อาหารบำรุงสมองเด็ก ให้ลูกฉลาด สมองไว เติบโตได้อย่างสมวัย
หลังจากลูกน้อยกินนมแม่มาตลอด 6 เดือน ก็ถึงเวลาทำความรู้จักกับอาหารชนิดอื่น ๆ รวมถึงอาหารบำรุงสมองเด็ก ที่อุดมด้วยสารอาหารจำเป็นต่อการพัฒนา ระบบประสาท สมอง และร่างกาย ให้ทำงานได้เต็มศักยภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนสุขภาพ (สสส.) ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการบำรุงสมองเด็กว่า นอกจะต้องนอนหลับให้เพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอแล้ว เด็ก ๆ ยังจำเป็นต้อง ทานอาหารบำรุงสมองเด็กที่ดีต่อสมองด้วย
อาหารบำรุงสมองเด็กที่สำคัญมีอะไรบ้าง
- อาหารบำรุงสมองเด็ก อย่างคาร์โบไฮเดรต ข้าวซ้อมมือ ข้าวโอ๊ต ฟักทอง ข้าวโพด ควรทานในช่วงเช้า เพราะเป็นอาหารที่ให้พลังงาน
- อาหารบำรุงสมองเด็ก อย่างโปรตีน มีความจำเป็นต่อการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตได้ดี แม่ควรเลือกให้เด็ก ๆ กินโปรตีนที่ดี อย่าง ไข่ไก่ วันละ 1-2 ฟอง เพราะในไข่แดงมีเลซิตินที่มีประโยชน์ต่อสมองมาก ๆ หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายมีคอเลสเตอรอลสะสมมากจนเป็นอันตราย
- ไขมัน เป็นแหล่งของ DHA และ โอเมก้า 3 พบใน ปลาแซลมอน ปลาทู ปลาช่อน น้ำมันปลา รวมถึง ไข่แดง ถั่วเหลือง อัลมอนด์ น้ำมันมะกอก น้ำมันงา เป็นอาหารมีประโยชน์มาก ๆ ในการบำรุงระบบประสาทและสมอง
- แร่ธาตุจากพืชผัก แม่ควรให้เด็กกินผักหลากหลายสี เพื่อให้ได้รับวิตามินและแร่ธาตุจำเป็นต่อการพัฒนาสมองอย่างครบถ้วน
- วิตามินจากผักผลไม้ การกินผลไม้เป็นประจำอย่างน้อย 1 จานเล็ก ๆ จะช่วยบำรุงสมอง ชะลอความเสื่อมของสมอง และช่วยสร้างภูมิต้านทานโรคให้แข็งแรง
สารอาหารบำรุงสมองเด็ก ช่วยบำรุงพัฒนาการทางสมอง
- ธาตุเหล็ก อาหารบำรุงสมองเด็กอย่างดี เป็นส่วนประกอบของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับสารสื่อประสาท ช่วยในการพัฒนาสมอง เพิ่มศักยภาพในกระบวนการคิดและเรียนรู้ ธาตุเหล็กมีอยู่ใน เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ปลา ธัญพืช ผัก และผลไม้ โดยเด็กวัย 1 – 2 ปี ควรทานเนื้อสัตว์อย่างน้อยวันละประมาณ 45 กรัม และอายุ 3 – 6 ปี ควรทานประมาณ 90 กรัม
- โคลีน มีผลต่อระบบความจำ และความสามารถในการเรียนรู้ เป็นหนึ่งในอาหารบำรุงสมองเด็ก เพราะทำหน้าที่เป็นสารสื่อประสาท สื่อสารข้อมูลระหว่างเซลล์ต่าง ๆ ในสมอง โคลีนพบได้ใน นม ตับ เนื้อไก่ ไข่แดง และจมูกข้าวสาลี
- สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันการเสียหายของสมองจาก อนุมูลอิสระ ต่าง ๆ ที่เกิดจาก สารพิษ อาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ และ มลภาวะรอบตัว โดยแหล่งอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ พบได้ใน ผักและผลไม้สีต่าง ๆ เนื้อแดง ปลาทูน่า ไข่ และ ธัญพืชต่าง ๆ
- ไอโอดีน เป็นสารประกอบของไทรอยอ์ฮอร์โมน มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโต และช่วยเรื่องพัฒนาการทางสมอง พบได้ในเกลือสมุทร และเกลือเสริมสารอโอดีน หากขาดไอโอดีน จะทำให้โตช้า เฉื่อยชา และมีระดับสติปัญญาต่ำกว่าเกณฑ์
เมื่อทราบว่าอาหารชนิดใด จำเป็นต่อการบำรุงสมองเด็ก ๆ แล้ว คราวนี้ เราลองมาดูกันว่า แม่ควรดูแลให้ลูกรัก อายุ 6 เดือน – 5 ปี กินอาหารบำรุงสมองเด็กอย่างไร เพื่อช่วยให้สมองของเจ้าตัวเล็ก พัฒนาได้เต็มศักยภาพ

อาหารบำรุงสมองและร่างกายตามวัย
อาหารบำรุงสมองและร่างกายลูก อายุ 6 - 8 เดือน
- กินนมเป็นหลัก
- กินอาหารเสริมวันละ 1 มื้อ และค่อย ๆ เพิ่ม เป็น 2 มื้อช่วงเดือนที่ 8
- เน้นกิน ข้าว ไข่ไก่ ปลา ตับ รวมกับผักหลากสี เพื่อบำรุงสมอง และช่วยให้ขับถ่ายได้ดี
- เหยาะน้ำมันพืช น้ำมันงา น้ำมันมะกอก ลงในอาหารประมาณ ½ ช้อนชา เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินที่ช่วยละลายไขมัน และเพิ่มความเข้มข้นของพลังงาน
อาหารบำรุงสมองและร่างกายลูก อายุ 9 – 12 เดือน
- ยังคงกินนมเป็นหลัก แล้วเสริมด้วยอาหาร 2-3 มื้อ
- กินอาหารครบ 5 หมู่ ต้องเป็นอาหารปรุงสุก และไม่ปรุงแต่งรสชาติ
- เน้นทาน ข้าว ไข่ไก่ ปลา ตับ รวมกับผักหลากสี เพื่อบำรุงสมอง และช่วยให้ขับถ่ายได้ดี
- เหยาะน้ำมันพืช น้ำมันงา น้ำมันมะกอก ลงในอาหารประมาณ ½ ช้อนชา เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินที่ช่วยละลายไขมัน และเพิ่มความเข้มข้นของพลังงาน
- สามารถดื่มน้ำเปล่าได้บ้างแล้ว เพื่อช่วยในการกลืนและย่อยอาหาร แต่ไม่ควรมากเกินไป
อาหารบำรุงสมองและร่างกายลูก อายุ 1 – 2 ปี
- กินอาหารได้ทุกชนิด หมุนเวียนให้ครบทั้ง 5 หมู่ วันละ 3 มื้อ และทานนมเสริม 2 - 3 แก้วต่อวัน
- เน้นอาหารบำรุงสมอง ได้แก่ เนื้อปลา โปรตีนคุณภาพ อุดมด้วยกรดไขมันจำเป็น มี DHA สูง ไข่ ให้วิตามินและแร่ธาตุสำคัญ ที่ช่วยสร้างสารสื่อประสาท ตับ แหล่งธาตุเหล็ก ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง สร้างภูมิต้านทานโรค และป้องกันภาวะโลหิตจาง (เพิ่มเติมตาม Ref.6)
- กินผักและผลไม้ หลากหลายสีสัน เพื่อให้ได้รับวิตามินและแร่ธาตุครบถ้วน ทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้ท้องผูกได้ดี
- ไม่ควรกินอาหารรสจัด เช่น หวานจัด เค็มจัด และเนื้อสัตว์ติดมัน เช่น ขาหมู หมูสามชั้น เพื่อป้องกันการสะสมของไขมันในร่างกายและหลอดเลือดในอนาคต
- ไม่ควรกินขนม ที่มีแป้ง ไขมัน น้ำตาล เกลือสูง และไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ เช่น ขนมขบเคี้ยว มันฝรั่งทอด หรือขนมหวาน มากเกินไป เพื่อป้องกันภาวะผอม อ้วน และฟันผุ
อาหารบำรุงสมองและร่างกายลูก อายุ 2 – 5 ปี
- กินอาหารครบทั้ง 5 หมู่ วันละ 3 มื้อ เสริมด้วยนมวันละ 3 แก้ว
- หลีกเลี่ยงการปรุงอาหารรสจัด เช่น หวาน เปรี้ยว เค็ม เผ็ด อาหารทอด ปิ้งย่าง และอาหารไขมันสูง เพื่อป้องกันการเกิดโรคไต ความดันสูง โรคอ้วน ได้ในอนาคต
- เลือกกินอาหารว่างที่มีประโยชน์ และให้พลังงาน เช่น ขนมปังโฮลวีท ธัญพืชอบ เป็นต้น
- กินโยเกิร์ต ช่วยในการพัฒนาสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยรักษาสมดุลในลำไส้ ลดปัญหาอาการท้องผูก
- กินผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น สตรอว์เบอร์รี บลูเบอร์รี ช่วยในเรื่องของการมองเห็น ระบบประสาทและสมอง เพิ่มศักยภาพการเรียนรู้ให้ดียิ่งขึ้น
จะเห็นได้ว่า โภชนาการที่ดีช่วยส่งเสริมพัฒนาการตามวัย และมีผลต่อสุขภาพร่างกาย รวมทั้ง ระดับสติปัญญาและความฉลาด ดังนั้น ในช่วงเวลาสำคัญที่ร่างกายและสมองของลูกกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว แม่ควรดูแลให้ลูกได้รับ อาหารที่มีประโยชน์อย่างครบถ้วน เพื่อเป็นการปูพื้นฐานที่ดี เมื่อลูกมีร่างกายแข็งแรง มีสมองดี ก็จะเรียนรู้ได้ไว
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
คำแรกทั้งที่ต้องมีสฟิงโกไมอีลิน
สารอาหารในนมมีประโยชน์อะไรบ้าง
อ้างอิง
1. https://www.si.mahidol.ac.th/th/division/hph/admin/news_files/533_49_1…
2. https://www.tmwa.or.th/new/lib/file/20170121162528.pdf
3. https://th.theasianparent.com/%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B…
4.แนะนำอาหารบำรุงสมองสำหรับลูกน้อย
5. https://www.healthline.com/health/parenting/6-month-old-feeding-schedul…
6. http://nutrition.anamai.moph.go.th/images/file/%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9…
อ้างอิง วันที่ 20 เมษายน 2563
แชร์ได้เลย
บทความแนะนำ

โภชนาการลูก วัย 2 - 3 ขวบ เด็กวัยนี้ต้องกินอะไรให้ฉลาดและแข็งแรง
หนึ่งในหลายปัญหาที่พ่อแม่ต้องเผชิญเมื่อลูกรักเข้าสู่วัย 2 – 3 ปี คือ ปัญหาด้านโภชนาการ เด็กวัยนี้เริ่มมีความเป็นตัวเองมากขึ้น รู้ว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบอะไร จึงค่อนข้างเลือกกิน และกินยาก ทำเอาพ่อแม่ต่างเป็นกังวลว่า ลูกจะกลายเป็นเด็กตัวเล็ก รูปร่างแคระแกร็น น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ มีพัฒนาการทางด้านร่างกายและสติปัญญาด้อยกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน