
ลูกท้องผูก 1 ขวบ สาเหตุ อาการ และ 20 วิธีดูแลให้ลูกกลับมาสบายท้อง
ลูกท้องผูก 1 ขวบเป็นอาการที่พบได้บ่อย สังเกตง่าย ๆ คือ ลูกไม่ค่อยถ่าย อุจจาระแข็ง หรือร้องเจ็บเวลาเบ่ง ส่วนใหญ่แล้วอาการท้องผูกเกิดจากนิสัยการกินและขับถ่ายที่ไม่ดี บทความนี้มีคำแนะนำสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ช่วยรับมือลูกท้องผูกได้สบายขึ้น รวมถึงเคล็ดลับป้องกันลูกท้องผูกในระยะยาวด้วย
สรุป
- ลูกท้องผูก 1 ขวบอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น เปลี่ยนจากนมแม่เป็นอาหารเสริมตามวัย ดื่มน้ำไม่เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย ความเครียดหรือการกลั้นอุจจาระ รวมถึงอาจเกิดจากความผิดปกติอื่น ๆ ของร่างกายได้เช่นกัน
- อาการลูกท้องผูก 1 ขวบ สังเกตได้จาก ลูกขับถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ลักษณะอุจจาระแข็งแห้ง เป็นก้อนเล็ก ๆ เหมือนเม็ดกระสุน หรือถ่ายก้อนใหญ่มาก ๆ จนลูกเบ่งเจ็บ ร้องงอแงถ่ายยาก
- การดูแลลูกท้องผูก สามารถทำได้หลายวิธี เช่น ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ออกกำลังกาย ฝึกขับถ่ายเป็นเวลา ไม่กลั้นอุจจาระ และลดความเครียดของลูก เป็นต้น
- ยาระบายที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก มีทั้งชนิดน้ำ ยาสวนทวาร และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไฟเบอร์ แต่ไม่ควรซื้อมาให้ลูกใช้เอง ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- ลูกท้องผูก 1 ขวบ เกิดจากอะไร?
- อาการของลูกท้องผูกที่คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกต
- 10 วิธีดูแลเมื่อลูกท้องผูก 1 ขวบ
- ยาระบายสำหรับเด็กมีประเภทไหนบ้าง
- เมื่อไหร่ที่ควรพาลูกไปพบแพทย์?
- เคล็ดลับป้องกันลูกท้องผูกในระยะยาว
ลูกท้องผูก 1 ขวบ เกิดจากอะไร?
อาการท้องผูกในเด็กเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย มากกว่าร้อยละ 90 ของอาการท้องผูกมักเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการขับถ่ายและการรับประทานอาหาร โดยพบว่า ลูกท้องผูก 1 ขวบ อาจเกิดจากสาเหตุต่อไปนี้
- การเปลี่ยนแปลงอาหาร เช่น การเปลี่ยนจากนมแม่เป็นอาหารเสริมตามวัย อาจส่งผลต่อระบบขับถ่ายและทำให้เกิดอาการท้องผูกได้
- การดื่มน้ำไม่เพียงพอ การดื่มน้ำน้อยทำให้อุจจาระแข็งและแห้ง ทำให้ขับถ่ายยากและนำไปสู่อาการท้องผูก
- การรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย การบริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ดที่หาได้ง่ายในปัจจุบัน ทำให้เด็กไม่ได้รับประทานผักและผลไม้ในปริมาณที่เพียงพอ ซึ่งเป็นแหล่งของกากใยที่สำคัญต่อการขับถ่าย
- การกลั้นอุจจาระ การเปลี่ยนสภาพแวดล้อม เช่น เปลี่ยนจากเคยอยู่บ้านไปอยู่เนอสเซอรี่ อาจทำให้เด็กเกิดการกลั้นอุจจาระ ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของระบบขับถ่าย
