ลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว ลูกท้องเสีย เกิดจากอะไร พร้อมวิธีดูแลลูกน้อย

ลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว ลูกท้องเสีย เกิดจากอะไร พร้อมวิธีดูแลลูกน้อย

ลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว ลูกท้องเสีย อาจทำให้ลูกขาดน้ำจากถ่ายมาก เพื่อคลายความกังวลและช่วยให้คุณแม่ดูแลลูกน้อยได้อย่างถูกต้อง บทความนี้จะพาไปหาสาเหตุ และวิธีดูแลลูกเบื้องต้น เมื่อลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว รวมถึงการสังเกตอาการที่ต้องรีบพาลูกไปพบคุณหมอทันที

ลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว ลูกท้องเสีย เกิดจากอะไร พร้อมวิธีดูแลลูกน้อย

คำถามที่พบบ่อย

ลูกท้องเสีย ต้องให้จิบเกลือแร่ (ORS) ตลอดเวลาหรือไม่?

ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับการให้ลูกจิบน้ำเกลือแร่สำหรับเด็ก (ORS) เพื่อชดเชยน้ำและเกลือแร่ที่เสียไป ในปริมาณที่เหมาะสมโดยเฉพาะในเด็กเล็ก

ลูกหายท้องเสียแล้ว แต่ยังถ่ายเหลวอยู่เล็กน้อย ปกติไหม?

เป็นเรื่องปกติ หลังจากอาการท้องเสียรุนแรงดีขึ้นแล้ว ลำไส้ยังต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู อุจจาระอาจจะยังนิ่มหรือเหลวกว่าปกติไปอีกหลายวัน ตราบใดที่ความถี่ในการถ่ายลดลง ลูกร่าเริงและกินได้ดีขึ้น ก็ไม่ต้องกังวล อย่างไรก็ตามหากไม่มั่นใจควรปรึกษาแพทย์

ฟันขึ้นทำให้ลูกท้องเสียจริงหรือไม่?

เมื่อลูกฟันขึ้น อาการที่พบได้ คือ น้ำลายไหล เบื่ออาหาร หรือชอบเอาสิ่งของเข้าปากถูนวดเหงือก ซึ่งไม่พบอาการท้องเสียที่มีสาเหตุมาจากฟันขึ้นแต่อย่างใด

สรุป

  • ลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว มักเกิดจากโรคท้องเสียที่มีการติดเชื้อไวรัส โดยเฉพาะ ไวรัสโรต้า (Rotavirus) ซึ่งมักจะเริ่มด้วยอาการ อาเจียนนำ ตามมาด้วย ถ่ายเหลวเป็นน้ำ บางครั้งอาจถ่ายมากจนก้นแดง และมีไข้ร่วมด้วย
  • อาการท้องเสียในเด็ก มักเป็นแบบเฉียบพลัน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอาการไม่เกิน 14 วัน แต่ถ้าคุณแม่สังเกตว่าลูกเป็นไข้ถ่ายเหลวบ่อยมาก กว่า 10 ครั้งต่อวัน ถ่ายออกมาเป็นมูกเลือด หรือถ่ายเป็นสีดำเหนียว ปากแห้ง ผิวแห้งและกระหม่อมบุ๋มลึก ควรรีบพาไปโรงพยาบาลพบคุณหมอทันที
  • เมื่อลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว มีอาการท้องเสีย คุณแม่ยังสามารถให้ลูกกินนมแม่ได้ตามปกติ ไม่จำเป็นต้องงดนมแต่อย่างใด สำหรับลูกที่ดื่มนมผสม ให้ชงนมในสัดส่วนเท่าเดิม แต่เพิ่มจำนวนมื้อนมให้ถี่ขึ้น และลดปริมาณแต่ละมื้อลง เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ หากอาการท้องเสียยังไม่ดีขึ้นภายใน 3 วัน ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับนมที่ปราศจากน้ำตาลแลคโตส

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

เด็กทารกนอนตะแคง

 

ลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว อันตรายไหม? สาเหตุและอาการที่ต้องสังเกต

