วิธีทำเมนูเต้าหู้ขาวหมูสับ เมนูอร่อย เสริมโภชนาการลูกน้อย

คู่มือเมนูอาหารสำหรับเด็ก พร้อมเคล็ดลับเสริมโภชนาการลูกน้อย

สูตรอาหาร

"เต้าหู้หน้าหมูสับ" เมนูเด็กที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงโดยเฉพาะโปรตีน มีรสชาติอร่อย และดีต่อสุขภาพ แถมยังปรุงง่ายได้ความอร่อยพร้อมคุณค่าทางอาหารสูงอีกด้วย ซึ่งคุณแม่สามารถทำได้ง่ายๆใช้เวลาไม่นาน ด้วยวิธีทำดังนี้

Ingredients

• เนื้อหมูสับหรือบดละเอียด

• กุ้งบดละเอียด

• แครอทสับละเอียด

• ต้นหอม ผักชี ซอยละเอียด

• เต้าหู้แข็งหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า

คุณค่าทางโภชนาการ

วิธีทำ

ผสมหมูสับและเนื้อกุ้งเข้าด้วยกัน ปรุงรสเล็กน้อย
จากนั้นก็ผสมแครอทสับละเอียด ต้นหอม และผักชีลงไปเพื่อเพิ่มความหอม
นำไปวางไว้ที่บนเต้าหู้หั่นสี่เหลี่ยม ก่อนนำไปนึ่งจนสุก

เพียงเท่านี้ก็จะได้เมนูเต้าหู้หน้าหมูสับไว้ทานเป็นกับข้าวที่ลูกน้อยติดใจแล้วค่ะ

คำถามที่พบบ่อย

ลูกแพ้กุ้งค่ะ ไม่ใส่กุ้งได้ไหมคะ แล้วเต้าหู้ทำให้แพ้ได้หรือเปล่า?

ได้แน่นอนค่ะ! คุณแม่สามารถตัดกุ้งออกไปได้เลยค่ะ แค่เนื้อหมูสับกับเต้าหู้ก็อร่อยและมีโปรตีนสูงมากแล้วค่ะ ส่วนเต้าหู้นั้นทำมาจากถั่วเหลือง ซึ่งก็เป็นหนึ่งในอาหารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ได้เช่นกันค่ะ หากเป็นการให้ลูกลองทานครั้งแรก แนะนำให้เริ่มในปริมาณน้อยๆ ก่อนและสังเกตอาการนะคะ แต่ถ้าหากน้องมีประวัติแพ้อาหารหลายอย่าง หรือคุณแม่มีความกังวลใจเป็นพิเศษ การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้ก่อนแนะนำอาหารใหม่ๆ คือสิ่งที่ปลอดภัยที่สุดค่ะ

เมนูนี้เหมาะกับลูกอายุกี่ขวบขึ้นไปคะ?

เป็นเมนูที่เนื้อสัมผัสนุ่ม ทานง่าย เหมาะกับเด็กๆ ที่เริ่มเคี้ยวอาหารได้คล่องแล้วค่ะ โดยทั่วไปแล้วเด็กวัย 1 ปีขึ้นไปก็สามารถทานได้สบายเลยค่ะ เพราะส่วนผสมต่างๆ ทั้งเต้าหู้ หมูสับ และแครอทสับละเอียด ล้วนเป็นอาหารที่เหมาะสมกับวัยนี้ค่ะ อย่างไรก็ตาม พัฒนาการด้านการเคี้ยวของเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน หากไม่แน่ใจว่าลูกพร้อมสำหรับเนื้อสัมผัสแบบนี้หรือยัง การปรึกษาคุณหมอเด็กจะให้คำแนะนำที่ดีที่สุดค่ะ

ลูกไม่ชอบแครอทเลยค่ะ ทำยังไงให้เขายอมทานดีคะ หรือเปลี่ยนเป็นผักอย่างอื่นได้ไหม?

เป็นปัญหาคลาสสิกเลยค่ะ! คุณแม่ลองเปลี่ยนจากการสับเป็นการ "ขูดฝอย" ให้ละเอียดที่สุดแล้วผสมเนียนไปกับหมูสับดูนะคะ เขาอาจจะไม่ทันสังเกตก็ได้ค่ะ หรือสามารถเปลี่ยนเป็นผักชนิดอื่นที่มีสีสันสวยงามและรสหวานเล็กน้อยได้เลย เช่น ฟักทองบด หรือข้าวโพดหวานสับละเอียดค่ะ การให้เขาได้มีส่วนร่วมในการเตรียมอาหารง่ายๆ ก็อาจจะช่วยให้เขาอยากลองชิมมากขึ้นค่ะ แต่หากน้องมีภาวะเลือกกินที่รุนแรง การปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเด็กก็เป็นทางออกที่ดีที่สุดค่ะ