
พัฒนาการลูกน้อยในครรภ์ อายุครรภ์สัปดาห์ที่ 1- 4
คำถามที่พบบ่อย
อาการเจ็บคัดเต้านมกับอาการก่อนมีประจำเดือน ต่างกันยังไงคะ แยกไม่ออกเลยว่าเป็นสัญญาณตั้งครรภ์หรือเปล่า
เข้าใจเลยค่ะว่าเป็นเรื่องที่ลุ้นมากๆ เพราะอาการคล้ายกันจริงๆ ค่ะ ทั้งอาการเจ็บเต้านม ท้องอืด หรือปัสสาวะบ่อย สามารถเป็นได้ทั้งสัญญาณก่อนมีประจำเดือนและการตั้งครรภ์ระยะแรกเริ่ม วิธีเดียวที่จะยืนยันได้แน่นอนคือการตรวจการตั้งครรภ์เมื่อถึงเวลาที่ประจำเดือนขาดไปแล้วค่ะ อย่างไรก็ตาม ทันทีที่คุณแม่ทราบว่าตั้งครรภ์ ควรไปพบแพทย์เพื่อยืนยันผลและรับการดูแลที่เหมาะสมทันทีนะคะ
ถ้าตรวจแล้วขึ้น 2 ขีดจางๆ แบบนี้ท้องจริงไหมคะ หรือควรรอตรวจใหม่?
โดยทั่วไปแล้ว แม้ขีดที่สองจะจางมาก ก็มักจะหมายถึงการตั้งครรภ์ค่ะ เพราะแถบทดสอบจะทำปฏิกิริยากับฮอร์โมน hCG ซึ่งร่างกายจะผลิตขึ้นเมื่อตั้งครรภ์เท่านั้น การที่ขีดจางอาจเป็นเพราะฮอร์โมนยังอยู่ในระดับต่ำเนื่องจากอายุครรภ์ยังน้อยมากค่ะ แต่เพื่อความแม่นยำและปลอดภัยที่สุด การไปพบคุณหมอเพื่อตรวจเลือดและอัลตราซาวด์ยืนยันคือสิ่งที่ดีที่สุดค่ะ
หนูเพิ่งรู้ว่าท้อง แต่ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ทานโฟลิคเลยค่ะ จะเป็นอะไรกับลูกไหมคะ?
คุณแม่ไม่ต้องกังวลจนเกินไปนะคะ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อยมากค่ะ สิ่งสำคัญที่สุดคือให้เริ่มทานกรดโฟลิคทันทีที่คุณแม่ทราบว่าตั้งครรภ์ เพราะเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงภาวะหลอดประสาทไม่ปิดของทารกค่ะ การเริ่มทานตอนนี้ก็ยังทันและมีประโยชน์อย่างมาก แนะนำให้รีบไปฝากครรภ์เพื่อที่คุณหมอจะได้สั่งวิตามินที่จำเป็นและให้คำแนะนำที่ถูกต้องนะคะ"
พัฒนาการการตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 1- 4
เมื่อตั้งครรภ์ คุณแม่จะรับรู้ได้ 2 ทางหลักๆ คือตรวจปัสสาวะหรือตรวจเลือดแล้วพบว่าระดับฮอร์โมนการตั้งครรภ์ หรือ beta-hCG สูง และอีกทางคือ มีอาการเริ่มแรกของการตั้งครรภ์อ่อนๆ ได้แก่
- ประจำเดือนไม่มา
- เจ็บเต้านมมาก บางท่านเจ็บจนจับแตะเต้านมหรือสัมผัสหัวนมไม่ได้เลย
- ท้องอืด อาหารไม่ย่อย รู้สึกมีลมจุกเต็มท้อง
- ปัสสาวะบ่อยมาก ๆ

พัฒนาการลูก
หลังปฏิสนธิ ตัวอ่อนที่แข็งแรงก็จะฝังตัวที่เยื่อบุโพรงมดลูก และเมื่อการฝังตัวสมบูรณ์ ปลายสัปดาห์ที่ 4 จะเกิดถุงการตั้งครรภ์ ซึ่งตรวจพบจากอัลตร้าซาวด์ แต่ขนาดมดลูกจะโตขึ้นเพียงเล็กน้อย และยังคลำไม่ได้ทางหน้าท้องจากการตรวจร่างกาย
Tips
- เนื่องจากอายุครรภ์ยังอ่อน ทันทีที่ทราบว่าตั้งครรภ์ควรไปพบสูติแพทย์เพื่อตรวจอัลตร้าซาวด์ เพื่อแยกความผิดปกติ เช่น การตั้งครรภ์นอกมดลูก จะได้ทราบความเสี่ยง และอาการที่ต้องเฝ้าระวัง
- คุณแม่ที่มีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ที่ดูแล เรื่องการปรับยาที่ทานอยู่ให้เหมาะสมและปลอดภัยต่อลูกในครรภ์ และประเมินความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์
- คุณแม่ที่เตรียมการก่อนตั้งครรภ์ มักรับประทานโฟเลตมาก่อนล่วงหน้า เพราะพบว่ามีส่วนช่วยลดความพิการภาวะหลอดประสาทไม่ปิดแต่กำเนิดได้ แต่หากคุณแม่ไม่ได้เตรียมตัวไว้ ก็ไม่เป็นไรค่ะ เริ่มรับประทานโฟเลต และอาหารที่มีโฟเลต เช่น ผลไม้ ผักใบเขียว ไข่แดง ตับ นม เป็นต้น
- งดอาหารที่มีความเสี่ยง เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ของดิบ งดบุหรี่ หรือเลี่ยงสถานที่ที่มีควันบุหรี่ และก่อนทานยาควรปรึกษาแพทย์ค่ะ
อ้างอิง
บทความโดยแพทย์หญิง ธิศรา วีรสมัย
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน สูตินรีเวช เวชศาสตร์ครอบครัว
และเวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลพญาไท 1