เด็กพัฒนาการช้า ไอคิวต่ำเป็นยังไง พร้อมวิธีสังเกตสำหรับคุณแม่

เด็กพัฒนาการช้า ไอคิวต่ำเป็นยังไง พร้อมวิธีสังเกตสำหรับคุณแม่

เพราะสมองของลูกน้อยมีบทบาทสำคัญต่อการเรียนรู้ในทุกย่างก้าว คุณพ่อคุณแม่จึงควรใส่ใจดูแลสมองของลูกน้อยเป็นพิเศษทั้งในเรื่องอาหารบำรุงสมอง กิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการ รวมทั้งหมั่นสังเกตสัญญาณที่อาจบ่งบอกถึงพัฒนาการล่าช้า เพื่อที่จะสามารถดูแลลูกน้อยให้เติบโตสมวัย และไม่เกิดปัญหาพัฒนาการช้ากว่าเพื่อนวัยเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม เด็กพัฒนาการช้าอาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยค่ะ การทำความเข้าใจสาเหตุจะช่วยให้เราดูแลลูกได้ดียิ่งขึ้น บทความนี้จะชวนคุณแม่มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเด็กพัฒนาการช้า ไอคิวต่ำ พร้อมค้นหาวิธีกระตุ้นพัฒนาการที่เหมาะสมไปพร้อมกันค่ะ

เด็กพัฒนาการช้า ไอคิวต่ำเป็นยังไง พร้อมวิธีสังเกตสำหรับคุณแม่

คำถามที่พบบ่อย

เด็กพัฒนาการช้า สามารถกลับมามีพัฒนาการทันเพื่อนได้ไหม?

สามารถทำได้ค่ะ เด็กที่มีพัฒนาการล่าช้าสามารถมีพัฒนาการที่ดีขึ้นและสามารถตามทันเพื่อนวัยเดียวกันได้ หากได้รับการส่งเสริมและกระตุ้นพัฒนาการอย่างถูกวิธีตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการ ความสม่ำเสมอ และความร่วมมือของครอบครัว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนกระตุ้นพัฒนาการที่เหมาะสมที่สุด

การให้ลูกดูหน้าจอ (มือถือ, ทีวี) ทำให้พัฒนาการช้าจริงหรือไม่?

จริงค่ะ การให้เด็กเล็ก (โดยเฉพาะต่ำกว่า 2 ขวบ) ดูหน้าจอมากเกินไป จะทำให้เด็กขาดโอกาสในการมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบตัว และเรียนรู้ผ่านการเล่น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของพัฒนาการ อาจส่งผลให้มีพัฒนาการด้านภาษาและสังคมล่าช้าได้ ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับระยะเวลาหน้าจอที่เหมาะสมสำหรับเด็กแต่ละช่วงวัย

ถ้าลูกมีพัฒนาการด้านอื่นปกติ แต่ 'พูดช้า' อย่างเดียว ถือว่าน่ากังวลไหม?

น่ากังวลและควรได้รับการประเมินค่ะ แม้พัฒนาการด้านอื่นจะปกติ แต่หากปล่อยให้ลูกมีพัฒนาการทางภาษาล่าช้า อาจส่งผลกระทบต่อการเรียน อารมณ์ และพฤติกรรมในอนาคต ควรปรึกษาแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อที่จะช่วยเหลือลูกได้อย่างตรงจุด

