อาหารเสริมเด็ก ตัวช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน อาหารเสริมสำหรับเด็กตามวัย

อาหารเสริมเด็กสำหรับลูกน้อย คืออะไร? ตัวช่วยเสริมภูมิคุ้มกันลูกได้ไหม?

อาหารเสริมเด็กสำหรับลูกน้อย คืออะไร? ตัวช่วยเสริมภูมิคุ้มกันลูกได้ไหม?

อาหารตามวัยหรืออาหารเสริมเด็กมีบทบาทสำคัญต่อวัยทารกเป็นอย่างมาก เพราะหนูน้อยวัยนี้ต้องการอาหารเพื่อไปเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน พัฒนาสมอง และส่งเสริมร่างกายให้แข็งแรง มีการศึกษาจำนวนมากที่ชี้ชัดว่าหากลูกน้อยในวัยทารกขาดสารอาหารจะทำให้จำนวนและขนาดของเซลล์ในสมองลดน้อยลง ส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการช้ากว่าปกติได้ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรให้ลูกได้รับอาหารตามวัยเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและมีพัฒนาการทางสมองที่ดี

สรุป

  • อาหารเสริมเด็ก คือ อาหารอื่น ๆ ที่ทารกได้รับนอกเหนือจากนมแม่หรือนมผสม ทั้งยังช่วยให้เด็กปรับตัวจากอาหารเหลวไปอาหารกึ่งแข็งกึ่งเหลว และอาหารแบบผู้ใหญ่ที่เหมาะสมตามลำดับ
  • เด็กสามารถเริ่มอาหารเสริมได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป โดยเริ่มจากอาหารที่มีเนื้อบด ละเอียดแล้วค่อย ๆ เพิ่มความหยาบขึ้น เพื่อให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่เพียงพอและครบถ้วน
  • เด็กควรได้รับวิตามินจากอาหารเพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เช่น วิตามินดี วิตามินซี และวิตามินเอ รวมถึงธาตุเหล็กเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง
  • ในกรณีที่ลูกไม่กินข้าว คุณแม่ไม่ควรแสดงความโกรธต่อลูกน้อย หรือหยุดป้อนข้าวลูกเมื่อลูกน้อยอาละวาด แต่ให้พยายามหาวิธีอื่น ๆ ให้ลูกกินข้าวแทน

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

อาหารเสริมตามวัย คืออะไร?

อาหารเสริมเด็ก คือ อาหารอื่น ๆ ที่ทารกได้รับนอกเหนือจากนมแม่หรือนมผสม เพื่อให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและสติปัญญาในปริมาณที่เหมาะสม ทั้งยังช่วยให้เด็กสามารถปรับตัวจากการทานอาหารเหลวเป็นอาหารกึ่งแข็งกึ่งเหลว และอาหารแบบผู้ใหญ่ได้ สำหรับทารกในช่วง 6 เดือนแรก ควรกินนมแม่เพียงอย่างเดียวเพราะในนมแม่มีสารอาหารครบถ้วนและเพียงพอต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อยแล้ว ส่วนลูกน้อยวัย 6 เดือนขึ้นไป จำเป็นต้องได้รับอาหารเสริมเด็กที่เหมาะสมเพิ่มเติมจากนมแม่ เพื่อสุขภาพและพัฒนาการที่ดีของเจ้าตัวเล็ก

 

ลูกต้องอายุเท่าไหร่ถึงเริ่มให้ทานอาหารเสริมเด็กตามวัย

เด็กจำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์อย่างครบถ้วนจากการทานอาหารเสริมเด็กตามวัยและนมแม่ เพื่อให้เพียงพอต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของร่างกายรวมถึงสมอง โดยมีคำแนะนำดังนี้

อายุของลูกน้อย

ปริมาณอาหารเสริมเด็กตามวัย

6 เดือนคุณแม่สามารถเริ่มอาหารเสริมเด็กได้ 1 มื้อ ควบคู่กับนมแม่ โดยข้าวต้มสุกต้องบดละเอียด เนื้อสัตว์ควรทำให้สุกแล้วบดละเอียด ส่วนผักและผลไม้ที่ใช้ในการประกอบอาหารต้องต้มจนเปื่อยและบดให้ละเอียดเช่นเดียวกัน
7 เดือนเด็กวัยนี้ยังคงทานอาหารได้วันละ 1 มื้อ ควบคู่กับนมแม่ โดยการนำข้าวต้มสุกมาบดหยาบ เนื้อสัตว์ควรต้มให้สุกแล้วบดหยาบ ส่วนผักและผลไม้ควรต้มให้เปื่อยแล้วนำมาบดหยาบ
8 เดือนในช่วงวัยนี้ลูกน้อยสามารถทานอาหารเสริมได้วันละ 2 มื้อ ควบคู่กับนมแม่ โดยข้าวสวยต้องหุงนิ่มแล้วนำมาบดหยาบ ส่วนเนื้อสัตว์และผักต้องสับละเอียด
9 – 12 เดือนเด็กควรได้รับอาหารเสริมตามวัยวันละ 3 มื้อ ควบคู่กับนมแม่ โดยควรใช้ข้าวสวยหุงนิ่ม ๆ บดหยาบ ส่วนผักและเนื้อสัตว์ควรหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ผลไม้ควรตัดเป็นชิ้นพอดีคำ หรืออาจเป็นอาหารจำพวกถือกินเองได้แต่ไม่แข็ง เช่น ฟักทองนึ่ง มันต้ม และควรหลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นเม็ดเล็ก เพราะอาจทำให้เด็กเกิดอาการสำลัก

