5 อาหารเสริมให้ลูกฉลาด กินอะไรให้ลูกฉลาด พัฒนาสมองลูก
นอกจากวิธีการกระตุ้นพัฒนาการของลูกแล้ว “ให้ลูกกินอะไร ลูกถึงจะสมองดี?” ก็เป็นอีกคำถามยอดฮิตที่คุณแม่หลายคนสงสัยกัน เพราะเรื่องโภชนาการหรืออาหารการกินของลูกนั้น เป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการด้านต่าง ๆ ดังนั้น ในวันนี้เราจึงอยากแนะนำและให้ข้อมูลแก่คุณแม่ เกี่ยวกับอาหาร โภชนาการที่จะช่วยในการเสริมสร้างพัฒนาให้กับสมองของลูกน้อย
กินอะไรให้ลูกฉลาด อาหารอะไรบ้างที่ลูกกินแล้วสมองดี
สารอาหารสำคัญที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาสมองของลูกรัก
ก่อนที่จะพูดถึงอาหาร เราอยากแนะนำให้คุณแม่รู้จักกับสารอาหารสำคัญชนิดต่าง ๆ ที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างและพัฒนาสมองของลูกน้อย ช่วยให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่
- ธาตุเหล็ก สารอาหารที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดงในโลหิตที่เป็นตัวนำออกซิเจนและสารอาหารต่าง ๆ ไปสู่เซลล์ในร่างกายลูก ธาตุเหล็กมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อพัฒนาการของร่างกายและสมองลูก หากเด็กมีอาการขาดธาตุเหล็กจะส่งผลเสียต่อการพัฒนาสมองในระยะยาว
- โคลีน สารอาหารที่มีบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการทางสมองของลูก ช่วยบำรุงสมองในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความทรงจำและความสามารถในการเรียนรู้ และการควบคุมกล้ามเนื้อ
- กรดไขมันไม่อิ่มตัว เช่น DHA, โอเมก้า 3 6 9 ที่เป็นกรดไขมันชนิดที่จำเป็นต่อร่างกาย มีหน้าที่สำคัญช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมอง มีประโยชน์ต่อดวงตาและการมองเห็น โดยเฉพาะในเด็ก ทำให้มีการมองเห็นที่ดี และเรียนรู้ได้เร็ว
- สฟิงโกไมอีลิน หนึ่งในสารอาหารสำคัญที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาสมอง เป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้าง ไมอีลิน ปลอกหุ้มแขนงประสาทนำออก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณประสาท ทำให้สมองของลูกสามารถส่งข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยปกติแล้ว สฟิงโกไมอีลินนั้นเป็นหนึ่งในสารอาหารสำคัญที่พบได้ในนมแม่ แต่นอกจากนมแม่แล้ว สฟิงโกไมอีลินยังสามารถพบได้ ในอาหารประเภท นม ชีส ผลิตภัณฑ์จากนม และไข่
- วิตามิน B12 วิตามินที่มีส่วนสำคัญต่อการทำงานของสมอง มีหน้าที่ป้องกันเยื่อไมอีลิน ที่ห่อหุ้มเส้นประสาท ช่วยให้ระดับการทำงานของเซลล์ประสาทและระบบประสาท ทำงานได้อย่างปกติ และยังมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการทำงานของแบคทีเรียชนิดดีในกระเพาะอาหาร และช่วยกำจัดแบคทีเรียที่เป็นอันตรายในกระเพาะอาหาร
- โปรตีน สารอาหารสำคัญที่ช่วยในการสร้าง และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย อีกทั้งยังเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยให้สมองของลูกมีสุขภาพที่ดี พร้อมสำหรับการเรียนรู้สิ่งใหม่ ที่สำคัญโปรตีนนั้นจะถูกนำไปสร้างระบบเครือข่ายของสมองและระบบสัญญาณของเซลล์ประสาท

อาหารบำรุงสมอง ช่วยให้สมองลูกทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
- ปลา เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี มีคุณค่าทางอาหารสูงไม่แพ้เนื้อสัตว์อื่น ๆ ที่สำคัญในเนื้อปลายังเป็นแหล่งของกรดไขมันดีตามธรรมชาติ โดยเฉพาะ DHA กรดไขมันที่สำคัญต่อการพัฒนาสมอง และยังมีส่วนประกอบของกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายสูง โดยเฉพาะไลซีนและทรีโอนีน ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตในวัยเด็ก สำหรับเนื้อปลาที่มี DHA ในปริมาณมากนั้นได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาสวาย ปลาทู
- ไข่ เป็นที่รู้กันดีว่า ไข่นั้นคือแหล่งของโปรตีนชั้นดี ที่มีส่วนช่วยในการสร้างและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย แต่นอกจากโปรตีนแล้วนั้น ไข่ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์อีกมากมาย ทั้งโคลีน ที่ช่วยในการพัฒนาและบำรุงสมองในส่วนของความทรงจำ และในไข่นั้นยังเป็นแหล่งของสารอาหารสมองอันสำคัญอย่าง สฟิงโกไมอีลิน อีกด้วย
- ผักสีสด เช่นมะเขือเทศ ฟักทอง แครอท ปวยเล้ง เป็นต้น เพราะในผักเหล่านี้อุดมไปสารต่อต้านอนุมูลอิสระ วิตามินต่าง ๆ รวมถึงแร่ธาตุที่มีประโยชน์ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่เซลล์สมองของลุกได้เป็นอย่างดี
- นม และผลิตภัณฑ์จากนม อย่างที่รู้กันว่านมนั้นอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเด็ก เช่นโปรตีน แคลเซียม รวมถึงวิตามินต่าง ๆ ที่มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกายและสมอง ที่สำคัญ ในนมและผลิตภัณฑ์จากนมอย่างเช่น ชีส โยเกิร์ต นั้นยังเป็นแหล่งของสฟิงโกไมอีลิน ซึ่งเป็นหนึ่งในสารอาหารสำคัญ ในการพัฒนาสมองโดยช่วยสร้างไมอีลิน ปลอกหุ้มประสาทที่ช่วยให้สมองของลูกส่งกระแสสัญญาณประสาทได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
- เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เพราะในเนื้อสัตว์ไม่ติดมันนั้นอุดมไปด้วยโปรตีนคุณภาพดี ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการต่าง ๆ ของร่างกาย และในเนื้อสัตว์อย่างเช่น เนื้อวัว หรือ เนื้อหมูที่ไม่ติดมันนั้น จะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซับธาตุเหล็กได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ลูกมีสมาธิจดจ่อต่อการเรียนได้ดี มีประสิทธิภาพ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
อาหารตามวัย บำรุงร่างกายและสมองลูก
อ้างอิง
- https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=346
- https://med.mahidol.ac.th/th/news-clipping/rama-news/newsclip18042019-1003-th
- https://www.si.mahidol.ac.th/Th/healthdetail.asp?aid=345
- https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/admin/article_files/685_1.pdf
- https://www.health.harvard.edu/blog/brain-food-children-nutrition-2018012313168
- https://www.healthxchange.sg/children/food-nutrition/top-ten-foods-childs-brain-development
- https://www.nonthavej.co.th/Iron-in-children.php
- https://www.webmd.com/add-adhd/childhood-adhd/features/brain-foods-kids#1
- Vitamin B12มีส่วนช่วยในการกระตุ้นการทำงานของแบคทีเรียชนิดดีในกระเพาะอาหาร และช่วยกำจัดแบคทีเรียที่เป็นอันตรายในกระเพาะอาหาร https://www.honestdocs.co/vitamin-b12-kobalamin
- DHA ช่วยในการมองเห็น https://www.nstda.or.th/th/vdo-nstda/science-day-techno/3654-dha
บทความแนะนำ

ยิ่งเล่น ลูกยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฉลาด
การเล่นคืองานของเด็ก และการเล่น ไม่ใช่แค่การเล่น แต่เป็นการเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่ การเล่นของเด็กเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองโดยไม่มีการบังคับ เด็กต้องการเล่นอยู่ตลอดเวลา โดยไม่กำหนดเวลา และเด็กมีความสุขเมื่อได้เล่น การเล่นช่วยส่งเสริมพัฒนาการในทุกด้าน ทั้งพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็กวัยแรกเกิด – 5 ปี ที่สมองของเด็กในช่วงวัยนี้จะทำงานสูงสุดขณะเล่น ด้วยเป็นภาวะที่สมองพร้อมเรียนรู้ ไม่ตึงเครียด มีภาวะตื่นตัว และมีแรงจูงใจ การเล่นช่วยเพิ่มศักยภาพการทำงานของสมอง ประสบการณ์ขณะเล่นจะกระตุ้นเซลล์สมองและสารสื่อประสาทต่างๆ ทำให้เกิดการเชื่อมโยงของเครือข่ายเส้นใยสมอง และเพื่อให้การเรียนรู้นอกบ้านไม่สะดุด คุณแม่ควรเลือกนมยูเอชทีกล่องแรกสำหรับลูก ที่มีสฟิงโกไมอีลิน ดีเอชเอ โอเมก้า 3, 6, 9 โคลีน แอลฟา-แล็คตัลบูมิน และลูทีน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญต่อพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็ก เพื่อให้ลูกเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่

เริ่มนมยูเอชทีกล่องแรก คุณแม่ต้องเลือกอย่างไร
เด็กวัย 1 ปี สามารถกินอาหารได้ครบ 3 มื้อแบบผู้ใหญ่ แต่ยังมีความจำเป็นที่จะต้องดื่มนมวันละ 3 แก้ว เพื่อเสริมสารอาหารที่มีประโยชน์ เด็กวัยนี้จะเรียนรู้โลกกว้างจากการได้พบเจอสิ่งใหม่ๆ จากการลงมือทำ ดังนั้นเมื่อต้องออกไปเรียนรู้นอกบ้าน นมกล่องสำหรับเด็กจึงกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สะดวก คุณแม่ควรเลือกนมกล่องที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองและการเรียนรู้ที่ต่อเนื่องจากนมแม่

กิจกรรมฝึกสมองเด็กวัยซน (3 – 5 ปี)
เด็ก ๆ วัย 3 – 5 ปี เป็นช่วงวัยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง มีความคิดสร้างสรรค์ ช่างสังเกต อยากรู้อยากเห็น สนใจทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว และเป็นตัวของตัวเองสูง จนทำให้ผู้ใหญ่มองว่า เด็กวัยนี้ดื้อและซนมาก แต่ถ้าหากพ่อแม่ลองทำความเข้าใจธรรมชาติ และสนับสนุนให้ลูกได้ทำกิจกรรมอย่างสร้างสรรค์ จะช่วยเปิดโอกาสให้ลูกค้นพบพรสวรรค์ได้อย่างรวดเร็ว