สรุป

  • ในช่วงขวบปีแรก สมองของทารกจะเติบโตเร็วกว่าส่วนอื่น ๆ ของร่างกายเกือบ 2 เท่า ทั้งยังขยายเครือข่ายการเชื่อมต่อเซลล์สมองจำนวนมาก คุณพ่อคุณแม่จึงควรให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการเอาใจใส่เลี้ยงดูและการได้รับโภชนาการที่เหมาะสม
  • เด็กพัฒนาการช้า คือ เด็กที่มีพัฒนาการไม่เป็นไปตามวัยเมื่อเทียบกับเด็กคนอื่น โดยเด็กอาจมีพัฒนาการช้าแค่บางด้านหรือมีพัฒนาการช้าในทุก ๆ ด้าน ซึ่งหากได้รับการแก้ไข และการกระตุ้นจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้เร็ว ก็จะสามารถกลับมามีพัฒนาการเท่าทันกับเด็กที่อยู่ในวัยเดียวกันได้
  • เด็กที่มีไอคิวต่ำ หมายถึง เด็กที่มีไอคิวต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ย (ต่ำกว่า 90) ทำให้เด็กมีการเรียนรู้ช้าและต้องใช้เวลามากกว่าเด็กทั่วไปที่มีระดับสติปัญญาอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย (90-109)
  • เด็กที่มีไอคิวต่ำส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับพันธุกรรมที่สืบทอดมาจากพ่อแม่ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ แต่ระดับไอคิวของลูกสามารถเพิ่มหรือลดลงได้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดูอีก 20 เปอร์เซ็นต์ พ่อแม่จึงต้องเลี้ยงดูลูกน้อยด้วยความรัก ความเอาใจใส่ และคอยกระตุ้นพัฒนาการตามวัยอยู่เสมอ

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

เข้าใจพื้นฐาน พัฒนาการสมองของทารกในช่วงขวบปีแรก

สมองของลูกน้อยนั้นเริ่มสร้างและพัฒนาตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่เลยค่ะ และเมื่อคลอดออกมาแล้ว สมองของทารกจะเติบโตเร็วกว่าส่วนอื่น ๆ ของร่างกายเกือบ 2 เท่า โดยเฉพาะในช่วงขวบปีแรก ที่ขนาดสมองจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากประมาณ 400 กรัม กลายเป็น 1,000 กรัมเลยทีเดียว

ถึงแม้จำนวนเซลล์สมองของลูกจะไม่เพิ่มขึ้นหลังคลอด แต่สิ่งที่กำลังเติบโตและเพิ่มขึ้นคือ การขยายเครือข่ายการเชื่อมต่อเซลล์สมองค่ะ โดยตอนแรกเกิดเซลล์สมองแต่ละเซลล์จะมีจุดเชื่อมต่อกันประมาณ 2,500 จุด แต่พอถึงวัย 2-3 ขวบ จะมีจุดเชื่อมต่อเพิ่มขึ้นมากถึง 15,000 จุด ซึ่งมากกว่าสมองของผู้ใหญ่เราถึง 2 เท่า หากได้รับการเลี้ยงดู และได้รับสารอาหารที่เหมาะสมค่ะ

 

เด็กทารกมีพัฒนาการช้า

 

"เด็กพัฒนาการช้า" คืออะไร? และมีสาเหตุจากอะไรบ้าง

เมื่อพูดถึงเด็กพัฒนาการช้า อาจฟังดูน่ากังวลและอาจทำให้สงสัยว่า ลูกน้อยของเราเติบโตสมวัยหรือเปล่า? มาทำความเข้าใจกันค่ะว่า เด็กพัฒนาการช้า คืออะไร และเกิดขึ้นจากสาเหตุใดได้บ้าง

นิยามของเด็กพัฒนาการช้า

เด็กพัฒนาการช้า คือ เด็กที่มีพัฒนาการไม่เป็นไปตามวัยเมื่อเทียบกับเด็กคนอื่น โดยเด็กอาจมีพัฒนาการช้าแค่บางด้านหรือมีพัฒนาการช้าในทุก ๆ ด้าน หากคุณพ่อคุณแม่มีความกังวล ลองใช้เช็กลิสต์ง่าย ๆ นี้เพื่อสังเกตลูกเบื้องต้นกันนะคะ

  • การได้ยิน ลูกไม่ค่อยตอบสนองต่อเสียง หรือไม่ส่งเสียงอ้อแอ้
  • การมองเห็น ดวงตาของลูกดูห่างกันผิดปกติ หรือมีลักษณะตาเหล่
  • การพูด ลูกยังพูดเป็นคำ ๆ และภาษาที่ใช้คนอื่นมักจะฟังไม่เข้าใจ
  • การเคลื่อนไหว ลูกยังไม่สามารถนั่งหรือเดินได้ด้วยตนเอง
  • พฤติกรรมและการสื่อสาร ลูกไม่ค่อยสนใจคนอื่น ไม่ใช้ท่าทางในการสื่อสาร ไม่เข้าใจคำสั่งง่าย ๆ ไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึก หรือไม่รู้จักการเล่นกับเพื่อน

