ผ่าคลอดได้กี่ครั้ง ผ่าคลอดมีลูกได้กี่คน ผ่าคลอดบ่อย อันตรายไหม
ผ่าคลอด (Cesarean Section) คือการคลอดลูกด้วยวิธีการผ่าตัดตรงบริเวณหน้าท้อง ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ที่แพทย์จะวินิจฉัยการคลอดด้วยวิธีผ่าคลอดให้กับคุณแม่นั้น มาจากการที่ไม่สามารถคลอดธรรมชาติได้เอง เนื่องจากมีปัญหาสุขภาพระหว่างตั้งครรภ์ที่อาจมีความเสี่ยงต่อการคลอด เช่น ช่วงเชิงกรานของคุณแม่แคบ มีภาวะรกเกาะต่ำ มีภาวะครรภ์เป็นพิษ การตั้งครรภ์แฝด และทารกในครรภ์ไม่อยู่ในท่ากลับศีรษะที่พร้อมต่อการคลอดธรรมชาติ
PLAYING: ผ่าคลอดได้กี่ครั้ง ผ่าคลอดมีลูกได้กี่คน ผ่าคลอดบ่อย อันตรายไหม
สรุป
- ผ่าคลอด C-Section คือการคลอดด้วยวิธีการผ่าตัดตรงบริเวณหน้าท้อง เป็นการคลอดที่คุณแม่ไม่สามารถคลอดได้ด้วยวิธีธรรมชาติ
- การคลอดลูกด้วยวิธีการผ่าคลอดไม่ควรเกิน 3 ครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบอันตรายต่อสุขภาพของคุณแม่
- การผ่าคลอดในครรภ์แรก คุณแม่สามารถคลอดธรรมชาติได้ในครรภ์ที่สอง แต่ต้องขึ้นอยู่กับสุขภาพของคุณแม่เป็นสำคัญ และต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ที่ดูแลครรภ์ ว่าคุณแม่สามารถคลอดด้วยวิธีธรรมชาติได้อย่างปลอดภัย
- คุณแม่ผ่าคลอด ควรเว้นจากการตั้งครรภ์ที่สองไปประมาณ 1-2 ปี เพื่อให้สุขภาพร่างกายมีความแข็งแรงพร้อมสมบูรณ์ในการตั้งครรภ์คุณภาพ
ในทางการแพทย์กำหนดไว้ว่าผู้หญิงที่ตั้งครรภ์สามารถคลอดลูกด้วยวิธีการผ่าคลอดได้ แต่ไม่แนะนำให้เกิน 3 ครั้ง เนื่องจากการผ่าตัดคลอดลูกทุกครั้งจะส่งผลกระทบต่ออวัยวะภายในของคุณแม่อย่างกระเพาะปัสสาวะ ระบบทางเดินทางอาหารที่จะมีการเกิดพังผืดเป็นแผลเป็นขึ้นมา การเกิดพังผืดจากการผ่าตัดจะไปเกี่ยวรั้งเอาอวัยวะภายในให้เข้ามาอยู่ติดกับมดลูก และที่อันตรายคือมีความเสี่ยงมากที่จะผ่าตัดไปโดนอวัยวะข้างเคียง เมื่อมีการผ่าตัด ทำให้มีความเสี่ยงที่จะผ่าตัดโดนอวัยวะข้างเคียงมากขึ้น
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- ผ่าคลอดแต่ละครั้ง ร่างกายของคุณแม่ต้องเจอกับอะไรบ้าง
- ภาวะแทรกซ้อน ที่เกิดขึ้นจากการผ่าคลอดซ้ำหลายครั้ง
- ผ่าคลอดในครรภ์แรก การตั้งครรภ์ครั้งที่สอง สามารถคลอดธรรมชาติได้หรือไม่
- ผ่าคลอดท้องแรก ทำไมคุณหมอจึงแนะนำให้ผ่าคลอดในครั้งถัดไป
- ผ่าคลอด ควรมีลูกห่างกันกี่ปี จึงจะปลอดภัยที่สุด
- การดูแลสุขภาพร่างกายหลังผ่าคลอด
ผ่าคลอดแต่ละครั้ง ร่างกายของคุณแม่ต้องเจอกับอะไรบ้าง
