หลังคลอดบุตร แม่ควรพักฟื้นประมาณกี่วัน เตรียมตัวกลับไปทำงานอย่างไร?
คำถามที่พบบ่อย
ทำไมถึงเจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์หลังคลอด และจะแก้ไขได้อย่างไร?
คุณแม่สามารถเริ่มมีเพศสัมพันธ์ได้ตั้งแต่ประมาณ 5-6 สัปดาห์หลังคลอด แต่ควรเข้ารับการตรวจหลังคลอดก่อนและงดการมีเพศสัมพันธ์หากยังมีเลือดออกทางช่องคลอด
โดยทั่วไปแล้ว คุณแม่ประมาณ 60.9% อาจรู้สึกเจ็บเมื่อกลับมามีเพศสัมพันธ์อีกครั้ง อาการนี้อาจมาจากบาดแผลจากการคลอดหรือความกังวลที่ส่งผลให้น้ำหล่อลื่นไม่เพียงพอ
วิธีแก้ไขเบื้องต้น
- เริ่มอย่างช้า ๆ: ควรเริ่มกิจกรรมอย่างค่อยเป็นค่อยไปเหมือนกับการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก
- ใช้สารหล่อลื่น: การใช้สารหล่อลื่นตามคำแนะนำจากแพทย์ ช่วยลดอาการเจ็บปวดได้
อาการเจ็บปวดนี้จะดีขึ้นได้เอง โดยส่วนใหญ่จะหายไปในเวลาประมาณ 3-6 เดือนหลังคลอด หากผ่านไป 12 เดือนแล้วอาการเจ็บยังไม่หายไป ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางแก้ไขที่เหมาะสมต่อไปค่ะ
ออกกำลังกายหลังคลอด เริ่มได้เมื่อไหร่?
การออกกำลังกายหลังคลอดควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามคำแนะนำของแพทย์ โดยคุณแม่ที่ คลอดธรรมชาติ สามารถเริ่มออกกำลังกายเบา ๆ ได้ตั้งแต่ 2-3 วันหลังคลอด ส่วนคุณแม่ที่ ผ่าคลอด แนะนำให้เริ่มใน สัปดาห์ที่ 3 ค่ะ ในช่วงแรกควรเลือกการออกกำลังกายเบา ๆ เช่น โยคะ
เมื่อคลอดได้ประมาณ 6 สัปดาห์ คุณแม่ก็สามารถเริ่มออกกำลังกายที่เริ่มหนักขึ้นมา เช่น การเดินช้า ๆ ในระยะทางสั้น ๆ หากทำแล้วไม่มีอาการผิดปกติ เช่น มีเลือดออกหรือปวดท้อง ก็ค่อย ๆ เพิ่มระยะทางและความเร็ว หรือเปลี่ยนไปเล่นกีฬาที่ใช้กำลังมากขึ้นได้ค่ะ
หลังคลอดใช้ยาสระผมแล้วหนังศีรษะเป็นแผล ทำอย่างไรดี ?
หากคุณแม่มีอาการหนังศีรษะเป็นแผลหลังใช้ยาสระผม ควรหยุดใช้ยาสระผมทุกชนิดทันที และรีบปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อตรวจหาสาเหตุของอาการแพ้
การพบแพทย์จะช่วยให้คุณแม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้องอย่างทันท่วงที โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคุณแม่ที่อยู่ระหว่างให้นมบุตร เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยค่ะ
สรุป
- หลังคลอดบุตร แม่ควรพักฟื้นประมาณกี่วัน สำหรับคุณแม่ที่ คลอดธรรมชาติ อาการปวดแผลจะเริ่มดีขึ้นและน้อยลงภายใน 3-4 วันหลังคลอด และจะหายเป็นปกติภายใน 1 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ร่างกายของคุณแม่ยังคงต้องใช้เวลาพักฟื้นอย่างเต็มที่อีกประมาณ 4-6 สัปดาห์ เพื่อให้กลับมาแข็งแรงสมบูรณ์เหมือนเดิม
- หลังคลอดบุตร แม่ควรพักฟื้นประมาณกี่วัน สำหรับคุณแม่ที่ ผ่าคลอด ควรใช้เวลาพักฟื้นที่บ้านต่ออีกประมาณ 6-8 สัปดาห์ เพื่อให้แผลหายสนิทและร่างกายกลับมาแข็งแรงเต็มที่ การพักผ่อนให้เพียงพอและหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแรงหนักในช่วงนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อช่วยให้แผลสมานเร็วขึ้นและลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อน
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- หลังคลอดบุตร แม่ควรพักฟื้นประมาณกี่วัน ?
- 12 วิธีดูแลตัวเองหลังคลอดที่บ้าน เคล็ดลับเพื่อการฟื้นตัวที่สมบูรณ์
- สัญญาณอันตราย อาการหลังคลอดแบบไหน ที่ต้องไปพบแพทย์
- ควรพาทารกออกนอกบ้านตอนกี่เดือน?
- สิ่งที่ต้องระวังและเตรียมพร้อมก่อนพาลูกออกนอกบ้าน
- เมื่อคุณแม่ Working Mom ต้องกลับไปทำงานจะให้นมลูกอย่างไร
หลังคลอดบุตร แม่ควรพักฟื้นประมาณกี่วัน?
สงสัยกันใช่ไหมคะ หลังคนท้องคลอดลูก แม่ควรพักฟื้นประมาณกี่วัน สำหรับการคลอดลูก คลอดธรรมชาติ กับผ่าคลอด จะมีระยะเวลาในการพักฟื้นที่แตกต่างกันเล็กน้อย ดังนี้ค่ะ
หลังคลอดบุตร แม่ควรพักฟื้นประมาณกี่วัน: คลอดธรรมชาติ
สำหรับคุณแม่ที่คลอดธรรมชาติ โดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาพักฟื้นที่โรงพยาบาลประมาณ 2-3 วัน เพื่อให้คุณหมอและพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิดและตรวจสอบว่าไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่น่าเป็นห่วง เมื่อกลับมาพักฟื้นที่บ้าน อาการปวดแผลจะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปในที่สุดภายใน 1 สัปดาห์ หลังคลอด และการพักฟื้นจะยังคงดำเนินต่อไปอีกประมาณ 4-6 สัปดาห์ ขอให้คุณแม่พักให้สบายและให้เวลาร่างกายได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่นะคะ
หลังคลอดบุตร แม่ควรพักฟื้นประมาณกี่วัน: ผ่าคลอด
การผ่าคลอดเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่ต้องใช้เวลาฟื้นตัวนานกว่าปกติ ดังนั้นคุณแม่จะพักฟื้นที่โรงพยาบาลประมาณ 2-4 วัน เพื่อให้คุณหมอดูแลแผลผ่าตัดและเฝ้าระวังอาการต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด
หลังจากกลับบ้านแล้ว คุณแม่ควรดูแลตัวเองต่ออีกประมาณ 6-8 สัปดาห์ จนกว่าแผลจะหายสนิทและร่างกายกลับมาแข็งแรงเต็มที่ การพักผ่อนให้เพียงพอและหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแรงหนักเป็นสิ่งสำคัญมากในช่วงนี้ เพื่อให้แผล ฟื้นตัว เร็วขึ้นและลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนค่ะ
12 วิธีดูแลตัวเองหลังคลอดที่บ้าน เคล็ดลับเพื่อการฟื้นตัวที่สมบูรณ์
การกลับมาอยู่บ้านพร้อมลูกน้อยเป็นช่วงเวลาที่แสนพิเศษ แต่ก็เต็มไปด้วยความท้าทาย คุณแม่หลายคนอาจยังกังวลว่า หลังคนท้องคลอดลูก แม่ควรพักฟื้นประมาณกี่วัน ก็ได้ทราบกันไปแล้วนะคะ ทีนี้คุณแม่ต้องดูแลตัวเองอย่างไรบ้างเพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น นี่คือเคล็ดลับดี ๆ ที่ใช้ได้กับทั้งคุณแม่ที่คลอดธรรมชาติและผ่าคลอดค่ะ
1. พักผ่อนให้เต็มที่
ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลอาจจะยังไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เมื่อกลับถึงบ้านแล้ว ขอให้คุณแม่พยายามนอนพักไปพร้อม ๆ กับลูกน้อย การนอนหลับที่เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากการคลอดได้เร็วขึ้นและช่วยให้คุณแม่รู้สึกสดชื่นมากขึ้นด้วยค่ะ
2. ไม่ต้องแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียว
ในฐานะคุณแม่มือใหม่ คุณแม่อาจต้องเรียนรู้และปรับตัวกับตารางเวลาของลูกน้อยจนไม่มีเวลาทำความสะอาดบ้านได้อย่างที่เคย อย่าเพิ่งท้อใจไปนะคะ ลองขอความช่วยเหลือจากคนในครอบครัวหรือเพื่อน ๆ ในเรื่องต่าง ๆ เช่น การซักผ้า ทำอาหาร หรืองานบ้านอื่น ๆ เพราะการได้พักจากงานบ้านบ้างจะช่วยให้คุณแม่มีเวลาดูแลตัวเองและลูกน้อยได้อย่างเต็มที่ค่ะ
3. รักษาความสะอาด
การล้างมือบ่อย ๆ เป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะหลังเข้าห้องน้ำ เปลี่ยนผ้าอ้อม และก่อนให้นมลูกน้อย เพื่อป้องกันเชื้อโรคและดูแลสุขอนามัยที่ดีของคุณแม่และลูกค่ะ
4. หลีกเลี่ยงการยกของหนัก
ในช่วงพักฟื้นหลังคลอด คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงการยกของหนักกว่าน้ำหนักของลูกน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการผ่าคลอด เพราะอาจทำให้แผลหายช้าลงหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
5. ดูแลแผลอย่างระมัดระวัง
สำหรับคุณแม่ที่ผ่าคลอด ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ทำให้แผลตึง เช่น การขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ หรือการออกกำลังกายที่ต้องใช้กล้ามเนื้อหน้าท้อง เพื่อให้แผลหายสนิทได้เร็วขึ้น
6. ไม่ต้องกังวลเรื่องการรับแขก
หากคุณแม่รู้สึกเหนื่อยหรือไม่พร้อมที่จะต้อนรับใคร การปฏิเสธไม่ให้คนมาเยี่ยมก็เป็นเรื่องที่ทำได้ค่ะ ขอให้คุณแม่ให้ความสำคัญกับการพักผ่อนและฟื้นตัวเป็นอันดับแรกนะคะ
7. ไปพบคุณหมอตามนัดเสมอ
การไปพบคุณหมอตามนัดหลังคลอดทุกครั้งมีความสำคัญมาก เพราะคุณหมอจะตรวจดูแผลและให้คำปรึกษาเรื่องต่าง ๆ ที่คุณแม่อาจสงสัยได้ เพื่อให้มั่นใจว่าร่างกายของคุณแม่ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์
8. เสริมวิตามินบำรุง
คุณแม่สามารถเสริมวิตามินบำรุงตามที่คุณหมอจัดให้ เพื่อช่วยบำรุงร่างกายให้ฟื้นตัวได้เต็มที่หลังคลอด อย่างไรก็ตามไม่ควรซื้อวิตามินมารับประทานเองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ก่อนนะคะ
9. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์แผ่นอนามัยที่เหมาะสม
ในช่วง 4-6 สัปดาห์แรกหลังคลอด ควรงดการใช้ผ้าอนามัยแบบสอดหรือการสวนล้างช่องคลอด ควรใช้ผ้าอนามัยแบบแผ่นปกติเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
10. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และดื่มน้ำให้เพียงพอ
การทานอาหารที่มีประโยชน์และดื่มน้ำวันละ 8 แก้วเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ ควรเน้นน้ำสะอาด นม หรือน้ำผลไม้ และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และคาเฟอีน เพราะอาหารและน้ำที่เพียงพอจะช่วยบำรุงร่างกายและกระตุ้นการสร้างน้ำนมได้เป็นอย่างดี
11. เริ่มออกกำลังกายเบา ๆ
เมื่อร่างกายเริ่มฟื้นตัว คุณแม่สามารถเริ่มออกกำลังกายเบา ๆ อย่างการเดิน ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น แต่ยังช่วยให้คุณแม่ได้มีเวลาพักผ่อนสมองจากเรื่องการดูแลลูกน้อยด้วย อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาคุณหมอก่อนเริ่มออกกำลังกายเสมอนะคะ
