15 เรื่องชวนสงสัย ที่แม่ให้นมอยากรู้

15 เรื่องเกี่ยวกับแม่ให้นม การให้นมลูกน้อยที่แม่ให้นมควรรู้

02.07.2020

นมแม่ ประกอบด้วยสารอาหารสำคัญมากมายที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ช่วยให้เด็ก ๆ มีพัฒนาการที่ดี มีสมองที่เรียนรู้ไว จดจำแม่นยำ และประมวลผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงเป็นการเสริมภูมิคุ้มกันร่างกายให้กับทารกแรกเกิดซึ่งยังมีภูมิคุ้มกันไม่สมบูรณ์นัก คุณแม่ให้นมจึงพยายามดูแลร่างกายและกินอาหารที่ดีที่สุด เพื่อให้ลูกได้รับสิ่งที่ดีที่สุดผ่านน้ำนมแม่ เราจึงรวบรวมเรื่องชวนสงสัยที่แม่ให้นมอยากรู้ มาฝากดังนี้ 

headphones

PLAYING: 15 เรื่องเกี่ยวกับแม่ให้นม การให้นมลูกน้อยที่แม่ให้นมควรรู้

อ่าน 6 นาที

15 เรื่องชวนสงสัย ที่แม่ให้นมอยากรู้


•   น้ำนมสีเหลือง คืออะไร ?


น้ำนมแม่ในช่วงเริ่มแรกจะมีสีเหลือง เรียกว่า น้ำนมเหลือง หรือ คอรอสตรัม (Colostrum) แม้จะมีปริมาณเพียงเล็กน้อย แต่มีคุณค่าทางอาหารมากมาย และมีภูมิต้านทานสูงมาก น้ำนมเหลืองจะมีอยู่เพียง 2 – 5 วัน หลังจากนั้นจะเปลี่ยนเป็นน้ำนมสีขาว มีปริมาณมากขึ้น และมีสารอาหารประเภทโปรตีนและไขมัน ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกายและสมอง


    ช่วงคัดนม แล้วน้ำนมใสเป็นน้ำ ต้องปั๊มทิ้งหรือไม่ ?
ช่วงคัดนมมาก ๆ น้ำนมจะใสกว่าช่วงนมเกลี้ยงเต้า เพราะนมในช่วงแรกมีปริมาณโปรตีนสูง ส่วนนมช่วงใกล้เกลี้ยงเต้าจะมีไขมันสูง จึงควรให้ลูกน้อยกินนมตั้งแต่แรกจนเกลี้ยงเต้า ไม่จำเป็นต้องปั๊มนมทิ้ง เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารทั้งโปรตีนและไขมันครบถ้วน


•    ลูกไม่ยอมเข้าเต้า ทำอย่างไรดี ?
ลูกไม่เข้าเต้า มาจากหลายสาเหตุ เช่น ลูกยังดูดนมไม่เก่ง ในกรณีนี้แนะนำให้คุณแม่ค่อย ๆ ฝึกให้ลูกดูดนม และหลีกเลี่ยงการใช้ขวดนม แต่ในบางกรณีที่ลูกไม่ยอมเข้าเต้า อาจเพราะกำลังไม่สบาย จึงทำให้ไม่อยากดูดนม แนะนำให้คุณแม่พาลูกไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการป่วยและรักษาอย่างถูกต้อง


•    ลูกสำลักนม เพราะน้ำนมพุ่งแรง ทำอย่างไรดี ?
คุณแม่สามารถใช้นิ้วมือสะอาดบีบบริเวณเหนือหัวนมเพื่อลดความไหลแรงของน้ำนม แต่ถ้าใช้วิธีนี้แล้วยังไม่ได้ผล การสำลักน้ำนมของลูก อาจเกิดจากความผิดปกติในการดูดกลืนได้ด้วย ดังนั้น แม่ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อประเมินความสามารถในการดูดกลืน


