พัฒนาการเด็ก 5 เดือน ทารก 5 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก

พัฒนาการเด็ก 5 เดือน ทารก 5 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก

พัฒนาการเด็ก 5 เดือน เริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น ทั้งตารางการกินและการนอนที่สม่ำเสมอ ลูกเริ่มคืบ พลิกคว่ำ พลิกหงาย นอกจากนี้ยังมีก้าวแรกที่น่าตื่นเต้นอีกมากมายที่กำลังรออยู่ มาดูกันว่าเด็ก 5 เดือน มีการเปลี่ยนแปลงอะไรไปบ้าง และคุณแม่จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการของลูกได้อย่างไร

พัฒนาการเด็ก 5 เดือน ทารก 5 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก

คำถามที่พบบ่อย

ทำไมลูกถึงชอบเอาเท้าเข้าปาก?

ในช่วงวัย 4-7 เดือน ลูกน้อยจะเริ่มค้นพบว่าเท้าเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายตัวเอง สถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกา (American Academy of Pediatrics - AAP) ระบุว่านี่คือพัฒนาการตามปกติของเด็กทารก แม้มือของพวกเขายังไม่ประสานกันดีพอที่จะหยิบจับสิ่งของได้อย่างคล่องแคล่ว ทารกจึงใช้ปากเป็นเครื่องมือในการสำรวจสิ่งต่าง ๆ การดูดนิ้วเท้าเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ลูกรู้สึกผ่อนคลายและปลอบประโลมตัวเอง

การกระทำนี้เป็นพฤติกรรมตามธรรมชาติที่มักจะเกิดขึ้นในช่วงสั้น ๆ เท่านั้นค่ะ คุณแม่จึงไม่ต้องกังวลหากเห็นลูกน้อยทำเช่นนี้และไม่จำเป็นต้องห้ามค่ะ แต่หากลูกไม่เคยเอาเท้าเข้าปากก็ไม่ต้องเป็นกังวลเช่นกัน เพราะไม่ใช่เด็กทุกคนที่จะทำแบบนี้ค่ะ

ลูกไม่ตื่นมากินนมตอนกลางคืน จะเป็นอะไรไหม?

หากลูกน้อยไม่ยอมตื่นมากินนมตอนกลางคืน คุณแม่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ โดยเฉพาะในเด็กอายุ 4 เดือนขึ้นไป เนื่องจากเป็นพัฒนาการตามธรรมชาติที่สมองส่วนควบคุมการนอนหลับของลูกมีการพัฒนามากขึ้น ทำให้พวกเขาสามารถนอนหลับได้ยาวนานขึ้นถึง 7-8 ชั่วโมง โดยไม่จำเป็นต้องตื่นมากินนมกลางดึก

ส่วนใหญ่แล้ว การที่ลูกตื่นขึ้นมาร้องไห้กลางดึกไม่ได้เกิดจากความหิว แต่เป็นเพราะพวกเขารู้สึกไม่คุ้นชินกับการที่ต้องหลับไปโดยไม่มีคุณแม่ การที่เข้าเต้าหรือป้อนนมทุกครั้งที่ลูกร้องไห้กลางดึกอาจจะทำให้ลูกติดนิสัยและไม่สามารถนอนหลับต่อด้วยตัวเองได้

คุณแม่ควรปล่อยให้ลูกเรียนรู้วิธีการนอนต่อด้วยตัวเอง หรือหากลูกร้องไห้หนัก อาจใช้วิธีปลอบโยนเบา ๆ เช่น การลูบตัวหรือตบก้นเบา ๆ ก็เพียงพอแล้วค่ะ

จำเป็นต้องซื้อของเล่นเสริมพัฒนาการแพง ๆ ให้ลูกหรือไม่?

