วิธีการให้นมลูกอย่างถูกวิธี
วิธีการให้นมลูกอย่างถูกวิธี ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้สำเร็จตั้งแต่แรก คือการให้ลูกได้ดูดนมแม่จากเต้าอย่างถูกวิธี ค่ะเพราะลูกได้รับประโยชน์จากทั้งน้ำนมแม่ ไปพร้อมๆ กับประโยชน์จากการได้ใกล้ชิดกับแม่
วิธีการให้นมลูกอย่างถูกวิธี
ไม่ว่าแม่จะเป็นแม่ที่เลี้ยงลูกอยู่ที่บ้านเต็มเวลา หรือเป็นแม่ทำงาน การดูดนมแม่จากเต้าจะช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำนม แม่ไม่เจ็บหัวนม และเปิดโอกาสให้แม่ได้พักผ่อน ไม่เหนื่อย สามารถให้นมแม่ไปได้นาน หากมีปัญหาในการให้ลูกเข้าเต้า ควรรีบปรึกษาคลินิกนมแม่โดยเร็วที่สุด
3 ดูด สูตรสำเร็จ
หลักการแรกในการเริ่มให้นมได้สำเร็จ คือการดูดเร็ว ดูดบ่อย และดูดถูกวิธี
ดูดเร็ว – ให้ลูกดูดนมตั้งแต่ชั่วโมงแรกหลักคลอด จะช่วยกระตุ้นให้น้ำนมมาเร็ว
ดูดบ่อย - ในช่วงแรกเกิด - 1 เดือน ลูกควรได้ดูดนมแม่ทุกครั้งเมื่อต้องการ อย่างน้อย 8 ครั้งหรือมากกว่า ภายในเวลา 24 ชั่วโมง ถ้าลูกหลับนานกว่า 3 ชั่วโมง ควรปลุกลูกให้ดูดนมแม่ เมื่ออายุเพิ่มขึ้น เด็ก จะดูดนมแต่ละมื้อได้มากขึ้น และปรับตัวมากินนมในช่วงกลางวันบ่อยกว่า กลางคืน
ดูดถูกวิธี – การเข้าเต้าอย่างถูกวิธี จะทำให้ลูกดูดนมได้เต็มที่ แม่ไม่เจ็บ

การให้นมอย่างถูกวิธี
• ล้างมือให้สะอาดก่อนทุกครั้ง
• หาสถานที่สงบเพื่อที่แม่จะได้มุ่งความสนใจไปที่ลูก เป็นการสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างแม่กับลูก
• อุ้มลูกอย่างถูกวิธี จะช่วยให้ลูกดูดนมแม่ได้ดี (ท่าอุ้มให้นมมีหลายท่า แม่อาจจะลองท่าที่ถนัดและเหมาะกับตัวเองและลูก)
• ลำตัวกับศีรษะของลูกอยู่ในแนวเดียวกัน
• ตัวลูกตะแคงเข้าหาตัวแม่ ลูกอยู่ชิดแนบเนื้อกับตัวแม่
• ใช้มือแม่หรือหมอนช่วยรองรับตัวของลูกไว้ให้รู้สึกมั่นคง
• ประคองเต้านม พร้อมใช้หัวนมเขี่ยปากล่างของลูก พอลูกอ้าปากงับให้ตรวจดูว่าอมลึกดีหรือไม่ โดยให้จมูก แก้ม และคางสัมผัสเต้านม ขณะดูดแก้มป่อง ได้ยินเสียงกลืนเป็นจังหวะ
• ควรให้ลูกดูดนมเต้าแรกจนเกลี้ยงเต้า ถ้าลูกหยุดดูด ควรเคาะเต้านมเพื่อให้ลูกดูดต่อจนเต้านมข้างนั้นนิ่ม จึงเปลี่ยนให้ลูกดูดอีกข้างหนึ่ง
สัญญาณว่าลูกดูดนมแม่ได้ถูกวิธี
• ลูกอมลานนมด้านล่างได้มากกว่าด้านบน โดยจะเห็นลานนมอยู่เหนือริมฝีปากลูก ส่วนลานนมด้านล่างจะถูกอมเกือบมิด
• ปากลูกอ้ากว้าง ริมฝีปากบานออกเหมือนปากปลา แนบกับเต้านมแม่
• คางลูกอยู่ชิดเต้าแม่
• แม่ไม่เจ็บหัวนมเวลาให้นมลูก
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
วิธีการเก็บนมแม่
เลี้ยงลูกด้วยนมแม่
พัฒนาการลูกน้อย อายุ 1-2 เดือน
พัฒนาการลูกน้อย อายุ 0 -1 เดือน
อ้างอิง
campaign.unicef.or.th/breastfeeding/workplace/for-mom/articles/correct-way-to-breastfeeding
อ้างอิงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2562
บทความแนะนำ

การทำสต็อกนมแม่และวิธีละลายนมแม่เพื่อไม่ให้เสียคุณค่าสารอาหาร
น้ำนมแม่มีคุณค่ามหาศาล ประกอบไปด้วยสารอาหารมากมายที่ช่วยในเรื่องการเจริญเติบโตของทารก รวมถึงเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ และด้วยคุณค่าทางสารอาหารที่เปี่ยมล้นในน้ำนมแม่ ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) และยูนิเซฟ (UNICEF) จึงสนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกหลังคลอด และควรให้นมแม่ต่อเนื่อง ควบคู่กับอาหารตามวัยตั้งแต่เดือนที่ 6 ไปจนถึงลูกอายุ 2 ขวบหรือนานกว่านั้น เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เจ้าตัวน้อยเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง

ปั๊มนมอย่างไรให้ได้สารอาหารครบ
ช่วงหกเดือนแรก น้ำนมของแม่สำคัญกับลูกน้อยอย่างมาก นอกจากมีประโยชน์ด้านร่างกาย ยังส่งผลต่อความฉลาดอีกด้วย น้ำนมแม่คือแหล่งของสารอาหารสำคัญ มากมาย ครบถ้วน รวมทั้ง สฟิงโกไมอีลิน หนึ่งในไขมันฟอสโฟไลปิด ซึ่งเป็นหนึ่งในสารอาหารสำคัญการสร้างไมอีลินในสมอง ไมอีลิน ช่วยให้การส่งสัญญาณประสาทได้ไว ส่งผลดีต่อ การพัฒนาสติปัญญาในเด็ก

15 เรื่องชวนสงสัย ที่แม่ให้นมอยากรู้
นมแม่ ประกอบด้วยสารอาหารสำคัญมากมายที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ช่วยให้เด็ก ๆ มีพัฒนาการที่ดี มีสมองที่เรียนรู้ไว จดจำแม่นยำ และประมวลผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงเป็นการเสริมภูมิคุ้มกันร่างกายให้กับทารกแรกเกิดซึ่งยังมีภูมิคุ้มกันไม่สมบูรณ์นัก คุณแม่ให้นมจึงพยายามดูแลร่างกายและกินอาหารที่ดีที่สุด เพื่อให้ลูกได้รับสิ่งที่ดีที่สุดผ่านน้ำนมแม่ เราจึงรวบรวมเรื่องชวนสงสัยที่แม่ให้นมอยากรู้ มาฝากดังนี้