•    มีวิธีช่วยเพิ่มน้ำนมอย่างไรบ้าง ?
ในช่วงแรก น้ำนมแม่จะยังไหลน้อย แต่หลังจากนั้นร่างกายจะค่อย ๆ ผลิตน้ำนมเพิ่มขึ้นตามความต้องการของลูก การให้นมลูกบ่อยและนานขึ้น โดยให้ลูกดูดนมลึกไปถึงลานนม หมั่นปั๊มนมสม่ำเสมอ ก็ช่วยกระตุ้นให้น้ำนมไหลดี นอกจากนี้ คุณแม่ควรกินอาหารให้ครบ 3 มื้อ 5 หมู่ เสริมด้วยอาหารเพิ่มน้ำนม เช่น หัวปลี ขิง ตะไคร้ ฟักทอง มะรุม ฯลฯ ดื่มน้ำสะอาดวันละ 3 ลิตร และพักผ่อนให้เพียงพอ ก็เป็นวิธีเพิ่มน้ำนมที่มีประสิทธิภาพ

 

15-เรื่องชวนสงสัย-ที่แม่ให้นมอยากรู้


•    คุณแม่ให้นมลูก ควรเลี่ยงอาหารอะไรบ้าง ?
คุณแม่ให้นมควรเลี่ยงอาหารรสจัด เช่น เผ็ด เปรี้ยว เค็ม อาหารหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ รวมถึงงดยาบางชนิดที่อาจถูกขับผ่านน้ำนมได้ หากคุณแม่จำเป็นต้องกินยา ควรปรึกษาคุณหมอและเภสัชกรทุกครั้ง


•    แม่ให้นมเพิ่งฉีดวัคซีน ลูกกินนมได้หรือไม่ ?
คุณแม่สามารถให้ลูกกินนมได้ตามปกติ เพราะวัคซีนคือเชื้อโรคที่อ่อนแรงหรือตายแล้ว ฉีดเพื่อให้แม่มีภูมิคุ้มกันโรคนั้น ๆ เมื่อให้นมลูกก็จะส่งผ่านเป็นภูมิคุ้มกันให้กับลูกด้วย


    แม่ทำสีผมช่วงให้นมลูกได้ไหม ?
โอกาสที่สารเคมีจะส่งผ่านไปทางน้ำนมค่อนข้างน้อย ดังนั้นไม่น่าจะมีปัญหา แต่เพื่อความสบายใจคุณแม่อาจเลือกใช้สีแบบไม่มีแอมโมเนีย และไม่ควรให้ลูกอยู่ในห้องขณะทำสีผม อย่างไรก็ตาม ช่วงหลังคลอดคุณแม่อาจมีภาวะผมร่วง และสารเคมีจากการทำสีผม อาจก่อให้เกิดอาการแพ้กับตัวคุณแม่เองได้


•    เลือกไซซ์จุกนมอย่างไร ให้เหมาะกับลูก ?
แนะนำให้คุณแม่ใช้จุกนมที่เหมาะกับลูก โดยสังเกตุจากการออกแรงดูดนม หากลูกดูดจนแก้มบุ๋ม แปลว่าจุกนมเล็กเกินไป แต่หากเกิดการสำลักนม แปลว่าจุกนมมีขนาดใหญ่ ทำให้น้ำนมไหลเร็วจนกลืนไม่ทัน อย่างไรก็ตาม คุณแม่สามารถเทียบอายุลูกกับไซซ์ของจุกนมซึ่งจะมีการระบุอายุที่เหมาะสมไว้ข้างบรรจุภัณฑ์ 


•    หัวนมแตก เกิดจากอะไร ป้องกันได้อย่างไร ?
หัวนมแตก เกิดจากการให้ลูกดูดนมไม่ถูกท่า เช่น ลูกอมลานนมไม่มิด ทำให้ต้องออกแรงดูดแรงขึ้น หรือใช้เหงือกงับหัวนม แทนลานนม ส่งผลให้หัวนมแตก การป้องกันไม่ให้หัวนมแตก จึงต้องจัดท่าดูดนมให้ถูกต้อง ให้ลูกดูดนมจนมิดลานนม ร่วมกับการใช้ครีมทาหัวนมที่ผสม ลาโนลิน 100% ซึ่งปลอดภัยกับทารก แต่ถ้าคุณแม่เจ็บหัวนม หรือหัวนมแตก ควรให้ลูกงดดูดนมข้างนั้นไปจนกว่าจะหาย แล้วใช้วิธีปั๊มนมแทน ร่วมกับการทาครีมผสมลาโนลิน 100% จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และบรรเทาความเจ็บปวดของแม่ได้