12. งดการมีเพศสัมพันธ์ชั่วคราว
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้เรื่องอื่น ๆ เลยค่ะ คุณแม่ควรงดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าร่างกายจะฟื้นตัวเต็มที่ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับวิธีการคลอด
- หากคลอดธรรมชาติ: โดยปกติสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้หลังคลอดประมาณ 4 สัปดาห์ แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องแน่ใจว่าแผลฝีเย็บหายดีแล้วและไม่มีน้ำคาวปลาออกมาอีกแล้ว เพราะหากยังมีน้ำคาวปลาอยู่ อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ค่ะ
- หากผ่าคลอด: ควรงดการมีเพศสัมพันธ์นานขึ้นอีกนิด ประมาณ 6 สัปดาห์ หรือจนกว่าคุณหมอจะตรวจแล้วว่าแผลผ่าตัดทั้งภายนอกและภายในแห้งสนิทดีแล้ว การรีบมีเพศสัมพันธ์ทั้งที่แผลยังไม่หายสนิทอาจทำให้เกิดอาการเจ็บปวด และอาจส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของคุณแม่ได้ค่ะ
ไม่ว่าจะคลอดแบบไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือการฟังเสียงร่างกายของตัวเอง และปรึกษาคุณหมอเพื่อหาแนวทางการคุมกำเนิดที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ครั้งใหม่ที่อาจเร็วเกินไปค่ะ
สัญญาณอันตราย อาการหลังคลอดแบบไหน ที่ต้องไปพบแพทย์
ช่วงหลังคลอดเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายของคุณแม่มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย การหมั่นสังเกตอาการตัวเองอย่างใกล้ชิดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากพบสัญญาณอันตรายดังต่อไปนี้ อย่าลังเลที่จะรีบปรึกษาสูตินรีแพทย์ทันทีนะคะ เพราะการรีบพบคุณหมอจะช่วยให้คุณแม่ได้รับการดูแลที่ทันท่วงทีและปลอดภัยค่ะ
1. มีเลือดออกมากผิดปกติ
มีเลือดออกจนชุ่มผ้าอนามัย 1 ผืน ภายใน 1 ชั่วโมง หรือน้ำคาวปลามีสีแดงสดนานเกิน 4 วัน รวมถึงการมีก้อนเลือดขนาดใหญ่ออกมาจากช่องคลอด หรือไม่มีน้ำคาวไหลออกมาเลย โดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์แรก
2. อาการปวดท้อง
ปวดท้องน้อยหรือปวดรำคาญไม่หาย โดยเฉพาะในสัปดาห์แรกหลังคลอด
3. มีไข้สูง
มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียสเกิน 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะช่วงวันแรกหลังคลอด
4. เจ็บหน้าอกหรือขา
มีอาการเจ็บหน้าอก หายใจลำบาก หรือมีอาการปวด บวมที่บริเวณขาและน่อง อาจเป็นสัญญาณของภาวะลิ่มเลือดอุดตัน
5. เต้านมมีปัญหา
มีอาการปวด บวม ของเต้านมบางส่วน ซึ่งอาจเกิดจากการอุดตันของท่อน้ำนม
6. แผลมีอาการผิดปกติ
แผลผ่าตัดมีอาการบวมแดง เป็นหนอง และมีน้ำเหลืองไหลซึม
7. ระบบทางเดินปัสสาวะมีปัญหา
รู้สึกแสบขัดเวลาปัสสาวะ ปัสสาวะบ่อยแต่ปริมาณน้อยลง และมีสีเข้มจัด
8. มีอาการซึมเศร้าหลังคลอด
หากมีอาการซึมเศร้านานเกิน 2-3 วัน ร่วมกับอารมณ์โกรธ ควรรีบไปพบคุณหมอทันที เพราะคุณหมอและนักบำบัดพร้อมที่จะช่วยเหลือคุณแม่เสมอค่ะ

ควรพาทารกออกนอกบ้านตอนกี่เดือน?
