นมกล่องเด็ก UHT เลือกนม UHT สำหรับเด็ก แบบไหนมีสารอาหารสำคัญ
เมื่อลูกน้อยมีอายุ 1 ปีขึ้นไป ก็เริ่มต้องการสารอาหารที่หลากหลายมากขึ้น นอกจากอาหารหลัก 3 มื้อแล้ว คุณพ่อคุณแม่สามารถเสริม นม UHT ที่พัฒนาขึ้นสำหรับเด็กวัย 1 ปีขึ้นไปโดยเฉพาะ เพื่อให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารหลากหลาย พร้อมพัฒนาสมองให้ดีไปตามพัฒนาการตามช่วงวัยได้ ปัจจุบันนมกล่องมีให้เลือกมากมายหน้าตาก็คล้าย ๆ กันหมด แต่คุณพ่อคุณแม่รู้หรือไม่ว่านมกล่องเด็ก UHT แบบไหนที่เหมาะกับลูกน้อย? วันนี้เรามีเคล็ดลับดี ๆ เกี่ยวกับการเลือกนมกล่อง UHT สำหรับเด็กมาฝากกันค่ะ
PLAYING: นมกล่องเด็ก UHT เลือกนม UHT สำหรับเด็ก แบบไหนมีสารอาหารสำคัญ
สรุป
- นมกล่องเด็ก คือ นมโค 100% เหมาะกับเด็ก 1 ปีขึ้นไป มีทั้งนมรสจืด และนมปรุงแต่งรส เก็บได้ 6-9 เดือน โดยไม่ต้องแช่เย็น มีสารอาหารครบถ้วน เหมาะกับการเจริญเติบโตของลูกน้อย วยให้มีกระดูกและฟันที่แข็งแรง พัฒนาการสมองและร่างกาย
- คุณแม่ควรให้ลูกดื่มนม UHTเมื่อลูกมีอายุ 1 ปีขึ้นไป โดยเริ่มให้ดื่มจากนมกล่องเด็ก UHT รสจืด ที่มีไขมันปกติก่อน เมื่อลูกอายุ 2 ขวบขึ้นไป สามารถให้ลูกดื่มแบบพร่องมันเนยได้
- เด็กอายุ 1 ขวบขึ้นไป ควรเลือกดื่มนมกล่องเด็ก ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง มีแคลเซียล สฟิงโกไมอีลิน และธาตุเหล็ก
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- นมกล่องเด็ก นม UHT สำหรับเด็ก คืออะไร
- รู้จัก ‘นมกล่องเด็ก’ แต่ละประเภท
- คุณแม่มือใหม่ ควรให้ลูกดื่มนมกล่อง UHT สำหรับเด็กเมื่อไหร่
- เลือกนมกล่องเด็กแบบไหนดี นม UHT สำหรับเด็ก 1 ปีขึ้นไป
- สารอาหารสำคัญที่ควรมีในนมกล่องเด็ก นม UHT สำหรับเด็ก
นมกล่องเด็ก นม UHT สำหรับเด็ก คืออะไร
นมกล่องเด็ก หรือ นม UHT เด็ก คือ นมที่ผลิตจากนมโค 100% หรือนมสด 100% เป็นนมสดธรรมชาติที่มีไขมันครบส่วน มีทั้งนมรสจืด และนมปรุงแต่งรสอื่น ๆ เช่น รสหวาน รสเปรี้ยว รสช็อกโกแลต เป็นต้น ในนมโครสจืด 100 มล. ประกอบด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อเด็ก เช่น มีแคลเซียมถึง 135 มล. โปรตีน 3.3 กรัม วิตามินเอ 71 มล. และวิตามินอี 0.22 มล. ส่วนนมโคปรุงแต่งรสอื่นจะมีคุณค่าของสารอาหารที่ลดลงตามลำดับ
รู้จัก ‘นมกล่องเด็ก’ แต่ละประเภท
นมกล่องเด็ก หรือนม UHT สำหรับเด็ก มีหลายประเภทขึ้นอยู่กับกรรมวิธีในการฆ่าเชื้อ ทำให้มีคุณค่าทางโภชนาและอายุในการเวลาเก็บรักษาแตกต่างกัน ดังนี้
1. นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก (UHT milk - ultra high temperature)
นม UHT สำหรับเด็ก เป็นนมที่ผ่านกรรมวิธีฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูงในระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อคงคุณภาพของน้ำนมให้ได้มากที่สุด ทำให้สามารถกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ให้ได้เกือบทั้งหมด จึงเก็บได้นานถึง 6-9 เดือน โดยไม่ต้องแช่ตู้เย็น ในนมกล่องสำหรับเด็กมีสารอาหารมากมายที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อย คุณพ่อคุณแม่จึงควรเสริมสร้างนิสัยให้ลูกกินนมเป็นประจำ และควรเลือกนมกล่องเด็ก ที่เหมาะสมให้กับลูกน้อย เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดี มีกระดูกและฟันที่แข็งแรง และส่งเสริมพัฒนาการทางด้านร่างกายและสมองอย่างครบถ้วน
2. นมพาสเจอร์ไรส์ (pasteurized milk)
เป็นนมที่ผ่านการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคโดยใช้ความร้อนต่ำ เพื่อรักษาคุณค่าทางอาหารและรสชาติให้มีความใกล้เคียงกับนมโคมากที่สุด ทำให้จุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดอาหารเน่าเสียได้ยังหลงเหลืออยู่ นมพาสเจอร์ไรส์จึงเกิดการเน่าเสียได้รวดเร็ว แต่หากเก็บไว้ในตู้เย็นจะเก็บได้นาน 7-10 วัน นับจากวันที่บรรจุ นมพาสเจอร์ไรส์ มีทั้งแบบบรรจุถุง ขวด และกล่อง ในนมอุดมไปด้วยแหล่งแคลเซียมสูงที่ช่วยสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง มีวิตามินที่จำเป็นต่อระบบภูมิคุ้มกัน มีไขมันดีที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย และสารอาหารอื่น ๆ ที่ช่วยพัฒนาสมอง
3. นมสเตอริไลส์ (sterilized milk)
เป็นนมที่ถูกบรรจุในภาชนะที่ปิดสนิทอย่างขวด และกระป๋อง ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูงในระยะเวลาที่นาน ทำให้สามารถทำลายจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรค และจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดอาหารเน่าเสียได้ จึงสามารถเก็บนมสตอริไลส์ได้นานถึง 12 เดือนโดยไม่ต้องแช่เย็น นมที่ผ่านการสเตอริไลส์ในความร้อนที่สูงเป็นเวลานานอาจทำให้สูญเสียสารอาหารบางชนิดและรสชาติที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ในนมยังคงเป็นแหล่งอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น โปรตีน ไขมัน แคลเซียม วิตามิน และแร่ธาตุที่ช่วยให้ลูกน้อยแข็งแรงและมีสุขภาพที่ดี
คุณแม่มือใหม่ ควรให้ลูกดื่มนมกล่อง UHT สำหรับเด็กเมื่อไหร่
คุณพ่อคุณแม่สามารถให้หนูน้อยที่มีอายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไปเริ่มดื่มนมกล่องเด็ก UHT ได้ หากลูกน้อยไม่ชอบกินนม UHT สำหรับเด็ก ให้คุณแม่ผสมนมแม่ลงไป จากนั้นค่อย ๆ ลดอัตราส่วนของนมแม่ลงจนลูกสามารถกินนมกล่องโดยปราศจากนมแม่ได้ โดยควรดื่มนมที่เป็นนมจืด และต้องเป็นนม UHT เด็ก ที่มีไขมันปกติ ไม่ใช่นมพร่องมันเนย หรือนมที่ปราศจากไขมัน เนื่องจากลูกน้อยยังคงต้องการไขมันดีไปช่วยเสริมสร้างร่างกายให้เติบโตอย่างแข็งแรงและการพัฒนาสมองอย่างต่อเนื่อง และสามารถเริ่มกินนมกล่องเด็กพร่องมันเนยได้เมื่อมีอายุ 2 ปีขึ้นไป หรือในเด็กเล็กที่มีน้ำหนักเกิน
