
โรคหัดในเด็ก เด็กออกหัด เรื่องใกล้ตัวที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม
เด็กเล็กและทารก มัก เกิดโรคหัด หรือที่เรียกว่าโรคหัดได้ คุณแม่จึงต้องรู้ถึงวิธีป้องกัน เพราะโรคหัดในเด็กมีภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย จึงต้องหมั่นสังเกตอาการ ในบทความนี้อยากชวนมาทำความรู้จักโรคหัด และอาการออกหัดป้องกันและดูแล ยังไง เพื่อดูแลลูกน้อยให้ห่างไกลจากโรคร้าย
สรุป
- โรคหัด เป็นไข้ออกผื่น ที่พบได้บ่อยในช่วงอากาศเย็น เกิดจากเชื้อไวรัส กลุ่ม Morbillivirus และพบบ่อยในเด็กเล็ก
- สิ่งที่ควรระวังสำหรับเด็กที่เป็นโรคหัด คือ ภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะเด็กที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง และเด็กเป็นโรคขาดสารอาหาร
- สำหรับข้อสงสัยที่ว่า ออกหัดดูแลและบรรเทาอาการยังไง จริง ๆ แล้ว โรคหัดไม่ได้มียารักษาเฉพาะ เพียงแต่ดูแลอาการแบบประคับประคอง
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- โรคหัดในเด็ก สาเหตุเกิดจากอะไร
- โรคหัดในเด็กติดต่อยังไง แพร่กระจายได้ด้วยวิธีไหน
- เด็กออกหัดพบบ่อยในวัยไหน
- เด็กออกหัดอาการแบบไหน
- อาการแทรกซ้อนโรคหัดในเด็กที่ต้องระวัง
- ออกหัดดูแลและบรรเทาอาการยังไง หายเองได้ไหม
- วิธีป้องกันโรคหัดในเด็ก
โรคหัดในเด็ก สาเหตุเกิดจากอะไร
โรคหัด (Measles) มีลักษณะเป็นไข้ออกผื่น แม้ว่าจะพบได้ตลอดทั้งปี แต่ในช่วงหน้าหนาวหรือมีอากาศหนาวเย็น จะพบได้มากเป็นพิเศษ โรคหัดในเด็กเกิดจากเชื้อไวรัส กลุ่ม Morbillivirus โรคหัดพบได้บ่อยในเด็กเล็ก อีกทั้งเป็นโรคที่ติดต่อกันได้ง่าย และต้องระวังเรื่องภาวะแทรกซ้อน
โรคหัดในเด็กติดต่อยังไง แพร่กระจายได้ด้วยวิธีไหน
โรคหัดติดต่อได้ง่าย เพราะเชื้อไวรัสอยู่ในละอองเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย จึงติดต่อได้ผ่านการหายใจ หรือสัมผัสเชื้อได้ผ่านการพูดคุยกันอย่างใกล้ชิด เมื่อผู้ป่วยไอ จาม เชื้อหัดสามารถแพร่กระจายในละอองอากาศ แล้วเข้าสู่ร่างกายได้โดยง่าย โดยผู้ป่วยจะมีเชื้ออยู่ในลำคอ และแพร่เชื้อได้ในช่วง 1-2 วันก่อนเกิดผื่น ไปจนมีผื่นขึ้นแล้ว 4 วัน ก่อนเชื้อจะหมดไป
เด็กออกหัดพบบ่อยในวัยไหน
เด็กออกหัดพบบ่อยตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ปี โดยเฉพาะช่วงวัย 1-3 ปี จะพบเด็กเป็นโรคหัดมากที่สุด และพบรองลงมาในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี
เด็กออกหัดอาการแบบไหน
เด็กออกหัดมีอาการ 4 ระยะ นับตั้งแต่เริ่มติดเชื้อโรคหัด จนถึงช่วงแพร่กระจายไวรัส ได้แก่
ระยะติดเชื้อและฟักตัวของโรค
หลังจากเด็กติดเชื้อโรคหัด เชื้อไวรัสจะใช้เวลาประมาณ 10-14 วัน ในการฟักตัว ซึ่งเด็กที่ติดเชื้อโรคหัดจะยังไม่แสดงอาการออกมาในระยะแรก
ระยะก่อนออกผื่น
ในระยะนี้ เด็กติดโรคหัดจะมีอาการคล้ายไข้หวัดในเด็ก เริ่มแรกลูกจะมีไข้และตัวร้อน จากนั้นเด็กจะเริ่มไอแห้ง ก่อนมีน้ำมูกไหล เด็กตาแดง ตาไม่สู้แสง และมีอาการเจ็บคอได้ หากสังเกตในกระพุ้งแก้มบริเวณฟันกรามล่างจะพบตุ่มค็อปลิค ลักษณะเป็นจุดสีเทาขาว มีขอบสีแดง เกิดขึ้นก่อนเด็กออกหัด 2-3 วัน
ระยะเวลาออกผื่น
ช่วงเวลานี้เด็กจะออกหัด มีลักษณะเป็นผื่นสีแดง ขนาดเล็ก แบนราบ ติดกันหลายจุดจนกลายเป็นปื้น ผื่นหรือการออกหัดนั้นไม่มีรูปทรงแน่นอน แต่เด็กออกหัดมักไม่มีอาการคัน ลักษณะของเด็กออกหัดจะเริ่มขึ้นผื่นที่หลังใบหูก่อน และเกิดชิดขอบผม ผื่นจะกระจายที่ลำคอ แขน ลำตัว ขาและเท้า กว่าที่ผื่นจะลุกลามจากใบหน้าถึงเท้าใช้เวลา 2-3 วัน ระยะนี้จะมีอาการไข้สูง 40 – 41 องศาเซลเซียส ต่อมาผื่นจะจางลงเริ่มจากใบหน้าก่อนถึงขาและเท้า ลักษณะของการออกหัด สีของผื่นจะเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีน้ำตาลแดง ก่อนจะลอกเป็นแผ่นบาง กว่าจะหายใช้เวลาราว 7-10 วัน
ระยะติดต่อ
ช่วงเวลาแพร่กระจายเชื้อไวรัสหัดอยู่ประมาณ 8 วัน นับตั้งแต่ 4 วันก่อนเด็กออกหัด จนถึง 4 วันหลังออกหัด
อาการแทรกซ้อนโรคหัดในเด็กที่ต้องระวัง
โรคหัดในเด็กอาจมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ โดยเฉพาะเด็กที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เด็กเป็นโรคขาดสารอาหาร และภาวะแทรกซ้อนมักพบในระยะหลังของโรค ประมาณร้อยละ 30 ของผู้ป่วย ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยที่สุด คือ การถ่ายเหลว สำหรับภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญอื่น ๆ เช่น
- หูติดเชื้อแบคทีเรีย
- หูชั้นกลางอักเสบ
- หลอดลมอักเสบ กล่องเสียงอักเสบ หรือโรคครูป
- ภาวะปอดบวม ปอดอักเสบ
- ลำไส้อักเสบ
- สมองอักเสบ ภาวะแทรกซ้อนที่อาจทำให้เสียชีวิตหรือพิการ มักพบหลังมีผื่น 2-6 วัน
ออกหัดดูแลและบรรเทาอาการยังไง หายเองได้ไหม
- โรคหัดในเด็กไม่มียาต้านไวรัสโดยตรง การดูแลบรรเทาอาการ ทำได้โดยดูแลคล้ายกับอาการไข้หวัด หรือกินยาภายใต้การดูแลของแพทย์ ได้แก่ เช็ดตัวลดไข้ ด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำอุณหภูมิปกติ
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
- ดื่มน้ำสะอาด
วิธีป้องกันโรคหัดในเด็ก
การป้องกันโรคหัดในเด็ก สามารถทำได้ด้วยการฉีดวัคซีน ดังนี้
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด ซึ่งเป็นวัคซีนรวมโรคหัด หัดเยอรมัน คางทูม 2 เข็ม ฉีดเข็มแรกอายุ 9-12 เดือน ฉีดเข็มที่ 2 อายุ 2 ขวบ-2 ขวบครึ่ง
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด หรือใส่หน้ากากอนามัย ในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน
- ล้างมือให้สะอาดเป็นประจำ
แม้ว่าโรคหัดในเด็ก ส่วนใหญ่อาการจะไม่รุนแรง แต่ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดให้ครบทั้ง 2 เข็ม พร้อมทั้งดูแลเรื่องโภชนาการอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะทารกควรกินนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือนและกินอย่างต่อเนื่องต่อไป เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารสำคัญในนมแม่ ที่มีมากกว่า 200 ชนิด รวมทั้ง แอลฟา-แล็คตัลบูมิน และ สฟิงโกไมอีลิน ซึ่งช่วยในพัฒนาการสมอง สติปัญญา และการเจริญเติบโตของลูก รวมทั้งยังมีจุลินทรีย์สุภาพหลายชนิด เช่น บี แล็กทิส (B. lactis) หนึ่งในจุลินทรีย์สุขภาพในกลุ่มบิฟิโดแบคทีเรียม (Bifidobacterium) และยังเป็นโพรไบโอติก ที่สามารถส่งต่อเพื่อสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยได้อีกด้วย
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่
- โปรแกรม Baby Development เช็คพัฒนาการลูกน้อยแต่ละช่วงวัย
- วัยทอง 1 ขวบ ลูกเริ่มดื้อ รับมือวัยทองเด็ก 1 ขวบ ยังไงดี
- วัยทอง 2 ขวบ ลูกดื้อมาก รับมือวัยทองเด็ก 2 ขวบ ยังไงดี
- วัยทอง 3 ขวบ ลูกกรี๊ดเอาแต่ใจ รับมือวัยทองเด็ก 3 ขวบ ยังไงดี
- เด็กคว่ำกี่เดือน เด็กนอนคว่ำได้ตอนไหน พร้อมวิธีฝึกเด็กนอนคว่ำ
- เด็กนั่งได้กี่เดือน ทารกนั่งได้ตอนกี่เดือน แบบไหนคือพัฒนาการล่าช้า
- เด็กตั้งไข่กี่เดือน ฝึกลูกตั้งไข่ตอนไหน ลูกตั้งไข่แล้วล้มผิดปกติไหม
- เด็กเริ่มคลานกี่เดือน สัญญาณอะไรบ้างที่บอกว่าเด็กเริ่มคลานได้แล้ว
- เด็กเดินได้กี่เดือน ลูกเดินช้า มีผลต่อพัฒนาการสมองไหม
- เด็กเรียนรู้ช้า ไอคิวต่ำ มีลักษณะอย่างไร พร้อมวิธีกระตุ้นพัฒนาการลูก
อ้างอิง:
- โรคหัด (measles), สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย
- โรคหัด (measles), คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
- โรคหัด สำหรับประชาชน, กองโรคป้องกันด้วยวัคซีน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
- โรคหัด, โรงพยาบาลสมิติเวช
- โรคหัด (Measles), สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย
- โรคหัดในเด็ก, โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
อ้างอิง ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2567