ไม่จำเป็นค่ะ เพราะของเล่นที่ดีที่สุดในช่วงวัย 0-6 เดือน คือของเล่นที่ช่วย กระตุ้นพัฒนาการประสาทสัมผัส ดังนี้ค่ะ

  • กระตุ้นการมองเห็น: ของเล่นที่มีสีสันสดใสและเคลื่อนไหวช้า ๆ เช่น โมบายแขวนเหนือเตียง จะช่วยดึงดูดความสนใจของลูกได้ดี
  • กระตุ้นการได้ยิน: ของเล่นที่มีเสียงกรุ๊งกริ๊ง หรือเสียงดนตรีเบา ๆ จะช่วยฝึกการฟังของลูก
  • กระตุ้นการใช้มือและปาก: เนื่องจากเด็กวัยนี้ชอบสำรวจสิ่งของด้วยการหยิบจับและอม ของเล่นที่ทำจากวัสดุปลอดภัยและสะอาด เช่น ยางกัดนิ่ม ๆ, ตุ๊กตาผ้า หรือลูกบอลเล็ก ๆ ที่ลูกสามารถกำหรือคว้าได้ง่าย จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการของลูกได้เป็นอย่างดี

สิ่งสำคัญที่สุดคือการที่คุณพ่อคุณแม่ ใช้เวลาเล่นกับลูกอย่างใกล้ชิด เพราะการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกคือการเสริมสร้างพัฒนาการที่ดีที่สุดค่ะ

สรุป

  • พัฒนาการเด็ก 5 เดือน ลูกน้อยจะเริ่มมีพัฒนาการในการ พลิกคว่ำและพลิกหงาย ได้ดีขึ้น คุณพ่อคุณแม่ควรจัดพื้นที่ปลอดภัย เช่น ปูเบาะรองคลาน เพื่อให้ลูกได้ฝึกการเคลื่อนไหวได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ การพูดคุยกับลูกขณะทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น อาบน้ำหรือป้อนข้าว จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านภาษาและการสื่อสารได้ดี และเพื่อส่งเสริมให้ลูกฝึกการคืบตัว คุณพ่อคุณแม่สามารถวางของเล่นสีสดใสชิ้นใหญ่ที่ปลอดภัยไว้ให้ห่างจากตัวลูกเล็กน้อย เพื่อกระตุ้นให้ลูกพยายามเคลื่อนที่ไปหาของเล่นเป็นการฝึกกล้ามเนื้อไปในตัว
  • ของเล่นที่เหมาะสมสำหรับเสริมสร้างพัฒนาการเด็ก 5 เดือน ควรเป็นของที่ช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสและมีความปลอดภัย เช่น ของเล่นที่มีเสียงกรุ๊งกริ๊งที่ทำจากพลาสติกหรือผ้า ลูกบอลที่บีบแล้วมีเสียง ลูกบอลผ้าหรือไหมพรมสีสันสดใส และหนังสือนิทานที่มีรูปภาพสีสันสวยงาม เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้ผ่านการฟังเสียง การมองเห็น และการหยิบจับ
  • เพื่อเป็นการเฝ้าระวังพัฒนาการที่ล่าช้าในเด็กวัย 5 เดือน คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตว่าลูก ไม่ยอมกลิ้งตัวไม่พยายามที่จะนั่ง หรือคืบคลานเลยหรือไม่ หากพบอาการเหล่านี้ นั่นอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงพัฒนาการของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ที่ช้ากว่าปกติ ควรปรึกษากุมารแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับคำแนะนำที่เหมาะสมโดยเร็ว

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

พัฒนาการเด็ก 5 เดือน สำรวจพัฒนาการสำคัญทั้ง 4 ด้าน

เมื่อลูกน้อยก้าวเข้าสู่เดือนที่ 5 คุณแม่จะได้เห็นพัฒนาการที่น่าประทับใจในทุก ๆ ด้าน มาดูกันว่าลูกรักกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างค่ะ

พัฒนาการทางด้านร่างกาย (Physical development)

เด็ก 5 เดือนเริ่มจะหัดนั่งด้วยตัวเองแล้วค่ะ เมื่อคุณแม่จับให้นั่งหรือหาหมอนมารองตัว ลูกจะเริ่มยืดหลังตรงและอาจจะนั่งได้เองชั่วขณะ ถึงอย่างนั้นก็อย่าทิ้งลูกไว้คนเดียวเด็ดขาดนะคะ ควรนั่งอยู่ใกล้ ๆ และหาหมอนนุ่ม ๆ มาวางรอบ ๆ ตัวเพื่อความปลอดภัยค่ะ

เวลาที่นอนคว่ำ ลูกจะเริ่มเหยียดแขนและขาพร้อมกับแอ่นหลัง ส่วนเวลานอนหงายก็จะชันศีรษะและไหล่ขึ้นได้แล้ว นอกจากนี้ การกระเด้งตัวบนตักของคุณแม่จะเป็นกิจกรรมที่ลูกชอบมาก และที่น่าทึ่งคือลูกจะพลิกคว่ำ-หงายได้คล่องแคล่วสุด ๆ ไปเลยค่ะ

ลูกยังคงสำรวจสิ่งต่าง ๆ ด้วยปาก และสามารถหยิบของเข้าปากได้อย่างง่ายดาย แม้จะเริ่มจับขวดนมได้เองแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นหน้าที่ของคุณแม่ที่จะป้อนนมให้ลูกนะคะ ลูกจะเริ่มสนใจอาหารแข็งเป็นพิเศษ แต่ในช่วง 5 เดือนนี้ นมแม่ยังคงเป็นอาหารหลักของลูกค่ะ

 

พัฒนาการทางด้านสติปัญญา (Cognitive development)

ลูกน้อยในวัย 5 เดือนจะเริ่มใช้มือปัดป่ายคว้าสิ่งของที่ห้อยอยู่ได้แล้ว และเมื่อคุณแม่ยื่นของเล่นหรือสิ่งของให้ในมือ ลูกจะเขย่าและจ้องมองอย่างตั้งใจ แต่ลูกจะไม่ชอบการอยู่คนเดียวนาน ๆ นะคะ เพราะลูกจะรู้สึกเบื่อและเหงาเอาได้

 

พัฒนาการทางด้านสังคมและอารมณ์ (Social & Emotional development)

ลูกจะเริ่มเก่งในการสื่อสารให้คุณพ่อคุณแม่รู้ว่าต้องการอะไรมากขึ้นค่ะ เช่น ยกแขนขึ้นเหนือศีรษะเมื่ออยากให้อุ้ม หรือร้องไห้เมื่อคุณเดินออกจากห้อง รวมถึงแสดงอารมณ์ที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งหัวเราะคิกคัก ชอบให้กอด และจะสนุกเป็นพิเศษเวลาได้เล่นกับคุณพ่อคุณแม่

ลูกกำลังเรียนรู้เรื่อง "เหตุและผล" (Cause and effect) เช่น ถ้าทำของเล่นตก ลูกก็รู้ว่าคุณแม่จะหยิบขึ้นมาให้ ซึ่งลูกจะทำซ้ำ ๆ และหัวเราะสนุกสนานไปกับมันค่ะ

 

พัฒนาการทางด้านภาษา (Language development)

ตอนนี้ลูกกำลังเรียนรู้ทักษะทางภาษามากมายเลยค่ะ อาจจะทำเสียงซ้ำ ๆ อย่างเช่น เลียนแบบการเล่นปาก เช่น จุ๊บปาก เป๊าะปากได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติมากค่ะ ลูกสามารถจำแนกเสียงต่าง ๆ และรู้ว่าเสียงนั้นมาจากอะไร ซึ่งสิ่งนี้เป็นประโยชน์มากในการเบี่ยงเบนความสนใจของลูก เช่น เมื่อลูกงอแงตอนอยู่ในห้าง คุณแม่อาจจะลองเขย่าของเล่นที่มีเสียงหรือบีบของเล่นที่มีเสียงปี๊บ ๆ เพื่อดึงความสนใจลูกกลับมาค่ะ

