พัฒนาการตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 34
พัฒนาการการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ พัฒนาการตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 34
พัฒนาการตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 34
อายุครรภ์ 34 สัปดาห์ ปอดของลูกมีพัฒนาการมากขึ้น และจากการศึกษาพบว่าถุงลมปอดมีการพัฒนาสารลดแรงตึงผิว (Surfactant) ที่สมบูรณ์ในอายุครรภ์ที่ 34 สัปดาห์ สารลดแรงตึงผิวเป็นสารที่ช่วยป้องกันไม่ให้ถุงลมของปอดยุบตัวลง จึงสามารถแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้ดี
หลายการศึกษาพบว่าทารกที่คลอดก่อนกำหนด ในช่วงอายุครรภ์ 34 ถึงก่อนอายุครรภ์ 37 สัปดาห์ มักจะหายใจเองได้ ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ แต่ในปัจจุบัน มีรายงานพบว่าทารกที่คลอดก่อนกำหนดที่อายุครรภ์ 34 สัปดาห์ แต่พบว่ามีปัญหาการหายใจจนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจนั้น นอกจากพัฒนาการตามอายุครรภ์แล้ว อาจมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อพัฒนาการของระบบทางเดินหายใจ คือ พบว่าคุณแม่ที่เป็นเบาหวานในขณะตั้งครรภ์และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี อาจส่งผลให้พัฒนาการของปอดและระบบทางเดินหายใจของลูกช้าลง
พัฒนาการลูก
ลูกมีความยาว 43 ซม. และน้ำหนักประมาณ 2,000 กรัม ลูกจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเร็วกว่าในไตรมาสที่ 2 และสามารถกระพริบตาได้ดีขึ้น

Tips
- คุณแม่ที่ได้รับการตรวจคัดกรอง และวินิจฉัยแล้วว่ามีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ คุณหมอจะเริ่มการรักษาด้วยการเน้นเรื่องโภชนาการ คือ การควบคุมแป้ง และอาหารที่มีรสหวาน คุณแม่จะได้รับการสอนวิธีตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยเครื่องตรวจปลายนิ้วด้วยตัวเอง เนื่องจากร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้น จึงไม่ได้มีสูตรอาหารควบคุมน้ำตาลในเลือดที่เหมือนกันทุกคน เพียงแต่มีหลักในการควบคุมอาหารกลุ่มแป้ง และน้ำตาล และเลือกรับประทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ เช่น ถ้าเป็นผลไม้ ก็ควรทานเป็นแอปเปิ้ลเขียว เชอรี่ ลูกแพร์ ซึ่งมีดัชนีน้ำตาลต่ำ เป็นต้น
- เมื่อคุณแม่เริ่มปรับสูตรอาหารเพื่อควบคุมน้ำตาลในเลือด คุณหมอจะสอนให้เจาะเลือดหลังมื้ออาหารแต่ละมื้อ เพื่อประเมินระดับน้ำตาล ว่าอาหารที่ทานในมื้อนั้น ควบคุมได้ดีหรือไม่ และหากผลเลือดดี ก็สามารถรับประทานเมนูนี้ได้ นั่นคือ คุณแม่จะไม่รู้สึกอึดอัดหรือเครียดว่าทานอะไรไม่ได้เลย เพียงแต่เลือกรับประทานตามประเภทที่คุณหมอแนะนำและตรวจประเมินแล้ว ผลเลือดเป็นที่น่าพอใจ แต่หากพยายามควบคุมแล้ว ก็ยังมีปัญหาน้ำตาลในเลือดสูง คุณหมอจะพิจารณารักษาด้วยการฉีดยาต่อไปค่ะ
บทความอื่นๆ ที่สนใจ
พัฒนาการตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 33
พัฒนาการตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 35
อ้างอิง
บทความโดยแพทย์หญิง ธิศรา วีรสมัย
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน สูตินรีเวช เวชศาสตร์ครอบครัว
และเวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลพญาไท 1