ปัจจุบันการคลอดลูกด้วยวิธีการผ่าคลอดมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง แต่ทุกครั้งที่ผ่าคลอดก็จะเกิดผลกระทบกับร่างกายของคุณแม่ในหลายเรื่อง ได้แก่
- มีภาวะแทรกซ้อนจากการบล็อกหลังผ่าคลอด
- เสียเลือดปริมาณมากจากการผ่าตัดเปิดหน้าท้อง
- เจ็บแผลหลังคลอดจากการผ่าตัดมาก
- ผ่าตัดคลอดร่างกายจะฟื้นตัวได้ช้ากว่าการคลอดธรรมชาติ
- น้ำนมแม่มาช้า ลูกไม่สามารถกินนมแม่ได้ทันทีหลังคลอด
ภาวะแทรกซ้อน ที่เกิดขึ้นจากการผ่าคลอดซ้ำหลายครั้ง
คุณแม่ที่ตั้งครรภ์และมีการคลอดลูกด้วยวิธีผ่าคลอดซ้ำหลายครั้ง มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ขึ้นกับร่างกาย ได้แก่
- มดลูกแตก: คุณแม่ที่มีการตั้งครรภ์ขณะที่แผลผ่าคลอดยังไม่หายดีจากครรภ์ก่อนหน้า หากมีการตั้งครรภ์ขึ้นก็มีความเสี่ยงมากที่มดลูกจะปริแตกออกมาได้ มดลูกแตกอันตรายถึงชีวิตทั้งกับคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์
- ภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าคลอด: อวัยวะข้างเคียงมดลูก คือกระเพาะปัสสาวะอาจได้รับบาดเจ็บจากการผ่าตัด
- รกเกาะที่แผลมดลูก: การผ่าคลอดทำให้เกิดแผลขึ้นที่ผนังมดลูก ซึ่งมีความเสี่ยงที่รกจะไปเกาะที่แผลมดลูก เกิดภาวะรกเกาะติดแน่นได้ในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป
- พังผืดในช่องท้อง: แผลที่เกิดขึ้นตรงมดลูก และผนังหน้าท้องที่มาจากการผ่าตัดคลอดในทุกการตั้งครรภ์จะทำให้มีการสร้างพังผืดขึ้นมา
ผ่าคลอดในครรภ์แรก การตั้งครรภ์ครั้งที่สอง สามารถคลอดธรรมชาติได้หรือไม่
ในคุณแม่ตั้งครรภ์ท้องแรกหากคลอดลูกด้วยวิธีผ่าคลอด ในการตั้งครรภ์ครั้งที่สองสามารถคลอดด้วยวิธีธรรมชาติได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าสามารถคลอดได้หรือไม่ โดยแพทย์จะดูจากประวัติการคลอดในครรภ์แรกว่าด้วยสาเหตุใดจึงต้องผ่าคลอด
สำหรับคุณแม่คลอดธรรมชาติในครรภ์ที่สอง แพทย์จะต้องทราบก่อนว่าด้วยสาเหตุใดคุณแม่จึงผ่าคลอดในครรภ์ก่อนหน้า ตัวอย่างเช่น ทารกในครรภ์อยู่ในท่าที่ผิดปกติ หรือรกเกาะอยู่ในตำแหน่งที่ผิดปกติ ซึ่งในกรณีนี้ในครรภ์ที่สองคุณแม่สามารถคลอดธรรมชาติได้ แต่หากถ้าคุณแม่เคยผ่าคลอดในครรภ์ก่อนหน้าด้วยเหตุเพราะอุ้งเชิงกรานแคบ หรือทารกในครรภ์มีขนาดตัวใหญ่ ในครรภ์ที่สองนี้ก็อาจจะคลอดธรรมชาติได้ยาก และมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นหากคุณแม่มีประวัติเคยเข้ารับการผ่าตัดมดลูก หรือผ่าคลอดมาแล้วมากกว่า 1 ครั้ง หรือทารกมีขนาดตัวใหญ่กว่าอุ้งเชิงกราน รวมทั้งคุณแม่มีการตั้งครรภ์ห่างกันไม่ถึง 1 ปี ก็มีความเสี่ยงในการคลอดด้วยเช่นกัน ดังนั้นส่วนมากแพทย์จึงไม่แนะนำให้คลอดธรรมชาติ หากคุณแม่เคยมีปัญหาตามข้างต้น
