
ท้องลดใกล้คลอดยัง? รวมสัญญาณเตือนและวิธีเตรียมตัวคลอด
คำถามที่พบบ่อย
ถ้าไม่รู้สึกว่าท้องลดเลย แต่มีสัญญาณใกล้คลอดอย่างอื่น ผิดปกติไหม?
ไม่ผิดปกติค่ะ คุณแม่บางคนโดยเฉพาะในท้องหลัง อาจไม่รู้สึกถึงอาการท้องลดอย่างชัดเจน หรืออาการท้องลดอาจเกิดขึ้นพร้อม ๆ กับการเจ็บครรภ์คลอดเลยก็ได้ หากคุณแม่มีสัญญาณอื่นที่ชัดเจน เช่น เจ็บท้องจริงสม่ำเสมอ หรือมีน้ำเดิน ก็สามารถไปโรงพยาบาลได้เลยโดยไม่ต้องรอให้ท้องลด
หลังจากท้องลดแล้ว ลูกจะดิ้นน้อยลงหรือไม่?
เป็นไปได้ที่รูปแบบการดิ้นอาจเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่จำนวนการดิ้นโดยรวมไม่ควรลดลง หลังจากที่ศีรษะของลูกเข้าสู่อุ้งเชิงกรานแล้ว การเคลื่อนไหวที่ช่วงบนของท้องอาจน้อยลง แต่คุณแม่จะยังคงรู้สึกถึงการขยับแขนขาหรือการบิดตัวของลูกอยู่ หากรู้สึกว่าลูกดิ้นน้อยกว่า 10 ครั้งใน 2 ชั่วโมง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
จะแยกได้อย่างไรระหว่าง "น้ำเดิน" กับ "ปัสสาวะเล็ด"?
น้ำเดิน (น้ำคร่ำ) จะมีลักษณะเป็นน้ำใส ๆ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น (หรืออาจมีกลิ่นคาวเล็กน้อยคล้ายน้ำมะพร้าวอ่อน) และจะไหลออกมาเรื่อย ๆ ไม่สามารถกลั้นได้ ในขณะที่ปัสสาวะเล็ดมักจะมีสีเหลืองอ่อนมีกลิ่นแอมโมเนียที่คุ้นเคย และมักจะออกมาเป็นครั้ง ๆ เมื่อไอ จาม หรือหัวเราะ
สรุป
- อาการท้องลดใกล้คลอด เกิดจากศีรษะของทารกในครรภ์จะเริ่มเคลื่อนที่เข้าใกล้อุ้งเชิงกรานของคุณแม่ในช่วง 3-4 สัปดาห์ก่อนถึงกำหนดคลอด และถือเป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนอาการใกล้คลอด
- เมื่อคุณแม่มีอาการท้องลด อาจเป็นสัญญาณบอกช่วงเวลาใกล้คลอด โดยหากเป็นท้องแรกคุณแม่จะคลอดลูกภายใน 1 เดือน และอาจคลอดลูกได้ภายในไม่กี่วัน กรณีคุณแม่เคยผ่านการคลอดลูกมาแล้ว
- สัญญาณใกล้คลอดที่คุณแม่ควรสังเกต ซึ่งเป็นการบอกว่าใกล้คลอดแล้ว อาทิ ช่องคลอดมีมูกเลือด, อาการน้ำเดิน และการเจ็บท้องรุนแรงและถี่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- อาการท้องลดขณะตั้งครรภ์ คืออะไร?
- ท้องลดใกล้คลอดเป็นแบบไหน? 5 สัญญาณที่สังเกตได้
- ท้องลดตอนอายุครรภ์เท่าไหร่ และท้องลดกี่วันคลอด?
- "ท้องลด" กับ "ท้องแข็ง" ต่างกันอย่างไร?
- สัญญาณใกล้คลอดอื่น ๆ ที่ต้องจับตาดูหลังท้องลด
- Checklist: 6 วิธีเตรียมตัวให้พร้อม เมื่อสัญญาณใกล้คลอดมาเยือน
อาการท้องลดขณะตั้งครรภ์ คืออะไร?
อาการท้องลดใกล้คลอด เกิดจากศีรษะของทารกในครรภ์จะเริ่มเคลื่อนที่เข้าใกล้อุ้งเชิงกรานของคุณแม่ ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่นานก่อนการคลอด ทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่จากที่เคยรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมากในช่วงไตรมาสสุดท้ายเพราะขนาดครรภ์ที่ใหญ่นั้น จะค่อย ๆ รู้สึกสบายตัวขึ้น หายจากอาการอึดอัด และหายใจสะดวกขึ้นด้วย แต่อาการท้องลดอาจไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน ดังนั้นคุณแม่จึงควรสังเกตอาการต่าง ๆ ในขณะตั้งครรภ์ เพราะอาจหมายถึงสัญญาณเตือนใกล้คลอดได้
ท้องลดใกล้คลอดเป็นแบบไหน? 5 สัญญาณที่สังเกตได้
คุณแม่ตั้งครรภ์คงอยากทราบว่าการท้องลดใกล้คลอดมีลักษณะแบบไหน และจะเริ่มรู้สึกถึงอาการท้องลดในช่วงใดของการตั้งครรภ์ที่ถือว่าปกติ เรารวบรวมข้อมูลมาให้ดังนี้
1. ยอดมดลูกลดต่ำลง
คุณแม่สามารถสังเกตได้จากระดับความสูงของยอดมดลูกลดต่ำลง ทำให้คุณแม่รู้สึกสบายตัวขึ้น ซึ่งอาการท้องลดนี้เกิดได้เนื่องจากศีรษะของทารกเคลื่อนเข้าไปบริเวณอุ้งเชิงกรานของคุณแม่ และพร้อมสำหรับการคลอดแล้ว
2. หายใจคล่องขึ้น
เนื่องจากทารกในครรภ์เริ่มลดต่ำลง ทำให้คุณแม่หายใจสะดวกมากขึ้น รู้สึกโล่งสบาย ไม่อึดอัด ซึ่งลักษณะท้องลดนี้ โดยส่วนมากจะเกิดขึ้นก่อนคลอดไม่นานมากนัก
3. ปัสสาวะบ่อยขึ้น
การที่ศีรษะของทารกเคลื่อนที่เข้าใกล้อุ้งเชิงกราน อาจทำให้ไปเบียดกับกระเพาะปัสสาวะได้ จนเป็นสาเหตุให้คุณแม่ใกล้คลอดมีอาการปัสสาวะบ่อยขึ้น
4. รู้สึกปวดหน่วง
การที่ศีรษะของทารกเคลื่อนที่ลงต่ำใกล้อุ้งเชิงกราน อาจทำให้มดลูกไปกดทับเส้นเลือดดำและเส้นประสาทรอบ ๆ อุ้งเชิงกราน จนคุณแม่รู้สึกปวดหน่วงได้
5. เท้าบวม
ด้วยขนาดของมดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นจนไปกดทับเส้นเลือดต่าง ๆ จนทำให้การไหลเวียนเลือดไม่ดีนัก จนเกิดการคั่งที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนจนทำให้ร่างกายดูดซึมน้ำมากขึ้น จึงเกิดอาการคนท้องเท้าบวม มือบวม หรือตัวบวมได้
ท้องลดตอนอายุครรภ์เท่าไหร่ และท้องลดกี่วันคลอด?
ท้องลด หรืออาการที่ทารกในครรภ์กลับหัวลงเข้าสู่บริเวณอุ้งเชิงกรานของคุณแม่ และเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเป็นอาการใกล้คลอดแล้ว โดยทั่วไปจะเกิดขึ้นในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์ ประมาณไม่กี่สัปดาห์ก่อนคลอดเท่านั้น โดยระยะเวลาจะคลอดเมื่อไหร่หลังมีอาการท้องลดอาจจะขึ้นกับปัจจัย ดังนี้
1. คุณแม่ท้องแรก
สำหรับคุณแม่ที่เป็นการตั้งครรภ์ครั้งแรก หากทารกในครรภ์มีการกลับหัวแล้ว หรืออาการท้องลดแล้ว อาจเป็นสัญญาณบอกว่าให้เตรียมพร้อมคลอดภายใน 1 เดือน
2. คุณแม่ท้องหลัง
ในส่วนของคุณแม่ตั้งครรภ์ที่เคยผ่านการคลอดมาแล้ว หากมีอาการท้องลด คุณแม่อาจต้องเตรียมพร้อมคลอดลูกได้ภายในไม่กี่วันเท่านั้น
"ท้องลด" กับ "ท้องแข็ง" ต่างกันอย่างไร?
ท้องลด กับ ท้องแข็ง เป็นสัญญาณอาการก่อนคลอดที่เกิดขึ้นได้เมื่อเข้าสู่ระยะสุดท้ายของการตั้งครรภ์ โดยจะมีอาการที่แตกต่างกัน ดังนี้
- ท้องลด เป็นอาการที่ทารกกลับศีรษะเข้าสู่อุ้งเชิงกราน ทำให้ยอดมดลูกลดต่ำลง ซึ่งเมื่อขนาดท้องเล็กลงคุณแม่จะรู้สึกหายใจคล่องขึ้น แต่อาจมีอาการปวดหน่วงในอุ้งเชิงกราน และปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น โดยปกติอาการท้องลดจะเกิดขึ้นไม่กี่สัปดาห์ก่อนคลอด
- ท้องแข็ง เป็นอาการก่อนการเจ็บท้องจริง ซึ่งอาการท้องแข็งขณะตั้งครรภ์ ถือเป็นการเจ็บท้องเตือน เนื่องมาจากมดลูกบีบรัดตัว ซึ่งหากมดลูกมีการบีบรัดแรงและบ่อยขึ้น จะนำไปสู่การเจ็บท้องจริงได้
สัญญาณใกล้คลอดอื่น ๆ ที่ต้องจับตาดูหลังท้องลด
เมื่อการตั้งครรภ์เข้าสู่ไตรมาสสุดท้าย คุณแม่จะเริ่มรู้สึกถึงอาการต่าง ๆ ที่เป็นการส่งสัญญาณบอกว่าคุณแม่กำลังเข้าสู่สถานะก่อนคลอดแล้ว คุณแม่จึงควรสังเกตและเรียนรู้ร่างกายของตนเองเพื่อให้การคลอดเป็นไปอย่างราบรื่น ดังนี้
1. ช่องคลอดมีมูกเลือด
เมื่อคุณแม่เริ่มเข้าสู่ช่วงใกล้คลอด ปากมดลูกจะเริ่มเปิดและขยายใหญ่ ทำให้เส้นเลือดตรงบริเวณปากมดลูกเกิดการแตก จนมีมูกเลือดไหลออกมากจากช่องคลอดได้ ซึ่งหากมีอาการนี้ คุณแม่ควรรีบไปพบแพทย์เพราะเป็นอาการที่บอกว่าใกล้คลอดมากแล้ว
2. น้ำเดิน
หากคุณแม่มีอาการน้ำเดิน หรืออาการถุงน้ำคร่ำแตก ควรรีบไปพบแพทย์โดยทันที เนื่องจากมดลูกจะเร่งบีบตัวเพื่อดันทารกในครรภ์ลงต่ำเข้าสู่อุ้งเชิงกรานพร้อมคลอดมากขึ้น และอาจจะมีการคลอดไม่เกิน 12 ชั่วโมงนี้
3. เจ็บท้องคลอด
เมื่อคุณแม่เริ่มรู้สึกเจ็บตรงส่วนบนของมดลูก และเจ็บร้าวลงไปตรงด้านล่าง โดยมีอาการเจ็บท้องสม่ำเสมอต่อเนื่อง และจะเจ็บปวดและถี่ขึ้นเรื่อย ๆ อาการเจ็บท้องนี้ถือเป็นการบอกว่าคุณแม่พร้อมคลอดมากแล้ว โดยความเจ็บปวดจะสิ้นสุดภายหลังการคลอดแล้วเสร็จ
อีกสิ่งสำคัญหนึ่งของการสังเกตความแตกต่างระหว่างอาการเจ็บท้องเตือน และเจ็บท้องคลอดจริง ที่คุณแม่หลายคนอยากรู้มีดังนี้
อาการเจ็บท้องเตือน | อาการเจ็บท้องคลอด |
เจ็บท้องไม่สม่ำเสมอ | เจ็บท้องสม่ำเสมอ เช่น ปวดท้องทุก 10 นาที |
เจ็บท้องห่าง ๆ เช่น เจ็บท้องชั่วโมงละ 1 ครั้ง | เจ็บท้องถี่ขึ้น เช่น จากปวดท้องทุก 10 นาที กลายเป็นปวดท้องทุก 5 นาที |
ปวดท้องไม่มาก | ปวดท้องแรงขึ้นเรื่อย ๆ |
ปวดตรงบริเวณท้องน้อย | ปวดตรงบริเวณยอดมดลูกและแผ่นหลัง |
ปากมดลูกไม่เปิด | ปากมดลูกมีการเปิดออก |

Checklist: 6 วิธีเตรียมตัวให้พร้อม เมื่อสัญญาณใกล้คลอดมาเยือน
ยิ่งใกล้ถึงกำหนดวันคลอด คุณแม่อาจมีความกังวลในการคลอด ดังนั้นเพื่อช่วยให้คุณแม่ท้องมีความพร้อมทั้งกายและใจก่อนที่จะคลอดลูก เรามาเริ่ม Checklist วิธีเตรียมตัวให้คุณแม่พร้อมก่อนคลอดด้วยกันค่ะ
1. พบแพทย์ตามนัดเสมอ
การพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอตามนัด ทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถปรึกษาคุณหมอเพื่อทราบช่วงเวลากำหนดคลอดล่วงหน้าได้ และช่วยให้คุณแม่ดูแลรักษาสุขภาพอย่างถูกวิธี ปลอดภัยต่อลูกน้อยในครรภ์ อีกทั้งช่วยลดความเสี่ยงการคลอดก่อนกำหนดได้อีกด้วย
2. เตรียมความพร้อมด้านจิตใจ
คุณแม่ในช่วงใกล้คลอดมักเกิดความกังวล ทั้งความปลอดภัยของลูกในระหว่างการคลอด หรือความเจ็บปวดของกระบวนการคลอดตามธรรมชาติ การเตรียมความพร้อมด้านจิตใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อช่วยลดความกลัวและความเครียดต่าง ๆ ของคุณแม่ก่อนคลอด และทำให้การคลอดเป็นไปอย่างราบรื่นและลดความกังวลในใจได้
3. เตรียมพร้อมร่างกายให้แข็งแรง
สุขภาพร่างกายที่แข็งแรงของคุณแม่ ถือเป็นหัวใจสำคัญของการเตรียมความพร้อมก่อนคลอด ในช่วงนี้คุณแม่สามารถมีการเดินออกกำลังกายเบา ๆ ทั้งเช้าเย็น และอาจหยุดพักจากการทำงานในช่วงใกล้คลอด เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการคลอดลูกมากที่สุด
4. พักผ่อนให้เพียงพอ
คุณแม่ก่อนคลอดควรได้รับการพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ร่างกายแข็งแรงพร้อมสำหรับการคลอดลูกและช่วยลดความเสี่ยงการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด คุณแม่จึงควรพักผ่อนให้เพียงพอวันละ 6-8 ชั่วโมง รวมถึงอาจมีการนอนหลับในช่วงกลางวันเพิ่มเติมได้
5. หลีกเลี่ยงกิจกรรมใช้แรง
คุณแม่ท้องใกล้คลอดควรหลีกเลี่ยงการเดินหรือการยืนเป็นเวลานาน รวมถึงการเดินทางไกล และการทำงานหนัก
6. เตรียมของใช้จำเป็นให้พร้อมเดินทาง
คุณแม่ควรเริ่มเตรียมของก่อนคลอด ที่จำเป็นล่วงหน้า ในช่วงที่ร่างกายคุณแม่ยังแข็งแรง และเป็นการช่วยลดความวิตกกังวลได้ โดยอาจเริ่มเตรียมของเมื่อเข้าสู่ไตรมาสสุดท้าย หรือเข้าสู่เดือนที่ 8 ของการตั้งครรภ์ แบ่งเป็นกระเป๋าสำหรับลูก สำหรับคุณแม่ในช่วงพักฟื้นและสำหรับคุณพ่อในการเฝ้าคุณแม่หลังคลอด เพื่อให้พร้อมเสมอเมื่อมีอาการใกล้คลอดและต้องไปโรงพยาบาลในทันที
อาการท้องลดใกล้คลอด เป็นหนึ่งในสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกว่าคุณแม่พร้อมสำหรับการคลอดลูกในอีกไม่ช้า ดังนั้น การหมั่นสังเกตตนเองของคุณแม่จึงถือเป็นสิ่งสำคัญ หากมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นก่อนถึงกำหนดคลอด หรือมีความกังวลต่อการคลอด ควรรีบปรึกษาสูตินรีแพทย์ทันที และนอกจากการเตรียมพร้อมสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่จำเป็นแล้ว คุณแม่ควรเตรียมพร้อมทั้งด้านความแข็งแรงของร่างกายสำหรับกระบวนการคลอดตามธรรมชาติ โดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และเตรียมความพร้อมสำหรับบทบาทใหม่ในการสร้างน้ำนมให้ลูกน้อยหลังคลอด ซึ่งนอกจากจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันแล้ว น้ำนมแม่ยังเปี่ยมไปด้วยสารอาหารสำคัญต่อพัฒนาการสมอง หนึ่งในนั้นคือ แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน (Alphalac Sphingomyelin) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างสมองของเด็กเจนใหม่ตั้งแต่แรกเกิด ช่วยให้ระบบประสาทของลูกเชื่อมโยงและเรียนรู้ได้ดี มีสมาธิ และให้ลูกเติบโตอย่างแข็งแรง
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่
อ้างอิง:
- 6สัญญาณเตือนการใกล้คลอด ที่คุณแม่ควรรู้, โรงพยาบาลบางปะกอก 3
- สัญญาณเตือนคุณแม่ใกล้คลอด เตรียมพร้อมได้ทันเวลา, โรงพยาบาลนครธน
- เตรียมความพร้อมก่อนคลอดเจ้าตัวเล็ก, โรงพยาบาลกรุงเทพ สำนักงานใหญ่
- มือบวม เท้าบวมขณะตั้งครรภ์ เกิดจากเหตุใด?, โรงพยาบาลพญาไท 2
- อาการเมื่อคุณแม่ใกล้คลอด, โรงพยาบาลศรีพัฒน์
- การดูแลตนเองเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด, โรงพยาบาลพญาไท 3
- เตรียมตัวตั้งครรภ์อย่างไร? ให้คุณแม่คลอดปลอดภัยและลูกน้อยแข็งแรงสมบูรณ์, โรงพยาบาลกรุงไทย
- เก็บกระเป๋าเตรียมตัวไปคลอด, โรงพยาบาลสมิติเวช
- การดิ้นของทารกในครรภ์ สัญญาณที่คุณแม่ควรรู้, โรงพยาบาลบางปะกอก สมุทรปราการ
อ้างอิง ณ วันที่ 1 กันยายน 2568