 

วิธีส่งเสริมพัฒนาการเด็ก 5 เดือน

มาดูกันค่ะว่าคุณแม่จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการเด็ก 5 เดือนให้เติบโตอย่างเต็มศักยภาพได้อย่างไรบ้าง การส่งเสริมพัฒนาการของลูกน้อยในวัยนี้ไม่ได้เป็นเรื่องยากเลยค่ะ แค่เริ่มต้นจากการใช้เวลาคุณภาพกับลูกให้มากขึ้น

  • สร้างบทสนทนาที่สนุกสนาน: ลองยิ้ม พูดคุยโต้ตอบ หรือร้องเพลงง่าย ๆ ด้วยน้ำเสียงสูง-ต่ำที่หลากหลาย จะช่วยกระตุ้นทักษะการฟังและการเรียนรู้ภาษาของลูกได้เป็นอย่างดีค่ะ
  • ชวนสำรวจโลกกว้าง: ชี้ชวนให้ลูกมองสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นของเล่น สัตว์เลี้ยง หรือสิ่งของในบ้าน เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้และทำความเข้าใจโลกใบใหม่ที่น่าตื่นเต้นนี้
  • อ่านหนังสือให้ลูกฟัง: การอ่านนิทานที่มีภาพสวย ๆ จะช่วยกระตุ้นจินตนาการและสร้างสมาธิให้กับลูกได้ตั้งแต่ยังเล็ก
  • กระตุ้นการใช้สายตาและมือ: คุณแม่ลองวางของเล่นไว้ใกล้ ๆ เพื่อให้ลูกได้ฝึกเอื้อมคว้าและหยิบจับ เป็นการฝึกทักษะการประสานงานระหว่างตาและมือ
  • ฝึกกล้ามเนื้อคอและลำตัว: จัดให้ลูกอยู่ในท่าคว่ำ ถือของเล่นให้ลูกมองตาม แล้วเคลื่อนของเล่นขึ้นช้า ๆ เหนือศีรษะ พร้อมเรียกชื่อลูกเพื่อกระตุ้นความสนใจ ลูกจะพยายามยกศีรษะตามโดยใช้มือยันพื้น เป็นการฝึกกล้ามเนื้อที่สำคัญสำหรับพัฒนาการขั้นต่อไปค่ะ

การใช้เวลาคุณภาพร่วมกันแบบนี้ จะช่วยให้พัฒนาการเด็ก 5 เดือนก้าวไปข้างหน้าอย่างแข็งแรงและมั่นคง ทั้งยังช่วยสร้างความผูกพันที่แน่นแฟ้นระหว่างคุณแม่กับลูกน้อยอีกด้วยค่ะ

 

เด็กนอนอ้าขาบนพรม

 

ของเล่นช่วยส่งเสริมพัฒนาการเด็ก 5 เดือน

ของเล่นเด็กไม่ได้เป็นแค่ของเล่น แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการของลูกน้อยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างเต็มที่ค่ะ มาดูกันว่าของเล่นแบบไหนที่เหมาะกับพัฒนาการเด็ก 5 เดือนบ้าง

  • ของเล่นมีเสียง: ของเล่นที่เขย่าแล้วมีเสียงกรุ๊งกริ๊ง หรือลูกบอลที่บีบแล้วมีเสียง เป็นของเล่นที่ยอดเยี่ยมสำหรับวัยนี้เลยค่ะ เพราะเสียงที่แตกต่างกันจะช่วยกระตุ้นประสาทการได้ยินและสร้างความสนใจให้กับลูก
  • ลูกบอลหลากสี: ลูกบอลที่ทำจากผ้าหรือไหมพรมที่มีสีสันสดใส นอกจากจะปลอดภัยสำหรับเด็กแล้ว ยังช่วยให้ลูกได้ฝึกการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กเพื่อหยิบจับ และยังเป็นการกระตุ้นพัฒนาการด้านการมองเห็นอีกด้วย
  • หนังสือภาพ: หนังสือภาพที่มีสีสันสดใสและรูปภาพขนาดใหญ่ จะช่วยให้ลูกได้จดจ่อและเพลิดเพลินกับการสำรวจภาพต่าง ๆ เป็นการปูพื้นฐานที่ดีสำหรับทักษะการอ่านในอนาคตค่ะ

การเลือกของเล่นที่เหมาะสม จะช่วยให้ลูกได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างสนุกสนานทุกวัน อย่าลืมตรวจสอบความปลอดภัยของเล่นก่อนทุกครั้งนะคะ

 

โภชนาการสำหรับเด็ก 5 เดือน

เราทุกคนต่างรู้ดีว่านมแม่คือสุดยอดอาหารสำหรับลูกน้อย โดยเฉพาะในช่วงแรกเกิดจนถึง 6 เดือนแรกของชีวิต เพราะมีสารอาหารที่ครบถ้วนและสมบูรณ์ที่สุด และที่สำคัญคือสร้างความรักความผูกพัน รวมถึงเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกได้อย่างดีเยี่ยม

องค์การอนามัยโลก (WHO) และยูนิเซฟต่างก็แนะนำให้คุณแม่ให้นมลูกทันทีหลังคลอดภายใน 1 ชั่วโมงแรก และให้นมแม่เพียงอย่างเดียวไปจนถึง 6 เดือน หลังจากนั้นก็ให้ควบคู่กับอาหารตามวัยไปจนถึงอายุ 2 ขวบหรือนานกว่านั้น เพราะนมแม่มีสารอาหารกว่า 200 ชนิด และสร้างสารอาหารที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัย มีวิตามิน ฮอร์โมน และแบคทีเรียที่ดีต่อระบบทางเดินอาหารของลูก สำหรับเด็ก 5 เดือน นมแม่ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะเป็นเหมือนวัคซีนหยดแรกที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยที่ยังไม่สมบูรณ์ได้อย่างเต็มที่

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยจากหลายสถาบัน เช่น Brown University, Oxford University และ Cambridge University ต่างก็ยืนยันตรงกันว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ล้วนช่วยเสริมสร้างการพัฒนาสมองได้ดีถึง 20-30% และยังช่วยพัฒนาทักษะด้านภาษาได้ดีจนถึงอายุ 3 ขวบอีกด้วย นมแม่คืออาหารมหัศจรรย์ที่ส่งผลดีต่อพัฒนาการเด็ก 5 เดือนอย่างรอบด้าน ทั้งด้านร่างกาย สมอง และภูมิคุ้มกัน เป็นการเริ่มต้นชีวิตที่ดีที่สุดที่คุณแม่มอบให้ลูกได้ค่ะ

เพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตของลูกน้อยทั้งทางร่างกายและสมอง การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ตั้งแต่แรกเกิด เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งค่ะ เพราะนมแม่อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อลูกน้อย โดยเฉพาะสารอาหารอย่าง แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน (Alphalac Sphingomyelin) มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสมองของเด็กเจนใหม่ โดยช่วยสร้างสารสื่อประสาทและเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาท ทำให้สมองทำงานได้แบบก้าวกระโดด ส่งผลให้สมองมีประสิทธิภาพ ลูกเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว และการมีสมาธิ รวมถึงมีจุลินทรีย์สุขภาพอย่าง บี แล็กทิส (B. lactis) ซึ่งเป็นโพรไบโอติกที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยแข็งแรงตั้งแต่แรกเกิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กที่คลอดด้วยวิธีผ่าคลอด ซึ่งมีปริมาณจุลินทรีย์กลุ่มนี้น้อยกว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติ

 

รับมือกับพฤติกรรมเฉพาะวัย ทำไมลูก 5 เดือนถึง “กลัวคนแปลกหน้า”?