เลือกนมกล่องเด็กแบบไหนดี นม UHT สำหรับเด็ก 1 ปีขึ้นไป
เด็กเล็กในวัย 1 ปีขึ้นไปเป็นวัยที่ร่างกายและสมองอย่างเติบโตอย่างรวดเร็ว สารอาหารจากนมกล่องเด็กจึงมีความสำคัญต่อพัฒนาการทางด้านร่างกายและสมองของลูกน้อยเป็นอย่างมาก ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรเลือกนม UHT สำหรับเด็กที่มีสารอาหารที่เหมาะสมกับวัยลูกน้อย โดยเลือกจาก
1. เลือกนมกล่อง UHT ที่เป็นรสจืด
คุณพ่อคุณแม่ควรดื่มให้ลูกน้อยกินนมรสจืดที่ไม่มีการปรุงแต่งรสเพิ่มหรือเติมน้ำตาลเพิ่ม เพราะอาจทำให้เด็กติดรสหวานได้ ที่สำคัญควรเลือกนม UHT สำหรับเด็ก ที่มีไขมันปกติ ไม่ใช่นมพร่องมันเนย หรือนมที่ปราศจากไขมัน เนื่องจากลูกน้อยเป็นวัยที่กำลังเติบโตร่างกายจึงจำเป็นต้องได้รับพลังงานและสารอาหารให้เพียงพอโดยเฉพาะไขมันดีไปช่วยเสริมสร้างร่างกายให้เติบโตอย่างแข็งแรงและการพัฒนาสมองอย่างต่อเนื่องในช่วงที่สมองเติบโตได้รวดเร็วที่สุด
2. เลือกนมกล่องให้เหมาะกับช่วงวัย
ในเด็กวัย 1 ปี ขึ้นไป คุณแม่จำเป็นต้องให้ลูกได้กินนมสำหรับเด็ก 1 ขวบที่มีไขมันเพียงพอต่อการพัฒนาสมองของลูกน้อย แต่เมื่อลูกอายุ 2 ปีขึ้นไป คุณแม่สามารถให้ลูกน้อยกินนมกล่อง UHT พร่องมันเนยได้ หรือในกรณีที่ลูกของคุณแม่มีน้ำหนักตัวเกินสามารถเปลี่ยนไปกินนมไขมันต่ำได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการสำหรับเด็กก่อนเพื่อโภชนาการที่ดีที่สุดสำหรับลูกรัก
3. เน้นช่วยบำรุงประสาทและสมอง
เด็กเล็กในช่วงแรกเกิดจนถึง 2 ขวบ เป็นวัยที่สมองกำลังเติบโตและพัฒนาอย่างเต็มที่ คุณแม่จึงควรเลือกนมกล่องเด็ก UHT ที่อุดมไปด้วยไขมันดีอย่างโอเมก้า 3,6,9 รวมทั้ง DHA, วิตามินบี, เหล็ก, โคลีน ที่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโต พัฒนาการทางสมองและพัฒนาการการเรียนรู้ที่ดีของเด็ก และสฟิงโกไมอีลินหนึ่งในสารอาหารที่พบได้ในนมแม่ที่มีส่วนช่วยให้การทำงานของสมองเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
4. เลือกที่มีปริมาณแคลเซียมสูง
แคลเซียมเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเสริมสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรงสำหรับเด็ก คุณแม่จึงควรเลือกนมกล่องเด็ก UHT ที่มีแคลเซียมสูง เนื่องจากเป็นช่วงที่กระดูกของลูกน้อยกำลังเจริญเติบโตอย่างเต็มที่
5 เลือกที่มีธาตุเหล็กสูง
ธาตุเหล็กเป็นสารอาหารที่มีอยู่ในนม UHT เด็ก ซึ่งมีความจำเป็นต่อการพัฒนาของระบบประสาทและสมองของลูกน้อยเป็นอย่างมาก เพราะถ้าลูกน้อยขาดธาตุเหล็กอาจทำให้เกิดภาวะเลือดจางที่ส่งผลต่อพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อ การเรียนรู้ และทำให้ลูกน้อยมีสมาธิสั้นลงด้วย ดังนั้น คุณแม่ควรเลือกนมกล่องเด็ก UHT ที่มีธาตุเหล็กสูง
สารอาหารสำคัญที่ควรมีในนมกล่องเด็ก นม UHT สำหรับเด็ก
