คุณแม่ตั้งครรภ์ - น้ำหนักควรเพิ่มขึ้นเท่าไร

คุณแม่ตั้งครรภ์ - น้ำหนักควรเพิ่มขึ้นเท่าไร เพื่อพัฒนาการที่ดีต่อลูกน้อย

น้ำหนักคุณแม่ตั้งครรภ์ เป็นอีกหนึ่งหัวข้อสนทนาที่คุณแม่ตั้งครรภ์ให้ความสนใจและสอบถามบ่อย ทั้งนี้ เพราะเรื่องอาหารเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับผู้ที่จะเตรียมตัวเป็นแม่ในอนาคต

headphones
อ่าน 5 นาที

 

คุณแม่ตั้งครรภ์  น้ำหนักควรเพิ่มขึ้นเท่าไร

 

น้ำหนักคุณแม่ตั้งครรภ์ เป็นอีกหนึ่งหัวข้อสนทนาที่คุณแม่ตั้งครรภ์ให้ความสนใจและสอบถามบ่อย ทั้งนี้ เพราะเรื่องอาหารเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับผู้ที่จะเตรียมตัวเป็นแม่ในอนาคต โดยในระหว่างการตั้งครรภ์จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณแม่ควรรับประทานอาหารที่หลากหลายครบ 5 หมู่ เพื่อพัฒนาการทารกในครรภ์และสุขภาพของตัวเอง แต่ขณะเดียวกัน หากรับประทานมากเกินไป อาจจะทำให้น้ำหนักตัวของคุณแม่มากเกินความจำเป็น ซึ่งในแต่ละวัน คุณแม่ตั้งครรภ์จะมีความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 300 กิโลแคลอรีต่อวัน คือจากประมาณ 2,000 กิโลแคลอรี เพื่อสร้างเนื้อเยื่อทั้งของแม่และลูกในครรภ์

 

คุณแม่ตั้งครรภ์ - น้ำหนักควรเพิ่มขึ้นเท่าไร

น้ำหนักที่ควรเพิ่มขึ้นสำหรับคุณแม่แต่ละท่าน จะไม่เหมือนกันเนื่องจากน้ำหนักและส่วนสูงแตกต่างกันไปแต่ละคน ดังนั้น น้ำหนักที่ควรเพิ่มขึ้นตลอดการตั้งครรภ์ ควรคำนวณจากดัชนีมวลกาย ซึ่งจะบอกสถานะว่าคุณแม่ก่อนตั้งตั้งครรภ์มีน้ำหนักเข้าเกณฑ์ใด และตลอดระยะเวลาตั้งครรภ์ น้ำหนักที่ควรเพิ่มเป็นเท่าไร โดยทั่วไปตลอดระยะเวลาตั้งครรภ์ น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นไม่ควรน้อยกว่า 7 กิโลกรัม และไม่ควรมากกว่า 13 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวก่อนตั้งครรภ์ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

 

 

ดัชนีมวลกายก่อนตั้งครรภ์ (BMI)
คำนวณโดยน้ำหนัก (..) / ความสูง (เมตร2)

 

น้ำหนักควรเพิ่มขึ้นเป็นกี่กิโลกรัม 

BMI < 18.5 (ผอม)

 

12.5 – 18.0

 

BMI 18.5 – 24.9 (น้ำหนักตัวปกติ)

 

11.5 – 16.0

 

BMI 25.0 – 29.9 (น้ำหนักตัวเกิน)

 

7.0 – 11.5

 

BMI ≥ 30 (โรคอ้วน)

 

5.0 – 9.0

 

การตั้งครรภ์แฝด

 

15.9 – 20.4

 

 