คุณแม่คงเป็นกังวลเมื่อลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว อาการนี้มักเกิดจาก โรคท้องเสียที่มีการติดเชื้อไวรัส โดยเฉพาะ ไวรัสโรต้า (Rotavirus) ซึ่งมักจะเริ่มด้วยอาการอาเจียนนำ ตามมาด้วยถ่ายเหลวเป็นน้ำ บางครั้งอาจถ่ายมากจนก้นแดง และมีไข้ร่วมด้วย ปกติแล้วโรคท้องเสียส่วนใหญ่ไม่รุนแรงและหายได้เองค่ะ แต่สิ่งสำคัญที่ต้องระวังคือภาวะขาดน้ำ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมากในเด็กเล็ก หากลูกอาเจียนมากจนกินอะไรไม่ได้ หรือถ่ายมากจนร่างกายขาดน้ำ อาจสังเกตได้จากอาการหิวน้ำ ปากแห้ง ตาโบ๋ กระวนกระวาย หรือซึมลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเป็นการติดเชื้อไวรัสโรต้า ลูกจะถ่ายเป็นน้ำปริมาณมาก หากลูกไม่สามารถจิบน้ำเกลือแร่ที่คุณหมอจัดให้ทดแทนได้เพียงพอจนเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรง อาจทำให้เกิดภาวะช็อก และเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เลยนะคะ เพื่อให้คุณแม่รับมือและดูแลลูกได้อย่างทันท่วงที เรามาดูสาเหตุและอาการสำคัญที่ต้องสังเกตเมื่อลูกเป็นไข้ถ่ายเหลวกันค่ะ

สาเหตุหลักที่ทำให้ลูก 1 ขวบท้องเสียมีไข้

อาการท้องเสียในเด็กเล็ก โดยเฉพาะเด็กวัย 1 ขวบ ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุหลักมาจากการติดเชื้อ เช่น เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย รวมถึงเชื้ออื่นๆ อย่างปรสิต และอาจเกิดจากอาหารเป็นพิษที่ปนเปื้อนในอาหารได้ด้วย โดยสามารถแบ่งสาเหตุออกได้เป็นหลายประเภทดังนี้

1. การติดเชื้อไวรัส

การติดเชื้อไวรัสเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เด็กท้องเสีย ไวรัสโรต้า และ โนโรไวรัส (Norovirus) เป็นไวรัสที่พบบ่อยและเป็นสาเหตุของการอักเสบในระบบทางเดินอาหาร

  • ไวรัสโรต้า: ติดต่อโดยตรงจากการนำเชื้อเข้าสู่ปาก ซึ่งอาจปนเปื้อนมากับมือ สิ่งของ ของเล่น อาหาร หรือน้ำเมื่อได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะมีอาการป่วยได้ภายใน 2 วัน โดยมีความรุนแรงแตกต่างกันไปในเด็กแต่ละคนค่ะ หากเป็นการติดเชื้อครั้งแรกจะมีอาการรุนแรง ส่วนใหญ่มักมีอาการอาเจียนนำมาก่อน จากนั้นจะมีการถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำ
  • โนโรไวรัส: แพร่กระจายได้ง่ายและรวดเร็วแม้ได้รับเชื้อเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ยังทนทานต่อความร้อนและน้ำยาฆ่าเชื้อ ทำให้หากปนเปื้อนในอาหารหรือน้ำดื่ม จะทำให้เกิดอาการท้องเสียและอาเจียนได้

 

2. การติดเชื้อแบคทีเรีย

ลำไส้อักเสบที่เกิดจากแบคทีเรียก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญ โดยเชื้อที่พบบ่อยได้แก่ เชื้อซัลโมเนลลา (Salmonella) และ เชื้ออีโคไล (E. coli) ซึ่งมักปนเปื้อนมากับอาหารหรือน้ำดื่ม เมื่อเด็กได้รับเชื้อจะทำให้มีอาการปวดท้อง ถ่ายเหลว อาจมีมูกหรือเลือดปน และอาจมีไข้ร่วมด้วย

 

3. การแพ้อาหาร

การแพ้อาหารบางชนิด เช่น การแพ้โปรตีนนมวัว สามารถทำให้เด็กท้องเสียเรื้อรัง และถ่ายมีมูกปนเลือดได้ นอกจากนี้อาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ใบหน้าและปากบวมแดง มีผื่นลมพิษ หรืออาเจียนมาก การแพ้โปรตีนนมวัวอาจไม่ได้แสดงอาการทันทีที่ดื่ม แต่จะค่อยๆ แสดงอาการหลังจากดื่มไปแล้วประมาณ 1-2 สัปดาห์

หากลูกของคุณมีอาการท้องเสียมากและมีไข้ ควรรีบพาไปโรงพยาบาลพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยและได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมนะคะ

 

อาการแบบไหนที่เรียกว่า "ท้องเสีย"

เมื่อลูกน้อยมีอาการเหล่านี้ คุณแม่ควรเริ่มสังเกตเป็นพิเศษ เพราะอาจเป็นสัญญาณของอาการท้องเสียค่ะ

  • ถ่ายเหลวและถ่ายบ่อยกว่าปกติ: หากลูกถ่ายอุจจาระเหลว หรือถ่ายบ่อยเกินกว่า 3 ครั้งต่อวัน
  • ปวดท้อง ท้องอืด และมีลมในลำไส้: ลูกอาจจะงอแงเพราะรู้สึกไม่สบายท้อง
  • คลื่นไส้ อาเจียน: อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นร่วมกับท้องเสียได้
  • มีเสียงท้องร้อง: เป็นเสียงที่เกิดจากการบีบตัวของลำไส้ในกระเพาะอาหาร

 

หากลูกมีอาการเหล่านี้รวมกันหลายอย่าง คุณแม่ควรเฝ้าระวังและดูแลอย่างใกล้ชิดนะคะ

 

ลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว ท้องเสียแบบไหนที่ควรรีบไปพบแพทย์?

เมื่อลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว มีอาการท้องเสีย สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องระวังเป็นพิเศษคือ ภาวะขาดน้ำ ซึ่งเป็นอันตรายต่อเด็กเล็กได้ง่ายมาก หากลูกมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบพาไปโรงพยาบาลทันทีเพื่อรับการตรวจรักษาอย่างเหมาะสมค่ะ

  1. มีอาการของภาวะขาดน้ำ เช่น กระหม่อมบุ๋ม ตาโหลดูโบ๋ลึก ปากแห้ง ปัสสาวะน้อยลง หรือลูกดูซึมผิดปกติ
  2. ถ่ายอุจจาระบ่อยผิดปกติ คือถ่ายมากกว่า 10 ครั้งต่อวัน หรืออุจจาระมีมูกปนเลือด
  3. อาเจียนอย่างรุนแรง จนไม่สามารถป้อนน้ำหรือดื่มน้ำเกลือแร่ตามที่คุณหมอให้ได้
  4. มีไข้สูง ชัก ท้องอืด หรือหายใจหอบ

 

การไปพบแพทย์อย่างทันท่วงทีจะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย และทำให้ลูกกลับมาแข็งแรงได้เร็วขึ้นค่ะ

 

ลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว ลูกท้องเสียให้กินอะไรดี? วิธีดูแลเรื่องอาหารและนม

คุณแม่ทราบไหมคะว่าเมื่อลูกน้อย ท้องเสีย หรือ เป็นไข้ถ่ายเหลว คุณแม่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษนะคะ เพราะร่างกายของลูกอาจเสี่ยงต่อการขาดน้ำได้ง่ายค่ะ สิ่งสำคัญคือการให้ลูกได้รับสารน้ำที่เพียงพอ และหากจำเป็นต้องได้รับผงเกลือแร่ ควรปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชกรก่อนเสมอ อย่าซื้อน้ำเกลือแร่หรือยาบรรเทาอาการใดๆ มาให้ลูกกินเองเด็ดขาดนะคะ และคอยสังเกตอาการอื่นๆ อย่างใกล้ชิด เช่น ลูกดูซึมลง หรือตาโหลโบ๋ลึก หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพาลูกไปโรงพยาบาลทันทีค่ะ

 

เด็กท้องเสียกินนมได้มั้ย ให้กินอะไรปลอดภัยกับลูก

 

ลูกท้องเสีย ควรกินอะไรดีที่ปลอดภัย?

เมื่อลูกท้องเสีย การเลือกอาหารที่เหมาะสมจะช่วยให้ลำไส้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และป้องกันภาวะขาดน้ำได้ค่ะ คุณแม่สามารถดูแลลูกได้ดังนี้

  1. เน้นอาหารอ่อน ย่อยง่าย: หากลูกเริ่มกินอาหารเสริมแล้ว ให้เลือกอาหารอ่อนๆ ที่ย่อยง่าย เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม หรือแกงจืด หรืออาหารที่ปรุงรสอ่อนๆ ควรป้อนทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง เพื่อให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น และที่สำคัญ ควรงดน้ำผลไม้หรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เพราะจะยิ่งทำให้ลูกท้องเสียมากขึ้นได้
  2. จิบน้ำเกลือแร่ (ORS): ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เกี่ยวกับการให้ลูกจิบน้ำเกลือแร่สำหรับเด็ก (ORS) เพื่อชดเชยน้ำและเกลือแร่ที่เสียไป ในปริมาณที่เหมาะสมโดยเฉพาะในเด็กเล็ก
  3. หลีกเลี่ยงยาหยุดถ่าย: ไม่ควรให้ลูกกินยาหยุดถ่าย เด็ดขาด เพราะยาจะไปกักเก็บเชื้อโรคไว้ในลำไส้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายและทำให้เชื้อแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือดได้ค่ะ