หากคุณแม่มีความต้องการที่อยากจะคลอดลูกในครรภ์ที่สองด้วยวิธีคลอดธรรมชาติ แนะนำให้เตรียมความพร้อมให้มากที่สุดในเรื่องดังต่อไปนี้
- คุณแม่ตั้งธงกับตัวเองก่อนว่าต้องการคลอดลูกด้วยวิธีธรรมชาติ
- ปรึกษาการตั้งครรภ์กับสูติแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- การดูแลโภชนาการระหว่างการตั้งครรภ์ เพื่อให้ทารกในครรภ์แข็งแรงและมีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ที่ได้มาตรฐาน
- การตั้งครรภ์ และการคลอด ควรอยู่ในการดูแลและปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์
ผ่าคลอดท้องแรก ทำไมคุณหมอจึงแนะนำให้ผ่าคลอดในครั้งถัดไป
เพื่อความปลอดภัยกับทั้งตัวคุณแม่และทารกในครรภ์ หากครรภ์แรกคุณแม่ผ่าคลอด ต่อมาในครรภ์ที่สองคุณหมอจะพิจารณาให้คุณแม่ผ่าคลอด เพื่อป้องกันการเกิดมดลูกแตกจากการบีบตัวปวดท้องคลอด
ผ่าคลอด ควรมีลูกห่างกันกี่ปี จึงจะปลอดภัยที่สุด
คุณแม่ที่ผ่าคลอดหลังคลอด 6 สัปดาห์ยังไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากแผลผ่าตัดยังไม่หายดี เพื่อให้การตั้งครรภ์ครั้งต่อไปเป็นครรภ์ที่สมบูรณ์ แนะนำคุณแม่ดูแลฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรงที่สุด เพื่อพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ คุณแม่ผ่าคลอดควรเว้นการตั้งครรภ์ครั้งใหม่ประมาณ 1-2 ปี
การดูแลสุขภาพร่างกายหลังผ่าคลอด
คุณแม่ผ่าคลอดกลับมามีร่างกายแข็งแรงฟื้นตัวได้เร็ว การปฏิบัติหลังคลอดสำคัญอย่างมาก คำแนะนำหลังผ่าคลอดตั้งแต่วันแรก ๆ ควรลุกเดินรอบเตียงในระยะทางเดินใกล้ เพื่อให้ลำไส้ทำงานได้ปกติ และป้องกันการเกิดอาการท้องอืด
- นอนพักผ่อน: ร่างกายที่อ่อนเพลียจากการผ่าคลอดวันแรก ๆ คุณแม่ควรได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม
- โภชนาการ: หลังผ่าคลอดช่วง 1-2 วันแรก โรงพยาบาลจะให้คุณแม่เริ่มจากการจิบน้ำ และซุปใส และจะค่อย ๆ ได้ปรับมารับประทานเป็นข้าวต้มนิ่ม ๆ
- น้ำคาวปลา: คุณแม่จะมีน้ำคาวปลาตั้งแต่วันแรกหลังคลอด และจะมีไปจนถึงประมาณ 2-3 สัปดาห์ น้ำคาวปลาจะมีมากในช่วงวันแรก ๆ หลังคลอด จากนั้นจะค่อย ๆ ลดปริมาณลงจนหมดไป เพื่อสุขอนามัยที่ดีควรเปลี่ยนผ้าอนามัย 2-3 แผ่นต่อวัน
- แผลผ่าคลอด: แผลผ่าคลอดของคุณแม่ ควรระวังไม่ให้โดนน้ำ และควรสังเกตความผิดปกติ เช่น มีเลือดซึมออกมาจากแผล รอบแผลผ่าตัดมีบวม แดง ร้อน หากคุณแม่มีอาการผิดปกติเหล่านี้ควรกลับไปพบแพทย์ทันที
เพื่อให้ลูกน้อยมีพัฒนาการที่สมบูรณ์ทั้งด้านร่างกาย สติปัญญาการเรียนรู้ และสุขภาพที่แข็งแรง แนะนำคุณแม่ผ่าคลอดเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ในนมแม่มีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด มีสารอาหารที่ช่วยพัฒนาสมองอย่างสฟิงโกไมอีลิน ดีเอชเอ และมีจุลินทรีย์สุขภาพ B. lactis ที่ช่วยเสริมสร้างให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
- พัฒนาการทารกในครรภ์ 1-40 สัปดาห์ ที่แม่มือใหม่ห้ามพลาด
- อาการแพ้ท้องของคุณแม่ แพ้ท้องพะอืดพะอม แก้ยังไง พร้อมวิธีรับมือ
- อาการคนท้องระยะแรก สัญญาณการตั้งครรภ์เป็นแบบนี้
- เมนูคนท้อง อาหารคนท้องบำรุงคุณแม่ท้อง ดีต่อลูกในครรภ์
- คนท้องห้ามกินอะไร อาหารที่ส่งผลเสียต่อคุณแม่ตั้งครรภ์
- วิธีนับอายุครรภ์ คำนวณอายุครรภ์ด้วยตัวเอง ก่อนคลอด
- สัญญาณอาการใกล้คลอด เจ็บท้องคลอด อาการก่อนคลอดของคุณแม่
- บล็อกหลังผ่าคลอด คืออะไร เรื่องที่คุณแม่ต้องรู้ เกี่ยวกับการบล็อกหลัง
- ผ่าคลอด กี่สัปดาห์ ท้องกี่สัปดาห์คลอด ถึงปลอดภัยสำหรับลูกน้อย
- ของใช้เตรียมคลอด ที่คุณแม่มือใหม่ควรเตรียมของไปคลอด
- ออกกําลังกายหลังคลอด สำหรับคุณแม่หลังผ่าคลอด
- ฤกษ์คลอด ฤกษ์ผ่าคลอด วันมงคล เวลาดี สำหรับลูกรัก
อ้างอิง:
- ตอบข้อสงสัย คลอดแบบไหนดี คลอดปกติ VS ผ่าคลอด, โรงพยาบาลนครธน
- ผ่าคลอดกี่ครั้งถึงไม่อันตราย?...รวมเรื่องน่ารู้ก่อนเตรียมตัวผ่าคลอด, โรงพยาบาลพญาไท
- ตอบข้อสงสัย คลอดแบบไหนดี คลอดปกติ VS ผ่าคลอด, โรงพยาบาลนครธน
- อย่าปล่อยให้คุณแม่ตั้งครรภ์ ต้องเผชิญกับภาวะ ”มดลูกแตก”ที่รุนแรงถึงชีวิต, โรงพยาบาลเปาโล
- การผ่าตัดคลอดบุตร, โรงพยาบาลสินแพทย์
- พังผืดในอุ้งเชิงกราน หนึ่งปัญหาที่ทำให้การใช้ชีวิตสะดุด, โรงพยาบาลสมิติเวช
- การคลอดแบบธรรมชาติหลังจากเคยผ่าคลอดมาแล้ว, โรงพยาบาลสมิติเวช
- คำถามยอดฮิตที่คุณแม่ผ่าคลอดอยากรู้, โรงพยาบาลศิครินทร์
- ข้อควรรู้หลังคลอดบุตร, โรงพยาบาลวิชัยยุทธ
- การดูแลหลังคลอด แบบผ่าตัดทางหน้าท้อง, โรงพยาบาลสมิติเวช
- ข้อควรรู้เกี่ยวกับการคลอดธรรมชาติ, โรงพยาบาลสมิติเวช
อ้างอิง ณ วันที่ 22 ธันวาคม 2566