เสริมความฉลาด เพิ่มโอกาสการเรียนรู้ ให้ลูกรักได้ด้วย นมแม่
จากหลายการศึกษา พบว่า ค่า IQ เฉลี่ยของเด็กที่กินนมแม่ จะมีไอคิวสูง เนื่องจากนมแม่มีสารอาหารที่สำคัญหลากหลาย ในการพัฒนาสมอง รวมทั้ง สฟิงโกไมอีลิน, DHA, ARA เป็นต้น
เสริมความฉลาด เพิ่มโอกาสการเรียนรู้ ให้ลูกรักได้ด้วย นมแม่
การสร้างกลไกเสริมความฉลาดให้ลูกตั้งแต่วัยเด็ก จึงเริ่มง่าย ๆ ได้จากอาหารมื้อแรกของลูก ได้แก่ นมแม่ ซึ่งใน น้ำนมเหลือง หรือ คอรอสตรัม (Colostrum) เป็นน้ำนมชุดแรกหลังคลอด อุดมด้วย HMOs (Human Milk Oligosaccharides) เป็นคาร์โบไฮเดรตที่ไม่ถูกย่อยในทางเดินอาหาร และมีปริมาณมากเป็นอันดับสาม รองจากแลคโตส และไขมัน มีบทบาทหลายอย่าง เช่น เสริมภูมิต้านทานในลำไส้ เพิ่มจุลินทรีย์สุขภาพ จึงช่วยลดการเกิดอาการท้องเสีย การติดเชื้อทางเดินหายใจในทารกและเด็กได้

ในจำนวนของ HMOs ในนมแม่ ที่มีมากกว่า 200 ชนิด พบ HMOs ชนิด 2’-FL (2’- Fucosyllactose) มีสัดส่วนมากที่สุด2 จากการวิจัยล่าสุด พบว่า นอกจาก HMOs จะมีบทบาทช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของลูกน้อยแล้ว ยังพบความสัมพันธ์ของ HMOs ชนิด 2’-FL ในนมแม่ ว่ามีผลต่อการพัฒนาสติปัญญาของเด็กทารกด้วย ซึ่งงานวิจัยดังกล่าว ถูกตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ล่าสุดในปี 20203 ได้พบความสัมพันธ์ของปริมาณ 2’-FL ที่เด็กได้รับในช่วง 1 เดือนแรกของชีวิต กับผลลัพธ์ในการพัฒนาสติปัญญาของทารก ซึ่งทดสอบ ด้วย Bayley-III Scales of Infant Development เมื่อเด็กอายุได้ 2 ปี* เด็กๆควรได้รับนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน และนมแม่ ต่อเนื่องถึงอายุ 2 ปีหรือมากกว่า
ผลการศึกษานี้ ทำให้สรุปได้ว่า การที่ทารกได้รับ 2’-FLจากนมแม่ในช่วงหนึ่งเดือนแรก มีความสัมพันธ์กับสติปัญญาที่ดีของเด็ก
ดังนั้น เด็ก ๆ ควรได้รับนมแม่อย่างน้อย 6 เดือน ตามที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำ เพราะ นมแม่ คือ กุญแจสำคัญที่ช่วยพัฒนาร่างกายและสมอง ด้วยสารอาหารหลากหลายรวมทั้ง สฟิงโกไมอีลิน และ 2’-FL
* ตรวจวัดความฉลาดนี้ด้วย Bayley-III Scales of Infant Development เมื่อเด็กอายุได้ 2 ปี ซึ่งเป็นวิธีการทางที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกว่า สามารถใช้วัดระดับการพัฒนาทางสติปัญญา ทักษะการใช้ภาษา และทักษะทางกล้ามเนื้อ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
สฟิงโกไมอีลิน,2’- FL ในนมแม่ช่วยให้ลูกสมองดีจริงมั๊ย?
2FL สุดยอดภูมิคุ้มกันแรกเริ่มในนมแม่ ช่วยให้ลูกแข็งแรง เพิ่มโอกาสพัฒนาสมอง
อ้างอิง
1. Anderson et al. Am J Clin Nutr. 1999 Oct;70(4):525-35
2. Bode L et.al. 2012; 22:1147-1162.
3. Berger et al. PlosOneFeb2020
บทความแนะนำ

ยิ่งเล่น ลูกยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฉลาด
การเล่นคืองานของเด็ก และการเล่น ไม่ใช่แค่การเล่น แต่เป็นการเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่ การเล่นของเด็กเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองโดยไม่มีการบังคับ เด็กต้องการเล่นอยู่ตลอดเวลา โดยไม่กำหนดเวลา และเด็กมีความสุขเมื่อได้เล่น การเล่นช่วยส่งเสริมพัฒนาการในทุกด้าน ทั้งพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็กวัยแรกเกิด – 5 ปี ที่สมองของเด็กในช่วงวัยนี้จะทำงานสูงสุดขณะเล่น ด้วยเป็นภาวะที่สมองพร้อมเรียนรู้ ไม่ตึงเครียด มีภาวะตื่นตัว และมีแรงจูงใจ การเล่นช่วยเพิ่มศักยภาพการทำงานของสมอง ประสบการณ์ขณะเล่นจะกระตุ้นเซลล์สมองและสารสื่อประสาทต่างๆ ทำให้เกิดการเชื่อมโยงของเครือข่ายเส้นใยสมอง และเพื่อให้การเรียนรู้นอกบ้านไม่สะดุด คุณแม่ควรเลือกนมยูเอชทีกล่องแรกสำหรับลูก ที่มีสฟิงโกไมอีลิน ดีเอชเอ โอเมก้า 3, 6, 9 โคลีน แอลฟา-แล็คตัลบูมิน และลูทีน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญต่อพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็ก เพื่อให้ลูกเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่

เริ่มนมยูเอชทีกล่องแรก คุณแม่ต้องเลือกอย่างไร
เด็กวัย 1 ปี สามารถกินอาหารได้ครบ 3 มื้อแบบผู้ใหญ่ แต่ยังมีความจำเป็นที่จะต้องดื่มนมวันละ 3 แก้ว เพื่อเสริมสารอาหารที่มีประโยชน์ เด็กวัยนี้จะเรียนรู้โลกกว้างจากการได้พบเจอสิ่งใหม่ๆ จากการลงมือทำ ดังนั้นเมื่อต้องออกไปเรียนรู้นอกบ้าน นมกล่องสำหรับเด็กจึงกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สะดวก คุณแม่ควรเลือกนมกล่องที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองและการเรียนรู้ที่ต่อเนื่องจากนมแม่

2’-FL กุญแจสำคัญที่ช่วยพัฒนาสมองของลูกรักในขวบปีแรก
สมองของทารกมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา โดย 1,000 วันแรกของชีวิต ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในการสร้างเซลล์สมอง และเชื่อมโยงระหว่างเซลล์สมองอย่างรวดเร็ว จนเกิดเป็นโครงข่ายเส้นใยประสาท ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารระหว่างเซลล์สมองให้ทำงานได้ดีมีศักยภาพ ช่วยให้เด็ก ๆ สามารถเรียนรู้และจดจำได้ดี

2FL สุดยอดภูมิคุ้มกันแรกเริ่มในนมแม่ ช่วยให้ลูกแข็งแรง เพิ่มโอกาสพัฒนาสมองแบบไม่มีสะดุด
นมแม่คืออาหารที่ดีที่สุดของลูก นี่คือเรื่องที่คุณแม่ทุกคนรับรู้กันเป็นอย่างดี หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้น้ำนมแม่ดีที่สุดนั้น เป็นเพราะน้ำนมแม่เปรียบเสมือน วัคซีนหยดแรก ของลูกน้อย เพราะในสารอาหารมากมายกว่า 200 ชนิดในน้ำนมแม่นั้น มีสารอาหารสำคัญที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันแรกเริ่มให้แก่ลูก ทำให้ร่างกายลูกแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย เพิ่มโอกาสในการพัฒนาสมองแบบไม่มีสะดุด

โภชนาการลูก วัย 2 - 3 ขวบ เด็กวัยนี้ต้องกินอะไรให้ฉลาดและแข็งแรง
หนึ่งในหลายปัญหาที่พ่อแม่ต้องเผชิญเมื่อลูกรักเข้าสู่วัย 2 – 3 ปี คือ ปัญหาด้านโภชนาการ เด็กวัยนี้เริ่มมีความเป็นตัวเองมากขึ้น รู้ว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบอะไร จึงค่อนข้างเลือกกิน และกินยาก ทำเอาพ่อแม่ต่างเป็นกังวลว่า ลูกจะกลายเป็นเด็กตัวเล็ก รูปร่างแคระแกร็น น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ มีพัฒนาการทางด้านร่างกายและสติปัญญาด้อยกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน