
โฟลิคสำหรับคนท้อง สำคัญอย่างไร? กินตอนไหน ปริมาณเท่าไหร่
คำถามที่พบบ่อย
โฟลิค (Folic Acid) กับ โฟเลต (Folate) เหมือนหรือต่างกันอย่างไร?
โฟเลต (Folate) และ โฟลิค (Folic Acid) ทั้งสองอย่างคือวิตามินบี 9 (Vitamin B9) เหมือนกันค่ะ แต่มีที่มาแตกต่างกัน:
- โฟเลต (Folate) คือวิตามินบี 9 ที่เราได้รับจากอาหารตามธรรมชาติ เช่น ผักใบเขียวเข้ม ถั่ว และผลไม้
- โฟลิค (Folic Acid) คือวิตามินบี 9 ที่มนุษย์สังเคราะห์ขึ้น มักพบในรูปแบบอาหารเสริมหรือยาเม็ด
แม้จะมีที่มาต่างกัน แต่ทั้งโฟเลตและโฟลิคก็ทำหน้าที่สำคัญในร่างกายเหมือนกัน คือช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง บำรุงสมอง และสังเคราะห์โปรตีน ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์ เพราะร่างกายต้องการวิตามินชนิดนี้เพิ่มขึ้นเพื่อช่วยในการเจริญเติบโตของลูกน้อย
ว่าที่คุณพ่อจำเป็นต้องกินโฟลิคด้วยหรือไม่?
โฟลิคไม่ได้มีประโยชน์แค่กับผู้หญิงตั้งครรภ์เท่านั้น แต่ยังมีส่วนสำคัญต่อคุณผู้ชายที่วางแผนจะมีลูกด้วย โดยมีงานวิจัยพบว่าการรับประทานโฟลิคและแร่ธาตุสังกะสี (Zinc) จะช่วยเพิ่มจำนวนและคุณภาพของอสุจิให้แข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความผิดปกติของโครโมโซมในอสุจิได้อีกด้วย ดังนั้นการทานโฟลิคร่วมกันทั้งคู่ในช่วงเตรียมตัวมีบุตร จึงช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์และลดความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
หากเพิ่งรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ แต่ยังไม่ได้เริ่มกินโฟลิค จะเป็นอันตรายไหม?
หากเพิ่งทราบว่าตั้งครรภ์แต่ยังไม่ได้เริ่มกินโฟลิค ให้รีบไปฝากครรภ์ทันทีที่โรงพยาบาลหรือคลินิกใกล้บ้านได้เลย
โดยปกติแล้ว หลอดประสาทซึ่งจะพัฒนาไปเป็นสมองและไขสันหลังของทารกจะเริ่มสร้างตั้งแต่ช่วง 2 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ หากคุณแม่ได้รับโฟลิคไม่เพียงพอในช่วงนี้ อาจส่งผลต่อการพัฒนาของหลอดประสาทได้ ทำให้เสี่ยงต่อความพิการแต่กำเนิดของสมองและไขสันหลังของลูกน้อย
อย่างไรก็ตาม เมื่อไปพบคุณหมอแล้ว คุณหมอจะตรวจสุขภาพอย่างละเอียดและให้ยาบำรุงครรภ์ที่จำเป็น เช่น โฟลิค เหล็ก และแคลเซียม เพื่อให้คุณแม่เริ่มรับประทานได้ทันทีตามคำแนะนำ
สรุป
- โฟลิค หรือ วิตามินบี 9 มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างตัวอ่อนช่วงแรก เพราะช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของความผิดปกติของระบบประสาทแต่กำเนิด เช่น ภาวะไม่มีเนื้อสมอง หรือภาวะไขสันหลังไม่ปิด ซึ่งเป็นปัญหาที่อาจเกิดจากการขาดโฟลิค
- คุณแม่ที่ขาดโฟลิคอาจมีอาการโลหิตจาง อ่อนเพลีย หรือเจ็บลิ้นได้ และที่สำคัญกว่านั้นคือ หากร่างกายขาดโฟลิคโดยเฉพาะในช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ จะเพิ่มความเสี่ยงที่ระบบประสาทของทารกจะพัฒนาผิดปกติได้
- โฟลิคมีประโยชน์ไม่ใช่แค่ช่วยป้องกันความพิการแต่กำเนิดให้กับลูกน้อยเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ ช่วยลดภาวะไข่ไม่ตก ลดความเสี่ยงของการแท้งบุตร และเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์สำเร็จในคุณแม่ที่ทำเด็กหลอดแก้วอีกด้วย
- สำหรับผู้หญิงที่กำลังวางแผนจะมีบุตร ควรได้รับโฟลิค 400 ไมโครกรัมต่อวัน ตามคำแนะนำของแพทย์ และเมื่อตั้งครรภ์แล้ว ปริมาณที่แนะนำจะเพิ่มขึ้นเป็น 800 ไมโครกรัมต่อวัน เพื่อให้เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- โฟลิค คืออะไร?
- ควรกินโฟลิคช่วงไหนถึงจะดีที่สุด?
- จะรู้ได้อย่างไรว่าร่างกายคุณแม่ขาดโฟลิค?
- ความสำคัญและประโยชน์ของโฟลิคต่อคุณแม่และทารกในครรภ์
- ปริมาณและช่วงเวลาที่ควรได้รับโฟลิค
- คนท้องได้รับโฟลิคมากเกินไป ส่งผลเสียหรือไม่?
- แหล่งอาหารที่มีโฟลิคสูงสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
โฟลิค คืออะไร?
สงสัยกันใช่ไหมคะว่า โฟลิค ที่ได้ยินกันบ่อยๆ นั้นคืออะไร? โฟลิค (Folic Acid) หรือที่เรียกว่า โฟเลต (Folate) ก็คือ วิตามินบี 9 (Vitamin B9) ที่เราพบได้ในอาหารธรรมชาติทั่วไปค่ะ เช่น ผักคะน้า ผักปวยเล้ง บรอกโคลี หน่อไม้ฝรั่ง มะเขือเทศ อะโวคาโด ส้ม เมล็ดทานตะวัน ธัญพืชไม่ขัดสี และข้าวกล้อง
วิตามินตัวนี้สำคัญกับร่างกายมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิงที่กำลังวางแผนจะมีลูก หรือคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ โฟลิค ถือเป็น Superfood สุดยอดอาหารโภชนาการสูง ที่ขาดไม่ได้เลยนะคะ เพราะมีส่วนช่วยสำคัญในการสร้างตัวอ่อนให้สมบูรณ์แข็งแรง และยังช่วยป้องกันความผิดปกติของระบบประสาทในลูกน้อย เช่น ภาวะไม่มีเนื้อสมอง หรือภาวะไขสันหลังไม่ปิด ที่อาจเกิดจากการขาดโฟลิค นั่นเองค่ะ การได้รับโฟลิคอย่างเพียงพอจึงเป็นเรื่องที่คุณแม่ควรใส่ใจเป็นอันดับต้นๆ นะคะ
ควรกินโฟลิคช่วงไหนถึงจะดีที่สุด?
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการกินโฟลิคคือ ตั้งแต่เริ่มวางแผนมีบุตร หรือก่อนตั้งครรภ์อย่างน้อย 1-3 เดือน และควรกินต่อเนื่องไปอีก 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ตามคำแนะนำจากคุณหมอนะคะ
เหตุผลก็เพราะว่าหลอดประสาทซึ่งจะพัฒนาไปเป็นสมองและไขสันหลังของทารกจะปิดสมบูรณ์ในช่วงสัปดาห์ที่ 3-4 หลังการปฏิสนธิ ซึ่งเป็นช่วงที่คุณแม่หลายคนอาจยังไม่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์ การเตรียมพร้อมแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อลดความเสี่ยงของความพิการแต่กำเนิดค่ะ
จะรู้ได้อย่างไรว่าร่างกายคุณแม่ขาดโฟลิค
เมื่อได้รู้ถึงความสำคัญของโฟลิคแล้ว คุณแม่หลายท่านคงอยากรู้ต่อใช่ไหมคะว่า แล้วเราจะสังเกตได้อย่างไรว่าร่างกายกำลังขาดโฟลิคหรือโฟเลตอยู่หรือเปล่า? สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ หากร่างกายขาดโฟลิค คุณแม่อาจมีอาการโลหิตจาง หรือรู้สึกอ่อนเพลีย เจ็บลิ้นได้ โดยเฉพาะในช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ หากคุณแม่ดูแลตัวเองไม่ดีพอ ร่างกายขาดโฟลิคอาจเพิ่มความเสี่ยงที่ทารกในครรภ์จะมีการเจริญเติบโตในส่วนของระบบประสาทผิดปกติได้ค่ะ อย่างไรก็ตาม คุณแม่ควรสังเกตอาการเหล่านี้หากสงสัยว่าผิดปกติควรปรึกษาคุณหมอเพื่อตรวจเช็กและรับคำแนะนำที่ถูกต้องนะคะ
ความสำคัญและประโยชน์ของโฟลิคต่อคุณแม่และทารกในครรภ์
โฟลิคไม่เพียงแต่เป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยในการสร้างตัวอ่อนให้สมบูรณ์เท่านั้นนะคะ แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์อีกหลายด้านเลยค่ะ เรามาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
1. ช่วยพัฒนาระบบประสาทและสมองของทารก
โฟลิคมีความสำคัญอย่างมากโดยเฉพาะในช่วงอายุครรภ์ 3-4 สัปดาห์หลังการปฏิสนธิ จะเป็นช่วงที่พัฒนาการของสมองและระบบประสาทของทารกจะพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง การได้รับโฟลิคอย่างเพียงพอจะช่วยลดความเสี่ยงของความพิการของท่อประสาท เช่น ภาวะไม่มีเนื้อสมอง หรือภาวะไขสันหลังไม่ปิด โฟลิคจะเข้าไปช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของท่อประสาท ซึ่งเป็นอวัยวะตั้งต้นที่จะพัฒนาไปเป็นไขสันหลัง สมอง และเส้นประสาทสำคัญทั่วร่างกายของลูกน้อยนั่นเองค่ะ
2. ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง
โฟลิคไม่เพียงแต่สำคัญสำหรับลูกน้อยเท่านั้น แต่ยังจำเป็นสำหรับคุณแม่ด้วยค่ะ เพราะโฟลิคจะช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงให้เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของลูกในครรภ์ และยังช่วยสำรองเลือดไว้สำหรับการคลอดที่กำลังจะมาถึง
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ โฟลิคมีส่วนช่วยในการสร้างเซลล์และเนื้อเยื่อต่าง ๆ ของลูกน้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างสมองและไขสันหลัง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของความพิการแต่กำเนิด และยังส่งเสริมพัฒนาการด้านสติปัญญาและเชาว์ปัญญาของลูกรักอีกด้วย นอกจากนี้ หลังจากที่คุณแม่คลอดแล้ว โฟลิคก็ยังมีส่วนช่วยในการสร้างน้ำนมที่มีคุณภาพ เพื่อให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่ดีที่สุดตั้งแต่แรกเริ่มค่ะ
3. ช่วยให้มีบุตรง่ายขึ้นและลดภาวะแท้ง
การรับประทานโฟลิคไม่เพียงแค่ช่วยป้องกันความพิการแต่กำเนิดให้กับลูกน้อยเท่านั้นนะคะ แต่ยังมีประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายเลยค่ะ โฟลิคมีส่วนช่วยให้คุณแม่มีบุตรง่ายขึ้น ลดภาวะไข่ไม่ตก และยังช่วยลดความเสี่ยงของการแท้งบุตรได้อีกด้วยค่ะ นอกจากนี้ โฟลิคยังช่วยเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์สำเร็จในคุณแม่ที่ทำเด็กหลอดแก้วอีกด้วยนะคะ
ด้วยเหตุผลเหล่านี้เอง ความต้องการโฟลิคในร่างกายของคุณแม่จะเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงปฏิสนธิ เพราะมีการสร้างเนื้อเยื่อเซลล์ต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นี่จึงเป็นสาเหตุที่ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ โดยเฉพาะผู้หญิงที่วางแผนจะมีบุตร มักได้รับคำแนะนำให้รับประทานโฟลิคอย่างเพียงพอ เพื่อให้ร่างกายได้สำรองโฟลิคไว้ใช้เมื่อคุณตั้งครรภ์นั่นเองค่ะ
ปริมาณและช่วงเวลาที่ควรได้รับโฟลิค
เพื่อให้ลูกน้อยแข็งแรงสมบูรณ์และเติบโตอย่างมีคุณภาพตั้งแต่ในครรภ์ คุณแม่ทุกคนคงอยากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกใช่ไหมคะ หนึ่งในสารอาหารสำคัญที่คุณแม่ไม่ควรมองข้ามเลยก็คือ โฟลิคค่ะ เพราะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อพัฒนาการของลูกน้อย ดังนั้น การใส่ใจเรื่องปริมาณและช่วงเวลาการรับประทานโฟลิคจึงเป็นสิ่งที่คุณแม่ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษค่ะ
คุณแม่เริ่มเสริมโฟลิคได้ตอนไหน ?
คุณแม่สามารถเริ่มรับประทาน โฟลิค เตรียมตั้งครรภ์ ได้ตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ 1-3 เดือน เลยนะคะ และควรทานต่อเนื่องไปจนถึง อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ ค่ะ เพราะในช่วง 3-4 สัปดาห์แรกหลังการปฏิสนธิ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สมองและระบบประสาทของทารกในครรภ์กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง หากคุณแม่เริ่มทานช้าเกินไป อาจส่งผลให้ท่อประสาทของทารกปิดไม่สมบูรณ์ได้ค่ะ
คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องได้รับโฟลิคปริมาณเท่าไหร่
สำหรับผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ทุกคนที่กำลังวางแผนจะมีบุตร รวมถึงผู้ที่ประสบภาวะมีบุตรยาก คุณหมอมักแนะนำให้รับประทานโฟลิคเสริมอย่างน้อย 400 ไมโครกรัมต่อวัน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดความพิการทางระบบประสาทจากหลอดประสาทไม่ปิดในลูกน้อย และยังช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ด้วยค่ะ ส่วนคุณแม่ที่ตั้งครรภ์แล้ว โดยทั่วไปปริมาณโฟลิคที่แนะนำจะอยู่ที่ประมาณ 800 ไมโครกรัมต่อวัน
นอกจากนี้ โฟลิคยังเป็นส่วนสำคัญในการสร้างน้ำนมให้กับคุณแม่หลังคลอดลูกอีกด้วยนะคะ และเมื่อลูกน้อยได้ดื่มนมแม่ตั้งแต่แรกเกิด ร่างกายก็จะได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์มากมายกว่า 200 ชนิด เช่น ดีเอชเอ (DHA) แคลเซียม และแอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน (Alphalac Sphingomyelin) ซึ่งมีบทบาทช่วยส่งเสริมพัฒนาการของสมอง สติปัญญา และการเจริญเติบโตของลูก ยิ่งไปกว่านั้น ในนมแม่ยังมีจุลินทรีย์สุขภาพดีอย่าง บีแล็กทิส (B. lactis) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มโพรไบโอติก อย่างบิฟิโดแบคทีเรียม (Bifidobacterium) ที่สามารถส่งต่อไปช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยแข็งแรงได้อีกด้วยค่ะ
คนท้องได้รับโฟลิคมากเกินไป ส่งผลเสียหรือไม่ ?
คุณแม่ทราบไหมคะว่า ปริมาณโฟลิคที่เหมาะสมกับร่างกายของคุณแม่ในช่วงตั้งครรภ์ควรอยู่ที่ประมาณ 800 ไมโครกรัมต่อวัน เพราะหากร่างกายได้รับโฟลิคมากเกินไป อาจส่งผลเสียได้ค่ะ การได้รับปริมาณโฟลิคที่มากเกินไปจะเข้าไปยับยั้งการทำงานของ วิตามินบี 12 (Vitamin B12) ซึ่งอาจทำให้คุณแม่เกิดภาวะโรคโลหิตจางได้ค่ะ ดังนั้นการได้รับโฟลิคในปริมาณที่คุณหมอแนะนำจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อสุขภาพที่ดีของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์นะคะ

แหล่งอาหารที่มีโฟลิคสูงสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
คุณแม่ทราบไหมคะว่า นอกจากโฟลิคในรูปแบบวิตามินเสริมแล้ว เรายังสามารถรับประทานโฟลิคได้จากอาหารหลากหลายชนิดในชีวิตประจำวันด้วยนะคะ มาดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง
ผักใบเขียว:
ผักใบเขียวเข้มต่าง ๆ เป็นแหล่งของโฟลิคชั้นดีเลยค่ะ อย่างเช่น ผักโขม 100 กรัม จะให้โฟลิคสูงถึง 160 ไมโครกรัม ส่วน ผักคะน้า ให้ประมาณ 80 ไมโครกรัม และแขนงกะหล่ำ ก็มีถึง 97 ไมโครกรัม ต่อ 100 กรัมเลยทีเดียวค่ะ การทานผักเหล่านี้เป็นประจำจะช่วยให้คุณแม่ได้รับโฟลิคอย่างเพียงพอค่ะ
ข้าวและธัญพืช:
อย่าลืมเพิ่มข้าวและธัญพืชในมื้ออาหารนะคะ เพราะเป็นแหล่งโฟลิคที่ดีไม่แพ้กันเลยค่ะ อย่าง ข้าวกล้อง 100 กรัม จะให้โฟลิคสูงถึง 263 ไมโครกรัม ในขณะที่ ข้าวเหนียว 100 กรัม ให้ 169 ไมโครกรัม และข้าวหอมมะลิ 100 กรัม ให้ 158 ไมโครกรัม นอกจากนี้ ถั่วแดง 100 กรัม ก็มีโฟลิคถึง 144 ไมโครกรัมเลยค่ะ
ผลไม้:
ก็เป็นอีกหนึ่งแหล่งโฟลิคที่อร่อยและดีต่อสุขภาพค่ะ โดยเฉพาะผลไม้เหล่านี้: สับปะรด ให้โฟลิคสูงถึง 300 ไมโครกรัม ต่อ 100 กรัม, ส้ม มีประมาณ 292 ไมโครกรัม ต่อ 100 กรัม และ มะละกอ ก็มีมากถึง 256 ไมโครกรัม ต่อ 100 กรัมเลยค่ะ ส่วน ฝรั่ง ก็ให้โฟลิคประมาณ 115 ไมโครกรัม ต่อ 100 กรัมค่ะ คุณแม่ท้องกินได้หลากหลายไม่มีเบื่อเลยใช่ไหมคะ
ไข่:
ในไข่จะอุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย รวมถึงมีโฟลิคด้วยค่ะ ซึ่งการกินไข่ 1 ฟอง จะได้รับปริมาณโฟลิค 20 ไมโครกรัม
เนื้อสัตว์:
เนื้อสัตว์ก็เป็นอีกหนึ่งแหล่งของโฟลิคที่คุณแม่สามารถหาทานได้ โดยปริมาณโฟลิคต่อ 100 กรัม เนื้อหมูสันในจะมี 156 ไมโครกรัม ปลาดุก 96 ไมโครกรัม เนื้อวัวสะโพก 64 ไมโครกรัม และเนื้ออกไก่ 61 ไมโครกรัม การรับประทานเนื้อสัตว์เหล่านี้ในปริมาณที่เหมาะสม ก็จะช่วยให้ร่างกายคุณแม่ได้รับโฟลิคเพิ่มขึ้นได้อีกทางหนึ่งนะคะ
โฟลิคถือได้ว่าเป็นสารอาหารสำคัญอย่างยิ่งสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ การได้รับในปริมาณที่เพียงพอจะช่วยลดความเสี่ยงของทารกพิการแต่กำเนิดได้อย่างมีนัยสำคัญค่ะ ดังนั้น คุณแม่ที่กำลังเตรียมตัวตั้งครรภ์ หรือกำลังตั้งครรภ์อยู่ ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์เกี่ยวกับปริมาณและการรับประทานโฟลิคที่เหมาะสมนะคะ เพื่อสร้างความสมบูรณ์แข็งแรงให้กับลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิด และถ้าคุณแม่อยากติดตามพัฒนาการครรภ์ตลอด 9 เดือน สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยค่ะ https://www.s-momclub.com/member-privilege
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่
อ้างอิง:
- วิตามินโฟลิก ลดความเสี่ยงภาวะพิการแต่กำเนิด, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
- โฟเลตกับชีวิต (Folic acid), สมาคมแพทย์สตรีแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์
- “กรดโฟลิก” สิ่งจำเป็นสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคน!, โรงพยาบาลพญาไท
- โรคเลือดจางจากการขาดวิตามินโฟเลต, สมาคมโลหิตวิทยาแห่งประเทศไทย
- โฟลิกกับการตั้งครรภ์, โรงพยาบาลสินแพทย์
- โฟลิกกับการตั้งครรภ์, โรงพยาบาล MedPark
- กรดโฟลิก…ทำไมจึงจำเป็นกับคุณแม่ตั้งครรภ์, โรงพยาบาลพญาไท
- 4 ตัวท็อปแหล่งอาหารสูงโฟเลตสูง, อนามัยมีเดีย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
- กรดโฟลิก” สิ่งจำเป็นสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์, โรงพยาบาลพิษณุโลก ฮอสพิทอล
- folate กะ folicacid ต่างกันหรือไม่อย่างไร ในคนตั้งครรภ์, คลังข้อมูลยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
- คำแนะนำสำหรับว่าที่คุณพ่อ เพื่อเตรียมพร้อมต่อการตั้งครรภ์, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
- ยาบํารุงครรภ์ คืออะไร และมียาอะไรบ้างที่รับประทานได้, แพทย์หญิงรัชตภา นาเวศภูติกร สูตินรีเวชวิทยา helloคุณหมอ
อ้างอิง ณ วันที่ 10 สิงหาคม 2568