ยาบำรุงครรภ์คนท้อง จำเป็นแค่ไหนสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

สรุป

• คนท้องจำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่สำคัญในระหว่างตั้งครรภ์อย่างครบถ้วน เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ควรเข้ารับการฝากครรภ์เพื่อตรวจประเมินสุขภาพ โดยแพทย์อาจพิจารณาให้คุณแม่รับยาบำรุงครรภ์หรือวิตามินตามคำแนะนำของแพทย์ ควบคู่กับการทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างครบถ้วน
• สารอาหารสำคัญสำหรับคนท้องที่ควรได้รับเพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกายและพัฒนาการที่ดีของสมองลูกน้อย เช่น โฟเลต ธาตุเหล็ก ไอโอดีน โอเมก้า-3 และแคลซียม เป็นต้น
• ในระหว่างที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรดูแลครรภ์อย่างถูกวิธีและเหมาะสม เพื่อให้คุณแม่และลูกน้อยในท้องมีสุขภาพที่ดี ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ และลูกน้อยในท้องเติบโตอย่างแข็งแรงอย่างสมบูรณ์

เลือกอ่านตามหัวข้อ

• ยาบำรุงครรภ์คืออะไร จำเป็นสำหรับคนท้องไหม
• คุณแม่แข็งแรงดี ไม่กินยาบํารุงครรภ์เป็นไรไหม
• คุณแม่ตั้งครรภ์ ไม่ควรซื้อยาบำรุงครรภ์กินเอง
• โภชนาการจากสารอาหารตามธรรมชาติ ทดแทนยาบำรุงครรภ์ได้ไหม
• 8 สารอาหารสำคัญ ยาบำรุงคนท้องที่มีในอาหารธรรมชาติ
• วิธีดูแลครรภ์ ควบคู่กับกับทานยาบำรุงครรภ์ตามคำแนะนำของแพทย์

ยาบำรุงครรภ์คืออะไร จำเป็นสำหรับคนท้องไหม

ยาบำรุงครรภ์หรือวิตามินและแร่ธาตุบางชนิดเพื่อใช้ในการบำรุงครรภ์ คือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนประกอบของวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญต่อการตั้งครรภ์ คุณแม่ที่รู้ว่าตั้งครรภ์ควรเข้ารับการฝากครรภ์ เพื่อรับการประเมินสุขภาพและคำแนะนำในการดูแลตัวเองระหว่างตั้งครรภ์ รวมถึงรับยาบำรุงครรภ์หรือวิตามินตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น เนื่องจากในขณะตั้งครรภ์ร่างกายของคุณแม่จำเป็นต้องได้รับสารอาหารโดยเฉพาะวิตามิน และแร่ธาตุบางชนิดมากกว่าก่อนการตั้งครรภ์ หากคุณแม่ได้รับสารอาหารที่จำเป็นไม่เพียงพออาจส่งผลกระทบต่อลูกน้อยในท้องและคุณแม่ได้ เช่น ทารกคลอดก่อนกำหนดทารกพิการแต่กำเนิด ลูกน้อยน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติ และภาวะแท้ง เป็นต้น

ดังนั้น การใช้ยาบำรุงครรภ์หรือวิตามินบำรุงครรภ์ จึงต้องเป็นไปตามดุลยพินิจของแพทย์เท่านั้น หากแพทย์พิจารณาแล้วว่าคุณแม่จำเป็นต้องได้รับวิตามินเสริมในการบำรุงครรภ์ เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณแม่และการเจริญเติบโตที่ดีของทารกในครรภ์ คุณแม่จึงสามารถรับประทานได้ และไม่ควรซื้อมาทานเอง

คุณแม่แข็งแรงดี ไม่กินยาบํารุงครรภ์เป็นไรไหม

โภชนาการระหว่างตั้งครรภ์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนท้อง เมื่อตั้งครรภ์คุณแม่ควรเข้ารับการฝากครรภ์เพื่อให้แพทย์ตรวจประเมินสุขภาพของคุณแม่และพัฒนาการการเติบโตของทารกน้อยในครรภ์ แม้ว่าคุณแม่จะแข็งแรงดีแต่แพทย์อาจพิจารณาให้คุณแม่รับยาบำรุงครรภ์หรือวิตามินเพิ่มตามความเหมาะสม เพื่อให้คุณแม่ได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการตั้งครรภ์และป้องกันอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์ได้