 

อย่างไรก็ตาม คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับชนิดและปริมาณของอาหารเสริมเด็กตามวัยที่เหมาะสมสำหรับลูกน้อย

 

วิตามินที่ลูกน้อยต้องการในแต่ละวัน มีอะไรบ้าง

1. วิตามินดีสำหรับเด็ก

  • ประโยชน์ของวิตามินดี: มีส่วนสำคัญของกระดูกและฟัน และเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย
  • ข้อดีของวิตามินดี: ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสได้ที่ทางเดินอาหารได้ดี เพิ่มปริมาณมวลกระดูก ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง รวมถึงการดูดซึมวิตามินเอด้วย

2.วิตามินซีสำหรับเด็ก

  • ประโยชน์ของวิตามินซี: มีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกัน และเกี่ยวข้องกับการพัฒนาสมองของเด็ก
  • ข้อดีของวิตามินซี: ช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก และมีฤทธิ์ต้านสารอนุมูลอิสระ

3. วิตามินเอสำหรับเด็ก

  • ประโยชน์ของวิตามินเอ: มีส่วนสำคัญในการสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง การเจริญเติบโตของเซลล์เนื้อเยื่อต่าง ๆ และสร้างการมองเห็น
  • ข้อดีของวิตามินเอ: ช่วยในการมองเห็น เสริมสร้างเซลล์และระบบภูมิคุ้มกันของลูกน้อย

4. ธาตุเหล็กสำหรับเด็ก

  • ประโยชน์ของธาตุเหล็ก: เป็น ส่วนประกอบสำคัญของ เม็ดเลือดแดง มีส่วนสำคัญต่อพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก
  • ข้อดีของธาตุเหล็ก: ธาตุเหล็กหรืออาหารเสริมธาตุเหล็ก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง และทำให้ร่างกายแข็งแรง หากลูกน้อยขาดธาตุเหล็กตั้งแต่ยังเล็กอาจส่งผลต่อสมาธิและสติปัญญาในระยะยาวได้

 

อาหารเสริมเด็ก 1 ขวบ หรือวิตามิน จำเป็นต่อลูกน้อยจริงหรือไม่

การให้อาหารเสริมเด็กตามวัยในปริมาณที่เหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับลูกน้อย เพื่อให้เด็กได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนและเพียงพอต่อพัฒนาการทางด้านร่างกายและสมอง โดยสารอาหารที่เด็กควรได้รับในแต่ละวัน ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน แร่ธาตุ และวิตามิน ซึ่งได้จากการกินอาหารที่หลากหลาย กินผักและผลไม้เป็นประจำ ควบคู่กับการกินนมแม่ อีกทั้ง คุณแม่ควรให้ลูกน้อยกินอาหารต่อไปนี้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เด็กได้รับวิตามินที่เพียงพอต่อร่างกายและป้องกันการขาดสารอาหาร ได้แก่

  • อาหารที่มีวิตามินบี 6 สูง: เนื้อสัตว์ ไข่แดง และถั่วเมล็ดแห้ง
  • อาหารที่มีวิตามินเอสูง: ตับ ไข่แดง ฟักทอง แครอท และนม

 

นอกจากนี้ คุณแม่ไม่ควรให้ลูกน้อยกินขนมขบเคี้ยวที่เหนียวติดฟัน อาหารที่มีรสหวานจัด เค็มจัด อาหารมัน รวมถึงการปรุงด้วยผงชูรส และควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและคาเฟอีน ที่สำคัญอาหารเสริมเด็กต้องมีความสะอาดและปลอดภัยเพื่อสุขภาพที่ดีของลูกน้อย

 

อาหารเสริมสำหรับเด็ก 1 ขวบ ช่วยแก้ปัญหาลูกไม่กินข้าวไหม?

เด็กควรได้รับสารอาหารจากนมแม่และอาหารเสริมตามวัย หากลูกน้อยไม่กินข้าวแนะนำให้คุณแม่ปรึกษาแพทย์หรือบุคคลากรทางการแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในการแก้ปัญหาลูกไม่กินข้าวแทนการซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับเด็ก 1 ขวบมาให้ลูกทานเอง

สำหรับคุณแม่ที่พบว่าลูกกินข้าวยาก ให้ปฏิบัติ ดังนี้

  • กระตุ้นให้ลูกน้อยกินอาหารแทนการบังคับและอย่าป้อนนานเกินไป โดยในแต่ละมื้อคุณแม่ควรใช้เวลาป้อนข้าวลูกครั้งละประมาณ 15-20 นาที เท่านั้น อย่าป้อนข้าวนานเกินกว่า 30 นาที
  • ให้คุณแม่นำอาหารหลาย ๆ ชนิดมาผสมเข้าด้วยกัน และเปลี่ยนวิธีการปรุงอาหาร เพื่อให้ได้รสชาติรวมถึงความหยาบที่เหมาะสมกับลูกน้อย
  • ในระหว่างมื้อคุณแม่ไม่ควรให้ลูกกินอย่างอื่นนอกจากน้ำเปล่า เช่น น้ำหวาน ผลไม้ ขนม เพราะอาจทำให้ความอยากอาหารของเด็กลดน้อยลงได้
  • หากลูกปฏิเสธอาหารชนิดใหม่ แนะนำให้คุณแม่ลองพยายามค่อย ๆ ให้ลูกกิน 10-15 ครั้ง เพื่อจะได้ทราบว่าลูกปฏิเสธอาหารชนิดนั้นจริง ๆ
  • ไม่ควรแสดงความโกรธเมื่อลูกน้อยไม่ยอมกินข้าว และหยุดป้อนเมื่อลูกน้อยอาละวาดในระหว่างทานข้าว

 

หากลูก 6 เดือนไม่กินข้าว คุณแม่ควรเลือกใช้เก้าอี้สำหรับเด็กเพื่อให้ลูกน้อยกินอาหารอยู่กับที่ และคอยสังเกตอาการความหิวและความอิ่มของเด็ก โดยพยายามป้อนอาหารให้นุ่มนวล และคอยช่วยเหลือให้ลูกน้อยกินข้าวได้อย่างปลอดภัย เพื่อไม่ให้เกิดอาการสำลัก

 

ควรให้ลูกกินอาหารเสริมสำหรับเด็กเมื่อไหร่

คุณแม่ควรให้ลูกน้อยเริ่มอาหารเสริมสำหรับเด็กได้เมื่อลูกมีอายุประมาณ 6 เดือนขึ้นไป เพราะระบบย่อยอาหารของทารกยังเติบโตได้ไม่เต็มที่ จึงย่อยอาหารได้ไม่ดีนัก ทั้งนี้ คุณแม่ควรปรึกษาคุณหมอถึงความพร้อมในการเริ่มอาหารเสริมสำหรับลูกน้อย เนื่องจากเด็กแต่ละคนมีความพร้อมที่แตกต่างกัน

อาหารสำหรับเด็กหรือโภชนาการในวัยเด็ก มีความสำคัญต่อการเติบโตของลูกมากที่สุด สิ่งสำคัญที่สุดคือ คุณพ่อคุณแม่ต้องให้เด็ก ๆ ได้ทานอาหารเสริมตามวัยที่ครบถ้วนและหลากหลาย โดยที่ทารกควรได้กินนมแม่ อย่างเดียว ตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 เดือน และควรกินต่อเนื่องไปจนลูกอายุ 2 ปี หรือนานกว่านั้น ควบคู่กับอาหารตามวัยที่เหมาะสม เนื่องจากนมแม่มีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด รวมถึงแอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน สารอาหารสำคัญที่ช่วยสร้างสารสื่อประสาทและเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณประสาทในสมอง ทำให้สมองของเด็กทำงานได้เร็วยิ่งขึ้น

 

บทความแนะนำอาหารเสริมตามวัยสำหรับลูกน้อย

 

อ้างอิง:

  1. คู่มือการให้อาหารทารก, กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
  2. ปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่ควรได้รับประจำวันสำหรับคนไทย พ.ศ. 2546, กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
  3. วิตามินดี สำหรับเด็ก, โรงพยาบาลสมิติเวช
  4. 190 เมนูชูสุขภาพ เมนูคู่ครอบครัวไทย, กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
  5. อาหารเสริมสำหรับเด็ก จำเป็นต่อลูกน้อยจริงหรือ ?, pobpad
  6. Vitamins for children, NHS
  7. วิตามิน รับประทานอย่างไรให้ปลอดภัย, โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์
  8. When, What, and How to Introduce Solid Foods, Centers for Disease Control and Prevention [30 ส.ค. 2566]
  9. Nutrition and healthy eating, Mayo Clinic
  10. Zarban A, et. al, Effect of vitamin C and E supplementation on total antioxidant content of human breastmilk and infant urine. Breastfeed Med. 2015 May;10(4):214-7
  11. อาหารวัยทารก, ฝ่ายโภชนาการ โรงพยาบาลศิริราช
  12. ประโยชน์ของ ธาตุเหล็กในเด็ก, โรงพยาบาลนนทเวช
  13. คู่มืออาหารตามวัยสำหรับทารกและเด็กเล็ก, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
  14. ข้อแนะนำแนวทางการให้อาหารเสริมตามวัย สำหรับทารก, กรมอนามัย
  15. เมื่อลูกไม่ยอมกินข้าว ทำอย่างไรดี?, โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์
  16. โภชนาการและอาหารตามวัย หญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร และเด็กอายุ 0-5 ปี, กรมอนามัย สำนักโภชนาการ

อ้างอิงเพิ่มเติม ณ วันที่ 21 เมษายน 2568