- ภาวะทางการแพทย์ เช่น เด็กอาจมีความผิดปกติของลำไส้หรือทวารหนัก ภาวะลำไส้ส่วนปลายไม่มีปมประสาท ทำให้ลำไส้ใหญ่ไม่สามารถบีบตัวเพื่อขับเคลื่อนอุจจาระไปถึงทวารหนักได้ และมักแสดงอาการตั้งแต่แรกเกิด หรือเกิดจากภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยกว่าปกติ ทำให้เกิดลูกท้องผูกได้
อาการของลูกท้องผูกที่คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกต
จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกท้องผูก คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตอาการเมื่อลูกท้องผูก ได้ดังนี้
- ความถี่ในการขับถ่าย ปกติแล้วเด็กควรจะถ่ายอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หากลูกถ่ายน้อยกว่านี้ อาจมีปัญหาท้องผูก
- ลักษณะอุจจาระ อุจจาระของเด็กท้องผูกมักจะแข็งแห้ง เป็นก้อนเล็ก ๆ เหมือนเม็ดกระสุน หรือถ่ายก้อนใหญ่มาก ๆ จนลูกเบ่งเจ็บ
- ลูกเบ่งถ่ายยาก เวลาเบ่งถ่ายลูกอาจจะร้องไห้งอแง มีอาการเจ็บปวด หรือมีปัญหาในการขับถ่าย ท้องผูกหลายวันถึงขับถ่ายที นานเกิน 1 เดือน อาจกลายเป็นท้องผูกเรื้อรังได้
- ท้องอืด ไม่สบายท้อง เด็กที่อั้นอุจจาระบ่อย ๆ จะมีอาการท้องอืด ปวดท้อง คลื่นไส้ และทานอาหารได้น้อยลง แต่หากได้ถ่ายออกมาแล้ว วันนั้นก็จะทานอาหารได้เยอะขึ้น
10 วิธีดูแลเมื่อลูกท้องผูก 1 ขวบ
เมื่อลูกท้องผูก คุณแม่สามารถช่วยให้ลูกน้อยกลับมาขับถ่ายได้ตามปกติ โดยเรียนรู้วิธีดูแลที่เหมาะสม ดังนี้
- ดื่มน้ำมากขึ้น น้ำเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้อุจจาระอ่อนตัวและขับเคลื่อนออกจากลำไส้ได้ง่ายขึ้น ควรให้ลูกดื่มน้ำอย่างเพียงพอ วันละ 6-8 แก้ว และออกกำลังกายเป็นประจำ
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ท้องผูก อาหารที่มีไขมันสูงและกากใยต่ำทำให้ท้องผูกได้ง่าย ควรลดอาหาร เช่น ขนมปังขาว ชีส เนย อาหารทอด และขนมหวาน เช่น ลูกอม คุกกี้ เค้ก รวมถึง เนื้อสัตว์ แม้จะเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโต แต่ถ้าหากรับประทานมากเกินไป ก็อาจส่งผลกระทบต่อระบบขับถ่ายได้
- เพิ่มโยเกิร์ตหรือโพรไบโอติก ให้ลูกกินโยเกิร์ตเสริม หรือเลือกโภชนาการที่มีส่วนผสมของ พรีไบโอติกและโพรไบโอติก ซึ่งเป็นใยอาหารชนิดพิเศษและแบคทีเรียที่มีประโยชน์ ช่วยปรับสมดุลลำไส้และทำให้อุจจาระนิ่มลง
ลดการบริโภคนมวัว ในเด็กบางคน นมวัวอาจทำให้ท้องผูก ไม่ควรให้ลูกกินนมมากเกิน 30 ออนซ์ต่อวัน ถ้าจะให้ดีที่สุด ควรให้ลูกกินนมแม่ เพราะการรับประทานนมแม่อย่างต่อเนื่องนั้นดีต่อสุขภาพลำไส้ของลูกน้อย เนื่องจากแอลฟา-แล็คตัลบูมิน เป็นโปรตีนที่พบในนมแม่ มีคุณสมบัติ ย่อยง่าย ดูดซึมง่าย ร่างกายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้เลย จึงช่วยลดอาการท้องผูกของลูกน้อยได้
- เสริมอาหารที่มีกากใยสูง ช่วยเพิ่มปริมาณอุจจาระและกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ ได้แก่ ธัญพืช เช่น ขนมปังโฮลวีท ข้าวโอ๊ต ผักใบเขียว เช่น ผักโขม บรอกโคลี ผลไม้ช่วยระบาย เช่น ฝรั่ง มะละกอ สับปะรด และ อาจให้น้ำผลไม้ เช่น น้ำลูกพรุน น้ำองุ่น หรือน้ำส้ม ในปริมาณที่เหมาะสมได้เช่นกัน
- ฝึกให้ลูกขับถ่ายเป็นเวลา ทุกวัน โดยเฉพาะหลังอาหารเช้าหรือเย็น เป็นช่วงเวลาที่ระบบย่อยอาหารทำงานได้เต็มที่ และกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ใหญ่ ทำให้เกิดความรู้สึกอยากขับถ่าย การฝึกให้ลูกนั่งขับถ่ายในช่วงเวลานี้อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยสร้างนิสัยการขับถ่ายที่ดี และป้องกันปัญหาท้องผูกได้
- ฝึกท่านั่งขับถ่ายที่ถูกต้อง ฝึกให้ลูกนั่งโดยเท้าเหยียบพื้น ก้นแตะชักโครก เข่าสูงกว่าสะโพก และลำตัวเอนไปข้างหน้าเล็กน้อย ท่านั่งที่ถูกต้องช่วยให้ลำไส้ตั้งตรงและขับถ่ายได้ง่ายขึ้น
- ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อกระตุ้นการทำงานของลำไส้และช่วยให้ลูกขับถ่ายได้ดีขึ้น ควรให้ลูกได้เคลื่อนไหวร่างกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น การวิ่งเล่น การกระโดด หรือการออกกำลังกายเบา ๆ เป็นเวลา 30-60 นาทีทุกวัน
- หลีกเลี่ยงการกลั้นอุจจาระ สอนให้ลูกรู้ว่าเมื่อปวดถ่ายต้องรีบไปเข้าห้องน้ำทันที การกลั้นอุจจาระทำให้อุจจาระแข็งและถ่ายยากขึ้น
- ลดความเครียดของลูก เด็กบางคนถูกฝึกขับถ่ายเร็วและเข้มงวดเกินไป โดยที่ยังไม่พร้อม เกิดเป็นความเครียดที่อาจส่งผลต่อการทำงานของลำไส้ ควรสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายในห้องน้ำ คุณพ่อคุณแม่ต้องอดทนและใจเย็น ไม่กดดันลูก
ยาระบายสำหรับเด็กมีประเภทไหนบ้าง
โดยทั่วไป หากทำตามวิธีข้างต้นแล้วอาการท้องผูกยังไม่ดีขึ้น คุณหมออาจแนะนำยาระบายอ่อน ๆ สำหรับเด็ก ที่ช่วยเพิ่มน้ำในลำไส้ ให้อุจจาระนิ่มขึ้น ขับถ่ายง่ายขึ้น ซึ่งยาระบายสำหรับเด็กมีหลายประเภท ได้แก่
- ยาระบายชนิดน้ำ ช่วยให้อุจาระนิ่มและถ่ายง่ายขึ้น อาจมีรสผลไม้หรือมิ้นต์เพื่อให้เด็ก ๆ ทานง่ายขึ้น
- ยาระบายชนิดสวนทวาร ช่วยเพิ่มน้ำในลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย ทำให้ลำไส้ขยายตัวและขับอุจจาระออกมา
- ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไฟเบอร์ ช่วยปรับสมดุลลำไส้ ให้อุจจาระนิ่ม ถ่ายง่าย และบรรเทาอาการท้องผูก
อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรซื้อยาระบายให้ลูกใช้หรือรับประทานเอง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ และอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย

เมื่อไหร่ที่ควรพาลูกไปพบแพทย์?
หากลูกมีอาการต่อไปนี้ เช่น ไม่ถ่ายหลายวัน ถ่ายไม่ออก หรือต้องเบ่งจนร้องไห้ มีเลือดปนออกมากับอุจจาระ ถ่ายเป็นก้อนแข็ง ๆ ใหญ่ ๆ จนกดชักโครกไม่ลง ลูกปวดท้องบ่อย อุจจาระเล็ดราดเลอะกางเกง หรือมีอาการแปลก ๆ เช่น มักจะเกร็งขาหนีบ ก้น และชอบไปยืนบิดตัวตามมุมห้อง คุณพ่อคุณแม่ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์
เคล็ดลับป้องกันลูกท้องผูกในระยะยาว
หากลูกท้องผูก พ่อแม่ควรปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการขับถ่ายของลูก เพื่อป้องกันลูกท้องผูกในระยะยาว ดังนี้
1. สร้างนิสัยการกินที่ดีตั้งแต่เล็ก
ควรส่งเสริมให้ลูกดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน เน้นผักผลไม้ที่มีกากใยสูง เช่น บรอกโคลี แครอท ผักโขม ลูกพรุน ส้ม มะละกอ เลือกรับประทานธัญพืช เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีท หรือถั่วต่าง ๆ ควรหลีกเลี่ยงของมันหรือของทอด อาหารฟาสต์ฟู้ด และน้ำอัดลม
2. ฝึกนิสัยการขับถ่ายให้เป็นเวลา
โดยทั่วไปเด็กจะเริ่มพร้อมฝึกขับถ่ายเมื่ออายุ 18-24 เดือน ซึ่งแต่ละคนมีความพร้อมที่ต่างกัน คุณพ่อคุณแม่ควรรอให้ลูกช่วยเหลือตนเองได้บ้าง เช่น นั่งกระโถนหรือชักโครกเอง ถอดกางเกงได้ และบอกเมื่อปวดถ่ายได้ นอกจากนี้ การฝึกขับถ่ายควรให้ลูกฝึกนั่งกระโถนบ่อย ๆ โดยเฉพาะหลังอาหาร ครั้งละ 10 นาที สอนให้ลูกเข้าใจว่าควรขับถ่ายบนกระโถนทุกครั้งเมื่อปวด และชมเชยเมื่อลูกทำได้
3. ให้ลูกมีกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้
คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกออกกำลังกายทุกวัน วันละ 30-60 นาที หรือ ให้ลูกทำกิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกายเป็นประจำ เช่น วิ่งเล่น เพื่อกระตุ้นลำไส้ให้ทำงานดีขึ้น
สรุป: ลูกท้องผูก 1 ขวบ ดูแลอย่างไรให้ลูกกลับมาสบายท้อง
เมื่อลูกท้องผูก คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตพฤติกรรมการขับถ่ายของลูก การดูแลเรื่องอาหารอย่างใกล้ชิด และการฝึกให้ลูกขับถ่ายเป็นเวลา จะช่วยให้ลูกกลับมาขับถ่ายปกติได้ หากอาการท้องผูกของลูกไม่ดีขึ้นหลังจากที่ได้ลองปรับเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ แล้ว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมต่อไป
หากคุณแม่กังวลเกี่ยวกับการขับถ่ายของลูกน้อย สามารถทำแบบประเมินพัฒนาการลูกน้อย ได้ที่นี่ Health check แบบประเมินสุขภาพของคุณแม่และพัฒนาการของลูกน้อย
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่
- ลูกถ่ายไม่ออกร้องไห้ พร้อมวิธีดูแลลูกท้องผูก
- ลูกท้องผูก ลูกไม่ถ่าย ทำไงดี พร้อมวิธีนวดท้องให้ทารกถ่าย
- ผ่าคลอดเบ่งอุจจาระได้ไหม ท้องผูกหลังผ่าคลอด ทำยังไงดี
- คนท้องท้องผูกขณะตั้งครรภ์ พร้อมวิธีช่วยให้คุณแม่ถ่ายง่าย
อ้างอิง:
- ลูกท้องผูก ปัญหาเรื้อรัง…ที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม, โรงพยาบาลไทยนครินทร์
- สังเกตยังไง...ว่าลูกกำลังมีภาวะท้องผูก, โรงพยาบาลพญาไท
- ท้องผูกในเด็ก เรื่อง (ไม่) เล็ก ที่พ่อแม่ต้องรู้!, โรงพยาบาลศิครินทร์
- เคล็ดลับแก้ปัญหา เมื่อลูกน้อยท้องผูก, โรงพยาบาลบางปะกอก สมุทรปราการ
- ลูกชอบอั้น แม่ชอบสวน, โรงพยาบาลสมิติเวช
- ท้องผูกในเด็ก ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ, โรงพยาบาลสมิติเวช ธนบุรี
- 9 ผลไม้ช่วยขับถ่าย กากใยสูง แก้ท้องผูก เป็นมิตรต่อลำไส้!, โรงพยาบาลวิมุต
- เมื่อลูกท้องผูก พ่อแม่ควรรับมืออย่างไรดี, pobpad
- 5 ยาระบายเด็ก บรรเทาอาการท้องผูกของลูกน้อยอย่างปลอดภัย, pobpad
- เมื่อเจ้าตัวเล็กท้องผูก จะทำอย่างไรดี, โรงพยาบาลเด็กสินแพทย์
อ้างอิง ณ วันที่ 14 มีนาคม 2568