เมื่อลูกเข้าสู่วัย 5 เดือน คุณพ่อคุณแม่อาจจะสังเกตเห็นพฤติกรรมใหม่ ๆ ที่ทำให้รู้สึกแปลกใจ นั่นก็คือการที่ลูกเริ่มมีอาการกลัวคนแปลกหน้า หรือที่เรียกว่า "Stranger Anxiety" ค่ะ อาการนี้เป็นเรื่องปกติที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการทางอารมณ์ที่สำคัญ เพราะลูกเริ่มรู้จักและสร้างความผูกพันกับคนใกล้ชิดอย่างคุณพ่อคุณแม่และคนในครอบครัวแล้ว ดังนั้นเมื่อเจอคนแปลกหน้า ลูกอาจแสดงอาการหวาดกลัวหรือไม่สบายใจด้วยการร้องไห้ ทำท่าขัดขืน ดูหวาดกลัว หรือหลบซ่อนตัว

อาการกลัวคนแปลกหน้ามักจะเริ่มขึ้นตั้งแต่อายุ 5-6 เดือน และจะรุนแรงขึ้นในช่วง 7-12 เดือน อาการนี้อาจอยู่ได้นานหลายเดือน แต่อาจจะลดลงเมื่อลูกอายุ 18 เดือนถึง 2 ขวบ ขึ้นอยู่กับพื้นฐานของอารมณ์และประสบการณ์ของเด็กแต่ละคนด้วยค่ะ

วิธีช่วยให้ลูกรู้สึกสบายใจเมื่อเจอคนแปลกหน้า

แม้ว่าอาการกลัวคนแปลกหน้าจะเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่เราก็มีวิธีที่จะช่วยให้ลูกรู้สึกสบายใจมากขึ้นได้ค่ะ

  1. อย่าละเลยความรู้สึกของลูก: อย่ามองข้ามหรือบังคับให้ลูกเข้าหาคนแปลกหน้า เพราะอาจทำให้ลูกยิ่งกลัวมากขึ้น
  2. อยู่ใกล้ชิดลูก: ให้ลูกนั่งบนตักหรือจับมือลูกไว้เมื่อเจอคนแปลกหน้า เพื่อให้ลูกรู้สึกอุ่นใจ
  3. เริ่มต้นจากที่ที่คุ้นเคย: ถ้าเป็นไปได้ ควรแนะนำให้ลูกรู้จักคนแปลกหน้าในบ้านก่อน เพราะเป็นสถานที่ที่ลูกรู้สึกปลอดภัยที่สุด
  4. ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป: หากลูกมีท่าทีไม่พอใจ ให้คุณพ่อคุณแม่ปลอบลูกและลองเปลี่ยนบรรยากาศ เช่น ชวนทุกคนมาเล่นด้วยกัน หรือพาลูกเดินห่างออกมาสักครู่ก่อนแล้วค่อยลองใหม่
  5. ให้ลูกมีตัวช่วย: พกของเล่นชิ้นโปรดหรือผ้าห่มติดตัวไปด้วย จะช่วยให้ลูกรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น
  6. คุณพ่อคุณแม่ต้องใจเย็น: ลูกจะรับรู้ถึงความรู้สึกของคุณได้ ดังนั้นการที่คุณแสดงท่าทีที่สงบและมั่นใจจะช่วยให้ลูกรู้สึกสบายใจตามไปด้วยค่ะ

อาการกลัวคนแปลกหน้าเป็นเรื่องปกติที่แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการทางอารมณ์ของเด็ก 5 เดือน คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยลูกให้ผ่านช่วงนี้ไปได้ด้วยความเข้าใจและการให้การสนับสนุนอย่างถูกวิธีค่ะ

 

เช็กให้ชัวร์! พัฒนาการเด็ก 5 เดือน ตามเกณฑ์หรือไม่?

การติดตามพัฒนาการของลูกน้อยเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ทุกคนให้ความสำคัญเป็นอย่างมากค่ะ มาดูกันว่า พัฒนาการเด็ก 5 เดือน ตามเกณฑ์ทั่วไปเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อให้คุณมั่นใจว่าลูกรักกำลังเติบโตไปในทิศทางที่ถูกต้อง

พัฒนาการตามเกณฑ์

  • ทักษะการเคลื่อนไหว: ลูกจะสามารถ พลิกคว่ำและหงายได้ อย่างคล่องแคล่ว
  • การใช้มือ: ลูกสามารถ จับของและเปลี่ยนมือ ได้แล้ว และที่สำคัญคือจะชอบ หยิบของเข้าปาก เพื่อสำรวจสิ่งต่าง ๆ
  • ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อคอ: เมื่อคุณดึงแขนลูกขึ้นจากท่านอนหงาย ลูกจะสามารถ ชันคอตามขึ้นมาได้ แสดงว่ากล้ามเนื้อคอเริ่มแข็งแรงแล้วค่ะ
  • การรับรู้คนรอบข้าง: ลูกเริ่ม รู้จักคนแปลกหน้า และอาจแสดงอาการกลัวหรือหวาดระแวง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการทางอารมณ์
  • การตอบสนองต่อเสียง: เมื่อถูกเรียกชื่อ ลูกจะ เริ่มหันหาเสียง และพยายาม เลียนแบบเสียง ที่ได้ยิน

 

สัญญาณที่อาจบ่งบอกถึงพัฒนาการที่ล่าช้า

  • พัฒนาการกล้ามเนื้อมัดใหญ่ล่าช้า: สังเกตว่าลูก ไม่กลิ้งตัว หรือไม่พยายามที่จะนั่งหรือคลาน อาการเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงพัฒนาการที่ช้ากว่าเกณฑ์
  • กล้ามเนื้อมัดเล็กไม่แข็งแรง: หากลูกไม่สามารถ หยิบจับของได้ หรือใช้มือได้ไม่คล่องแคล่ว อาจเป็นสัญญาณเตือนให้คุณแม่ต้องเฝ้าระวัง

หากคุณแม่รู้สึกกังวลเกี่ยวกับพัฒนาการของลูก อย่าลังเลที่จะปรึกษาคุณหมอเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมค่ะ การตรวจเช็กอย่างละเอียดจะช่วยให้คุณแม่สบายใจและสามารถหาทางแก้ไขได้อย่างทันท่วงทีค่ะ

 

ข้อควรระวังในการดูแลเด็กวัย 5 เดือน

การดูแลลูกน้อยในวัยนี้เต็มไปด้วยความสนุกและน่าตื่นเต้น แต่ก็มีบางเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษเพื่อความปลอดภัยของลูกค่ะ

1. เรื่องไข้และสุขภาพทั่วไป

เมื่อลูกมีไข้ สิ่งสำคัญคือการสังเกตอาการโดยรวมของลูกค่ะ สถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกา (American Academy of Pediatrics - AAP) แนะนำให้รีบไปโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์ทันทีหากลูกมีอาการเหล่านี้ร่วมกับไข้

  • ดูไม่สบายมาก
  • งอแงหรือดูเหนื่อยผิดปกติ
  • ตัวร้อนเกินไป
  • มีอาการน่าเป็นห่วงอื่น ๆ เช่น ปวดหัวรุนแรง คอแข็ง หายใจลำบาก อาเจียนซ้ำ ๆ
  • มีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน หัวใจ หรือมีประวัติชัก

สิ่งสำคัญคือเมื่อลูกมีไข้ คุณแม่ไม่ควรซื้อยาพาราเซตามอลสำหรับเด็ก และห้ามให้ยาแอสไพริน กับลูกโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อนเด็ดขาด เพราะมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคเรย์ซินโดรม (Reyes syndrome) คือมีอาการสมองอักเสบร่วมกับตับอักเสบ เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ค่ะ

 

2. อันตรายจากการสำลักและการบาดเจ็บ

เนื่องจากเด็ก 5 เดือนชอบนำสิ่งของเข้าปาก สิ่งของขนาดเล็กต่าง ๆ จึงเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ค่ะ เพื่อป้องกันการสำลัก ควรเก็บสิ่งของชิ้นเล็ก ๆ ให้พ้นมือลูกรวมถึงไม่ควรให้อาหารเป็นชิ้นใหญ่ ๆ เช่น แครอทดิบ องุ่น แอปเปิล ข้าวโพดคั่ว ถั่วลิสง และฮอทดอก (Hot Dogs) คุณแม่ควรจัดบ้านให้ปลอดภัยสำหรับลูกน้อย ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์กันเด็ก (baby proof) เพื่อไม่ให้ลูกคลานไปในมุมที่ไม่ปลอดภัย และเก็บของที่อาจก่อให้เกิดอันตราย เช่น ของที่ลูกสามารถชนหรือทำล้มได้ รวมถึงหาฝาครอบปลั๊กไฟมาปิดให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดค่ะ

ดังนั้น พัฒนาการของลูกน้อยในวัย 5 เดือนจึงเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาสำคัญที่พ่อแม่ควรใส่ใจและมีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิด การสังเกตและกระตุ้นพัฒนาการที่เหมาะสมจะช่วยให้ลูกเติบโตอย่างแข็งแรง และหากพบสัญญาณของพัฒนาการที่ล่าช้า การปรึกษากุมารแพทย์เพื่อประเมินและขอคำแนะนำที่เหมาะสม จะช่วยให้ลูกได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีค่ะ

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่

อ้างอิง:

  1. 5-Month-Old Baby, What to Expect
  2. เช็คพัฒนาการเจ้าตัวน้อยวัยแรกเกิด, โรงพยาบาลนนทเวช
  3. Your baby's growth and development - 5 months old, Pregnancy Birth & Baby
  4. ตารางพัฒนาการเด็กปฐมวัย, โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์
  5. พัฒนาการเด็ก แต่ละช่วงวัย (เด็กแรกเกิด - 6 ปี), โรงพยาบาลสมิติเวช
  6. นมแม่มีประโยชน์ กรมอนามัย แนะ ทารก ตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 เดือน กินนมแม่อย่างเดียว, กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
  7. ผลวิจัยหลายสถาบัน ชี้ “นมแม่” เพิ่มค่าไอคิวสูงกว่า 3 จุด, มูลนิธินมแม่แห่งประเทศไทย
  8. Suitable for 0-3 years Fear of strangers: babies and young children, Raising Children
  9. เรื่องของเจ้าตัวเล็ก, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  10. เรียนรู้พัฒนาการที่สมวัยของน้อง ๆ อายุแรกเกิด –3 ปีกันเถอะ, โรงพยาบาลแพทย์รังสิต
  11. ปัญหาเด็กพูดช้า เรื่องที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
  12. พัฒนาการล่าช้าในเด็ก (Developmental Delay in Children), โรงพยาบาล MedPark
  13. Your 5-Month-Old Baby's Milestones and Development, Parents
  14. ความรู้เรื่องยา (ตอนที่ 2), คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
  15. The Sweetest Baby Milestones and When to Expect Them, Parents
  16. 10 คำถามยอดฮิตที่หมอเด็กเจอบ่อย, โรงพยาบาลสมิติเวช
  17. เลือก “ของเล่น” เป็น “ของขวัญ” ช่วยเสริมพัฒนาการของเด็กแต่ละวัย, โรงพยาบาลสมิติเวช

 

อ้างอิง ณ วันที่ 14 กันยายน 2568