การพาลูกน้อยออกนอกบ้านครั้งแรกเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความสุขสำหรับครอบครัว อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่มือใหม่อาจยังไม่แน่ใจว่าควรพาลูกออกไปข้างนอกได้เมื่อไหร่ถึงจะปลอดภัย
โดยทั่วไปแล้ว กุมารแพทย์จะแนะนำให้รอจนกว่าลูกน้อยมีอายุประมาณ 3 เดือน ขึ้นไป ที่ไม่แนะนำให้พาลูกออกนอกบ้านเร็ว เพราะเป็นช่วงที่ระบบภูมิคุ้มกันของทารกยังไม่แข็งแรงพอที่จะต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ ที่อาจเจอได้เมื่อออกนอกบ้าน และหากไม่สบาย การรักษาก็จะทำได้ยาก แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องพาลูกออกนอกบ้านก่อนถึงช่วงเวลาที่แนะนำ ควรปรึกษากุมารแพทย์ก่อนเสมอและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดนะคะ
สิ่งที่ต้องระวังและเตรียมพร้อมก่อนพาลูกออกนอกบ้าน
การเตรียมพร้อมที่ดีจะช่วยให้การพาลูกน้อยออกไปข้างนอกเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย ลองดูคำแนะนำเหล่านี้แล้วนำไปปรับใช้ดูนะคะ
1. เลือกสถานที่ที่เหมาะสม
ควรเลือกสถานที่ที่คนไม่พลุกพล่าน อากาศถ่ายเทสะดวก และมีสภาพแวดล้อมที่สะอาด เนื่องจากรอบ ๆ ตัวมักจะมีโรคติดเชื้ออยู่เสมอ เช่น โรคทางเดินอาหาร, ไข้หวัด, ไข้หวัดใหญ่, และโควิด-19 (COVID-19) การหลีกเลี่ยงการพบปะผู้ที่อาจเป็นพาหะนำโรคจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อลูกยังเล็กมากค่ะ
2. เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับทารก
การเริ่มต้นออกนอกบ้านด้วยทริปสั้น ๆ ก่อนเป็นสิ่งที่ดีค่ะ และถึงจะเป็นการเดินทางแค่ไม่นาน การเตรียมพร้อมก็ยังคงเป็นเรื่องสำคัญเสมอ ลองจัดกระเป๋าเตรียมไว้เผื่อในกรณีที่ลูกหิวหรือต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมนะคะ
สิ่งที่ควรเตรียมไว้ในกระเป๋า
- ผ้าอ้อม: ประมาณ 6-10 ชิ้น ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ออกนอกบ้าน
- กระดาษเปียก (baby wipes) : อาจจะใส่ในกล่องพกพาเพื่อไว้ใช้เช็ดทำความสะอาดมือคุณแม่ หรือผิวก้นลูกน้อยก่อนเปลี่ยนใส่ผ้าอ้อมผืนใหม่
- แผ่นรองเปลี่ยนผ้าอ้อม: ขนาดพกพา สำหรับใช้รองเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูก
- เสื้อผ้าเปลี่ยน 2-3 ชุด: สำหรับสำรองไว้ใช้เผื่อต้องเปลี่ยนระหว่างเดินทาง เพื่อให้ลูกน้อยรู้สึกสบายตัว ไม่งอแง และอารมณ์ดีตลอดทริป
- อุปกรณ์เสริม: เช่น หมวก, ผ้าห่ม, หรือที่บังแดดสำหรับรถเข็น ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ
- ถุงพลาสติก: สำหรับใส่เสื้อผ้าหรือผ้าอ้อมที่เปื้อน
- นมผงและขวดนม: หากลูกกินนมชง แต่ถ้าลูกกินนมแม่ อย่าลืมผ้าคลุมให้นมติดใส่กระเป๋าไปด้วยนะคะ
3. วางแผนการเดินทาง
การพาลูกน้อยนั่งรถเข็นเด็กเป็นวิธีที่ดีที่จะได้ออกไปข้างนอกด้วยกันค่ะ ตรวจสอบให้แน่ใจว่ารถเข็นเด็กที่ใช้ได้มาตรฐานความปลอดภัย และรัดเข็มขัดนิรภัยแบบ 5 จุดให้ลูกเสมอนะคะ อย่าลืมล็อกล้อทุกครั้งที่หยุด และป้องกันรถเข็นพลิกคว่ำด้วยการวางสัมภาระไว้ในตะกร้าด้านล่างรถเข็นแทนที่จะแขวนไว้ที่มือจับ หากต้องเดินทางด้วยรถยนต์ตามกฎหมายแล้ว ทารกที่อายุต่ำกว่า 6 เดือนจะต้องนั่งในคาร์ซีทหรือเปลสำหรับเด็กอ่อนแบบหันหน้าเข้าหาเบาะหลังเท่านั้น
5. การแต่งกายให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ
การแต่งกายลูกน้อยให้เหมาะกับสภาพอากาศจะช่วยให้ลูกสบายตัวตลอดการเดินทางค่ะ
- สำหรับสภาพอากาศหนาวเย็น: ให้สวมเสื้อผ้าหลายชั้น และใช้ผ้าห่มกับหมวกเพื่อเพิ่มความอบอุ่น เมื่อเข้ามาในอาคารหรือที่ที่อากาศอบอุ่นขึ้น ให้ถอดเสื้อผ้าออก 1-2 ชั้นเพื่อป้องกันการร้อนเกินไป
- สำหรับสภาพอากาศร้อน: ต้องดูแลลูกเป็นพิเศษเพื่อป้องกันความร้อนและแสงแดด เด็กเล็กจะระบายความร้อนได้ไม่ดีเท่าผู้ใหญ่ จึงมีความเสี่ยงที่จะร้อนเกินไปได้ง่าย ควรให้ลูกใส่เสื้อผ้าที่บางเบา แต่ก็ต้องมั่นใจว่ามีส่วนที่ปกคลุมแขนและขาเพื่อป้องกันผิวไหม้จากแดด และอย่าลืมให้ลูกใส่หมวกเพื่อปกป้องศีรษะและใบหน้าจากแสงแดดด้วยนะคะ
6. หลีกเลี่ยงการให้ทารกสัมผัสแสงแดดโดยตรง
การปกป้องลูกน้อยจากแสงแดดเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ
- อยู่ในที่ร่มเสมอ: พยายามให้ลูกอยู่ในที่ร่มตลอดเวลา หรือหาที่บังแดดให้รถเข็น เช่น ใช้ผ้าคลุม (แต่ต้องระวังให้มีอากาศถ่ายเท) หรือใช้หลังคากันแดดของรถเข็นหรือร่มก็ได้
- การใช้ครีมกันแดด: คุณแม่สามารถเริ่มใช้ครีมกันแดดกับลูกอายุ 6 เดือนขึ้นไปได้ค่ะ โดยควรเลือกใช้ครีมกันแดดแบบ Physical Sunscreen ซึ่งมีคุณสมบัติสะท้อนรังสี UV ออกจากผิวหนังทันทีและไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ผิวหนัง ทำให้ปลอดภัยสำหรับลูกน้อย อย่างไรก็ตาม ไม่ควรใช้ครีมกันแดดกับทารกที่อายุต่ำกว่า 6 เดือน เนื่องจากผิวของทารกยังบอบบางมาก อาจเกิดการแพ้ ระคายเคือง หรือดูดซึมสารเคมีได้ง่ายค่ะ
เมื่อคุณแม่ Working Mom ต้องกลับไปทำงานจะให้นมลูกอย่างไร
คุณแม่ทราบหรือไม่คะว่า องค์การอนามัยโลกได้แนะนำให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรก เพราะเป็นช่วงเวลาสำคัญในการสร้างรากฐานการเจริญเติบโตของสมองและร่างกายให้กับลูกน้อย แต่หากคุณแม่ต้องกลับไปทำงานหลังจากลาคลอดครบ 3 เดือน ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไปนะคะ เรามีคำแนะนำดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณแม่สามารถให้นมลูกได้ตามเป้าหมาย
แนวทางเลือกเมื่อต้องกลับไปทำงาน
หากที่ทำงานของคุณแม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก ลองพิจารณาทางเลือกเหล่านี้ดูนะคะ
- พาลูกไปให้นมที่ทำงาน: ถ้าที่ทำงานมีห้องเลี้ยงเด็กอ่อนหรือห้องส่วนตัว คุณแม่ก็สามารถพาลูกมาเลี้ยงและให้นมได้อย่างใกล้ชิดค่ะ