•    สามารถบรรเทาอาการ คัดเต้านม เต้านมแข็ง ได้อย่างไร ?
อาการคัดเต้านม เกิดจากการมีน้ำนมค้างอยู่ในเต้าเป็นจำนวนมาก แนะนำให้ประคบเต้าแล้วกดไล่น้ำนมที่ค้างอยู่ในขณะลูกกำลังเข้าเต้า และให้ลูกเข้าเต้าทุก ๆ 3 – 4 ชั่วโมง และปั๊มนมออกจนเกลี้ยงเต้า แต่ถ้ายังไม่ดีขึ้น และมีอาการบวมแดง ร่วมกับมีไข้ ควรปรึกษาแพทย์


•    ควรเก็บน้ำนมอย่างไร ให้มีคุณภาพอยู่ตลอดเวลา ?
ควรเก็บน้ำนมในภาชนะสะอาด แบ่งปริมาณน้ำนมให้พอดีกับ 1 มื้อที่ลูกกิน หากตั้งทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องสูงกว่า 25 องศาเซลเซียส จะอยู่ได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง แต่ถ้าอุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส จะเก็บได้นาน 3 – 4 ชั่วโมง การเก็บรักษานมไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดาจะเก็บได้ 3 วัน แต่ถ้าเก็บในช่องแช่แข็งในตู้เย็นแบบ 1 ประตู จะเก็บได้นาน 1 สัปดาห์ และการเก็บในช่องแช่แข็งในตู้เย็นแบบ 2 ประตู จะเก็บได้นานราว 3 – 6 เดือน


•    นมที่นำออกจากช่องแช่แข็ง แล้วมาใส่กระเป๋าเก็บความเย็น นำกลับไปแช่ช่องแช่แข็งได้อีกหรือไม่ ?
หากน้ำแข็งยังไม่ละลาย สามารถนำกลับไปแช่ช่องแข็งได้ แต่ถ้าละลายแล้ว ควรนำกลับไปแช่ตู้เย็นในช่องธรรมดา และเก็บได้นาน 24 ชั่วโมงเท่านั้น


•    ลูกกินนมไม่หมด นำกลับไปแช่ตู้เย็นได้หรือไม่ ?
นมที่ลูกกินไม่หมด ไม่แนะนำให้เก็บไว้กินต่อ ดังนั้นหากต้องการเก็บนมไว้ได้นานและคงคุณภาพ ควรเก็บนมที่ปั๊มใส่ไว้ในภาชนะที่แบ่งปริมาณให้พอดีกับหนึ่งมื้อที่ลูกกิน


•    น้ำยาล้างจาน ใช้ล้างอุปกรณ์ปั๊มนมได้หรือไม่ ?
คุณแม่สามารถใช้น้ำยาล้างจานธรรมดาล้างทำความสะอาดเครื่องปั๊มนมได้ แต่ควรล้างน้ำสะอาดซ้ำหลาย ๆ รอบ 
 
เพื่อให้ลูกได้รับน้ำนมคุณภาพดี อุดมด้วยสารอาหารสำคัญสำหรับร่างกาย สมอง และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง แม่จึงจำเป็นต้องดูแลสุขภาพของตนเองให้ดีเช่นเดียวกัน รวมถึงการหมั่นให้ลูกเข้าเต้า หรือปั๊มนมสม่ำเสมอ เพื่อยืดระยะเวลาให้ร่างกายสามารถผลิตน้ำนมได้ยาวนานเท่าที่ลูกต้องการ 


 


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ 

วิธีการให้นมลูกอย่างถูกวิธี 

ข้อควรรู้!!! ในการเลือกนมให้ลูก

อ้างอิง

โดยแพทย์หญิงพัฎ  โรจน์มหามงคล 
กุมารแพทย์ด้านพัฒนาการและพฤติกรรม  โรงพยาบาลศิริราช
 

บทความแนะนำ

หลังคลอดเลือดออกเป็นก้อนลิ่ม เลือดออกหลังคลอด 1-2 เดือน อันตรายไหม

หลังคลอดเลือดออกเป็นก้อนลิ่ม เลือดออกหลังคลอด 1-2 เดือน อันตรายไหม

คุณแม่หลังคลอดเลือดออกเป็นก้อน หลังคลอด 1 เดือน และหลังคลอด 2 เดือน มีเลือดออกนิดหน่อย เลือดออกหลังคลอด 1-2 เดือน ปกติไหม ไปเช็กอาการคุณแม่เลือดออกเป็นก้อนกัน

คนท้องเป็นริดสีดวงอันตรายไหม แม่ท้องเป็นริดสีดวงสังเกตยังไง

คนท้องเป็นริดสีดวงอันตรายไหม แม่ท้องเป็นริดสีดวงสังเกตยังไง

แม่ท้องเป็นริดสีดวง เกิดจากอะไร คุณแม่ท้องจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองเป็นริดสีดวง พร้อมวิธีสังเกตริดสีดวงคนท้อง พร้อมวิธีป้องกันริดสีดวงคนท้องระหว่างตั้งครรภ์

ลูกพูดช้า ลูกรู้ทุกอย่างแต่ลูกไม่พูด แบบนี้ผิดปกติไหม

ลูกพูดช้า ลูกรู้ทุกอย่างแต่ลูกไม่พูด แบบนี้ผิดปกติไหม

ลูกพูดช้า ส่งผลต่อพัฒนาการของลูกน้อยไหม ลูกไม่พูดสักที จะเป็นอันตรายหรือเปล่า เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง พร้อมวิธีฝึกลูกพูดตามช่วงวัย เสริมพัฒนาการลูกน้อย

รับมือยังไง เมื่อลูกมีอาการวัยทอง 1 ขวบ ลูก 1 ขวบ ร้องกรี๊ดเอาแต่ใจ

รับมือยังไง เมื่อลูกมีอาการวัยทอง 1 ขวบ ลูก 1 ขวบ ร้องกรี๊ดเอาแต่ใจ

วัยทอง 1 ขวบ คืออะไร ลูก 1 ขวบ ร้องกรี๊ดเอาแต่ใจ เกิดจากอะไร คุณพ่อคุณแม่ควรรับมืออย่างไร เมื่อลูกน้อยมีอาการวัยทอง 1 ขวบ เอาแต่ใจ พร้อมวิธีรีบมือ

เด็กก้าวร้าว ลูกอารมณ์ร้าย ทำตัวไม่น่ารัก พ่อแม่ควรรับมืออย่างไร

เด็กก้าวร้าว ลูกอารมณ์ร้าย ทำตัวไม่น่ารัก พ่อแม่ควรรับมืออย่างไร

เด็กก้าวร้าว ลูกอารมณ์ร้าย พฤติกรรมก้าวร้าวของลูกน้อยอันตรายกับเด็กไหม เด็กก้าวร้าวกับพ่อแม่ เกิดจากสาเหตุอะไร พร้อมวิธีรับมือเมื่อลูกอารมณ์ร้าย

สักทับรอยผ่าคลอดอันตรายไหม พร้อมวิธีดูแลรอยสักทับแผลผ่าคลอด

สักทับรอยผ่าคลอดอันตรายไหม พร้อมวิธีดูแลรอยสักทับแผลผ่าคลอด

คุณแม่ผ่าคลอดสักทับรอยผ่าคลอดเพื่อกลบรอยแผลเป็นได้ไหม คุณแม่สามารถเริ่มสักทับรอยผ่าคลอดได้ตอนไหน อันตรายกับลูกเมื่อต้องให้นมหรือเปล่า ไปดูกัน

คันแผลผ่าคลอด คุณแม่ทำยังไงดี พร้อมวิธีแก้อาการคันแผลผ่าคลอด

คันแผลผ่าคลอด คุณแม่ทำยังไงดี พร้อมวิธีแก้อาการคันแผลผ่าคลอด

คันแผลผ่าคลอดทำยังไงดี คุณแม่มีอาการคันแผลผ่าคลอดหลังคลอดลูก มีวิธีบรรเทาอาการคันหลังคลอดยังไงบ้าง พร้อมวิธีแก้อาการคันแผลผ่าคลอดที่แม่ควรรู้