
แนะนำอาหารโพรไบโอติกสูงสำหรับเด็ก พร้อมเมนูง่าย ๆ ที่ทำได้ที่บ้าน
ในลำไส้ของเรามีแบคทีเรียและจุลินทรีย์อยู่มากมาย ทั้งชนิดที่มีประโยชน์และไม่มีประโยชน์ โดยแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หรือที่เรียกว่า โพรไบโอติก เป็นจุลินทรีย์ที่มีความสำคัญช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างราบรื่น และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง บทความนี้จะพาคุณแม่ไปทำความรู้จักพรีไบโอติก และ โพรไบโอติก คืออะไร โพรไบโอติกเด็ก มีประโยชน์อย่างไร พร้อมแนะนำเมนูอาหารที่มีโพรไบโอติกสูงเพื่อสุขภาพที่ดีของลูกน้อย
สรุป
- โพรไบโอติก คือ จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบทางเดินอาหาร ทำหน้าที่ผลิตสารที่ช่วยต่อต้านและกำจัดจุลินทรีย์ที่ไม่ดี ทำให้ลำไส้แข็งแรงและมีสุขภาพดี
- พรีไบโอติก คือ ใยอาหารจากพืชที่ไม่ถูกย่อยในระบบทางเดินอาหาร เมื่อเดินทางมาถึงลำไส้ใหญ่ จะกลายเป็นอาหารให้กับโพรไบโอติก จึงช่วยเสริมการเจริญเติบโตของโพรไบโอติกได้เป็นอย่างดี
- เมนูอาหารที่มีโพรไบโอติกสูงสำหรับเด็ก ได้แก่ โยเกิร์ต คีเฟอร์ เทมเป้ มิโสะ และชีสบางประเภท โดยสามารถนำมาทำเป็นเมนูแสนอร่อย เช่น สมูทตี้โยเกิร์ตผลไม้ ซุปมิโสะใส่เต้าหู้และผัก และข้าวผัดเทมเป้
- ควรปรึกษาแพทย์ก่อนให้ลูกรับประทานอาหารที่มีโพรไบโอติก และรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมตามที่แพทย์แนะนำเท่านั้น หากพบอาการไม่พึงประสงค์ รีบพาลูกไปพบแพทย์ทันที
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- โพรไบโอติกคืออะไร? ทำไมเด็กถึงต้องการ?
- ประโยชน์ของโพรไบโอติกสำหรับเด็ก
- เมนูอาหารที่มีโพรไบโอติกสูงสำหรับเด็ก
- อาหารไทยที่มีโพรไบโอติกสูงและดีต่อสุขภาพ
- สิ่งที่ควรระวังสำหรับเด็ก
โพรไบโอติกคืออะไร? ทำไมเด็กถึงต้องการ?
เมื่อจุลินทรีย์ทั้งดีและไม่ดีอยู่ร่วมกัน ร่างกายจึงต้องสร้างสมดุลจุลินทรีย์เหล่านี้ หากสมดุลถูกรบกวน ส่งผลให้มีจุลินทรีย์ที่ไม่ดี มากเกินไป อาจทำให้เด็กเกิดอาการลำไส้แปรปรวน ท้องเสีย ท้องผูก หรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ได้
โพรไบโอติก คือ จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบทางเดินอาหาร พบได้มากในลำไส้ใหญ่ โดยโพรไบโอติกจะเกาะอยู่บริเวณเยื่อบุลำไส้ สามารถทำหน้าที่ผลิตสารที่ช่วยต่อต้านและกำจัดจุลินทรีย์ที่ไม่ดี ทำให้ลำไส้แข็งแรงและมีสุขภาพดี
โพรไบโอติกไม่ได้มีประโยชน์แค่กับระบบทางเดินอาหารเท่านั้น การที่โพรไบโอติกช่วยควบคุมจุลินทรีย์ที่ไม่ดี ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นด้วย
ส่วนพรีไบโอติก คือ ใยอาหารจากพืชที่ไม่ถูกย่อยในระบบทางเดินอาหาร เมื่อเดินทางมาถึงลำไส้ใหญ่ จะกลายเป็นอาหารให้กับโพรไบโอติก จึงช่วยเสริมการเจริญเติบโตของโพรไบโอติกได้เป็นอย่างดี
ประโยชน์ของโพรไบโอติกสำหรับเด็ก
โพรไบโอติกสำหรับเด็กมีประโยชน์อย่างมาก โดยช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง รักษาสมดุลจุลินทรีย์ของลำไส้และทางเดินอาหาร ลดความเสี่ยงของการเกิดภูมิแพ้ ซึ่งจะช่วยให้เด็กมีสุขภาพโดยรวมที่ดีขึ้น
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง โพรไบโอติกช่วยกระตุ้นให้ลำไส้สร้างชั้นเมือกมิวซิน (Mucins) ที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อภายในลำไส้ ทำให้ร่างกายของเด็ก ๆ แข็งแรงและไม่ป่วยง่าย
- รักษาสมดุลลำไส้ โพรไบโอติกมีส่วนช่วยให้ลำไส้ทำงานได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นการบีบตัว การสร้างและปล่อยน้ำย่อย และการขับถ่าย
- ป้องกันปัญหาในระบบทางเดินอาหาร โพรไบโอติกมีส่วนช่วยในการป้องกันการติดเชื้อในลำไส้ และบรรเทาอาการของปัญหาสุขภาพต่าง ๆ เช่น ท้องเสีย ลำไส้แปรปรวน ลำไส้อักเสบจากการใช้ยาปฏิชีวนะ และท้องผูกเรื้อรัง เป็นต้น
- ลดความเสี่ยงของการเกิดภูมิแพ้ในเด็ก โดยมีงานวิจัยพบว่า โพรไบโอติก สามารถช่วยลดความเสี่ยงการเกิดอาการของภูมิแพ้ผิวหนังในเด็ก ลดความเสี่ยงของโรคจมูกอักเสบ และยังช่วยลดความเสี่ยงต่ออัตราการเกิดอาการแพ้อาหารในเด็ก ได้อีกด้วย
- ผลิตสารตั้งต้นของภูมิต้านทาน งานวิจัยพบว่า โพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (บี แล็กทิส) เป็นโพรไบโอติกชนิดหนึ่งที่พบได้มากในนมแม่ โพรไบโอติกชนิดนี้ช่วยผลิตสารตั้งต้นของภูมิต้านทานในร่างกาย ซึ่งมีความสำคัญสำหรับเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่คลอดโดยการผ่าตัด เนื่องจากมักพบว่าได้รับโพรไบโอติกน้อยกว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติ
เมนูอาหารที่มีโพรไบโอติกสูงสำหรับเด็ก
คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกได้รับอาหารที่มีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ อุดมไปด้วยโพรไบโอติกเด็ก ควบคู่กับการรับประทานอาหารครบ 5 หมู่เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารครบถ้วนและเพียงพอต่อการเจริญเติบโต และการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- แนะนำอาหารที่มีโพรไบโอติกตามธรรมชาติ เช่น
- โยเกิร์ต โยเกิร์ตเป็นแหล่งของโพรไบโอติกที่สำคัญสำหรับเด็ก โดยทั่วไปแล้วเด็กสามารถเริ่มกินโยเกิร์ตได้เมื่อเริ่มกินอาหารตามวัย การเลือกโยเกิร์ตควรเลือกที่มีจุลินทรีย์ที่มีชีวิต หรือที่เรียกว่า Live Probiotic ซึ่งหมายความว่าจุลินทรีย์เหล่านี้จะไม่ถูกทำลายด้วยความร้อนในระหว่างกระบวนการผลิต และควรเลือกโยเกิร์ตธรรมชาติที่ไม่เติมน้ำตาล
นอกจากนี้ ควรเลือกโยเกิร์ต ที่มีโพรไบโอติกส์สายพันธุ์ที่มีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหารของเด็ก เช่น Bifidobacterium, Lactobacillus casei, และ Lactobacillus acidophilus - คีเฟอร์ เป็นเครื่องดื่มสุขภาพที่ได้จากการหมักนมหรือน้ำกับจุลินทรีย์ ซึ่งอุดมไปด้วยโพรไบโอติก รวมถึงยังมีแคลเซียมและวิตามินอีกด้วย
- เทมเป้ เกิดจากการหมักถั่วเหลืองกับเชื้อราสายพันธุ์ดี จนถั่วเหลืองจับตัวกันเป็นแท่งคล้ายเค้ก สามารถนำไปผัดได้ โดย กระบวนการหมักทำให้เกิดโพรไบโอติก และยังเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง
- มิโสะ เป็นซุปแบบญี่ปุ่น เกิดจากการนำเครื่องปรุงรสที่ทำจากถั่วเหลืองหมักกับเกลือและเชื้อราชนิดดี กระบวนการหมักนี้ทำให้มิโสะมีโพรไบโอติกสูง ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
- ชีสบางประเภท ชีสมีหลายประเภท และชีสบางประเภทมีโพรไบโอติกที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ การเลือกชีสโพรไบโอติกควรสังเกตฉลากที่มีระบุ "live cultures" หรือ "active cultures" เช่น มอสซาเรลล่าชีส เชดด้าชีส คอทเทจชีส และเกาด้าชีส สำหรับชีสที่เด็กรับประทานได้ เช่น เชดด้าชีส และคอทเทจชีส เป็นต้น
- สูตรอาหารง่าย ๆ ที่สามารถทำเองได้ เช่น
1. สมูทตี้โยเกิร์ตผลไม้
ส่วนผสม
- สตรอว์เบอร์รี หรือเปลี่ยนเป็นผลไม้อื่นตามชอบ
- นม
- โยเกิร์ตรสธรรมชาติ
- น้ำผึ้ง ตามชอบ
วิธีทำ
นำสตรอว์เบอร์รีมาหั่น จากนั้นใส่ลงในเครื่องปั่น ตามด้วยส่วนผสมทั้งหมด ปั่นให้ละเอียดจนได้เนื้อสมูทตี้ตามต้องการ เทใส่แก้ว พร้อมเสิร์ฟได้เลย
2. ซุปมิโสะใส่เต้าหู้และผัก
ส่วนผสม
- มิโสะแบบซอง
- เต้าหู้นิ่ม
- เห็ดเข็มทอง
- แครอทนึ่ง
- น้ำสะอาด
วิธีทำ
ล้างเห็ดให้สะอาด และหั่นเต้าหู้เป็นชิ้นพอดีคำ ต้มน้ำจนเดือดจากนั้นใส่มิโสะลงไป คนให้ละลายเข้ากันดี ต้มต่อประมาณ 5 นาที จากนั้นใส่เห็ดและเต้าหู้ลงไป ต้มต่อจนเห็ดเริ่มสุกและนิ่ม ใส่แครอทลงไป และต้มต่ออีกประมาณ 5 นาที ปรุงรสตามชอบ ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟได้เลย
3. ข้าวผัดเทมเป้
ส่วนผสม
- ข้าวหุงสุกแล้วแช่ตู้เย็น
- ไข่ไก่
- กระเทียม
- น้ำมันงา
- พริกไทย
- น้ำปลา
- ซีอิ๊วขาว
- น้ำมันหอย
- เทมเป้
วิธีทำ
ใส่น้ำมันลงในกระทะ ตั้งไฟจนน้ำมันร้อน ใส่กระเทียมสับหยาบลงไป เจียวจนกระเทียมหอม จากนั้นใส่ไข่ ยีไข่จนเกือบสุก แล้วใส่ข้าว ปรุงรสด้วยพริกไทย น้ำปลา ซีอิ๊วขาว และซอสหอยนางรม ผัดให้เข้ากัน จากนั้นตามด้วยเทมเป้ หรือนำเทมเป้ไปจี่ในกระทะก่อนก็ได้ ตามความชอบ เรียบร้อยแล้วตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟได้เลย
อาหารไทยที่มีโพรไบโอติกสูงและดีต่อสุขภาพ
การหมักดองอาหาร นอกจากเพื่อเพิ่มรสชาติหรือยืดอายุการเก็บรักษาเท่านั้น แต่ยังเป็นกระบวนการที่สร้างจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย โดยอาหารพื้นบ้านไทยหลายชนิด ที่ผ่านการหมักดองอย่างเหมาะสม เมื่อเวลาผ่านไปจะเกิดจุลินทรีย์โพรไบโอติกที่ดีต่อสุขภาพ ตัวอย่างเช่น
- เมนู ข้าวคลุกกะปิ
กะปิ เป็นส่วนผสมสำคัญในข้าวคลุกกะปิ ที่ได้จากการถนอมอาหารด้วยวิธีการหมักกับเกลือ โดยมีวัตถุดิบหลักคือกุ้งฝอยหรือเคย มีลักษณะกึ่งแข็ง เนื้อเนียนนุ่ม และมีสีม่วงเข้ม นอกจากนี้กะปิ ยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเป็นแหล่งโปรตีนและแคลเซียมที่ดีอีกด้วย
- เมนู เต้าเจี้ยวหลน
เต้าเจี้ยว เป็นส่วนผสมสำคัญในเต้าเจี้ยวหลน เต้าเจี้ยวได้จากการหมักถั่วเหลือง โดยรสชาติและกลิ่นหอมของเต้าเจี้ยวเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติระหว่างการหมัก มีประโยชน์ต่อร่างกายและไม่เป็นอันตราย ทั้งยังเป็นอาหารมีโปรตีนสูงและมีกรดอะมิโนจำเป็น 17 ชนิด
- เมนู ผักดองสมุนไพร
ผักดอง นอกจากจะเป็นเครื่องเคียงที่คนไทยนิยมรับประทานแล้ว บางชนิดยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ช่วยในการย่อยอาหารและระบบขับถ่าย ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย กระบวนการดองช่วยเพิ่มปริมาณโพรไบโอติก ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่ดีต่อลำไส้ ทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น
คนส่วนใหญ่มักกังวลเกี่ยวกับโทษของอาหารหมักดองต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม ควรเลือกรับประทานอาหารที่หมักหรือดองด้วยกรรมวิธีที่สะอาด มีคุณภาพ และปลอดภัยต่อสุขภาพ เพื่อให้ได้ประโยชน์จากโพรไบโอติกสูงสุด