  1. คุณแม่ตั้งครรภ์ที่ควรจะมีน้ำหนักตัวเพิ่มมากเป็นกรณีพิเศษ คือ คุณแม่ที่ก่อนตั้งครรภ์ผอม ในช่วง 3 เดือนแรกควรจะพยายามปรับให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นให้ตรงตามเกณฑ์ แล้วใช้เวลาในระยะ 6เดือนต่อมาเพิ่มน้ำหนักให้ได้เท่าที่ต้องการตลอดการตั้งครรภ์
  2. คุณแม่ตั้งครรภ์ที่ควรให้ความสำคัญดูแลน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่เหมาะสม คือ คุณแม่ที่ก่อนตั้งครรภ์มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน โดยควรเลือกกินอาหารเป็นพิเศษ
  3. คุณแม่ตั้งครรภ์แฝดสองหรือแฝดสาม
    ไม่ได้หมายความว่า จะต้องมีน้ำหนักเพิ่มเป็นสองหรือสามเท่าตามจำนวนของทารกในครรภ์ แต่อาจจะเพิ่มน้ำหนักโดยเฉลี่ย 5 กิโลกรัมต่อทารก 1 คน การรับประทานอาหารควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
     
  4. จำไว้เสมอว่า ระยะเวลาตลอดการตั้งครรภ์ไม่ใช่เวลาที่จะควบคุมน้ำหนักด้วยการงดอาหาร
    อย่างเด็ดขาด เพราะทารกในครรภ์จะได้พลังงานจากการเผาผลาญไขมันของคุณแม่เท่านั้น แต่จะไม่ได้สารอาหารใดๆ ทั้งสิ้น
     
  5. การเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัวคุณแม่ตั้งครรภ์ ในช่วงระยะไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ เดือนที่ 1 – 3
  • น้ำหนักของคุณแม่ตั้งครรภ์จะมีการเพิ่มน้อย คือ โดยเฉลี่ยแค่ประมาณ 1 – 2 กิโลกรัมเท่านั้น เนื่องจากอาการแพ้ท้อง
  • ในช่วงระยะไตรมาสสองของการตั้งครรภ์ เดือนที่ 4 – 6
    น้ำหนักของคุณแม่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉลี่ย ½ กิโลกรัมต่อสัปดาห์
  • ในช่วงระยะไตรมาสที่สามของการตั้งครรภ์ เดือนที่ 7 – 9
    น้ำหนักของคุณแม่ตั้งครรภ์จะเพิ่มขึ้นเพียง 2 – 3 กิโลกรัมเท่านั้น ในระยะเดือนสุดท้ายอาการใกล้คลอดน้ำหนักจะคงที่ หรือลดลงบ้างเล็กน้อยประมาณ ½ กิโลกรัม กล่าวคือ

 

  • ในกรณีที่คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเลยในระยะอายุ 2 – 4 เดือน หรือกรณีที่คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเลยภายใน 2 สัปดาห์ทั้งที่อยู่ในเกณฑ์ที่ควรมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย
  • กรณีที่คุณแม่ตั้งครรภ์มีน้ำหนักตัวเพิ่มมากกว่า 1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ในช่วงไตรมาส 2 หรือเดือนที่ 4 – 6 หรือมีน้ำหนักเพิ่มมากกว่า ½ กิโลกรัมต่อสัปดาห์ ในไตรมาสที่สาม เดือนที่ 7 – 9 คุณแม่ตั้งครรภ์ควรไปปรึกษาแพทย์ทันที โดยเฉพาะผู้ที่นิยมกินอาหารรสจัดหรือกินบ่อยเกินไป 

 


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ 

คลอดลูก

สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนคลอด

อ้างอิง

  1. เอกสารเผยแพร่ทางวิชาการ โภชนาการคุณแม่ตั้งครรภ์ ฝ่ายโภชนาการ โรงพยาบาลศิริราช
  2. Institute of Medicine NRC. Weight Gain During Pregnancy: Reexamining the Guidelines. Washington, DC: The National Academies Press, 2009.
  3. เว็บไซต์ haamor.com

