แผลฝีเย็บหลังคลอด แผลคลอดธรรมชาติ ดูแลยังไงให้ปลอดภัย

แผลฝีเย็บหลังคลอด แผลคลอดธรรมชาติ ดูแลยังไงให้ปลอดภัย

09.05.2023

คุณแม่ที่คลอดธรรมชาติมักมีความกังวลเรื่องแผลฝีเย็บหลังคลอดที่เกิดขึ้นจากกระบวนการคลอด เพราะอาจทำให้การขับถ่ายที่ไม่สะดวกหรือเกิดอาการเจ็บปวดขึ้นได้ แม้ว่าแผลฝีเย็บจะหายสนิทโดยใช้เวลาไม่นานแต่เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อที่เป็นหนึ่งในสาเหตุของแผลฝีเย็บหายช้า คุณแม่หลังคลอดจะต้องให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดและการดูแลแผลฝีเย็บหลังคลอด

headphones

PLAYING: แผลฝีเย็บหลังคลอด แผลคลอดธรรมชาติ ดูแลยังไงให้ปลอดภัย

อ่าน 6 นาที

 

สรุป

  • แผลฝีเย็บเกิดจากกระบวนการคลอดธรรมชาติ โดยคุณหมอจะทำการกรีดผิวหนังบริเวณช่องคลอดเพื่อให้ลูกน้อยคลอดได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
  • ปกติแผลฝีเย็บจะเริ่มหายสนิทภายใน 1 สัปดาห์ แต่คุณแม่อาจมีอาการเจ็บแผลฝีเย็บอยู่นานถึง 2-3 สัปดาห์ ในระหว่างนั้นคุณแม่สามารถทานยาตามคำแนะนำของคุณหมอได้
  • คุณแม่หลังคลอดควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของคุณหมอโดยไม่แช่ในอ่างอาบน้ำ ทำความสะอาดแผลฝีเย็บหลังจากอุจจาระหรือปัสสาวะทุกครั้งโดยเช็ดทำความสะอาดจากด้านหน้าไปทางด้านหลังเสมอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • หากคุณแม่รู้สึกว่ามีไข้ แผลฝีเย็บมีการอักเสบ ปวด บวมแดง มีน้ำหนองหรือเลือดสีแดงสดไหลมากกว่าปกติ แนะนำให้คุณแม่ไปพบแพทย์ทันที เพราะแผลฝีเย็บอาจเกิดการติดเชื้อได้

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

รู้จัก แผลฝีเย็บ แผลคลอดธรรมชาติ คืออะไร?

แผลฝีเย็บ เป็นแผลที่เกิดจากการคลอดลูกธรรมชาติบริเวณช่องคลอด โดยคุณหมอจะทำการกรีดผิวหนังที่อยู่ระหว่างอวัยวะเพศกับทวารหนักเพื่อให้สะดวกต่อการคลอดลูกจากนั้นคุณหมอจะเย็บติดฝีเย็บไว้ 

 

ลักษณะของแผลฝีเย็บ เป็นอย่างไร

แผลฝีเย็บเกิดขึ้นได้ทั้งจากการกระบวนการคลอดตามธรรมชาติและการตัดฝีเย็บเพื่อให้คุณแม่สามารถคลอดลูกน้อยได้สะดวกยิ่งขึ้น ทำให้ลักษณะของแผลฝีเย็บมีระดับการฉีกขาดที่แตกต่างกัน โดยแบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ

  • ระดับ 1 : เป็นการฉีกขาดที่เล็กน้อยไม่เกิน 1 เซนติเมตร และไม่มีเลือดออก
  • ระดับ 2 : เป็นการฉีกขาดบริเวณผิวผนังช่องคลอดและกล้ามเนื้อฝีเย็บ
  • ระดับ 3  : เป็นการฉีกขาดตั้งแต่ผิวผนังช่องคลอดไปจนถึงกล้ามเนื้อหูรูดของทวารหนัก
  • ระดับ 4 : เป็นการฉีกขาดตั้งแต่ผิวผนังช่องคลอดไปไปจนถึงเยื่อบุทวารหนักด้านใน ซึ่งเป็นการฉีกขาดที่รุนแรงมากที่สุด

 

แผลฝีเย็บ แผลคลอดธรรมชาติ กี่วันหาย

โดยปกติแล้วแผลฝีเย็บจะเริ่มหายหลังจากคุณแม่คลอดลูกใน 3 วัน หลังจากนั้นอีก 5-7 วันแผลฝีเย็บจะเริ่มติดสนิท และจะหายสนิทภายใน 2 สัปดาห์ ซึ่งคุณแม่จะมีอาการปวดแผลฝีเย็บประมาณ 2-3 สัปดาห์ โดยที่ไหมฝีเย็บจะละลายหายไปประมาณ 3 สัปดาห์

 

แผลฝีเย็บ แผลคลอดธรรมชาติ กี่วันหาย

 

อาการแผลฝีเย็บแยกเป็นยังไง

อาการของแผลฝีเย็บแยกหรือปริ คือ อาการที่มีเลือดไหลหรือหนองไหลออกมาจากบริเวณแผลฝีเย็บ พร้อมกับอาการเจ็บปวดบริเวณแผลฝีเย็บ บางครั้งคุณแม่อาจเห็นเป็นไหมเย็บหลุดออกมาจากบริเวณแผลฝีเย็บด้วย ทำให้คุณแม่ทราบทันทีว่าแผลเปิดหรือแผลฝีเย็บแยกออกแล้ว เมื่อคุณแม่พบว่าแผลฝีเย็บปริหรือแยกออกให้รีบไปพบแพทย์ทันที

 

คุณแม่ควรดูแลแผลเย็บหลังคลอดอย่างไร

การดูแลแผลฝีเย็บหลังคลอด คุณแม่สามารถดูแลตัวเองได้ ดังต่อไปนี้

  • คุณแม่ควรทำความสะอาดแผลฝีเย็บด้วยสบู่หรือน้ำสะอาดจากด้านหน้าไปด้านหลัง และควรหลีกเลี่ยงการล้างย้อนมาด้านหน้าเพราะอาจทำให้เชื้อโรคจากบริเวณทวารหนักเข้าสู่แผลฝีเย็บและช่องคลอดได้ จากนั้นซับให้แห้ง
  • หากต้องการอาบน้ำแนะนำให้ตักน้ำอาบหรืออาบน้ำจากฝักบัว ไม่ควรแช่น้ำในอ่างหรือลำคลองเพื่อป้องกันเชื้อโรคที่อาจทำให้เกิดการติดเชื้อเข้าสู่มดลูกได้เพราะปากมดลูกยังปิดไม่สนิท
  • ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 3 ชั่วโมง หรือทุกครั้งที่คุณแม่รู้สึกผ้าอนามัยชุ่ม และควรดึงจากด้านหน้ามาทางด้านหลังเพื่อป้องกันการติดเชื้อในช่องคลอด และไม่ควรใช้ผ้าอนามัยแบบสอด
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์และการสวนล้างช่องคลอดโดยเฉพาะในช่วง 6 สัปดาห์หลังคลอด เนื่องจากปากมดลูกยังปิดไม่สนิทซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้แผลฝีคลอดเกิดการติดเชื้อได้ง่าย
  • ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังคลอด คุณแม่ไม่ควรยกของหนัก ๆ หรือออกแรงมาก ๆ ไม่ควรเดินขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ เพราะอาจกระทบกระเทือนต่ออวัยวะช่วงอุ้งเชิงกราน

 

อาการแบบไหนที่ควรไปพบแพทย์ทันที

คุณแม่หลังคลอดธรรมชาติ ควรมาพบแพทย์ทันทีเมื่อคุณแม่มีอาการเหล่านี้

  • มีเลือดหรือน้ำหนองไหลจากแผลฝีเย็บ
  • ปัสสาวะแล้วมีอาการแสบขัดและเจ็บ
  • มีก้อนเลือดออกขนาดใหญ่ออกจากบริเวณช่องคลอด หรือผ้าอนามัยชุ่มเร็วภายใน 1 ชั่วโมง
  • น้ำคาวปลามีกลิ่นหรือสีแดงจัดตลอด 3 สัปดาห์หลังคลอดธรรมชาติ เพราะปกติแล้วน้ำคาวปลาจะมีสีแดงในช่วง 3 วันแรก หลังจากนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูก่อนจะกลายเป็นสีน้ำตาลแล้วค่อย ๆ จางลง และจะหมดไปหลังจากวันที่ 10 ของการคลอดลูก
  • มีไข้สูง และมีอาการอักเสบร่วมด้วย
  • หลังคลอดลูกได้ 2 สัปดาห์แล้วยังคลำเจอมดลูกได้จากบริเวณด้านหน้าท้องของคุณแม่

 

จะรู้ได้ยังไงว่าแผลฝีเย็บใกล้หายแล้ว

ในช่วง 1-3 วันแรกหลังจากคลอดลูกธรรมชาติ คุณแม่จะรู้สึกเจ็บปวดบริเวณแผลฝีเย็บ ส่วนบริเวณแผลจะมีอาการบวมพร้อมมีเลือดซึมออกมา หลังจากนั้นคุณแม่จะรู้สึกตึง ๆ ในช่วง 3-4 วันแรก และจะหายสนิทภายใน 1 สัปดาห์หรือภายใน 7-10 วัน โดยไม่ต้องตัดไหมออก หากเลย 7 วันไปแล้วแผลฝีเย็บยังไม่แห้งแสดงว่าแผลฝีเย็บอาจเกิดการติดเชื้อและอักเสบได้

 

ลักษณะอาการของแผลฝีเย็บติดเชื้อ

หากแผลฝีเย็บเกิดการติดเชื้อ ร่างกายจะเริ่มแสดงอาการปกติ คือ เป็นไข้ แผลฝีเย็บจะอักเสบ บวมแดง บางครั้งอาจเป็นหนองไหลซึมออกมา เวลาปัสสาวะจะลำบากหรือปัสสาวะไม่ออก และอาจเกิดแผลปริหรือแยกออกจากกันได้

 

วิธีช่วยบรรเทาอาการปวดแผลฝีเย็บ

หลังคลอดธรรมชาติใหม่ ๆ คุณแม่จะรู้สึกปวดแผลฝีเย็บได้ หากมีอาการปวดมาก ๆ คุณแม่สามารถบรรเทาอาการปวดแผลฝีเย็บได้ดังนี้

  1. ช่วงวันแรก ๆ ของการคลอดลูก คุณแม่สามารถประคบเย็นได้ประมาณ 15 นาที เพื่อลดอาการปวดและบวมของแผลฝีเย็บ
  2. แช่น้ำอุ่นที่ผสมเกร็ดด่างทับทิมประมาณ 15 นาที เพื่อให้เลือดไหลเวียนได้ดียิ่งขึ้น ในกรณีที่คุณแม่รู้สึกปวดแผลฝีเย็บ ควรทำหลังจากคลอดตั้งแต่ 3 วัน เป็นต้นไป
  3. เมื่อต้องการนั่งให้นั่งที่แก้มก้นข้างใดข้างหนึ่ง หรืออาจหาห่วงยางเล็ก ๆ หรือหมอนกลมที่มีรูตรงกลางคล้ายกับโดนัทมารองนั่ง เพื่อเลี่ยงไม่ให้แผลฝีเย็บถูกกดทับโดยตรง

หากคุณแม่พบว่ายังรู้สึกปวดแผลฝีเย็บมาก ๆ แผลฝีเย็บบวม และไม่สามารถนั่งนาน ๆ ได้ แนะนำให้คุณแม่ไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป

 

คันแผลฝีเย็บ คุณแม่ควรทำยังไงดี

หากคุณแม่หลังคลอดมีอาการคันที่แผลฝีเย็บหรือบริเวณอวัยวะเพศ แนะนำให้คุณแม่ปฏิบัติตามนี้

  • หลังจากถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้เช็ดทำความสะอาดจากบริเวณด้านหน้าไปทางด้านหลังเพื่อป้องกันเชื้อโรคจากทวารหนักเข้าไปยังช่องคลอด
  • ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ส่วนล้างช่องคลอด
  • หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าอนามัยที่มีกลิ่นหอม หรือสบู่ที่มีกลิ่นหอม

 

ไขข้อข้องใจเรื่องการดูแลแผลฝีเย็บ

1. ครบเดือนแล้ว แผลฝีเย็บยังไม่หาย คุณแม่ควรทำอย่างไร?

ปกติแผลฝีเย็บจะหายภายใน 1 สัปดาห์หลังจากคลอด ถ้าคุณแม่พบว่าแผลฝีเย็บยังไม่หาย ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำทันที

 

2. แผลฝีเย็บปริ หรือฉีกขาด แม่ควรทำยังไงดี?

ถ้าคุณแม่พบว่าแผลฝีเย็บมีการปริ หรือแยกออกให้รีบไปพบแพทย์ เพราะอาจทำให้เกิดแผลฝีเย็บอักเสบหรือติดเชื้อได้

 

3. แผลฝีเย็บยังไม่สมาน คุณแม่ควรนอนท่าไหน?

ในช่วงแรกหลังคลอดคุณแม่อาจรู้สึกนอนได้ลำบากเพราะฝีเย็บยังไม่สมาน สำหรับถ้านอนของคุณแม่หลังคลอดที่แนะนำ คือ ให้คุณแม่นอนตะแคงด้านใดด้านหนึ่งแล้วให้ยกช่วงก้นขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้นอนได้สบายยิ่งขึ้น

 

4. ควรดูแลแผลฝีเย็บอย่างไร

แผลฝีเย็บ ปกติแล้วคุณหมอจะเย็บด้วยไหมละลาย ซึ่งหลังคลอดประมาณ 7 วันแผลก็จะหาย แต่อาจจะรู้สึกเจ็บนานประมาณ 2 สัปดาห์ การทำความสะอาดสามารถใช้น้ำและสบู่ล้างจากด้านหน้าไปด้านหลัง และซับให้แห้งทันที

 

5. แสบแผลฝีเย็บเวลาฉี่ แบบนี้ปกติหรือไม่?