ในนมกล่องเด็ก นม UHT สำหรับเด็ก มีสารอาหารมากมายแต่จะมีสารอาหารอะไรบ้างที่สำคัญต่อพัฒนาการทางร่างกายและพัฒนาการทางสมองของลูกน้อย เรามาทำความรู้จักสารอาหารที่สำคัญแต่ละตัวกันเลย
- สฟิงโกไมอีลิน (Sphingomyelin) สารอาหารสำคัญที่ช่วยสร้างไมอีลินในสมอง ซึ่งส่งผลต่อพัฒนาการทางสมองและสติปัญญาของลูกน้อย
- โอเมก้า 3,6,9 (Omega 3,6,9) เป็นกรดไขมันที่สำคัญ ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมองของเด็ก
- ดีเอชเอ (DHA) มีส่วนช่วยในการพัฒนาสมองและจอประสาทตาของเด็ก ซึ่งส่งผลดีต่อการพัฒนาการเรียนรู้และการเจริญเติบโตของสมอง
- วิตามินบี 12 (Vitamin B12) ช่วยบำรุงเนื้อเยื่อประสาทในสมอง และช่วยให้เม็ดเลือดแดงมีความสมบูรณ์มากขึ้น
- แอลฟา-แล็คตัลบูมิน (Alpha-Lactalbumin) เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการสร้างสารสื่อประสาทในสมอง
- แอล-ทริปโตเฟน (L-tryptrophan) กรดอะมิโนจำเป็นที่ช่วยในการสื่อสารของเซลล์ประสาทและการทำงานของสมอง
- ลูทีน (Lutein) เป็นสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่มีความสำคัญกับดวงตาและสมอง โดยเฉพาะวัยเด็กเป็นอย่างมาก
- โคลีน (Choline) เป็นสารที่จำเป็นต่อสารสื่อประสาทในสมอง ทำให้เกิดความจำ อารมณ์ การควบคุมกล้ามเนื้อ การทำงานของสมอง และการพัฒนาสมอง
เด็กเล็กเป็นวัยที่ร่างกายเติบโตเร็วที่สุด ร่างกายจึงต้องการสารอาหารที่จำเป็นต่อพัฒนาการด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะสมองมากที่สุด คุณพ่อคุณแม่จึงควรสนับสนุนให้ลูกได้รับโภชนาการที่ดีที่เหมาะสมกับวัยด้วยการให้ลูกทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ และเลือกเสริมนมกล่องเด็ก UHT หรือ นมผงสำหรับเด็กตามช่วงวัย ที่มีสารอาหารสำคัญต่อพัฒนาการทางร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกัน และสมองของเด็กอย่างสฟิงโกไมอีลิน โอเมก้า ดีเอชเอ และวิตามินบี 12 ในทุก ๆ วัน เพื่อให้ลูกน้อยมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และการเรียนรู้ที่ดีอย่างต่อเนื่อง
บทความแนะนำสำหรับพัฒนาการลูกน้อย
- สฟิงโกไมอีลิน คืออะไร สำคัญต่ออย่างไรต่อสมองของลูกน้อย
- DHA สารอาหารสำคัญ ช่วยพัฒนาสมองของลูกน้อย
- 2’-FL คืออะไร ? รู้จัก 2’-FL โอลิโกแซคคาไรด์ในนมแม่ (HMOs)
- โพรไบโอติก (Probiotics) จุลินทรีย์ที่พบได้ในนมแม่ มีประโยชน์กับลูก
- พรีไบโอติก มีส่วนช่วยพัฒนาสมองในเด็กทารก
- 10 กิจกรรมฝึกสมองวัยซน เสริมพัฒนาการให้ลูกสมองไว
- อาหารบำรุงสมองเด็ก ให้ลูกฉลาด สมองไว เติบโตได้อย่างสมวัย
- โภชนาการสำหรับเด็ก 1-2 ขวบ กินอะไรให้ฉลาดและแข็งแรง
- โภชนาการสำหรับเด็ก 2-3 ขวบ กินอะไรให้ฉลาดและแข็งแรง
- พัฒนาการเด็ก 1-4 ปีแรก พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
- พัฒนาการเด็ก 2 ขวบ พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
- พัฒนาการเด็ก 3 ขวบ พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
- พัฒนาการเด็ก 1 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
- พัฒนาการเด็ก 2 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
- พัฒนาการเด็ก 3 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
- พัฒนาการเด็ก 4 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
- พัฒนาการเด็ก 5 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
- พัฒนาการเด็ก 6 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
- พัฒนาการเด็ก 7 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
- พัฒนาการเด็ก 8 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
- พัฒนาการเด็ก 9 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
- พัฒนาการเด็ก 10 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
- พัฒนาการเด็ก 11 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
- พัฒนาการเด็ก 1 ขวบ พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
อ้างอิง:
- Making the Switch to Cow’s Milk for 1-year-olds, Children’s Hospital of Philadelphia
- นมอาหารสำหรับทุกช่วงวัย, โรงพยาบาลสมิติเวช
- ดื่มนมชื่นใจ ร่างกายแข็งแรง, มหาวิทยาลัยมหิดล
- นมกล่อง เด็กจะเริ่มกินได้เมื่อไหร่ และวิธีฝึกให้เด็กกินนมกล่อง, helloคุณหมอ
- Raw Milk: Are There Health Benefits?, webmd
- What to Know About Boiling Milk, webmd
- Cow's milk and children, MedlinePlus
- สมองดี ความจำดี เริ่มต้นที่อาหาร, โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
- การพัฒนาของระบบประสาทและสมองเกิดขึ้นช่วงไหนบ้าง?, โรงพยาบาลศิครินทร์
- Health Benefits of Milk, webmd
- Are omega-3s safe for children?, MedicalNewsToday
- Chapter 8 - The Benefits of Alpha-Lactalbumin in Early Childhood, ScienceDirect
- L-tryptophan, webmd
- Early Pediatric Benefit of Lutein for Maturing Eyes and Brain—An Overview, Diego, et al
- Choline, National Institutes of Health
อ้างอิง ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2566
แชร์ได้เลย
บทความแนะนำ
โภชนาการลูก วัย 2 - 3 ขวบ เด็กวัยนี้ต้องกินอะไรให้ฉลาดและแข็งแรง
หนึ่งในหลายปัญหาที่พ่อแม่ต้องเผชิญเมื่อลูกรักเข้าสู่วัย 2 – 3 ปี คือ ปัญหาด้านโภชนาการ เด็กวัยนี้เริ่มมีความเป็นตัวเองมากขึ้น รู้ว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบอะไร จึงค่อนข้างเลือกกิน และกินยาก ทำเอาพ่อแม่ต่างเป็นกังวลว่า ลูกจะกลายเป็นเด็กตัวเล็ก รูปร่างแคระแกร็น น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ มีพัฒนาการทางด้านร่างกายและสติปัญญาด้อยกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน