ช่วงไข่สุกคืออะไร? ไข่ตกและไข่สุกต่างกันอย่างไร พร้อมอาการที่ควรรู้

ช่วงไข่สุกคืออะไร? ไข่ตกหรือไข่สุก ช่วงไหนเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์

ไข่สุกเป็นขั้นตอนสำคัญที่เกิดขึ้นในรอบการมีประจำเดือน การเข้าใจช่วงไข่สุกและความแตกต่างระหว่างไข่ตกกับไข่สุกมีบทบาทสำคัญในการวางแผนการตั้งครรภ์ การเรียนรู้ถึงอาการและวิธีคำนวณช่วงไข่สุกจะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ช่วงไข่สุกคืออะไร? ไข่ตกหรือไข่สุก ช่วงไหนเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์

สรุป

  • ช่วงไข่สุก คือช่วงที่ผู้หญิงมีโอกาสตั้งครรภ์ได้มากที่สุด โดยจะเริ่มตั้งแต่ 6 วันก่อนวันไข่ตก ไปจนถึงวันไข่ตก ซึ่งเป็นช่วงที่ไข่สุกและพร้อมสำหรับการปฏิสนธิในช่วงนี้ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน Follicle Stimulating Hormone (FSH) และ ฮอร์โมน Luteinizing Hormone (LH) เพื่อกระตุ้นให้ไข่เจริญเติบโตและตกไข่ออกมาเมื่อไข่ตกแล้ว จะสามารถปฏิสนธิได้ภายใน 12 – 24 ชั่วโมงเท่านั้น ทั้งนี้ ช่วงไข่สุกของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับ รอบเดือน ความเครียด และสุขภาพโดยรวม
  • การรู้ความแตกต่างระหว่างไข่ตกและไข่สุก จะช่วยวางแผนตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไข่ตกคือช่วงที่ไข่หลุดออกจากรังไข่ โดยมีฮอร์โมน LH (Luteinizing Hormone) ทำหน้าที่กระตุ้นให้ไข่ตก ซึ่งมักเกิดขึ้นช่วงกลางรอบเดือน ส่วนไข่สุก คือช่วงที่ไข่เจริญเติบโตเต็มที่และพร้อมสำหรับการปฏิสนธิ ซึ่งกินเวลาตั้งแต่ 6 วันก่อนวันไข่ตกไปจนถึงวันไข่ตก
  • ในช่วงไข่สุกร่างกายมักแสดงสัญญาณบางอย่าง เช่น อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น มีเมือกใสในช่องคลอด เจ็บท้องน้อยข้างเดียว หรือคัดเต้านม ผู้หญิงบางคนอาจมีอารมณ์ทางเพศเพิ่มขึ้น และผิวดูเปล่งปลั่ง การสังเกตอาการเหล่านี้ช่วยให้คาดคะเนช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการตั้งครรภ์ได้ดียิ่งขึ้น

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

ช่วงไข่สุกคืออะไร?

ช่วงไข่สุกคือระยะเวลาก่อนและในวันไข่ตก ซึ่งเป็นช่วงที่ไข่ถูกปล่อยจากรังไข่เข้าสู่ท่อนำไข่เพื่อรอการปฏิสนธิ ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีโอกาสตั้งครรภ์สูง โดยปกติจะกินเวลาประมาณ 6 วันในแต่ละรอบเดือน กระบวนการนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย เมื่อระดับฮอร์โมน FSH (Follicle-Stimulating Hormone) และ LH (Luteinizing Hormone) เพิ่มขึ้น จะกระตุ้นให้ไข่ในรังไข่เจริญเติบโต และกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) เมื่อถึงช่วงกลางรอบเดือน ระดับฮอร์โมน FSH และ LH จะสูงสุด ส่งผลให้ไข่ที่เจริญเต็มที่ปล่อยออกจากรังไข่เข้าสู่ท่อนำไข่ พร้อมสำหรับการปฏิสนธิ หลังจากไข่ตก ไข่สามารถปฏิสนธิได้ภายใน 12 - 24 ชั่วโมง ก่อนจะสลายไปหากไม่มีการปฏิสนธิ ส่วนอสุจิสามารถอยู่ในร่างกายผู้หญิงได้นานสูงสุด 5 วัน ดังนั้นการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงไข่สุกจะเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์

อย่างไรก็ตาม ช่วงไข่สุกของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความสม่ำเสมอของรอบเดือน ความเครียด โภชนาการ และปัญหาสุขภาพ เช่น ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome : PCOS) ที่อาจส่งผลต่อการตกไข่ การเข้าใจช่วงไข่สุกจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการวางแผนตั้งครรภ์ได้อย่างเหมาะสม

 

ไข่ตกและไข่สุกต่างกันอย่างไร?

 

ไข่ตกและไข่สุกต่างกันอย่างไร?

การเข้าใจความแตกต่างระหว่าง “ไข่ตก” และ “ไข่สุก” เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่วางแผนตั้งครรภ์ เพราะการตกไข่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวต่อรอบเดือน การรู้ช่วงเวลาที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้มากขึ้น

ความหมายของ "ไข่ตก" และ "ไข่สุก"

  • ไข่ตก (Ovulation) คือกระบวนการที่ไข่สุกเต็มที่ถูกปล่อยจากรังไข่เข้าสู่ท่อนำไข่ โดยฮอร์โมน LH (Luteinizing Hormone) จะพุ่งสูงในช่วงกลางรอบเดือนเพื่อกระตุ้นการตกไข่
  • ไข่สุก (Fertile Egg) หมายถึงช่วงเวลาที่ไข่ที่ตกออกมาพร้อมสำหรับการปฏิสนธิ โดยไข่จะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 12 - 24 ชั่วโมง หากไม่มีอสุจิเข้ามาผสม ไข่ก็จะสลายไป

 

ตัวอย่างการคำนวณวันไข่ตก

  • รอบเดือน 28 วัน: ไข่ตกประมาณวันที่ 14 ของรอบเดือน
  • รอบเดือน 30 วัน: ไข่ตกประมาณวันที่ 16 ของรอบเดือน

 

เช่น หากรอบเดือนเริ่มวันที่ 8 ธันวาคม และมีรอบเดือน 30 วัน วันไข่ตกคือวันที่ 23 ธันวาคม นับจากวันแรกของรอบเดือน


ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการมีเพศสัมพันธ์

ควรมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 2 วันก่อนและหลังวันไข่ตก เพื่อเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิ เนื่องจากอสุจิอยู่ในร่างกายได้นาน 5 วัน ส่วนไข่จะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 12 - 24 ชั่วโมง หากไม่มีอสุจิเข้ามาผสม ไข่ก็จะสลายไป ดังนั้นการวางแผนช่วงเวลาที่เหมาะสมจึงเป็นหัวใจสำคัญของการตั้งครรภ์

 

อาการช่วงไข่สุกที่ควรรู้

ช่วงไข่สุกเป็นช่วงเวลาที่ไข่พร้อมสำหรับการปฏิสนธิ ร่างกายจะมีสัญญาณบางอย่างที่สามารถสังเกตได้ การรู้จักและเข้าใจสัญญาณเหล่านี้จะช่วยให้คาดคะเนช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการตั้งครรภ์ได้ดีขึ้น โดยสัญญาณที่มักเกิดขึ้นในช่วงไข่สุก ได้แก่