คุณแม่ตั้งครรภ์ ไม่ควรซื้อยาบำรุงครรภ์กินเอง

คนท้องไม่ควรซื้อยาบำรุงครรภ์หรือวิตามิน รวมถึงยาประเภทอื่น ๆ มากินเอง เนื่องจากยาบางชนิดอาจส่งผลต่อเสียต่อสุขภาพร่างกายและการเจริญเติบโตของลูกน้อยในท้อง ดังนั้น หากคุณแม่ต้องการบำรุงครรภ์ควรกินยาบำรุงครรภ์หรือวิตามินตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น ควบคู่กับการทานอาหารที่หลากหลายและสารอาหารครบถ้วน เพื่อให้คุณแม่ได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการเสริมสร้างสุขภาพที่ดีของคุณแม่และการเติบโตที่สมบูรณ์แข็งแรงของลูกน้อยในท้อง

โภชนาการจากสารอาหารตามธรรมชาติ ทดแทนยาบำรุงครรภ์ได้ไหม

สารอาหารจากธรรมชาติสามารถทดแทนยาบำรุงครรภ์ได้ หากคนท้องได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน อย่างไรก็ตาม คนท้องส่วนใหญ่ต้องการวิตามินและแร่ธาตุมากกว่าก่อนการตั้งครรภ์ ทำให้การรับสารอาหารจากธรรมชาติเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ดังนั้น เมื่อคุณแม่เข้ารับการฝากครรภ์แพทย์อาจพิจารณาให้คุณแม่บางท่านรับยาบำรุงครรภ์หรือวิตามินเพิ่มตามคำแนะนำของแพทย์ควบคู่กับการทานอาหารที่สารอาหารครบถ้วนหลากหลาย เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณแม่และทารกในครรภ์

อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และลูกน้อยในท้อง คนท้องควรกินยาบำรุงครรภ์หรือวิตามินตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
 

8 สารอาหารสำคัญ ยาบำรุงคนท้องที่มีในอาหารธรรมชาติ

สารอาหารเปรียบเสมือนยาบำรุงคนท้องที่ขาดไม่ได้ เพราะสารอาหารส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการทางสมองของลูกน้อยในท้อง ในช่วงตั้งครรภ์คุณแม่จึงต้องเลือกทานอาหารสำหรับคนท้อง ที่ดีมีประโยชน์ให้เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน โดยสารอาหารสำคัญสำหรับคนท้อง ได้แก่

• โฟเลต: หนึ่งในสารอาหารที่สำคัญต่อการสร้างเซลล์ประสาท สมองและไขสันหลังของทารก ทั้งช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง และภูมิคุ้มกันได้ โฟเลต พบมากในตับ ผักใบเขียว และผลไม้อย่างแคนตาลูป
• ธาตุเหล็ก: พบมากในตับ เลือด เนื้อสัตว์ ไข่ และผักใบเขียว หนึ่งในสารอาหารสำคัญสำหรับคนท้องที่ช่วยเพิ่มการสร้างปริมาณเม็ดเลือดแดงให้กับคุณแม่ ช่วยป้องกันไม่ให้คุณแม่เป็นโรคโลหิตจางที่อาจส่งผลต่อพัฒนาการทางสมองของทารกได้
• โปรตีน: คนท้องต้องการโปรตีนไปสร้างเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกัน และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ หากคุณแม่ได้รับโปรตีนไม่เพียงพออาจส่งผลต่อการเจริญเติบโต และพัฒนาการทางสมองของลูกน้อยในท้องได้ โดยโปรตีนพบมากในเนื้อสัตว์ นม ไข่ ถั่วเมล็ดแห้ง และผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง
• ไอโอดีน: สารอาหารที่มีความสำคัญต่อระบบประสาทและพัฒนาการทางสมองของลูกน้อย ช่วยป้องกันไม่ให้ลูกน้อยมีภาวะผิดปกติทางสมอง และการทำงานของกล้ามเนื้อที่ไม่ประสานกัน ไอโอดีนพบมากในปลาทะเล กุ้ง หอย ปลาหมึก และอาหารทะเลอื่น ๆ รวมถึงเกลือเสริมไอโอดีนด้วย
• โอเมก้า 3: พบมากในปลาทะเลอย่างปลาทูน่า ปลาแซลมอน และสาหร่ายทะเล คนท้องควรได้รับโอเมก้า 3 เพื่อการเจริญเติบโตที่ดีของลูกน้อยไม่ว่าจะเป็นพัฒนาการทางสมองและสายตา รวมถึงความจำที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย
• แคลเซียม: คนท้องจำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่มีแคลเซียมเพื่อช่วยในการเสริมสร้างกระดูกและฟันของลูกน้อย ป้องกันไม่ให้คุณแม่เกิดอาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อ และเป็นตะคริวได้ รวมถึงสร้างมวลกระดูกให้มีความหนาแน่นอีกด้วย โดยแคลเซียมจะพบมากในสัตว์จำพวกปลาตัวเล็กที่สามารถทานได้ทั้งกระดูก ถั่วเหลือง และผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ไข่ นมและผลิตภัณฑ์จากนม และผักใบเขียวและสีส้ม เช่น คะน้า ตำลึง แครอท เป็นต้น
• วิตามินซี: มีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจนที่เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของกระดูกและฟัน ทั้งยังสามารถป้องกันอาการแพ้ต่าง ๆ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีอีกด้วย วิตามินซีพบมากในผลไม้อย่างส้ม มะขามป้อม ฝรั่ง และผัก เช่น คะน้า และบรอกโคลี
• วิตามินอี: เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีให้กับร่างกาย ยับยั้งการจับตัวของเกล็ดเลือด และต่อต้านการอักเสบ พบมากในน้ำมันสำหรับปรุงอาหาร ถั่วต่าง ๆ เมล็ดทานตะวัน และงา เป็นต้น

ดังนั้นกล่าวได้ว่า สารอาหารสำคัญในระหว่างมื้ออาหารที่มีประโยชน์ ครบถ้วนและหลากหลาย เปรียบเสมือนยาบำรุงครรภ์ที่ดี เพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบและพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของทารกในครรภ์ และสุขภาพที่ดีของคนท้อง

วิธีดูแลครรภ์ ควบคู่กับกับทานยาบำรุงครรภ์ตามคำแนะนำของแพทย์

ในระหว่างที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรดูแลครรภ์อย่างถูกวิธี เพื่อให้คุณแม่มีสุขภาพที่ดีและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ และลูกน้อยในท้องเติบโตอย่างแข็งแรงและสมบูรณ์ โดยมีคำแนะนำ ดังนี้

1. เข้ารับการฝากครรภ์เมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์: หลังจากที่คุณแม่ทราบว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ควรเข้ารับการฝากครรภ์ทันที เพื่อรับการตรวจสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยในท้อง พร้อมกับรับวิตามินหรือยาบำรุงครรภ์ตามคำแนะนำของแพทย์ ในกรณีที่แพทย์วินิจัยแล้วว่าคุณแม่จำเป็นต้องเสริมวิตามินเพิ่ม รวมถึงวิธีการดูแลตัวเองขณะตั้งครรภ์ที่เหมาะสมและความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ด้วย
2. ทานอาหารที่มีประโยชน์และครบถ้วน: คนท้องจำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบทุกหมู่ และพลังงานที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน เพื่อให้ลูกน้อยมีการเจริญเติบโตทั้งทางร่างกายและสมองที่สมบูรณ์
3. ควบคุมน้ำหนักให้พอดี: คนท้องควรทานอาหารให้พอดีไม่จำเป็นต้องกินอาหารเผื่อลูกในท้อง แต่ให้เน้นการทานอาหารจำพวกโปรตีน ส่วนอาหารจำพวกแป้งและไขมันให้ทานในปริมาณที่พอดี เพราะถ้าคุณแม่ไม่ควบคุมปริมาณอาหารอาจทำให้มีน้ำหนักตัวที่มากเกินไปจนเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์ได้ เช่น น้ำตาลในเลือดสูง หรือความดันโลหิตสูง เป็นต้น
4. รักษาความสะอาดให้ถูกสุขลักษณะ: แม่ท้องควรรักษาความสะอาดของร่างกาย และดูแลสุขภาพของช่องปากอยู่เสมอ เพราะหากคุณแม่ดูแลช่องปากไม่สะอาดอาจทำให้เกิดการติดเชื้อและส่งผลต่อลูกน้อยในท้องได้
5. สวมใส่เครื่องแต่งกายให้เหมาะสม: คนท้องควรสวมเสื้อผ้าที่ไม่แน่นหรือมีแน่นเกินไป ไม่ควรสวมรองเท้าส้นสูง เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ รวมถึงไม่ควรสวมรองเท้าที่แน่นจนเกินไปเพราะอาจทำให้เท้าและขาบวม โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์

ช่วงตั้งครรภ์ คนท้องควรใส่ใจในการดูแลตัวเองเพื่อให้ลูกน้อยในท้องมีสุขภาพที่แข็งแรง มีพัฒนาการที่ดี และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ในอนาคต

โภชนาการคนท้องสำคัญต่อการพัฒนาการทางสมองและการเติบโตของร่างกายลูกน้อย ในแต่ละมื้อคุณแม่ควรคำนึงถึงอาหารที่มีประโยชน์ ควบคู่กับการเสริมยาบำรุงครรภ์ตามคำแนะนำของแพทย์เป็นประจำ เพื่อให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วนและเพียงพอต่อการพัฒนาการสมอง สติปัญญา และการเจริญเติบโตของลูกน้อยตั้งแต่อยู่ในท้องแม่

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่

• Health check แบบประเมินสุขภาพของคุณแม่และพัฒนาการของลูกน้อย
• แผลผ่าคลอดอักเสบข้างใน คุณแม่เจ็บแผลผ่าตัดข้างใน อันตรายไหม
• สักทับรอยผ่าคลอดอันตรายไหม พร้อมวิธีดูแลรอยสักทับแผลผ่าคลอด
• ผ่าคลอดเจ็บไหม ผ่าคลอดดีไหม แม่ผ่าคลอดดูแลแผลผ่าคลอดยังไงดี
• คันแผลผ่าคลอด คุณแม่ทำยังไงดี พร้อมวิธีแก้อาการคันแผลผ่าคลอด
• ผ่าคลอดกินข้าวเหนียวได้ไหม คนท้องกินข้าวเหนียวได้ไหม
• ผ่าคลอดกินไข่ได้ไหม แม่หลังผ่าคลอดกินไข่ได้ไหม ห้ามกินอะไรบ้าง
• ท่านอนหลังผ่าคลอด ท่านอนคนผ่าคลอด คุณแม่นอนแบบไหนถึงดีที่สุด
• ผ่าคลอดเบ่งอุจจาระได้ไหม ท้องผูกหลังผ่าคลอด คุณแม่ทำยังไงดี
• คุณแม่ผ่าคลอดห้ามยกของหนักกี่เดือน ผ่าคลอดยกของหนักได้ตอนไหน
• ไหมละลายหลังคลอดกี่วันหาย แผลผ่าคลอดไหมละลายตอนไหน

 
อ้างอิง:

1. ยาบํารุงครรภ์ คืออะไร และมียาอะไรบ้างที่รับประทานได้, hellokhunmor
2. สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการใช้ยาสำหรับคนท้อง, โรงพยาบาลพญาไท
3. คุณแม่ยุคใหม่... ใส่ใจทานวิตามิน, โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
4. Nutrition in pregnancy, คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
5. สารอาหารสำคัญ คุณแม่ตั้งครรภ์ห้ามพลาด, กรมอนามัย
6. โภชนาการหญิงตั้งครรภ์, โรงพยาบาลศิริราช
7. 5 วิตามินและแร่ธาตุที่ร่างกายไม่ควรขาด, โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
8. แหล่งรวมวิตามินในอาหาร, โรงพยาบาลศิริราช
9. เทคนิคดูแลตัวเองระหว่างตั้งครรภ์อย่างมีสุขภาพดีทั้งแม่และทารกในครรภ์, โรงพยาบาลนครธน

อ้างอิง ณ วันที่ 19 ตุลาคม 2567