
ผ่าคลอด ข้อดี-ข้อเสีย การเตรียมตัว และวิธีดูแลหลังคลอด
คุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่มักเกิดความกังวลต่าง ๆ เกี่ยวกับวิธีการคลอดบุตร ทั้งในเรื่องความปลอดภัยของลูกน้อย ความเจ็บปวดขณะคลอด รวมไปถึงการส่งผลต่อน้ำนมแม่ด้วย โดยทั่วไปวิธีคลอดธรรมชาติเป็นวิธีที่ดีที่สุดหากไม่มีความจำเป็นทางการแพทย์ แต่ก็มีหลายสาเหตุที่คุณหมออาจจำเป็นต้องผ่าคลอด ในปัจจุบันการผ่าคลอดเป็นวิธีการคลอดลูกอีกแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยม เนื่องจากความต้องการของคุณแม่ เช่น สามารถระบุวัน หรือเวลาที่ต้องการคลอดได้ อีกทั้งยังทำให้สามารถเตรียมความพร้อมในการต้อนรับสมาชิกตัวน้อยเข้าสู่ครอบครัวได้อีก การผ่าคลอดจึงเป็นวิธีการคลอดที่ได้รับความนิยมสำหรับคุณแม่ในปัจจุบัน
สรุป
- การ “ผ่าคลอด” เป็นวิธีการคลอดลูกแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยม เพราะคุณแม่สามารถวางแผนการคลอดได้ล่วงหน้า สามารถเตรียมความพร้อมในการต้อนรับสมาชิกตัวน้อยเข้าสู่ครอบครัว
- วิธีการบล็อกหลัง เป็นการช่วยบรรเทาความเจ็บปวดทั้งช่วงเวลาก่อนคลอด และระหว่างผ่าคลอด อีกทั้งมีความปลอดภัย เพราะตัวยาไม่ส่งผ่านไปสู่ทารกในครรภ์
- คุณแม่ตั้งครรภ์โดยทั่วไป สามารถผ่าคลอดได้มากกว่าหนึ่งครั้ง ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินการคลอดและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์
- แผลผ่าคลอดทั่วไปจะมีอาการเจ็บปวดทุเลาลงภายใน 48 ชั่วโมง และไม่ควรโดนน้ำ ไม่แกะแผลก่อนคุณหมอนัดตรวจแผล
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- การผ่าคลอดเจ็บไหม
- ผ่าคลอดกับคลอดเอง เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย คุณแม่ควรเลือกแบบไหน
- วิธีช่วยลดความเจ็บปวด ก่อนคุณแม่ผ่าคลอด
- การผ่าคลอด กับการตั้งครรภ์ครั้งถัดไป คุณแม่ผ่าคลอดลูกได้กี่ครั้ง
- คุณแม่ผ่าคลอดเจ็บแผลนานไหม กี่วันหาย
- ข้อดีของการผ่าคลอด
- ข้อเสียของการผ่าคลอด
การผ่าคลอดเจ็บไหม
เมื่อพูดถึงการผ่าคลอดลูก คุณแม่หลาย ๆ ท่านคงมีคำถามว่าผ่าคลอดเจ็บไหมและมีความกังวลเกี่ยวกับการเจ็บปวดในระหว่างผ่าคลอด รวมไปถึงเจ็บแผลหลังผ่าคลอด ซึ่งปัจจุบันมีวิธีการลดความเจ็บปวดทั้งช่วงเวลาก่อนคลอด และระหว่างผ่าคลอด ด้วยวิธีการบล็อกหลัง หรือชื่อภาษาอังกฤษ คือ Spinal Anesthesia หรือ Spinal Block ซึ่งจะช่วยให้คุณแม่บรรเทาความเจ็บปวดในระหว่างผ่าคลอดลูกได้เป็นอย่างดี โดยไม่ต้องไปกดการหายใจ ไม่มีอาการง่วงซึมเหมือนกับการดมยาสลบ อีกทั้งมีความปลอดภัย เพราะตัวยาไม่ส่งผ่านไปสู่ทารกในครรภ์ โดยก่อนทำการผ่าคลอด คุณหมอจะประเมินความพร้อมทางร่างกายและจิตใจของคุณแม่ ว่าควรเลือกใช้วิธีการใดในการลดความเจ็บปวดขณะผ่าคลอด ที่มีความเหมาะสมและปลอดภัยต่อคุณแม่และลูกน้อยมากที่สุด
ผ่าคลอดกับคลอดเอง เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย คุณแม่ควรเลือกแบบไหน
คุณแม่ตั้งครรภ์หลายคนคงเริ่มมีความกังวลกับการ ผ่าคลอดกับคลอดเอง ว่าแบบไหนมีความปลอดภัยต่อลูกน้อยในครรภ์มากกว่า รวมถึงมีความเจ็บปวดจากการคลอดน้อยที่สุด โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะพิจารณาวิธีการคลอดที่เหมาะสมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์มากที่สุด ซึ่งคุณแม่อาจมีสุขภาพครรภ์ที่พร้อมสำหรับการคลอดได้ทั้งแบบ ผ่าคลอดกับคลอดเอง โดยข้อดี ข้อเสีย ของทั้ง 2 วิธี มีดังนี้
- ผ่าคลอด:
ข้อดี: คุณแม่จะทราบวันคลอดได้ล่วงหน้า และสามารถกำหนดวันเวลาในการผ่าคลอดได้อย่างชัดเจน โดยไม่ต้องมีอาการเจ็บท้องก่อนคลอด อีกทั้งยังใช้เวลาในการผ่าคลอดไม่นาน ประมาณ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมงเท่านั้น รวมถึงลดการยืดหย่อนของเชิงกราน และช่วยลดความเสี่ยงของหัวใจทารกเต้นผิดปกติระหว่างการ รอคลอดได้อีกด้วย
ข้อเสีย: หลังการผ่าคลอด คุณแม่ผ่าคลอดต้องดูแลตนเองตามที่แพทย์แนะนำอย่างใกล้ชิด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหลังผ่าคลอด หรือลดอาการอักเสบหลังผ่าคลอดลูก
- คลอดเอง:
ข้อดี: เหมาะสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีสุขภาพแข็งแรงเป็นปกติ และมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนขณะทำการคลอดน้อย เนื่องจากแผลจากการคลอดเองจะมีขนาดเล็ก โอกาสที่จะติดเชื้อน้อย และการสมานตัวของแผลจะเร็วกว่าการผ่าคลอด ภายหลังคลอด คุณแม่สามารถลุกขึ้นนั่ง ยืน หรือเดินได้อย่างสะดวกคล่องตัว
ข้อเสีย: คุณแม่จะไม่สามารถทราบวันคลอดล่วงหน้า หรือกำหนดวันเวลาที่ต้องการคลอดแบบเฉพาะเจาะจงไม่ได้ รวมถึงในคุณแม่บางรายอาจจะมีการเจ็บท้องก่อนคลอดเป็นระยะเวลานาน
วิธีช่วยลดความเจ็บปวด ก่อนคุณแม่ผ่าคลอด
1. การดมยาสลบ
เป็นการลดความเจ็บปวดขณะผ่าคลอดโดยทำให้คุณแม่ไม่รู้สึกตัว หรือเป็นการทำให้หมดสติไป ซึ่งคุณแม่จะได้ไม่รู้สึกกลัวกับบรรยากาศห้องผ่าคลอด ลดความเครียดวิตกกังวลได้ ซึ่งจะต้องอาศัยวิสัญญีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการดมยาสลบ และใส่ท่อช่วยหายใจในขณะที่ไม่รู้สึกตัว ทั้งนี้เมื่อยาหมดฤทธิ์ คุณแม่อาจมีอาการเจ็บแผลผ่าคลอดมากกว่าวิธีการบล็อกหลังได้ เนื่องจากยาสลบจะไปกดสมองไม่ให้รู้สึกเจ็บปวด รวมไปถึงผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น ระคายคอ เสียงแหบ ไอ จากการสอดท่อช่วยหายใจได้
2. การบล็อกหลัง
วิสัญญีแพทย์จะทำการฉีดยาระงับความรู้สึกเข้าไปในช่องไขสันหลัง ทำให้คุณแม่รู้สึกชาบริเวณกลางลำตัวจนถึงขา แต่ลำตัวช่วงบนจะมีความรู้สึกตามปกติ สามารถสื่อสารกับคุณหมอในระหว่างผ่าคลอดได้ และคุณแม่ยังสามารถได้พบหน้าลูกน้อยทันทีหลังคลอดอีกด้วย ซึ่งวิธีการบล็อกหลัง จะช่วยให้ไม่เจ็บแผลทันทีหลังผ่าคลอด เนื่องจากฤทธิ์ของยาชาที่ยังคงไปกดระบบประสาทอยู่ แต่อาจมีผลข้างเคียง เช่น อาการคลื่นไส้หรืออาเจียน ปัสสาวะไม่ออก ซึ่งคุณแม่อาจจะได้รับการสวนสายปัสสาวะร่วมด้วย
การผ่าคลอด กับการตั้งครรภ์ครั้งถัดไป คุณแม่ผ่าคลอดลูกได้กี่ครั้ง
คุณแม่ตั้งครรภ์โดยทั่วไป สามารถผ่าท้องคลอดได้หลายครั้ง แต่หากเคยผ่าคลอดมาแล้ว 3 ครั้ง อาจมีความเสี่ยงต่ออาการแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ เนื่องจากหลังจากการผ่าคลอดแต่ละครั้ง จะเกิดพังผืดขึ้นสำหรับอวัยวะภายใน ซึ่งจะดึงอวัยวะเข้ามาใกล้มดลูกมากขึ้น ดังนั้น เมื่อมีการผ่าคลอดซ้ำ ๆ คุณแม่อาจมีความเสี่ยงในการผ่าไปโดนอวัยวะที่อยู่ใกล้มดลูก เช่น กระเพาะปัสสาวะ หรือระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงควรปรึกษาคุณหมอและร่วมวางแผนการรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์

คุณแม่ผ่าคลอดเจ็บแผลนานไหม กี่วันหาย
เมื่อได้ยินคำว่า “ผ่าคลอด” คุณแม่หลายท่านมักจินตนาการถึงความเจ็บปวดมากมายว่าผ่าคลอดเจ็บไหม แต่ด้วยวิทยาการทางการแพทย์ในปัจจุบัน คุณหมอจะมีวิธีการในการช่วยลดความเจ็บปวดขณะคลอดได้ ซึ่งจะทำให้คุณแม่ฟื้นตัวได้ภายใน 12 ชั่วโมง และสามารถออกจากโรงพยาบาลหลังผ่าตัดคลอดได้ภายใน 4 วัน โดยแผลผ่าคลอดทั่วไปอาการเจ็บปวดจะค่อย ๆ ทุเลาลงภายใน 48 ชั่วโมง และคุณแม่ควรลุก นั่ง ยืน เดินอย่างช้า ๆ เพื่อช่วยไม่ให้แผลตึงเกินไป
นอกจากนี้ยังสามารถใช้ผ้ารัดหน้าท้องเพื่อช่วยลดความเจ็บปวดของแผลผ่าได้ ข้อควรระวังคือ ไม่ควรโดนน้ำ และไม่แกะแผลก่อนคุณหมอนัดตรวจแผล หลังผ่าคลอดคุณแม่ไม่ควรยกของหนักหรือทำให้หน้าท้องเกร็งในช่วงนี้ด้วย เพราะอาจจะทำให้แผลอักเสบได้ แต่หากมีอาการปวดแผล บวมแดง อักเสบ มีหนองหรือเลือดออก ควรรีบพบแพทย์ทันที
ข้อดีของการผ่าคลอด
- คุณแม่สามารถวางแผนการคลอดลูกได้ล่วงหน้า ช่วยคลายความกังวล ลดความเครียดในการคลอดลูกได้
- ลดความเสี่ยงต่อการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ และลดการยืดหย่อนของเชิงกราน
- ลดความเจ็บปวดทั้งช่วงก่อนคลอด ซึ่งคุณแม่ไม่ต้องรอปากมดลูกเปิดแบบการคลอดธรรมชาติ อีกทั้ง ขณะทำการผ่าคลอดคุณหมอจะมีวิธีการช่วยลดความเจ็บปวดให้ได้
- ปัญหาเพศสัมพันธ์หลังคลอดลูกลดลง
ข้อเสียของการผ่าคลอด
- ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลหลังผ่าคลอดและใช้เวลาในการฟื้นตัวนานกว่าการคลอดธรรมชาติ
- ทารกในครรภ์อาจมีพัฒนาการที่ยังไม่พร้อม
- ความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ เสียเลือดมาก
การผ่าคลอดมีทั้งข้อดีและข้อเสีย สิ่งสำคัญที่สุด คือ คุณแม่ควรปรึกษาคุณหมอในการประเมินความจำเป็นในการผ่าคลอด และร่วมวางแผนการคลอดตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ โดยพิจารณาจากประวัติสุขภาพของคุณแม่ สุขภาพของทารกในครรภ์ และประวัติการคลอดลูก เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อคุณแม่และลูกน้อยมากที่สุด การผ่าคลอดสามารถกำหนดวันเวลาที่แน่นอนในการได้พบหน้าลูกน้อย อีกทั้งยังช่วยลดการหย่อนของเชิงกรานเพราะการผ่าคลอดไม่ต้องใช้แรงเบ่ง ซึ่งอาจส่งผลต่อการยืดของกระบังลมของเชิงกรานได้ คุณแม่ที่ผ่าคลอดสามารถเตรียมความพร้อมสำหรับลูกน้อยให้มีพัฒนาการทางสมองและมีภูมิคุ้มกันเหมือนเด็กที่คลอดแบบธรรมชาติได้ด้วยคุณค่าจากนมแม่ที่มี แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน ซึ่งช่วยในพัฒนาการสมอง สติปัญญา และการเจริญเติบโตของลูก และ บีแล็กทิส (B. lactis) หนึ่งในจุลินทรีย์สุขภาพในกลุ่มบิฟิโดแบคทีเรียม (Bifidobacterium) และยังเป็นโพรไบโอติกส์ ที่สามารถส่งต่อเพื่อสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยได้อีกด้วย
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ผ่าคลอด
- สมองและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอด
- ฤกษ์คลอด ฤกษ์ผ่าคลอด วันมงคล เวลาดี สำหรับลูกรัก
- เพิ่มน้ำนมคุณแม่ ด้วยการกระตุ้นน้ำนม จากธรรมชาติ ดีกับคุณแม่และลูก
- เทคนิคการปั๊มนมให้เกลี้ยงเต้า พร้อมตารางปั๊มนมและวิธีปั๊มนม
- ท่าให้นมลูก ท่านอนให้นม พร้อมท่าจับเรอ ป้องกันลูกน้อยท้องอืด
- เด็กแรกเกิดกินนมกี่ออนซ์ถึงดีที่สุด ปริมาณนมทารกเท่าไหร่เรียกว่าพอดี
- ตารางกินนมทารก ลูกควรกินนมแม่วันละกี่ครั้ง ปริมาณเท่าไหร่
- วิธีปลุกลูกกินนม คุณแม่ควรปลุกลูกกินนมแม่เวลาไหนบ้าง
- ลูกไม่กินนม กินนมน้อย ปัญหาลูกไม่ยอมกินนมที่คุณแม่แก้ไขได้
- ลูกไม่ยอมเข้าเต้า ทำยังไงดี พร้อมวิธีช่วยให้ลูกดูดเต้าได้สำเร็จ
- วิธีให้ลูกดูดขวด เมื่อลูกติดเต้าไม่ดูดขวดนม พร้อมวิธีรับมือลูกน้อย
- การผ่าคลอดกับคลอดเองต่างกันยังไง พร้อมข้อดีข้อเสีย
- ผ่าคลอดได้กี่ครั้ง ผ่าคลอดมีลูกได้กี่คน ผ่าคลอดบ่อย อันตรายไหม
- ผ่าคลอดกี่สัปดาห์ ท้องกี่สัปดาห์คลอด ปลอดภัยกับคุณแม่
- ผ่าคลอดมีเพศสัมพันธ์ได้ตอนไหน หลังผ่าคลอดนานแค่ไหนมีอะไรกับแฟนได้
อ้างอิง:
- 5 ข้อดีของการ “ผ่าคลอด” ที่คุณแม่ควรทราบ, โรงพยาบาลเปาโล
- ผ่าคลอด สิ่งที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรรู้, โรงพยาบาลสมิติเวช
- ผ่าคลอด! ดมยาสลบหรือบล็อกหลังดี?, โรงพยาบาลศิครินทร์
- ผ่าคลอดกี่ครั้งถึงไม่อันตราย?..รวมเรื่องน่ารู้ก่อนเตรียมตัวผ่าคลอด, โรงพยาบาลพญาไท
- คำถามยอดฮิตที่คุณแม่ผ่าคลอดอยากรู้, โรงพยาบาลศิครินทร์
- ข้อแตกต่างของการผ่าคลอดและการคลอดตามธรรมชาติ, โรงพยาบาลเมดพาร์ค
- สมองและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอด, S-Mom Club
- คลอดธรรมชาติ กับ ผ่าคลอด แบบไหนดีกว่ากัน, โรงพยาบาลเปาโล
อ้างอิง ณ วันที่ 14 มีนาคม 2568