  1. เมือกใสในช่องคลอดเพิ่มขึ้น ช่วงที่ไข่สุก ร่างกายจะหลั่งเมือกในช่องคลอดมากขึ้น โดยเมือกจะมีลักษณะใส ยืดหยุ่นคล้ายไข่ขาวดิบ ไม่มีสีหรือกลิ่นผิดปกติ เมือกชนิดนี้ช่วยให้อสุจิเคลื่อนที่ผ่านปากมดลูกไปยังมดลูกได้ง่าย โดยปริมาณจะมากที่สุดในวันไข่ตก จากนั้นจะค่อย ๆ ลดลงและมีลักษณะข้นขึ้น
  2. ปวดท้องน้อยข้างเดียว เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระบบสืบพันธุ์ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน
  3. คัด หรือเจ็บเต้านม ในช่วงนี้ผู้หญิงบางคนอาจรู้สึกเจ็บ คัด หรือตึงหน้าอก ซึ่งเกิดจากการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนในร่างกาย
  4. อุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนแปลง หลังไข่ตก อุณหภูมิร่างกายจะสูงขึ้นเล็กน้อย อยู่ในช่วงประมาณ 36.4 - 37 องศาเซลเซียส เนื่องจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพิ่มขึ้น หากวัดอุณหภูมิร่างกายทุกเช้าในเวลาเดียวกันอย่างสม่ำเสมอ ติดต่อกัน 2 – 3 เดือน จะช่วยให้คาดคะเนช่วงไข่สุกของร่างกายได้ชัดเจนมากขึ้น
  5. อารมณ์ทางเพศเพิ่มขึ้น ในช่วงไข่ตก ระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงทำให้ผู้หญิงมีอารมณ์ทางเพศสูงขึ้น นอกจากนี้ ยังส่งผลให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูมีน้ำมีนวลมากขึ้น
  6. ปากมดลูกเปลี่ยนตำแหน่ง เมื่อเข้าสู่ช่วงไข่ตก ปากมดลูกจะขยับสูงขึ้นและนุ่มกว่าปกติ

 

วิธีคำนวณช่วงไข่สุก

การทราบช่วงเวลาที่ไข่สุกหรือวันไข่ตกเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่วางแผนการตั้งครรภ์ เพราะช่วยเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิได้มากขึ้น วิธีคำนวณวันไข่ตกจะแตกต่างกันไปตามความสม่ำเสมอของรอบเดือนของแต่ละบุคคล

สำหรับผู้ที่มีรอบเดือนสม่ำเสมอ

หากมีรอบเดือนสม่ำเสมอประมาณ 28 วัน สามารถคำนวณวันไข่ตกได้ค่อนข้างชัดเจน โดยให้นับวันแรกที่ประจำเดือนเป็นวันที่ 1 และไข่จะตกประมาณวันที่ 14 ของรอบเดือน หากต้องการมีลูก ควรมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 1- 2 วันก่อนวันไข่ตก เพื่อให้มีโอกาสปฏิสนธิได้ตรงเวลา

สำหรับผู้ที่มีรอบเดือนไม่สม่ำเสมอ

การคำนวณวันไข่ตกอาจทำได้ยากขึ้นในกรณีที่มีรอบเดือนมาไม่แน่นอน การใช้ชุดตรวจการตกไข่จึงเป็นวิธีที่ช่วยให้คาดคะเนช่วงตกไข่ได้ดีกว่าการนับวันด้วยตัวเอง ชุดตรวจนี้ทำงานคล้ายกับที่ตรวจครรภ์ ใช้ปัสสาวะเพื่อตรวจหาระดับฮอร์โมน LH (Luteinizing Hormone) ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการตกไข่

วิธีใช้ชุดตรวจการตกไข่

  • ควรเริ่มตรวจหลังจากมีประจำเดือนประมาณ 10 - 12 วัน
  • แนะนำให้ตรวจในช่วง 13.00 - 20.00 น. เนื่องจากระดับฮอร์โมน LH ในปัสสาวะจะเข้มข้นที่สุด
  • การใช้งานจะแตกต่างกันไปตามประเภทของชุดตรวจ ซึ่งมี 3 แบบ ได้แก่
    1. แบบจุ่ม (Strip): จุ่มแถบทดสอบลงในปัสสาวะ รอ 5 นาทีแล้วอ่านผล
    2. แบบหยด (Cassette): ใช้หลอดหยดปัสสาวะลงบนอุปกรณ์ทดสอบ 3 - 4 หยด รอ 5 นาทีแล้วอ่านผล
    3. แบบปัสสาวะผ่าน (Midstream): ปัสสาวะลงบนแถบทดสอบโดยตรงนาน 7 – 10 วินาที รอ 5 นาทีแล้วอ่านผล

 

การอ่านผลชุดตรวจการตกไข่

หากแถบอ่านผลขึ้น 2 ขีดโดยที่ขีดทดสอบเข้มเท่ากับหรือเข้มกว่าขีดควบคุม แสดงว่าระดับฮอร์โมน LH กำลังสูง และมีแนวโน้มว่าไข่จะตกภายใน 12 – 24 ชั่วโมง แต่ถ้าขึ้นเพียง 1 ขีด หรือขีดที่สองจางกว่ามาก แสดงว่ายังไม่ถึงช่วงตกไข่

 

ข้อดี ข้อเสียของวิธีคำนวณช่วงไข่สุกในแบบต่าง ๆ

วิธีคำนวณช่วงไข่สุก

ข้อดี

ข้อเสีย

คำนวณจากรอบเดือน

-ไม่เสียค่าใช้จ่าย

-เหมาะสำหรับผู้ที่มีรอบเดือนสม่ำเสมอ

-ไม่แม่นยำสำหรับผู้ที่มีรอบเดือนไม่สม่ำเสมอ
ชุดตรวจไข่ตก

-แม่นยำกว่าวิธีคำนวณ

-ใช้ได้แม้รอบเดือนไม่สม่ำเสมอ

-มีค่าใช้จ่าย

-ต้องใช้ติดต่อกันหลายวัน

วัดอุณหภูมิร่างกาย

-ใช้ได้กับทุกคน

-ไม่มีค่าใช้จ่าย

-ต้องวัดอุณหภูมิทุกเช้า

 

การเลือกวิธีที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอของรอบเดือนและความสะดวกของแต่ละบุคคล หากมีข้อสงสัย ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสม

 

ความสำคัญของการเข้าใจช่วงไข่สุก

การเข้าใจช่วงไข่สุกมีความสำคัญอย่างยิ่งทั้งสำหรับผู้ที่ต้องการตั้งครรภ์และผู้ที่ต้องการป้องกันการตั้งครรภ์โดยวิธีธรรมชาติ 

สำหรับผู้ที่ต้องการตั้งครรภ์

  • เพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์: การรู้ช่วงไข่สุกช่วยให้สามารถวางแผนมีเพศสัมพันธ์ในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิ

 

สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการตั้งครรภ์

  • คุมกำเนิดแบบธรรมชาติ: การทราบช่วงไข่สุกช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีโอกาสตั้งครรภ์สูง หรือใช้วิธีคุมกำเนิดแบบธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ลดความเสี่ยงในการตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจ: การเข้าใจเกี่ยวกับรอบเดือนและช่วงไข่สุกช่วยลดโอกาสในการตั้งครรภ์โดยไม่ได้วางแผน

 

ผลกระทบของการไม่เข้าใจช่วงไข่สุก:

  • พลาดโอกาสในการตั้งครรภ์: สำหรับผู้ที่พยายามมีลูก การไม่รู้ช่วงไข่สุกอาจทำให้พลาดโอกาสที่ดีที่สุดในการปฏิสนธิ
  • เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจ: สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการตั้งครรภ์ การไม่รู้ช่วงไข่สุกอาจเพิ่มความเสี่ยงในการตั้งครรภ์โดยไม่ได้วางแผน

 

การดูแลตัวเองเพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ

การตั้งครรภ์ตามธรรมชาติไม่ได้ขึ้นอยู่แค่การคำนวณวันไข่ตกเท่านั้น แต่การดูแลตัวเองในด้านต่าง ๆ ก็มีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสให้ตั้งครรภ์ได้ง่ายขึ้น เช่น การปรับพฤติกรรมการกิน การจัดการความเครียด และการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์ ซึ่งปัจจัยที่ควรใส่ใจมีดังนี้

1. เลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

  • รับประทานอาหารให้หลากหลาย ครบ 5 หมู่ เพื่อบำรุงร่างกายให้สมบูรณ์ทั้งชายและหญิง
  • ผักใบเขียว เช่น ตำลึง ผักโขม อุดมไปด้วยโฟเลตและวิตามินบี ช่วยส่งเสริมการตกไข่และทำให้อสุจิแข็งแรง
  • ธัญพืชและถั่ว เช่น ถั่วเหลือง ข้าวกล้อง ช่วยบำรุงมดลูกและเพิ่มคุณภาพของไข่
  • อาหารที่มีเบต้าแคโรทีน แมงกานีส และสังกะสี เช่น แครอท แอปริคอต เพื่อช่วยให้ฮอร์โมนทำงานสมดุล

2. ผ่อนคลาย ลดความเครียด

  • ความเครียดอาจรบกวนการทำงานของฮอร์โมนในระบบสืบพันธุ์ ส่งผลให้รอบเดือนแปรปรวน และไข่เจริญเติบโตได้ไม่สมบูรณ์
  • ทำจิตใจให้สบาย ไม่กดดันตัวเองและคนรัก หากิจกรรมที่ช่วยให้จิตใจผ่อนคลาย เช่น ออกกำลังกาย

3. หลีกเลี่ยงสารที่ส่งผลเสียต่อระบบสืบพันธุ์

  • งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และบุหรี่ เพราะมีผลทำให้ฮอร์โมนผิดปกติ ส่งผลให้ปริมาณและคุณภาพของอสุจิลดลง และขัดขวางกระบวนการตกไข่

 

การรู้ช่วงวันไข่ตกเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ไข่มีความพร้อมมากที่สุดสำหรับการปฏิสนธิ อย่างไรก็ตาม หากมีการพยายามตั้งครรภ์มาได้ระยะหนึ่งแล้วยังไม่ประสบผลสำเร็จ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินสุขภาพโดยรวมและรับคำแนะนำหรือแนวทางการดูแลที่เหมาะสมต่อไป

 

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

อ้างอิง :

  1. ช่วงไข่สุกคือ ตอนไหน ช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้อย่างไร , แพทย์หญิงรัชตภา นาเวศภูติกร hellokhunmor
  2. สำรวจโลกฮอร์โมน การทำงานร่วมกันของฮอร์โมนอีสโทรเจนและโพรเจนเทอโรน , คณะแพทยศาสตร์
    โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
  3. นับวันไข่ตกอย่างไรไม่ให้พลาด , กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
  4. ประจำเดือนมาไม่ปกติ อ้วนง่าย สัญญาณร้ายของภาวะ “ถุงน้ำรังไข่หลายใบ” , โรงพยาบาลนครธน
  5. นับวันตกไข่ นับอย่างไรกันแน่ , โรงพยาบาลวิภาวิดี
  6. วิธีการนับวันตกไข่ สิ่งสำคัญของคุณแม่มือใหม่ , โรงพยาบาลบางปะกอก
  7. มาฝึกดูวันไข่ตกกันเถอะ , โรงพยาบาลวิภาวดี
  8. การนับวันปลอดภัยในรอบเดือน , สถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยมหิดล
  9. 9 อาหาร(เสริม) คนอยากมีลูก , โรงพยาบาลสมิติเวช
  10. มีลูกยาก อยากท้องต้องทำยังไง เคล็ด(ไม่)ลับสำหรับคู่รักที่อยากมีลูก , โรงพยาบาลนครธน
  11. การเตรียมตัวตั้งครรภ์ของคุณแม่ยุคดิจิตอลที่อยากมีลูก , โรงพยาบาลสมิติเวช

อ้างอิง ณ วันที่ 3 เมษายน 2568