- ฝากลูกที่สถานรับเลี้ยงเด็กใกล้ที่ทำงาน: วิธีนี้จะช่วยให้คุณแม่เดินทางไปให้นมลูกในช่วงพักได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
หากสองแนวทางข้างต้นไม่สามารถทำได้ คุณแม่ก็ยังสามารถให้นมลูกได้อย่างต่อเนื่อง เพียงแค่ต้องมีการเตรียมตัวที่ดีก่อนกลับไปทำงานค่ะ
การเตรียมตัวก่อนกลับไปทำงาน
- เดือนแรกหลังคลอด: ในช่วงแรกนี้ คุณแม่ควรให้ลูกดูดนมจากเต้าเพียงอย่างเดียวทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อช่วยให้ร่างกายผลิตน้ำนมได้อย่างสม่ำเสมอและเป็นปกติ
- หาพี่เลี้ยงล่วงหน้า: ควรหาพี่เลี้ยงและเริ่มให้ลูกอยู่กับพี่เลี้ยงบ้างล่วงหน้าสัก 1 สัปดาห์ เพื่อให้ลูกคุ้นเคยกับคนใหม่ และฝึกให้พี่เลี้ยงป้อนนมลูกด้วยถ้วยอย่างถูกวิธี
ขั้นตอนการปั๊มนมที่ทำงาน
- ปั๊มให้ตรงเวลา: คุณแม่ควรปั๊มนมเก็บไว้ในช่วงเวลาเดียวกับที่ลูกดูดนมที่บ้าน หรือปั๊มทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อรักษารอบการผลิตน้ำนม
- สถานที่: ควรเลือกสถานที่ที่มิดชิดและเป็นส่วนตัว
- ความสะอาด: อย่าลืมล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่ทุกครั้งก่อนปั๊มนม
- อุปกรณ์: เตรียมแก้วปากกว้างที่ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยการนึ่งหรือต้มประมาณ 10 นาที หรือใช้ถุงเก็บน้ำนมที่สะอาดก็ได้ค่ะ
การเก็บรักษาน้ำนม
- ปิดภาชนะให้สนิท: เมื่อปั๊มนมเสร็จ ให้ปิดภาชนะให้แน่น หรือหากเป็นถุงเก็บน้ำนมก็รูดซิปให้สนิท
- การบันทึกและจัดเก็บ: คุณแม่ควรเขียนวันที่และเวลาที่ปั๊มนมบนถุงหรือภาชนะบรรจุนมให้ชัดเจน จากนั้นให้เรียงน้ำนมที่ปั๊มไว้เก่าที่สุดไว้ด้านหน้าสุด เพื่อให้คุณสามารถหยิบมาใช้ก่อนน้ำนมที่ปั๊มใหม่กว่าเสมอค่ะ
- สถานที่เก็บ: เก็บน้ำนมไว้ในตู้เย็นที่ทำงาน หรือหากไม่มีก็สามารถใช้กระติกน้ำแข็งได้ค่ะ
ทันทีที่คุณแม่กลับถึงบ้านและทำความสะอาดร่างกายเรียบร้อยแล้ว ให้รีบเข้าใกล้ชิดลูกน้อยและให้ลูกดูดนมจากเต้าทันที เพื่อสานความผูกพันและสร้างช่วงเวลาอันอบอุ่นร่วมกันในช่วงเย็นและกลางคืน ควรให้ลูกดูดนมอย่างน้อย 4-5 มื้อ และในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ควรให้ลูกดูดนมจากเต้าทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อกระตุ้นการสร้างน้ำนมให้เพียงพอสำหรับสัปดาห์ถัดไปค่ะ เพียงเท่านี้ คุณแม่ก็สามารถให้นมลูกน้อยได้อย่างต่อเนื่องและเต็มที่ แม้จะต้องกลับไปทำงานแล้วก็ตาม
หวังคุณแม่จะได้คำตอบพร้อมคำแนะนำดี ๆ กันแล้วนะคะ เกี่ยวกับหลังคลอดบุตร คุณแม่ควรพักฟื้นกี่วัน ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว คุณแม่จะใช้เวลาพักฟื้นหลังคลอดประมาณ 6-8 สัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงและแผลผ่าตัดหายเป็นปกติ การดูแลตัวเองในช่วงนี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการฟื้นตัวที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพจะส่งผลดีต่อร่างกายในการผลิตน้ำนมแม่คุณภาพดีให้กับลูกน้อยค่ะ
มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ได้เปิดเผยถึงงานวิจัยว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะช่วย เพิ่มระดับสติปัญญาของเด็กได้ถึง 3-8 จุด เนื่องจากในน้ำนมแม่มีสารอาหารสำคัญมากกว่า 200 ชนิดที่ช่วยบำรุงสมอง และหากลูกได้รับนมแม่อย่างต่อเนื่องก็จะช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเซลล์สมองได้ดี
ในน้ำนมแม่มีสารอาหารสำคัญมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ดีเอชเอ (DHA) ธาตุเหล็ก วิตามิน รวมถึง แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน (Alphalac Sphingomyelin) ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยสร้าง ไมอีลิน (Myelin) ที่ทำหน้าที่หุ้มเส้นใยประสาท ทำให้สมองสามารถส่งข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน ยังช่วยสร้างสารสื่อประสาท เพื่อให้สมองของลูกน้อยประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว มีความคิดที่พลิกแพลง และมีสมาธิที่ดีขึ้น นอกจากสารอาหารบำรุงสมองแล้ว ในน้ำนมแม่ยังมี จุลินทรีย์สุขภาพ บี แล็กทิส (B. lactis) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่ม โพรไบโอติก (Probiotics) ที่สามารถส่งต่อให้กับลูกน้อย เพื่อช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงอีกด้วยค่ะ
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่
อ้างอิง:
- ข้อควรรู้ก่อนคลอดลูกธรรมชาติมีอะไรบ้าง พร้อมเทียบข้อดีข้อเสีย, โรงพยาบาลพีเอ็มจี
- ข้อควรรู้เกี่ยวกับการคลอดธรรมชาติ, โรงพยาบาลสมิติเวช
- แม่หลังคลอด ดูแลสุขภาพและแผลผ่าคลอดอย่างไร ช่วยให้หายไว, โรงพยาบาล MedPark
- การดูแลตนเองหลังคลอด, โรงพยาบาลMedPark
- คำถามยอดฮิตที่คุณแม่ผ่าคลอดอยากรู้, โรงพยาบาลศิครินทร์
- 13 อาการผิดปกติหลังคลอด, โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ
- ต้องรอให้ลูกอายุเท่าไหร่จึงพาออกนอกบ้านได้?, มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก
- Getting out of house with your new baby, pregnancybirthbaby
- ครีมกันแดด เลือกใช้ให้ถูกลูกน้อยไม่แพ้, โรงพยาบาลกรุงเทพ สำนักงานใหญ่
- เคล็ดลับการให้นมลูก เมื่อแม่ต้องไปทำงาน, โรงพยาบาลแมคคอร์มิค
- ผลวิจัยหลายสถาบัน ชี้ “นมแม่” เพิ่มค่าไอคิวสูงกว่า 3 จุด, มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย
- Sex หลังคลอดบุตร, คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
- 13 คำถามยอดฮิตสำหรับคุณแม่หลังคลอด, โรงพยาบาลบางปะกอก สมุทรปราการ
- ดูแลทารก บนเครื่องบินอย่างไร, helloคุณหมอ
อ้างอิง ณ วันที่ 2 กันยายน 2568