ์ด้วยตัวเอง ก่อนคลอด
- สัญญาณอาการใกล้คลอด เจ็บท้องคลอด อาการก่อนคลอดของคุณแม่
- บล็อกหลังผ่าคลอด คืออะไร เรื่องที่คุณแม่ต้องรู้ เกี่ยวกับการบล็อกหลัง
- ผ่าคลอด กี่สัปดาห์ ท้องกี่สัปดาห์คลอด ถึงปลอดภัยสำหรับลูกน้อย
- ของใช้เตรียมคลอด ที่คุณแม่มือใหม่ควรเตรียมของไปคลอด
- คุณแม่ผ่าคลอดได้กี่ครั้ง ผ่าคลอดมีลูกได้กี่คน ผ่าคลอดบ่อยอันตรายไหม
- ออกกําลังกายหลังคลอด สำหรับคุณแม่หลังผ่าคลอด
- ฤกษ์คลอด ฤกษ์ผ่าคลอด วันมงคล เวลาดี สำหรับลูกรัก
อ้างอิง:
- คำแนะนำการปฏิบัติตนก่อนและหลังผ่าตัดคลอดบุตร, โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
- การดูแลหลังคลอด แบบผ่าตัดทางหน้าท้อง, โรงพยาบาลสมิติเวช
- คุณแม่มือใหม่ ต้องเตรียมตัวอย่างไรหลังคลอด ?, โรงพยาบาลวิมุต
- 6 คำแนะนำหลังคลอดบุตร, โรงพยาบาลเปาโล
- คำถามยอดฮิตที่คุณแม่ผ่าคลอดอยากรู้, โรงพยาบาลศิครินทร์
- ให้นมลูกอยู่คุณแม่ห้ามกินอะไรบ้าง, โรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล อ้อมน้อย
- ผ่าคลอดกี่ครั้งถึงไม่อันตราย?...รวมเรื่องน่ารู้ก่อนเตรียมตัวผ่าคลอด, โรงพยาบาลพญาไท
- การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดคลอด, โรงพยาบาลพษณุเวช พิจิตร
- ผ่าคลอด! บล็อกหลังหรือดมยาสลบดี?, โรงพยาบาลศิครินทร์
- โรคหลังคลอด ที่คุณแม่ต้องเตรียมรับมือ, โรงพยาบาลกรุงเทพ
- คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดทางนรีเวช, โรงพยาบาลเปาโล
- 8 เคล็ดลับดูแลแผลผ่าคลอดให้แผลสวย หายไว ฟื้นตัวเร็ว, โรงพยาบาลวิมุต
อ้างอิง ณ วันที่ 25 ธันวาคม 2566