บทความแนะนำ

หลังผ่าคลอดกินอะไรได้บ้าง  แม่หลังคลอดทานอะไรให้แผลหายเร็ว

หลังผ่าคลอดกินอะไรได้บ้าง แม่หลังคลอดทานอะไรให้แผลหายเร็ว

หลังผ่าคลอดกินอะไรได้บ้าง  คำถามหลังผ่าคลอดที่คุณแม่มือใหม่มักกังวลใจ หลังผ่าคลอดกินอะไรได้บ้าง  เมนูอาหารแบบไหนที่คุณแม่ผ่าคลอดกินได้ และควรหลีกเลี่ยงหลังผ่าคลอด

12 เมนูคนท้อง อาหารคนท้องบำรุงคุณแม่ท้อง ดีต่อลูกในครรภ์

12 เมนูอาหารคนท้องบำรุงคุณแม่ อาหารคนท้อง ดีต่อลูกในครรภ์

รวมเมนูคนท้อง อาหารคนท้อง ช่วยบำรุงครรภ์คุณแม่ให้แข็งแรงและสมบูรณ์ เพื่อให้ลูกน้อยในครรภ์ได้รับโภชนาการที่ดีและครบถ้วน ไปดูเมนูคนท้องและอาหารคนท้องที่ดีกับลูกกัน

วันตกไข่ คืออะไร คุณแม่นับวันตกไข่อย่างไรให้แม่นยำ ไม่มีพลาด

วันตกไข่ คืออะไร คุณแม่นับวันตกไข่อย่างไรให้แม่นยำ ไม่มีพลาด

วันตกไข่ คืออะไร อาการแบบไหนที่บอกว่าคุณแม่อยู่ในช่วงวันตกไข่ พร้อมวิธีนับวันตกไข่ให้แม่นยำสำหรับคุณแม่มือใหม่ ช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ ให้คุณแม่ที่อยากมีลูก

6 วิธีนับอายุครรภ์ คำนวณอายุครรภ์ด้วยตัวเอง ก่อนคลอด

6 วิธีนับอายุครรภ์ คำนวณอายุครรภ์ด้วยตัวเอง ก่อนคลอด

วิธีการนับอายุครรภ์คืออะไร ทำไมคุณแม่ต้องรู้และวิธีคำนวณอายุครรภ์ที่ถูกต้อง นับแบบไหนได้บ้าง เพื่อให้คุณแม่วางแผนการคลอดและติดตามพัฒนาการของลูกในครรภ์ได้อย่างแม่นยำ

แผลฝีเย็บหลังคลอด คุณแม่ดูแลอย่างไรให้ปลอยภัย ฝีเย็บหายไว ไม่ติดเชื้อ

แผลฝีเย็บหลังคลอด คุณแม่ดูแลอย่างไรให้ปลอดภัย ฝีเย็บหายไว ไม่ติดเชื้อ

รู้จักกับแผลฝีเย็บ คุณแม่หลังคลอด ดูแลแผลฝีเย็บอย่างไรให้หายไว ปลอดภัยและไม่ติดเชื้อ พร้อมวิธีดูแลแผลฝีเย็บให้แห้งเร็ว ลดความเสี่ยงการติดเชื้อ สำหรับคุณแม่มือใหม่

ผ่าคลอดดีไหม ผ่าคลอดเจ็บไหม ดูแลแผลผ่าคลอดอย่างไร

ผ่าคลอดดีไหม ผ่าคลอดเจ็บไหม ดูแลแผลผ่าคลอดอย่างไร

ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการ ผ่าคลอด พร้อมคำแนะนำต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมให้คุณแม่มั่นใจเมื่อผ่าคลอด

แม่ท้องพร้อม เข้าใจอาการคนท้อง

แม่ท้องพร้อม! วิธีดูแลครรภ์ จัดการกับความกังวล เข้าใจอาการคนท้อง

เคล็ดลับการดูแลครรภ์ วิธีจัดการกับความกังวล รวมไปถึงการรับมือกับอาการคนท้อง