พัฒนาการตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 35
พัฒนาการการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ พัฒนาการตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 35
พัฒนาการตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 35
อายุครรภ์นี้ คุณแม่จะเริ่มเรียนรู้อาการเจ็บครรภ์เตือนด้วยตัวเองแล้วว่ามีลักษณะเช่นไร เพราะมักมีอาการได้บ่อยๆ และมีปัจจัยกระตุ้นจากกิจกรรมต่างๆ เช่น การเดินมาก ยกของ เบ่งถ่าย หรือกลั้นปัสสาวะ บ่อยครั้งที่คุณแม่ตื่นมาตอนเช้า พร้อมกับพบว่าท้องแข็งและปวดปัสสาวะอยู่ และเมื่อลุกไปถ่ายปัสสาวะ อาการปวดท้องแข็งก็หายไป เป็นเพราะเมื่อเข้าสู่เดือนสุดท้ายก่อนคลอด คุณแม่จะกลับมามีอาการปัสสาวะบ่อยมากๆ อีกครั้งหนึ่ง เพราะตอนนี้ส่วนนำของลูกไม่ว่าจะเป็นศีระษะหรือก้น จะลงมาดันบริเวณหัวหน่าว ซึ่งด้านหน้าของมดลูกเป็นตำแหน่งกระเพาะปัสสาวะ ก็เท่ากับกระเพาะปัสสาวะถูกกดตลอดเวลา จึงปัสสาวะบ่อย กลั้นไม่ค่อยได้ หรือไอ จามแล้วมักมีปัสสาวะเล็ด ซึ่งช่วงค่ำก่อนนอน ก็จะปัสสาวะบ่อย พอลุกไปปัสสาวะแล้วกำลังจะเคลิ้มหลับ ก็รู้สึกลูกดิ้นแรงอีกจนไม่หลับ วนเวียนเช่นนี้จนเพลีย และเผลอหลับไป รู้สึกตัวตื่นตอนเช้าอีกทีก็พบว่าได้กลั้นปัสสาวะหลับจนเช้า พร้อมกับอาการท้องแข็งจากมดลูกหดรัดตัวนั่นเอง จะป้องกันปัญหานี้อาจยาก แนะนำคุณแม่ว่าพยายามไม่ดื่มน้ำเยอะๆ ในมื้อเย็นหรือก่อนนอน และไม่ดื่มชา กาแฟค่ะ
พัฒนาการลูก
ลูกมีความยาว 44.5 ซม. และมีการพัฒนาอวัยวะ และระบบต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์ เพียงแต่ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอาจยังไม่พัฒนาเต็มที่นัก

Tips
- คุณแม่หลายท่านทานวิตามิน และโอเมก้า3 มาตลอดอายุครรภ์ คุณหมอจะแนะนำให้หยุดวิตามิน เช่น วิตามิน C, โอเมก้า 3 ก่อนคลอด ประมาณ 4-6 สัปดาห์ เนื่องจากวิตามินเหล่านี้ มีผลรบกวนการแข็งตัวของเลือด ซึ่งอาจส่งผลให้เลือดออกผิดปกติ หรือเลือดออกแล้วหยุดยากขณะคลอดบุตรหรือผ่าตัดคลอดได้ จึงควรหยุดไปจนกระทั่งหลังคลอด 2 สัปดาห์แรก
- ส่วนยาบำรุงเลือด คุณแม่ควรทานตลอดการตั้งครรภ์ เพื่อเตรียมความแข็งแรงของเม็ดเลือดแดง เนื่องจากเราไม่สามารถทราบว่าคุณแม่จะสูญเสียเลือดมากน้อยแค่ไหน จากการคลอดหรือผ่าตัดคลอด มดลูกจะหดรัดตัวดีไหมหลังคลอด หากคุณแม่เสียเลือดมาก แต่มีการทานยาบำรุงเลือดมาโดยตลอด การฟื้นตัวหลังคลอดก็จะเร็วกว่า โอกาสแผลติดเชื้อก็น้อยลง คุณแม่ก็จะมีพละกำลังมาดูแลและให้นมลูกได้ดีอย่างรวดเร็ว
- สำหรับแคลเซียม คุณแม่ควรทานจนถึงกำหนดคลอด และทานต่อเนื่องตลอดช่วงให้นมบุตร แต่ในช่วงใกล้คลอด คุณแม่บางท่านจะมีปัญหาท้องผูกมาก การรับประทานแคลเซียมจะยิ่งทำให้อาการท้องผูกท้องอืดมากกว่าเดิม แนะนำให้คุณแม่ดื่มน้ำสะอาดเยอะๆ และทานผลไม้ที่ช่วยย่อย เช่น ส้ม แก้วมังกร เป็นต้น หากไม่ดีขึ้นและท้องผูกมาก แนะนำปรึกษาคุณหมอ คุณหมอจะเลือกใช้ยาแก้ท้องผูกที่ปลอดภัยต่อคุณแม่และลูกในครรภ์ค่ะ
บทความอื่นๆ ที่สนใจ
พัฒนาการตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 36
พัฒนาการตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 37
อ้างอิง
บทความโดยแพทย์หญิง ธิศรา วีรสมัย
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน สูตินรีเวช เวชศาสตร์ครอบครัว
และเวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลพญาไท 1