 

สาเหตุของภาวะพัฒนาการล่าช้า

ลูกพัฒนาการช้า เกิดจากอะไรกันแน่? จริง ๆ แล้วสาเหตุมีได้จากหลายปัจจัยมากเลยค่ะ ลองมาดูกันนะคะว่ามีอะไรบ้าง

  • พันธุกรรม โรคทางพันธุกรรมบางอย่าง เช่น ดาวน์ซินโดรม หรือการมียีนผิดปกติในครอบครัว อาจมีผลต่อการเจริญเติบโตของเด็กได้
  • สุขภาพของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์ การไม่ดูแลสุขภาพของคุณแม่ เช่น การสูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์ อาจเพิ่มความเสี่ยงให้ลูกมีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ได้
  • การคลอดที่ไม่ราบรื่น การคลอดก่อนหรือหลังกำหนด อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของลูกน้อย เช่น เกิดภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือเลือดออกในสมอง
  • ปัญหาสุขภาพหลังคลอด ภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น น้ำหนักตัวแรกเกิดน้อยหรือมากเกินไป ภาวะตัวเหลืองจนต้องถ่ายเลือด หรือการต้องอยู่ในตู้อบเป็นเวลานาน
  • การเลี้ยงดูและโภชนาการ การที่เด็กไม่ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน หรือขาดการส่งเสริมพัฒนาการในด้านต่าง ๆ อย่างเหมาะสมจากผู้เลี้ยงดู

 

สัญญาณเตือนพัฒนาการล่าช้าที่พ่อแม่ควรรู้

คุณแม่สามารถสังเกตสัญญาณเตือนภาวะพัฒนาการล่าช้าได้ 2 วิธี ได้แก่ สัญญาณทางร่างกายที่อาจบ่งบอกถึงความผิดปกติ และสัญญาณเตือนในด้านต่าง ๆ ที่ควรจับตามองตามแต่ละช่วงวัย ดังนี้

7 สัญญาณทางร่างกายที่บ่งบอกว่าลูกพัฒนาการช้า

อยากรู้ว่าลูกเป็นเด็กพัฒนาการช้าหรือไม่ คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตความผิดปกติของลูกได้จากอวัยวะของร่างกาย ได้แก่

  1. หูผิดปกติ ลักษณะของใบหูผิดรูป ใบหูอาจจะอยู่ตรงตำแหน่งที่สูงหรือต่ำจากตำแหน่งปกติ ติ่งหูมีความยาวมากกว่าติ่งหูปกติ และไม่มีรูหู
  2. ผิวหนังผิดปกติ มีปานบนผิวหนังเกิน 6 จุด ลักษณะของผิวตัวจะเป็นสีหลือง และมีปานเป็นริ้ว ๆ สีขาวหรืออาจเป็นสีดำ
  3. ตาผิดปกติ ดวงตาทั้งสองข้างอาจจะเหล่เข้า เหล่ออก หรือห่างกันจนผิดปกติ เห็นแสงสะท้อนของรูม่านตาเป็นสีขาว
  4. จมูกผิดปกติ ลักษณะของดั้งจมูกมีความบี้มาก หรืออาจเชิดสูงมากกว่าปกติ ไม่ตอบสนองต่อกลิ่นต่าง ๆ
  5. ปากผิดปกติ ไม่เห็นริมฝีปาก มีภาวะของปากแหว่งเพดานโหว่ พูดติดอ่าง พูดไม่ชัด และไม่ส่งเสียงตอบโต้ตามวัย
  6. ลิ้นผิดปกติ เวลาพูดจะเห็นลิ้นออกมาจากปากเนื่องจากลิ้นใหญ่ และมีน้ำลายไหลย้อยออกจากปาก ไม่เคี้ยวหรือกลืนอาหาร
  7. แขนขาและลำตัวผิดปกติ กล้ามเนื้อแขนขามีการเกร็งมาก มีการยึดติดของข้อต่อต่าง ๆ ทำให้เคลื่อนไหวลำบาก และแขนขาทั้งสองข้างมีความยาวไม่เท่ากัน

เหล่านี้เป็นลักษณะอาการเบื้องต้นที่แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่สังเกตเท่านั้น อย่างไรก็ดี คุณแม่ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญ และรับคำแนะนำต่อไปค่ะ

 

สัญญาณเตือนตามช่วงอายุ

การสังเกตพัฒนาการของลูกน้อยตามช่วงวัยเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง นี่คือสัญญาณเตือนของพัฒนาการที่อาจล่าช้าในแต่ละช่วงวัยที่คุณพ่อคุณแม่ควรทราบ และควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้รับการกระตุ้นพัฒนาการโดยเร็วค่ะ

  • ลูกอายุ 1-2 เดือน ไม่ตอบสนองต่อเสียงรอบข้าง
  • ลูกอายุ 6 เดือน ยังไม่พลิกคว่ำ ไม่ส่งเสียงอ้อแอ้
  • ลูกอายุ 9 เดือน ยังนั่งเองไม่ได้ ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ และไม่เล่นสนุก
  • ลูกอายุ 12 เดือน ไม่สนใจ ไม่สื่อสารกับคนรอบข้าง
  • ลูกอายุ 18 เดือน ยังไม่เดินด้วยตัวเอง ไม่เข้าใจคำสั่งง่าย ๆ
  • ลูกอายุ 2 ปี ไม่รู้จักการเล่น ยังพูดเป็นคำ ๆ ไม่น้อยกว่า 50 คำ
  • ลูกอายุ 3 ปี ยังไม่พูดเป็นประโยค พูดภาษาที่คนอื่นฟังไม่เข้าใจ
  • ลูกอายุ 4-5 ปี ไม่สามารถเล่นเข้ากลุ่มกับเพื่อนได้ ยังแต่งตัวเองไม่ได้

 

เด็กไอคิวต่ำคืออะไร ดูได้จากอะไรบ้าง

เด็กไอคิวต่ำ คือ เด็กที่มีระดับเชาวน์ปัญญา ต่ำกว่าระดับ 90 ซึ่งเกณฑ์ปกติจะอยู่ที่ 90 - 109 คุณพ่อคุณแม่อาจสงสัยว่า จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกไอคิวต่ำหรือไม่ สามารถทราบได้จากการพาลูกไปตรวจประเมินระดับเชาวน์ปัญญา ซึ่งจะได้ผลคะแนนต่ำกว่า 90 และจากการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ซึ่งเด็กไอคิวต่ำจะเรียนรู้ช้าและต้องใช้เวลามากกว่าเด็กทั่วไป

เด็กเรียนรู้ช้า ลูก IQ ต่ำ เกิดจากสาเหตุอะไร

สาเหตุที่ทำให้เด็กไอคิวต่ำไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยใดเพียงอย่างเดียวนะคะ แต่เกิดจากการทำงานร่วมกันของหลายปัจจัยสำคัญ ดังนี้

1. พันธุกรรม

เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลมากที่สุดค่ะ โดยนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ส่วนหนึ่งของไอคิวถูกกำหนดโดยยีนที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากพ่อแม่

2. สิ่งแวดล้อมและการเลี้ยงดู

การเลี้ยงดูของครอบครัว สภาพสังคมรอบตัว และโอกาสทางการศึกษา ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมหรือจำกัดพัฒนาการทางสติปัญญาได้

3. โภชนาการ

สมองของเด็กจะพัฒนาสูงสุดในช่วง 3 ปีแรก การได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนจึงจำเป็นอย่างยิ่ง มีงานวิจัยที่ชี้ว่าภาวะขาดสารอาหารในช่วงอายุ 1-5 ปี ไม่เพียงแต่จะทำให้ร่างกายเติบโตผิดปกติเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้พัฒนาการทางสติปัญญาบกพร่องและมีระดับไอคิวลดลงอีกด้วยค่ะ

 

เด็กไอคิวต่ำ ลูกน้อยจะมีอาการอย่างไร

อาการของเด็กไอคิวต่ำ จะมีอาการคล้ายกับเด็กปกติทั่วไป แต่อาจมีวิธีการเรียนรู้ที่ช้ากว่าเพื่อน ในเด็กบางคนอาจมีปัญหาการเข้าสังคม การปรับตัวเข้ากับเพื่อน และการควบคุมอารมณ์ด้วย สำหรับระดับของการเรียนรู้ในเด็กที่มีไอคิวต่ำ จะมีลักษณะอาการที่แตกต่างกันตามระดับไอคิว ดังนี้

  • เด็กที่มีไอคิวต่ำระหว่าง 80-89 เด็กจะเรียนรู้ได้ตามปกติแต่ช้า ยิ่งการเรียนรู้ด้านวิชาการก็มักช้ากว่าเพื่อน ทำให้ผลสอบอยู่อันดับท้าย ๆ ของห้อง
  • เด็กที่มีไอคิวต่ำระหว่าง 70-79 สติปัญญาจะอยู่ในเกณฑ์คาบเส้น จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือเป็นพิเศษจึงจะสามารถเรียนรู้ได้ และมักมีผลสอบที่อยู่อันดับรั้งท้ายของห้องมากกว่ากลุ่มก่อนหน้านี้
  • เด็กที่มีไอคิวต่ำระหว่าง 50-69 มีความบกพร่องทางสติปัญญาเล็กน้อย เด็กจะสามารถเรียนรู้ระดับวิชาการได้ในระดับหนึ่งแต่เรียนรู้ได้ช้า สามารถอ่านออกเขียนได้แต่ใช้เวลานานกว่าเด็กในวัยเดียวกัน จำเป็นต้องมีคนสอนประกบแบบตัวต่อตัว

แม้เด็กไอคิวต่ำจะเป็นเด็กที่เรียนรู้ด้านวิชาการได้ช้ากว่าเด็กรุ่นเดียวกัน แต่อาจมีความสามารถทางด้านกีฬา ดนตรี ศิลปะ หรือกิจกรรมอื่น ๆ และสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงดูตัวเองในอนาคตได้

 

ลูกไอคิวต่ำ มีพัฒนาการช้า ดูได้จากอะไรบ้าง

ลูกไอคิวต่ำ คุณแม่สามารถสังเกตลูกด้วยตัวเอง หรืออาจสอบถามกับคุณครูผู้สอนค่ะ หากสงสัยว่าลูกมีความสามารถในการเรียนรู้ที่ช้ากว่าเด็กในวัยเดียวกัน สามารถพาลูกเข้ารับการประเมินจากแพทย์ โดยแพทย์จะทำการตรวจร่างกาย ซักประวัติ เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เด็กมีปัญหาด้านการเรียนรู้ ประเมินพฤติกรรมและอารมณ์ จากนั้นแพทย์จะส่งต่อให้นักจิตวิทยาเด็กเพื่อประเมินระดับไอคิวให้กับลูก นอกจากนี้ ลูกไอคิวต่ำอาจเกิดได้จากปัญหาสุขภาพ เช่น สายตาสั้น ภาวะโลหิตจาง ที่อาจส่งผลให้เด็กมีปัญหาในเรื่องการเรียนได้ค่ะ

เด็กเรียนรู้ช้า ไอคิวต่ำ เกี่ยวกับพันธุกรรมไหม

ไอคิว เป็นสิ่งที่ติดตัวลูกน้อยมาตั้งแต่เกิดและมีการพัฒนาขึ้นตามอายุค่ะ เด็กที่มีไอคิวต่ำส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับพันธุกรรมที่สืบทอดมาจากพ่อแม่ถึง 80 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว แต่ระดับไอคิวของลูกน้อยสามารถเพิ่มหรือลดลงได้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดูอีก 20 เปอร์เซ็นต์ พ่อแม่จึงต้องเลี้ยงดูลูกน้อยด้วยความรัก ความเอาใจใส่ และต้องคอยกระตุ้นพัฒนาการตามวัยอยู่เสมอนะคะ เพื่อเพิ่มระดับความรู้ ความเข้าใจ และความสามารถทางปัญญาหรือไอคิวให้สูงขึ้นค่ะ

 

ความแตกต่างระหว่างพัฒนาการช้า vs ออทิสติก

เด็กพัฒนาการช้าและเด็กออทิสติก เป็นสองภาวะที่มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นภาวะเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงทั้งสองภาวะนี้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างสองภาวะนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการวินิจฉัยและการวางแผนการรักษาที่เหมาะสมสำหรับเด็กค่ะ

  • เด็กพัฒนาการช้า (Developmental Delay in Children) คือจะมีทักษะพัฒนาการของช่วงวัยบางด้าน หรือทุกด้านที่ช้ากว่าเกณฑ์ ซึ่งหากได้รับการแก้ไข และการกระตุ้นจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้เร็ว ก็จะสามารถกลับมามีพัฒนาการเท่าทันกับเด็กที่อยู่ในวัยเดียวกัน
  • เด็กออทิสติก (Autism spectrum disorder: ASD) ออทิสติกในเด็ก เป็นโรคที่มีความผิดปกติทางระบบประสาท ไม่สามารถที่จะหายได้เอง เด็กออทิสติกมักจะไม่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น หรือมีปัญหาในการเข้าสังคม รวมถึงมีพัฒนาการด้านภาษาและการสื่อสารที่ล่าช้า

 

เด็กผู้ชายใส่แว่นขนาดใหญ่

 

จะช่วยลูกได้อย่างไร? วิธีส่งเสริมและกระตุ้นพัฒนาการ

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการแนวทางในการส่งเสริมและกระตุ้นพัฒนาการของลูก มาดูวิธีการป้องกัน และแก้ไข ที่นำไปใช้ได้จริง เพื่อช่วยคุณแม่ดูแลลูกน้อยให้มีพัฒนาการที่ดีสมวัยได้

เด็กพัฒนาการล่าช้า มีวิธีป้องกันไหม

ถึงแม้ว่าพัฒนาการล่าช้าที่เกิดขึ้นกับเด็กนั้นแม้จะไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถป้องกันไม่ให้ลูกเป็นเด็กพัฒนาการล่าช้าได้ ด้วยวิธีการเบื้องต้น ดังนี้

  • ขณะตั้งครรภ์ คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเคมีหรือสารพิษ และไปพบแพทย์ตามนัด เพื่อรับการตรวจ ติดตามสุขภาพครรภ์ตลอด 9 เดือน
  • หลังคลอด หากคุณแม่สังเกตพบว่าลูกมีพัฒนาการผิดปกติไม่เป็นไปตามช่วงวัย แนะนำให้พาไปพบแพทย์ เพราะหากได้รับการตรวจวินิจฉัยและกระตุ้นพัฒนาการก่อนอายุ 3 ปี จะส่งผลที่ดีต่อพัฒนาการในระยะยาวของเด็กค่ะ

 

อยากกระตุ้นพัฒนาการให้ลูก ทำยังไงได้บ้าง

เด็กพัฒนาการช้า คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยกระตุ้นพัฒนาการให้ลูกได้ดังนี้

  • พูดคุยกับกุมารแพทย์ ขอคำปรึกษา และแนวทางในการกระตุ้นพัฒนาการในด้านที่ล่าช้า
  • ทำกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการ เช่น กระตุ้นการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กด้วยการให้เล่นปั้นดินน้ำมัน หรือพาลูกเที่ยวเล่นนอกบ้าน พบเพื่อนในวัยเดียวกัน จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์และสังคมให้ลูก
  • อ่านหนังสือนิทานให้ลูกฟัง เพื่อเป็นการเพิ่มคลังคำศัพท์ เนื่องจากนิทานสำหรับเด็กทารก จะช่วยกระตุ้นทักษะด้านภาษาให้กับลูก
  • ไม่ควรหยิบยื่นหน้าจอต่าง ๆ ให้ลูกดู หรือให้ลูกเล่นก่อนวัย 2 ปี ให้ลูกได้เรียนรู้ผ่านการมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบตัวจะดีที่สุด

 

เด็กเรียนรู้ช้า ไอคิวต่ำ แก้ไขยังไงดี

เมื่อลูกเป็นเด็กพัฒนาการช้าและไอคิวต่ำ คุณแม่ควรช่วยเสริมพัฒนาการด้านต่าง ๆ ให้กับลูก เพื่อเพิ่มทักษะและความสามารถด้านการเรียนรู้ ดังนี้

1. ส่งเสริมให้ลูกเล่นดนตรี

การให้ลูกได้ลงมือทำกิจกรรมดนตรี เช่น ร้องเพลง หรือเล่นเครื่องดนตรี เป็นวิธีพัฒนาสมองที่ได้ผลกว่าการนั่งฟังเพียงอย่างเดียว มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า การเล่นดนตรีช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น ทั้งยังส่งเสริมทักษะด้านคณิตศาสตร์และการใช้เหตุผลโดยตรงอีกด้วยค่ะ

2. ออกกำลังกายทุกวัน

ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์พบว่า เด็กที่เคลื่อนไหวร่างกายเป็นประจำมีประสิทธิภาพทางสติปัญญาสูงกว่าเด็กวัยเดียวกันอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น การส่งเสริมให้เด็กได้ทำกิจกรรมทางกายทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬาหรือวิ่งเล่นในสนาม จึงไม่เพียงช่วยพัฒนาประสาทสัมผัส แต่ยังเสริมสร้างความภาคภูมิใจและความมั่นใจในตนเองให้สูงขึ้นด้วย

3. ฝึกคิดเลขทุกวัน

คุณพ่อคุณแม่สามารถเพิ่มไอคิวให้ลูกได้ด้วยการฝึกให้เขาคิดเลขทุกวัน ลองใช้เวลาสั้น ๆ เพียง 10 นาทีต่อวัน ชวนลูกมาแก้โจทย์คณิตศาสตร์ หรือสอนใช้ลูกคิด ซึ่งกิจกรรมง่าย ๆ เหล่านี้จะช่วยลับสมองและพัฒนา IQ ของลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ

4. อ่านหนังสือทุกวัน

การอ่านช่วยพัฒนาทักษะทางภาษา ทำให้สื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้สมองตื่นตัว การเริ่มอ่านตั้งแต่เด็กจะช่วยให้ลูกอ่านออกเขียนได้คล่อง พร้อมทั้งพัฒนาทักษะทางปัญญาด้านอื่น ๆ ที่จำเป็นต่ออนาคตไปในเวลาเดียวกัน

5. สร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด

ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างพ่อแม่กับลูกมีผลโดยตรงต่อระดับไอคิวที่สูงขึ้น โดยคุณแม่สามารถสร้างสายใยแห่งความผูกพันนี้ได้ง่าย ๆ ผ่านความเชื่อมั่นและไว้ใจให้ลูกได้ใช้สติปัญญาและความคิดสร้างสรรค์ของเขา และไม่ลืมที่จะชมเชยความตั้งใจของลูก เพื่อเป็นการสร้างความภาคภูมิใจและกระตุ้นให้เขาอยากทำสิ่งต่าง ๆ ให้ดีขึ้นต่อไป

6. ให้ลูกเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ

การพาลูกออกไปสัมผัสประสบการณ์จริง ด้วยการพาลูกไปสำรวจสถานที่ใหม่ ๆ เช่น สวนสาธารณะ พิพิธภัณฑ์ หรือลองทำกิจกรรมที่ไม่เคยทำร่วมกัน จะช่วยปลูกฝังมุมมองที่กว้างไกลและกระตุ้นการเรียนรู้ได้อย่างดีเยี่ยม

7. ให้ลูกแก้ปัญหาด้วยตัวเอง

หนึ่งในวิธีเพิ่มไอคิวให้ลูกอย่างมีประสิทธิภาพ คือการสอนให้เขารับมือกับปัญหาด้วยตัวเอง ปล่อยให้เขาได้เรียนรู้จากความผิดพลาดและหาวิธีแก้ไขด้วยตัวเอง แทนการที่พ่อแม่จะเข้าไปช่วยเหลือหรือจัดการให้ทุกอย่าง

 

แหล่งสารอาหาร บำรุงสมองให้ลูกน้อย

ในแต่ละวัน เด็กต้องการสารอาหารมากมายเพื่อเสริมสร้างร่างกายและสมองให้เติบโตอย่างสมบูรณ์และแข็งแรง โดยเฉพาะอาหารสมองสำหรับเด็กที่มาจากแหล่งโภชนาการสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างประสาทและสมองให้แก่ลูกน้อย ได้แก่

  • นมแม่ ทารกที่กินนมแม่จะได้รับสารอาหารที่จำเป็นซึ่งช่วยในการพัฒนาสมอง นมแม่อุดมไปด้วยสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด เช่น ดีเอชเอ (DHA) แคลเซียม วิตามิน โคลีน (Choline) และแอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน (Alphalac Sphingomyelin) ที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาระบบประสาทและสมองที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ของลูกน้อย ช่วยให้เด็กเจนใหม่ สมองไว กว่าที่คิด
  • ปลาทะเล เช่น แซลมอน ทูน่า หรือปลาซาร์ดีน เป็นแหล่งของกรดไขมันที่จำเป็น มีดีเอชเอที่ช่วยในการสร้างและพัฒนาสมองของเด็กที่ส่งผลต่อพัฒนาการและไอคิวของลูกน้อย
  • ไข่ โดยเฉพาะไข่แดงมี โคลีนสูง ช่วยเพิ่มความจำและความสามารถในการเรียนรู้
  • เนื้อสัตว์ไม่ติดหนัง ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็ก (Iron) ได้ดี ซึ่งจำเป็นต่อความจำและการเรียนรู้
  • ธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวโอ๊ต งา ลูกเดือย เป็นแหล่งวิตามินบี (Vitamin B) ที่สำคัญต่อระบบประสาท
  • ถั่วต่าง ๆ ให้พลังงานสูง มีโอเมก้า 3 (Omega 3) ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของสมอง
  • ผักหลากสี ผักแต่ละสีมีประโยชน์ต่างกัน การทานให้ครบทุกสีจะช่วยให้เซลล์สมองแข็งแรง
  • ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น สตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องและเสริมการทำงานของเซลล์สมอง

 

นอกเหนือจากอาหารบำรุงสมองแล้ว ควรให้ลูกได้รับสารอาหารให้ครบ 5 หมู่ ควบคู่ไปกับการดื่มน้ำให้เพียงพอและออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายและสมองแข็งแรงไปพร้อมกันด้วยนะคะ

เด็กเป็นวัยที่ต้องการความรักและการเอาใจใส่มากที่สุด การละเลยไม่สนใจลูก ทำให้พ่อแม่พลาดช่วงเวลาสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้ลูกน้อยเกิดการพัฒนาการเรียนรู้อย่างเหมาะสม เมื่อปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปนาน อาจทำให้ลูกเป็นเด็กที่มีไอคิวต่ำ เรียนไม่ทันเพื่อนได้นะคะ หากคุณแม่ไม่แน่ใจว่าลูกเป็นเด็กเรียนรู้ช้าหรือไม่ มีพัฒนาการตามวัยหรือเปล่า สามารถปรึกษากุมารแพทย์เพื่อขอทดสอบพัฒนาการและไอคิวของลูกได้ค่ะ

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่

อ้างอิง:

  1. พัฒนาการล่าช้าในเด็ก (Developmental Delay in Children), โรงพยาบาลเมดพาร์ค
  2. วิธีกระตุ้นพัฒนาการ แก้ปัญหาพัฒนาการล่าช้าในเด็ก, โรงพยาบาลสินแพทย์ ศรีนครินทร์
  3. การกระตุ้นพัฒนาการเด็ก, โรงพยาบาลสมิติเวช
  4. เด็กพัฒนาการทางภาษาล่าช้า ปัญหาที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม, โรงพยาบาลนครธน
  5. สมองดีเริ่มที่ – นมแม่, คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
  6. 5 สัญญาณบ่งบอก ลูกน้อยพัฒนาการล่าช้า, โรงพยาบาลสินแพทย์ ศรีนครินทร์
  7. เด็กพัฒนาการล่าช้า, คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
  8. 4 สิ่งผิดปกติบ่งบอกว่าลูกรักเป็น “เด็กพัฒนาการล่าช้า”, โรงพยาบาลพญาไท 3
  9. เด็กเรียนรู้ช้า คู่มือสำหรับพ่อแม่/ผู้ปกครอง, สถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต
  10. ไอคิวคืออะไร เพิ่มไอคิวให้ลูกน้อยได้อย่างไร
  11. เชาวน์ปัญญาคืออะไร ?, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
  12. เด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ, สถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
  13. Can You Increase Your Child's IQ?, MedicineNet
  14. สารอาหารสำคัญ เพิ่มพัฒนาการทางสมองให้ลูกรัก, โรงพยาบาลศิครินทร์
  15. อาหารเสริมพัฒนาการสำหรับเด็ก, โรงพยาบาลมนารมย์
     

อ้างอิง ณ วันที่ 7 กันยายน 2568