ข้อห้ามหลังผ่าคลอดมีอะไรบ้าง พร้อมวิธีลุกจากเตียง หลังผ่าคลอด

10 ข้อห้ามหลังผ่าคลอด พร้อมวิธีลุกจากเตียงหลังผ่าตัดคลอด

แม่ผ่าคลอด
บทความ
ก.พ. 2, 2024
8นาที

การผ่าคลอดลูกเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่ต้องใช้เวลาพักฟื้น เพื่อให้แผลหายเร็วและกลับมาแข็งแรงได้เร็ว หลังผ่าคลอด คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมบางอย่างที่อาจส่งผลเสียต่อแผลผ่าตัดและสุขภาพโดยรวม และนี่คือ 10 ข้อห้ามหลังผ่าคลอด พร้อมวิธีลุกจากเตียงอย่างถูกต้อง เพื่อให้คุณแม่ดูแลตัวเองหลังคลอดได้อย่างมั่นใจ

10 ข้อห้ามหลังผ่าคลอด พร้อมวิธีลุกจากเตียงหลังผ่าตัดคลอด

 

สรุป

  • ลูกน้อยจะได้รับสารอาหาร และรสชาติของอาหารจากที่คุณแม่รับประทานเข้าไป ผ่านมาทางน้ำนมแม่ ดังนั้นคุณแม่ไม่ควรรับประทานอาหารรสจัด อาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีประโยชน์ ได้แก่ ของหมักดอง น้ำอัดลม ชา กาแฟ และแอลกอฮอล์
  • หลังผ่าคลอดคุณแม่จะฟื้นตัวดีขึ้นใน 12 ชั่วโมง และต้องอยู่พักฟื้นเพื่อติดตามอาการหลังคลอดที่โรงพยาบาลอีกประมาณ 4 วัน
  • หลังผ่าคลอดคุณแม่ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ก่อน 6 สัปดาห์ เนื่องจากแผลผ่าตัดยังไม่หายดี และยังมีน้ำคาวปลา ช่วงเวลาที่เหมาะสมหากต้องการมีเพศสัมพันธ์ช่วง 6 สัปดาห์ขึ้นไป
  • อาการของแผลผ่าคลอดที่มีความปกติ ได้แก่ แผลบวม แดง ร้อนบริเวณแผล มีเลือดซึมออกมา และมีไข้ร่วมด้วย

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

หลังผ่าตัดคลอด คุณแม่จึงควรขยับตัวให้เร็วที่สุด

คุณแม่หลังผ่าตัดคลอดเมื่อฟื้นตัวได้ดีขึ้น คุณหมอจะแนะนำให้คุณแม่พยายามพลิกตัว และลุกเดินบ่อย ๆ ก็เพื่อช่วยกระตุ้นให้ลำไส้กลับมาทำงานปกติ และป้องกันไม่เกิดพังพืดตรงบริเวณแผลผ่าตัด การเคลื่อนไหวเบา ๆ ยังช่วยเสริมการฟื้นตัวของกล้ามเนื้อและร่างกายโดยรวมได้ด้วย

 

หลังผ่าคลอด ควรอยู่โรงพยาบาลกี่วัน

คุณแม่หลังผ่าคลอดจะเริ่มฟื้นตัวได้ดีขึ้นภายใน 12 ชั่วโมง ในคุณแม่ผ่าคลอดจะต้องอยู่พักฟื้นที่โรงพยาบาลนานประมาณ 4 วัน ช่วงระหว่างที่คุณแม่พักฟื้นที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่พยาบาลจะมาตรวจชีพจร วัดความดันของคุณแม่ทุก 4 ชั่วโมง

 

10 ข้อห้ามหลังผ่าคลอด คุณแม่ไม่ควรทำอะไรบ้าง

หลังผ่าตัดคลอด คุณแม่ยังไม่สามารถกลับไปทำในหลายเรื่องที่เคยทำได้ก่อนที่จะมีการตั้งครรภ์ นั่นก็เพราะเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพร่างกายของคุณแม่และลูกน้อย

1. ห้ามรับประทานอาหารรสจัด

24 ชั่วโมงแรก คุณแม่จะยังไม่สามารถดื่มน้ำและรับประทานอาหาร จนกว่าลำไส้จะกลับมาทำงานได้เป็นปกติ เมื่อผ่าน 24 ชั่วโมงไปแล้ว คุณแม่ก็จะเริ่มได้จิบน้ำ และรับประทานอาหารได้เล็กน้อยเป็นซุป หรือน้ำแกงจืด และค่อย ๆ ปรับเป็นข้าวต้มนิ่ม ๆ โจ๊ก อาหารที่รับประทานได้ช่วงแรกหลังคลอดจะเป็นอาหารที่ย่อยง่าย และมีรสชาติจืด

เมื่อคุณแม่กลับมาพักฟื้นร่างกายที่บ้าน การรับประทานอาหารสำหรับคุณแม่ผ่าคลอด จะต้องหลากหลายมีประโยชน์ครบ 5 หมู่ เพื่อที่ร่างกายจะได้ผลิตน้ำนมออกมาได้ปริมาณที่เพียงพอสำหรับลูกน้อย อาหารที่ดีกับร่างกาย ระบบขับถ่ายของคุณแม่หลังคลอดได้แก่ ผัก ผลไม้ที่มีไฟเบอร์ และอาหารที่ช่วยกระตุ้นสร้างน้ำนม เช่น ขิง ฟักทอง หัวปลี ฯลฯ

2. ห้ามนอนเฉย ๆ ตลอดเวลา

หลังผ่าคลอดตั้งแต่วันแรก คุณหมอจะแนะนำให้คุณแม่ลุกยืน เดินช้า ๆ ก้าวสั้น ๆรอบเตียง เพื่อกระตุ้นให้ลำไส้กลับมาขยับและทำงานเป็นปกติ การลุกเดินหลังผ่าคลอดยังช่วยป้องกันการเกิดอาการท้องอืดอีกด้วย

3. ห้ามละเลยดูแลแผลผ่าคลอด

  • ดูแลแผลผ่าคลอด: ก่อนคุณแม่กลับมาพักฟื้นร่างกายหลังคลอดที่บ้าน สำหรับแผลผ่าตัดคุณหมอจะปิดแผลด้วยแผ่นติดชนิดกันน้ำให้ คุณแม่สามารถอาบน้ำได้ตามปกติ เพียงแต่ต้องระวังอย่าให้น้ำซึมเข้าไปในแผ่นแปะปิดแผล และพอครบ 7 วันหลังคลอด คุณหมอก็จะนัดคุณแม่เพื่อมาตรวจดูแผลผ่าตัดและตัดไหมออกให้
  • แผลผ่าคลอดกี่วันหาย: คุณแม่จะได้รับคำแนะนำในการดูแลแผลผ่าคลอดก่อนออกจากโรงพยาบาล และโดยปกติแผลจะใช้เวลาประมาณ 7 วันในการหายเป็นปกติ และคุณแม่จะต้องดูแลตัวเองต่อที่บ้านอีกประมาณ 6-8 สัปดาห์จนกว่าแผลจะหายสนิท

 

4. ห้ามมีเพศสัมพันธ์

คุณแม่ที่คลอดลูกด้วยวิธีผ่าคลอด อาจสงสัยว่า 'หลังคลอด 1 เดือนมีเพศสัมพันธ์ได้ไหม' โดยทั่วไป แพทย์จะ แนะนำคุณแม่ที่คลอดธรรมชาติงดมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลา 4 สัปดาห์หลังคลอค แต่ในกรณี คุณแม่ผ่าคลอดอาจต้องรอจนถึง 6 สัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวเต็มที่ และแผลผ่าตัดแห้งสนิท เพราะถ้าแผลผ่าตัดยังไม่หายจะทำให้คุณแม่รู้สึกเจ็บและไม่สบายตัวขณะมีเพศสัมพันธ์ได้ แนะนำให้คุณแม่พบคุณหมอเพื่อตรวจดูแผลผ่าตัดก่อนมีเพศสัมพันธ์

5. ห้ามหยุดให้นมลูก

ผลข้างเคียงของการผ่าคลอด อาจทำให้ร่างกายคุณแม่ผลิตน้ำนมออกมาได้ช้า การแก้ไขก็คือให้ลูกเข้าเต้ากินนมแม่หลังคลอดให้เร็วที่สุด การเข้าเต้าจะไปช่วยกระตุ้นร่างกายให้ผลิตน้ำนมได้ดีขึ้น คุณแม่ให้ลูกเข้าเต้าดูดนมบ่อย ๆ ในช่วงกลางวันทุก 2-3 ชั่วโมง และช่วงกลางคืนทุก 3-4 ชั่วโมง

6. ห้ามรับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ

คุณแม่ผ่าคลอด ห้ามกินอะไรบ้าง? หลังผ่าคลอด คุณแม่ควรใส่ใจเรื่องอาหารเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันอาการท้องอืด ท้องเสีย ซึ่งอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เช่น นม น้ำอัดลม แอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน อาหารรสจัด และอาหารประเภทหมักดองต่าง ๆ

7. ห้ามดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

การดื่มแอลกอฮอล์ของคุณแม่หลังคลอด เป็นอันตรายต่อพัฒนาการสมองการเรียนรู้ของลูกน้อย เพราะแอลกอฮอล์ส่งผ่านมาทางน้ำนมได้ และยังส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณแม่ด้วย

8. ห้ามแช่อ่างอาบน้ำ

สำหรับคุณแม่ที่ผ่าคลอด แพทย์จะแนะนำให้เช็ดตัวในช่วงแรก หากแพทย์เปลี่ยนผ้าปิดแผลเป็นพลาสเตอร์กันน้ำแล้ว สามารถอาบน้ำได้ตามปกติ ให้น้ำไหลผ่าน พลาสเตอร์ได้โดยที่แผลไม่เปียกน้ำ แต่ห้ามแช่อ่างอาบน้ำ ควรสังเกตว่าพลาสเตอร์ลอกหรือมีน้ำซึมเข้าแผลหรือไม่ หากมีน้ำซึมเข้าไปในพลาสเตอร์ให้เปลี่ยนใหม่

9. ห้ามขับรถ

เพื่อความปลอดภัยในการขับรถหลังผ่าคลอด ควรเว้นระยะอย่างน้อย 6 สัปดาห์ เนื่องจากกิจกรรมดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อแผลผ่าตัดได้ เช่น การเสียดสีหรือสัมผัสบริเวณแผลจากเข็มขัดนิรภัย หรือแรงสั่นสะเทือนขณะขับขี่ ซึ่งอาจทำให้เกิดเลือดออกและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม

10. ห้ามยกของหนัก

ในช่วง 6 สัปดาห์แรกหลังผ่าคลอด คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง เนื่องจากการยกของหนักหรือเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องอาจทำให้แผลอักเสบ และมดลูกเคลื่อนต่ำลงมาได้

 

หลังผ่าคลอด คุณแม่จะมีอาการอย่างไร

การคลอดลูกด้วยการผ่าตัดคลอด คุณแม่จะมีอาการต่าง ๆ หลังผ่าคลอดที่เกิดขึ้นได้หลังฟื้นตัวจากการผ่าตัดคลอด

1. คลื่นไส้อาเจียน

ผลข้างเคียงจากยาบล็อกหลังผ่าคลอด  เมื่อฟื้นตัวขึ้นมาหลังคลอด คุณแม่จะมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนได้ 

2. ขยับขาไม่ได้

ยาบล็อกหลังที่ฉีดเข้าที่ช่องไขสันหลัง จะทำให้คุณแม่ชาไม่มีความรู้สึกไปถึงช่วงขาทั้งสองข้าง เมื่อฟื้นตัวขึ้นมาหลังคลอด ผลค้างเขียงจากฤทธิ์ยาบล็อกหลัง คุณแม่จะไม่สามารถขยับขาและลุกขึ้นนั่ง หรือเดินได้ในทันที แต่หลังจาก 2-4 ชั่วโมงหลังคลอดไปแล้ว คุณแม่จะรู้ขยับขาได้เป็นปกติ 

3. ปวดแผลผ่าตัดคลอด

ในช่วงแรกหลังผ่าตัดคลอด คุณแม่จะมีอาการเจ็บแผลผ่าตัด มาก เนื่องจากเต้านมถูกกระตุ้นจากการดูดนมของลูกน้อย ทำให้มดลูกหดรัดตัว 

4. เจ็บหัวนมสองข้าง

หลังผ่าตัดคลอด คุณแม่จะรู้สึกได้ถึงความไวของหัวนมจนรู้สึกเจ็บ และเมื่อให้ลูกน้อยเข้าเต้าดูดนม อาการเจ็บหัวนมจะหายไปภายใน 1 นาที และหลังคลอดประมาณหนึ่งสัปดาห์ อาการเจ็บหัวนมก็จะหายเป็นปกติ

 

อาการแผลผ่าคลอดผิดปกติ หลังผ่าตัดคลอด

อาการหลังผ่าตัดคลอด คุณแม่อาจพบความผิดปกติที่แผลผ่าคลอดได้ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือภาวะแทรกซ้อนที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์โดยเร็ว หากพบอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบไปโรงพยาบาลทันที เพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือภาวะอักเสบที่อาจรุนแรงขึ้นหลังผ่าตัดคลอด

1. แผลบวม แดง

อาการบวมและแดงบริเวณแผลอาจเป็นสัญญาณของการอักเสบหรือติดเชื้อ ซึ่งต้องตรวจเช็กและรับการรักษาจากแพทย์ทันที 

2. รู้สึกร้อนบริเวณแผล

หากรู้สึกร้อนที่แผลผ่าตัด อาจเป็นอาการบ่งบอกถึงการติดเชื้อที่เริ่มลุกลามในเนื้อเยื่อรอบ ๆ แผล 

3. มีเลือดซึมออกมา

การมีเลือดหรือหนองซึมออกมาจากแผลเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือการเปิดแผล หากพบลักษณะนี้ต้องรีบพบแพทย์ทันที 

4. มีไข้ร่วมด้วย

การมีไข้สูงหลังผ่าตัดอาจเกิดจากการติดเชื้อในร่างกาย เป็นภาวะที่ต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากสามารถลุกลามและส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม

 

วิธีลุกจากเตียงหลังผ่าคลอด สำหรับแม่ผ่าตัดคลอด

วิธีลุกจากเตียงหลังผ่าคลอด คุณแม่ต้องระมัดระวังในการลุกขึ้นจากเตียง เพื่อลดความเสี่ยงในการกระทบกระเทือนแผลผ่าตัด การลุกขึ้นในท่าที่ถูกต้อง สามารถช่วยลดอาการเจ็บปวดและช่วยให้การฟื้นตัวเร็วขึ้น

  1. นอนตะแคง ก่อนลุกจากเตียง ให้คุณแม่พลิกตัวนอนตะแคงไปด้านที่ถนัด โดยขยับช้า ๆ เพื่อไม่ให้แผลตึงหรือเจ็บ
  2. ใช้ข้อศอกยันพื้นเตียง ขยับแขนด้านล่าง ใช้ข้อศอกยันกับพื้นเตียงเพื่อช่วยพยุงตัวเองขึ้น
  3. ใช้แขนอีกข้างเกาะเหล็กกั้นเตียง ใช้มืออีกข้างจับเหล็กกั้นเตียงเพื่อช่วยดึงตัวขึ้น ซึ่งจะช่วยลดแรงที่อาจไปกระทบแผล
  4. พยุงตัวขึ้นในท่าตะแคง ค่อย ๆ พยุงตัวให้อยู่ในท่านั่ง โดยเริ่มจากท่านอนตะแคงแล้วขยับลำตัวช้า ๆ จนลุกออกจากเตียงได้

  

อาหารที่คุณแม่หลังผ่าคลอดควรรับประทาน

การเลือกอาหารที่เหมาะสมและมีคุณค่าทางโภชนาการสูงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคุณแม่หลังผ่าคลอด เพราะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้นและเสริมสร้างพลังงานในการดูแลลูกน้อย รวมถึงการผลิตน้ำนมที่เพียงพอ 

อาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ เน้นโปรตีนสูง

อาหารครบ 5 หมู่ที่เน้นโปรตีนจะช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อและฟื้นฟูร่างกายหลังการผ่าคลอด เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ เต้าหู้ และถั่ว โปรตีนยังช่วยเสริมสร้างน้ำนมและพลังงานให้กับคุณแม่เพื่อดูแลลูกน้อย 

อาหารที่ช่วยกระตุ้นเพิ่มน้ำนม

อาหารบางชนิดสามารถช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำนม เช่น กะเพรา ขิง กระเทียม ฟักทอง ขมิ้น และใบแมงลัก ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนมและกระตุ้นให้ไหลสะดวกขึ้น

อาหารที่ปรุงสุก สดใหม่

ควรเลือกอาหารที่ปรุงสุก สะอาด และสดใหม่ทุกวัน เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อที่อาจส่งผลต่อแผลผ่าคลอด รวมถึงลดความเสี่ยงในการเกิดอาการท้องอืดหรือไม่สบายท้อง
 

น้ำนมแม่มีประโยชน์ดีต่อพัฒนาการสมองการเรียนรู้ และระบบภูมิคุ้มของลูกน้อย คุณแม่ควรให้ลูกได้กินนมแม่ให้เร็วที่สุดหลังคลอด นมแม่มีสารอาหารกว่า 200 ชนิด รวมทั้งสารอาหารสำคัญอย่าง แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน ดีเอชเอ ที่เป็นสารอาหารเพื่อพัฒนาให้สมองมีการเรียนรู้ได้เร็ว และมีจุลินทรีย์สุขภาพหลายสายพันธุ์ เช่น B. lactis ช่วยกระตุ้นสร้างภูมิคุ้มกันในลำไส้ให้แข็งแรง

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่

 

 

อ้างอิง:

  1. คำแนะนำการปฏิบัติตนก่อนและหลังผ่าตัดคลอดบุตร, โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
  2. การดูแลหลังคลอด แบบผ่าตัดทางหน้าท้อง, โรงพยาบาลสมิติเวช
  3. คุณแม่มือใหม่ ต้องเตรียมตัวอย่างไรหลังคลอด ?, โรงพยาบาลวิมุต
  4. 6 คำแนะนำหลังคลอดบุตร, โรงพยาบาลเปาโล
  5. คำถามยอดฮิตที่คุณแม่ผ่าคลอดอยากรู้, โรงพยาบาลศิครินทร์
  6. ให้นมลูกอยู่คุณแม่ห้ามกินอะไรบ้าง, โรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล อ้อมน้อย
  7. ผ่าคลอดกี่ครั้งถึงไม่อันตราย?...รวมเรื่องน่ารู้ก่อนเตรียมตัวผ่าคลอด, โรงพยาบาลพญาไท
  8. การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดคลอด, โรงพยาบาลพษณุเวช พิจิตร
  9. ผ่าคลอด! บล็อกหลังหรือดมยาสลบดี?, โรงพยาบาลศิครินทร์
  10. โรคหลังคลอด ที่คุณแม่ต้องเตรียมรับมือ, โรงพยาบาลกรุงเทพ
  11. คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดทางนรีเวช, โรงพยาบาลเปาโล
  12. 8 เคล็ดลับดูแลแผลผ่าคลอดให้แผลสวย หายไว ฟื้นตัวเร็ว, โรงพยาบาลวิมุต
  13. แม่หลังคลอด ดูแลสุขภาพและแผลผ่าคลอดอย่างไร ช่วยให้หายไว, โรงพยาบาล MedPark
  14. 6 คำแนะนำหลังคลอดบุตร, โรงพยาบาลพญาไท
  15. คำแนะนำการปฏิบัติตัวหลังคลอด, โรงพยาบาลวิภาวดี
  16. ผ่าคลอด สิ่งที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรรู้, โรงพยาบาลสมิติเวช
  17. 8 เคล็ดลับดูแลแผลผ่าคลอดให้แผลสวย หายไว ฟื้นตัวเร็ว, โรงพยาบาลวิมุต

อ้างอิง ณ วันที่ 25 ธันวาคม 2566 / วันที่ 16 มีนาคม 2568