 

การดูแลเรื่องอาหารและน้ำอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ลูกน้อยกลับมาแข็งแรงได้เร็วขึ้นค่ะ

 

แม่ให้นมทารก

 

ลูกท้องเสีย ยังดื่มนมได้เหมือนเดิมหรือไม่ ?

เรื่องนมเป็นสิ่งที่คุณแม่หลายคนกังวลเป็นพิเศษเมื่อลูกท้องเสียค่ะ มาดูกันว่าควรให้ลูกดื่มนมอย่างไรดี

  1. ถ้าลูกยังดื่มนมแม่: ให้ลูกดื่มนมแม่ได้ตามปกติเลยค่ะ เพราะนมแม่มีสารอาหารครบถ้วนและช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดี
  2. ถ้าลูกดื่มนมผสม:
    • ช่วงแรก ให้คุณแม่ชงนมในสัดส่วนเดิม แต่แบ่งให้ลูกดื่มทีละน้อยๆ แต่บ่อยครั้งขึ้น เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารอย่างต่อเนื่องและลำไส้ไม่ทำงานหนักเกินไป
    • ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น หรือยังคงท้องเสียหลังจาก 3 วัน อาจปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับการให้นมที่ปราศจากน้ำตาลแลคโตส (Lactose-free) ชั่วคราวค่ะ เนื่องจากช่วงที่ท้องเสีย ลำไส้ของลูกอาจไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสได้ดีเท่าที่ควร เมื่ออาการดีขึ้นแล้ว ตามที่คุณหมอให้คำแนะนำ ค่อยกลับมาให้นมปกติได้ค่ะ

 

การดูแลเรื่องนมอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ลูกได้รับสารอาหารที่จำเป็นและฟื้นตัวได้เร็วขึ้นค่ะ

 

ลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว ลูกท้องเสียกี่วันหาย และการดูแลลูกท้องเสียเบื้องต้นที่บ้าน

คุณแม่คงกังวลใจไม่น้อยเลยใช่ไหมคะเวลาที่ลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว ท้องเสีย เพราะนอกจากอาการที่ทำให้ลูกไม่สบายตัวแล้ว ยังแอบห่วงเรื่องภาวะขาดน้ำอีกด้วย มาดูกันค่ะว่าเมื่อลูกท้องเสียกี่วันหาย และคุณแม่ควรดูแลเบื้องต้นอย่างไรบ้าง

ระยะเวลาของอาการท้องเสีย

ท้องเสีย คืออาการถ่ายเหลวเป็นน้ำอย่างน้อย 3 ครั้งต่อวันค่ะ อาการท้องเสียพบได้บ่อยในเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 2 ปี โดยทั่วไปแล้วอาการท้องเสียในเด็ก มักเป็นแบบเฉียบพลัน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอาการไม่เกิน 14 วันค่ะ

 

ยาแก้ท้องเสีย เด็กกินได้ไหม?

เมื่อลูกมีอาการท้องเสีย คุณหมอจะไม่แนะนำให้กินยาหยุดถ่าย เพราะการถ่ายอุจจาระเป็นการช่วยขับเชื้อโรคออกจากร่างกายค่ะ การให้ยาแก้ท้องเสียนั้นต้องอยู่ภายใต้ดุลยพินิจของคุณหมอเท่านั้น คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรซื้อยาแก้ท้องเสียมาให้ลูกกินเองโดยเด็ดขาดนะคะ ดีที่สุดเมื่อลูกมีอาการท้องเสีย ควรรีบพาไปโรงพยาบาล

 

วิธีป้องกันไม่ให้ลูกท้องเสีย

เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกน้อยท้องเสีย ช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโรคต่างๆ ที่เป็นสาเหตุของอาการท้องเสีย คุณแม่สามารถดูแลลูกน้อยด้วยวิธีง่ายๆ ได้ดังนี้ค่ะ

1. เลี้ยงลูกด้วยนมแม่:

การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เป็นการส่งเสริมให้ร่างกายลูกมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงมากๆ ค่ะ เพราะนมแม่มีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด เช่น ดีเอชเอ (DHA) วิตามิน และแอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน (Alphalac Sphingomyelin) รวมถึงยังมีสารภูมิคุ้มกันและจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์หลายชนิด เช่น จุลินทรีย์สุขภาพ บีแล็กทิส (B. lactis) ซึ่งเป็นหนึ่งในจุลินทรีย์สุขภาพในกลุ่มบิฟิโดแบคทีเรียม (Bifidobacterium) และยังเป็นโพรไบโอติกที่สามารถส่งต่อเพื่อสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยได้อีกด้วยค่ะ

 

2. อาหารปรุงสุกและสะอาด:

อาหารที่เตรียมให้ลูกต้องปรุงสุก สะอาด ไม่มีแมลงวันตอม และหากเก็บอาหารไว้ในตู้เย็น ต้องนำออกมาอุ่นร้อนให้ทั่วถึงก่อนให้ลูกกินนะคะ

 

3. ผักสดและผลไม้ต้องสะอาด:

ผักและผลไม้สดที่จะเตรียมให้ลูก ก่อนนำมารับประทานต้องล้างให้สะอาดทุกครั้งค่ะ

 

4. ล้างมือให้สะอาด:

คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ดูแลเด็กทุกคน จำเป็นต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง เช่น ก่อนปรุงอาหาร ก่อนรับประทานอาหาร และหลังการใช้ห้องน้ำ หรือเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกค่ะ รวมถึงสอนให้ลูกรู้วิธีการล้างมือที่ถูกต้อง และฝึกให้ลูกล้างมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำด้วยนะคะ

 

5. รับวัคซีน:

การพาลูกไปรับวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด อาจช่วยลดความรุนแรงจากอาการท้องเสียได้ค่ะ ปัจจุบันมีวัคซีนที่ใช้ป้องกันลูกท้องเสีย เป็นแบบหยอด โดยหยอด 2 ครั้ง เมื่อลูกอายุ 2 และ 4 เดือน และหยอด 3 ครั้ง เมื่ออายุ 2 เดือน 4 เดือน และ 6 เดือน

 

เมื่อลูกเป็นไข้ถ่ายเหลว มีอาการท้องเสียเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ความสำคัญอย่างมากค่ะ เนื่องจากอาจทำให้ร่างกายของลูกเกิดภาวะขาดน้ำได้ หากสังเกตเห็นความผิดปกติในการขับถ่ายของลูก เช่น ถ่ายเหลว 3 ครั้งต่อวัน หรือถ่ายเป็นมูกเลือด 1 ครั้งต่อวัน ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์ทันที เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง สิ่งสำคัญคือ การให้ยาแก้ท้องเสียใดๆ ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น นอกจากนี้การให้ลูกได้รับวัคซีนตามวัยก็เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคต่าง ๆ ที่อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ค่ะ

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่

อ้างอิง:

  1. ไวรัสโรต้า สาเหตุของท้องเสีย, สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย
  2. โนโรไวรัส (Norovirus) ตัวการท้องเสียระบาดในเจ้าตัวเล็ก, โรงพยาบาลกรุงเทพ
  3. โรคลำไส้ใหญ่อักเสบ (Colitis), โรงพยาบาล MedPark
  4. ท้องเสียไม่ใช่เรื่องเล่น ! เจาะลึกสาเหตุ พร้อมเคล็ดลับวิธีแก้ท้องเสีย, คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
  5. 4 อาการสำคัญของโรคท้องเสียในเด็กที่ต้องรีบมาพบแพทย์, โรงพยาบาลนครธน
  6. ลูกน้อยท้องเสียบ่อย ส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก, โรงพยาบาลบางปะกอก 3
  7. วิธีแก้ท้องเสีย ถ่ายเหลวเป็นน้ำ กินอะไรได้บ้าง รับมืออย่างไรดี?, โรงพยาบาลวิมุต
  8. ท้องเสียดูแลอย่างไร, โรงพยาบาลเด็กสินแพทย์
  9. อุจจาระร่วงจากไวรัสโรต้า (Rotavirus), สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย
  10. สัญญาณที่บ่งบอกว่า "ลูกน้อย" มีฟันขึ้น, โรงพยาบาลเชียงใหม่ ฮอสพิทอล
  11. อุจจาระร่วงจากไวรัสโรต้า (Rotavirus), สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย
  12. รู้ได้อย่างไรว่าลูกแพ้นมวัว, โรงพยาบาลนครธน

 

อ้างอิง ณ วันที่ 8 สิงหาคม 2568