สิ่งที่ควรระวังสำหรับเด็ก
คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจในการเลือกอาหารที่มีโพรไบโอติกอย่างรอบคอบ เนื่องจากมีข้อควรระวังสำหรับเด็ก ดังนี้
- ก่อนให้ลูกรับประทานอาหารที่มีโพรไบโอติก ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับ ข้อดีและข้อเสีย ความเสี่ยงและความจำเป็น วิธีใช้อย่างปลอดภัย รวมถึง แจ้งโรคประจำตัวของลูกและยาที่ใช้อยู่ให้แพทย์ทราบเสมอ
- เลือกโพรไบโอติกให้เหมาะกับช่วงวัยของเด็ก และรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมตามที่แพทย์แนะนำ
- เลือกสายพันธุ์ที่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์สนับสนุน เช่น Bifidobacterium (B.Lactis) ซึ่งพบได้ในอาหารประเภทนม โดยมีงานวิจัยพบว่า ช่วยบรรเทาอาการลำไส้แปรปรวนและผลิตสารตั้งต้นของภูมิต้านทาน
- หากพบอาการผิดปกติใด ๆ เช่น ผื่นแดง ลมพิษ ผิวหนังบวม หายใจติดขัด หายใจมีเสียงหวีด มีไข้สูง ซึมลง อาเจียน ท้องเสียไม่หยุด หลังจากรับประทานอาหารที่มีโพรไบโอติก ควรหยุดรับประทานและรีบพาเด็กไปพบแพทย์
สรุป: โพรไบโอติกเด็กคือกุญแจสำคัญของสุขภาพลำไส้ที่ดี
โพรไบโอติกเด็ก เป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยการทำงานของระบบทางเดินอาหาร สร้างภูมิคุ้มกันบริเวณเยื่อบุลำไส้ กระตุ้นการย่อยอาหารโดยการสร้างเอนไซม์ รักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในร่างกาย อย่างไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์ก่อนให้ลูกรับประทานโพรไอโบติกเด็ก และควรรับประทานในปริมาณเหมาะสมตามที่แพทย์แนะนำเท่านั้น หากมีอาการไม่พึงประสงค์ ควรพบแพทย์ทันที
เพื่อช่วยคุณแม่คลายกังวลเกี่ยวกับสุขภาพและพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์ คุณแม่สามารถคุยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และติดตามพัฒนาการของลูกน้อยได้ง่าย ๆ ผ่าน โปรแกรม Baby Development เช็คพัฒนาการลูกน้อยแต่ละช่วงวัย คลิกเลย
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่
อ้างอิง:
- เสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกแข็งแรงด้วย Probiotics และ Prebiotics, โรงพยาบาลนวเวช
- ‘โพรไบโอติกส์’ เสริมภูมิคุ้มกัน แนะนำอาหารโพรไบโอติกสูงที่ควรทาน, โรงพยาบาลสมิติเวช
- Probiotics for babies, babycenter
- โพรไบโอติกส์ (Probiotics) คืออะไร?, โรงพยาบาลนนทเวช
- โพรไบโอติกส์ (Probiotics) จุลินทรีย์นักรบช่วยปกป้องร่างกาย, โรงพยาบาลเมดพาร์ค
- สตรอว์เบอร์รี สมูทตี้ โยเกิร์ต, cookpad
- ซุปมิโสะเต้าหู้ผักรวม, cookpad
- ข้าวกล้องผัดไข่ เทมเป้สด – เมนูข้าวกล่อง, cookpad
- แจกสูตรผักดองสมุนไพร ช่วยลำไส้ [สมุนไพร D.I.Y], อภัยภูเบศร
- กะปิ, Food Network Soulution
- ตำรับอาหารเพื่อลำไส้แข็งแรง, สถาบันการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร
- ผักกาดดอง รู้จักประโยชน์และวิธีเลือกรับประทานเพื่อสุขภาพ, pobpad
- Kefir (คีเฟอร์) กับประโยชน์ต่อสุขภาพ และข้อควรรู้ก่อนรับประทาน, pobpad
- Lactobacillus reuteri โพรไบโอติกสำหรับเด็ก ตัวช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย, pobpad
อ้างอิง ณ วันที่ 30 มีนาคม 2568