ในช่วงวันแรก ๆ ของการคลอดคุณแม่จะรู้สึกเจ็บตึง ปวดระบมแผล และแสบบริเวณแผลฝีเย็บ พอเข้าสู่วันที่ 3 แผลฝีเย็บจะค่อย ๆ ดีขึ้น หากคุณแม่พบว่ายังมีอาการแสบแผล ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะไม่ออกรวมถึงมีไข้ด้วยแสดงว่าเป็นอาการที่ผิดปกติแนะนำให้คุณแม่ไปพบคุณหมอเพื่อตรวจและทำการรักษา

 

สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่ไม่สามารถคลอดธรรมชาติเองได้และมีแพลนจะผ่าคลอดเจ้าตัวเล็ก คุณแม่สามารถเข้าไปศึกษาและอ่านบทความ การเตรียมตัวผ่าคลอด และ การดูแลแผลหลังผ่าคลอดที่ถูกต้องสำหรับคุณแม่มือใหม่ได้เลย

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ผ่าคลอด

 

 

อ้างอิง

  • เช็คหน่อยไหม? สุขภาพหลังคลอด...มีปัญหาอะไรหรือเปล่า, โรงพยาบาลพญาไท
  • การดูแลตัวเองหลังคลอดที่คุณแม่ต้องรู้, โรงพยาบาลเปาโล
  • 10 ความเชื่อ...จริง และ ไม่จริง กับคุณแม่หลังคลอด, โรงพยาบาลขอนแก่นราม 

อ้างอิง ณ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566

บทความแนะนำ

วิธีลดน้ำหนักหลังคลอด ให้คุณแม่ฟิตหุ่นสวยหลังคลอดได้ด้วยตัวเอง

วิธีลดน้ำหนักหลังคลอด ให้คุณแม่ฟิตหุ่นสวยหลังคลอดได้ด้วยตัวเอง

รวมวิธีลดน้ำหนักหลังคลอดด้วยวิธีธรรมชาติ คุณแม่หลังคลอดอยากกลับมาหุ่นสวยฟิตเหมือนเดิม ทำยังไงได้บ้าง ไปดูวิธีลดน้ำหนักหลังคลอด ที่คุณแม่ทำได้ที่บ้านกัน

ผ่าคลอดโรงพยาบาลรัฐดีไหม แพงหรือเปล่า แล้วคุณแม่ใช้สิทธิอะไรได้บ้าง

ผ่าคลอดโรงพยาบาลรัฐดีไหม แพงหรือเปล่า แล้วคุณแม่ใช้สิทธิอะไรได้บ้าง

ผ่าคลอดโรงพยาบาลรัฐราคาเท่าไหร่ ผ่าคลอดใช้สิทธิบัตรทองได้ไหม มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง คำถามเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการคลอดที่คุณแม่เตรียมคลอดธรรมชาติและผ่าคลอดอยากรู้

คนท้องกินโกโก้ได้ไหม คุณแม่ท้องกินโกโก้ส่งผลอะไรกับลูกในท้องบ้าง

คนท้องกินโกโก้ได้ไหม คุณแม่ท้องกินโกโก้ส่งผลอะไรกับลูกในท้องบ้าง

คนท้องกินโกโก้ได้ไหม กินโกโก้แล้วอันตรายกับลูกในครรภ์หรือเปล่า โดยเฉพาะคุณแม่ที่ชอบกินน้ำหวาน น้ำชง คนท้องกินโกโก้ได้ไหม ควรกินวันละกี่แก้ว ปริมาณเท่าไหร่ ไปดูกัน

เมนูอาหารคนท้อง 1-3 เดือน ช่วยบำรุงครรภ์ให้แข็งแรง คุณแม่ทำตามได้

เมนูอาหารคนท้อง 1-3 เดือน ช่วยบำรุงครรภ์ให้แข็งแรง คุณแม่ทำตามได้

รวมเมนูอาหารคนท้อง 1-3 เดือน เมนูสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ช่วยให้คุณแม่และลูกน้อยในครรภ์มีสุขภาพที่แข็งแรง เมนูอาหารสําหรับคนท้อง 1-3 เดือน ทำเองได้เลยที่บ้าน