จริงค่ะ! และเป็นเรื่องปกติมากๆ เลยที่คุณแม่ไม่ต้องกังวลนะคะ น้องจะขับน้ำคร่ำและขี้เทาที่อยู่ในตัวออกมา ทำให้น้ำหนักลดลงประมาณ 5-10% ในช่วง 3

เป็นเรื่องปกติมากๆ ค่ะ โดยเฉพาะช่วงแรกๆ! เพราะมันเป็นท่าที่เหนื่อยและไม่คุ้นเคยสำหรับน้องค่ะ คุณแม่ลองเริ่มจากระยะเวลาสั้นๆ แค่ 1-2 นาทีต่อ

อย่าเพิ่งท้อใจนะคะ! เด็กแต่ละคนมีสไตล์การเรียนรู้ไม่เหมือนกันค่ะ บางคนอาจจะ "เก็บข้อมูล" อยู่เงียบๆ ก่อน พอถึงเวลาเขาก็จะพูดออกมาเองค่ะ สิ่ง

เข้าใจเลยค่ะว่าต้องกังวลใจมาก ให้คุณแม่สังเกตอาการของลูกอย่างใกล้ชิดนะคะ หากลูกมีไข้สูง (โดยเฉพาะในเด็กเล็ก), ไม่ยอมดูดนม, หายใจลำบากหรือมีเสียงครืดคราด, หรือดูซึมลงผิดปกติ

โอ๋ๆ เข้าใจเลยค่ะ นี่คือภาวะ "กังวลต่อการแยกจาก" หรือ Separation Anxiety ซึ่งเป็นพัฒนาการทางอารมณ์ที่ปกติสุดๆ ค่ะ มันแปลว่าน้องสร้างความ

ให้นมได้เลยค่ะคุณแม่ จริงๆ แล้วการให้นมตอนแม่ไม่สบายกลับเป็นสิ่งที่ดีมากเลยค่ะ เพราะร่างกายคุณแม่จะสร้างภูมิคุ้มกัน (Antibodies) ต่อเชื้อโรคที่คุณแม่เป็นอยู่

โดยทั่วไปยาพาราเซตามอลถือว่าค่อนข้างปลอดภัยสำหรับคุณแม่ให้นมบุตรค่ะ และผ่านไปในน้ำนมน้อยมาก แต่มีข้อแม้ที่สำคัญมากๆ คือ 'ห้าม' ซื้อยาตัวอื่น ๆ มารับประทานเองโดยเด็ดขาด

เป็นเรื่องปกติมากๆ และเป็นสัญญาณที่ดีว่าน้องกำลังเรียนรู้เรื่อง "เหตุและผล" (cause and effect) ค่ะ! เขาจะสนุกกับการได้เห็นว่าพอเขาปาของไป

เป็นอาการยอดฮิตเลยค่ะคุณแม่ ส่วนใหญ่เกิดจาก "กรดไหลย้อน" เพราะฮอร์โมนคนท้องและขนาดท้องที่ใหญ่ขึ้นไปเบียดกระเพาะอาหารค่ะ ทำให้รู้สึกแสบร้อน จุกๆ แน่นๆ ได้

ยังไม่ผิดปกติเลยค่ะคุณแม่! พัฒนาการด้านภาษาของเด็กจะมี 2 ส่วนคือ "ความเข้าใจภาษา" (Receptive Language) กับ "การใช้ภาษา" (Expressive Language)

สบายใจได้เลยค่ะคุณแม่ การเบ่งถ่ายไม่ได้ส่งผลอันตรายโดยตรงต่อลูกน้อยในท้องเลยค่ะ เพราะเขามีเกราะป้องกันอย่างดีจากน้ำคร่ำและผนังมดลูกค่ะ แต่การเบ่งแรงๆ บ่อยๆ อาจจะส่งผลเสียกับคุณแม่เอง

เข้าใจเลยค่ะว่าต้องกังวลมากแน่ๆ การไอแรงๆ จะทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องเกร็งตัวและทำให้คุณแม่รู้สึกเจ็บได้ค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ลูกน้อยของเราปลอดภัยดีอยู่ในถุงน้ำคร่ำค่ะ ลองใช้หมอนนุ่มๆ

เข้าใจเลยค่ะว่าทรมานมาก ลองเคล็ดลับง่ายๆ เหล่านี้นะคะ: ดื่มน้ำเปล่าให้เยอะขึ้นตลอดทั้งวัน, ทานผลไม้อย่างมะละกอสุกหรือแก้วมังกร, และลองทานโยเกิร์ตที่มีโปรไบโอติกส์ดูค่ะ

เป็นเรื่องปกติเลยค่ะคุณแม่ เพราะในช่วงตั้งครรภ์ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะทำงานลดลงเล็กน้อยตามธรรมชาติ เพื่อไม่ให้ร่างกายต่อต้านเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้องค่ะ

ทานได้ค่ะคุณแม่ สบายใจได้เลย อินทผาลัมมีประโยชน์มากเลยค่ะ มีทั้งกากใยสูงช่วยเรื่องท้องผูก แล้วก็มีวิตามินกับแร่ธาตุดีๆ เยอะเลยค่ะ แต่เพราะว่ามีรสหวาน ก็เลยมีน้ำตาลสูงเหมือนกัน

เป็นอาการยอดฮิตที่คุณแม่หลายคนต้องเจอเลยค่ะ ไม่ต้องกังวลนะคะ สาเหตุหลักๆ มาจากฮอร์โมนที่ทำให้เส้นเอ็นและข้อต่อบริเวณอุ้งเชิงกรานคลายตัว เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด

มีประโยชน์เยอะเลยค่ะ! หอยแครงเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีเยี่ยมเลยค่ะ แถมยังมีธาตุเหล็กสูง ช่วยบำรุงเลือดให้ทั้งคุณแม่และเจ้าตัวเล็ก แล้วก็ยังมีแคลเซียมช่วยเรื่องกระดูกอีกด้วยค่ะ

อันนี้ต้องระวังเป็นพิเศษเลยค่ะคุณแม่! ปกติแล้วการลวกแบบที่เราชอบทานกัน (แบบยังมีเลือดแดงๆ) ถือว่ายังดิบอยู่นะคะ ซึ่งอาจจะมีเชื้อโรคที่ทำให้คุณแม่ท้องเสียรุนแรงได้ค่ะ ถ้าอยากทานจริงๆ

ข่าวดีก็คือคุณแม่ส่วนใหญ่ "อาการจะดีขึ้นและหายไปเอง" หลังคลอดค่ะ! เมื่อร่างกายไม่ต้องแบกรับน้ำหนักครรภ์และระดับฮอร์โมนกลับสู่ภาวะปกติ อาการปวดก็จะค่อยๆ ทุเลาลงค่ะ

เป็นคำถามที่ดีและเป็นความกังวลใจของคุณแม่หลายท่านเลยค่ะ คำตอบคือ นมแม่ของคุณยังคงเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกเสมอ ค่ะ โอลิโกแซคคาไรด์ในนมแม่

เป็นอาการยอดฮิตที่คุณแม่ต้องเจอเลยค่ะ เพราะผิวหนังบริเวณหน้าท้องกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วเพื่อรองรับเจ้าตัวเล็กที่กำลังโตขึ้นค่ะ การทาครีมหรือออยล์ที่ให้ความชุ่มชื้นและปลอดภัย

จริงที่สุดเลยค่ะคุณแม่! ตอนนี้ระบบการได้ยินของเจ้าตัวเล็กพัฒนาขึ้นมากแล้ว เขาเริ่มจดจำและแยกแยะเสียงของคุณพ่อคุณแม่ได้แล้วด้วยค่ะ การพูดคุย ร้องเพลง หรือเล่านิทานให้เขาฟังเป็นประจำ

นอกจากอาการเฉื่อยชาที่บทความกล่าวถึงแล้ว สัญญาณที่เห็นได้ชัดเจนที่คุณแม่สามารถสังเกตได้เองคือ:
ความซีด: ผิวของลูกจะดูซีดๆ หรือเหลืองกว่าปกติ

ตัวการสำคัญที่ขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กก็คือ "แคลเซียม" ค่ะ เพราะแคลเซียมกับธาตุเหล็กจะแย่งกันดูดซึมในลำไส้ ดังนั้น คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงการ