เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้หลังการอักเสบของผิวหนังค่ะ รอยด่างขาวหรือรอยคล้ำเหล่านี้เรียกว่า "รอยโรคหลังการอักเสบ" ซึ่งส่วนใหญ่มักจะไม่ถาวร

หากคุณแม่ดูแลเบื้องต้นอย่างเต็มที่แล้ว 2-3 วัน แต่ผื่นของลูกยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นหรือกลับแย่ลง ไม่ควรนิ่งนอนใจค่ะ เพราะผื่นนั้นอาจต้องการ

ควรอาบน้ำให้ลูกทุกวันค่ะ การอาบน้ำจะช่วยชำระล้างเหงื่อไคลและสิ่งสกปรกที่อาจเป็นตัวกระตุ้นให้ผื่นแย่ลงได้ แต่ต้องอาบอย่างถูกวิธี คือ:
ใช้น้ำอาบ

มีความเป็นไปได้สูงมากค่ะว่าเกี่ยวกัน เพราะผิวทารกบอบบางและไวต่อส่วนผสมใหม่ๆ มาก วิธีที่ดีที่สุดคือให้คุณแม่ "หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่นั้นทันที"

ได้แน่นอนค่ะ ผื่นหลายชนิดที่พบบนใบหน้าทารก เช่น ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังหรือผดร้อน ก็สามารถเกิดขึ้นบริเวณอื่นของร่างกายได้เช่นกัน โดยเฉพาะบริเวณ

ถ้าลูกมีอาการเหล่านี้ร่วมกับผื่น ต้องรีบไปโรงพยาบาลทันทีโดยไม่ต้องรอ เพราะเป็นสัญญาณของอาการแพ้รุนแรงค่ะ:
หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด หรือ

มีโอกาสหายสูงค่ะ! การแพ้อาหารหลายชนิดในเด็กทารก เช่น การแพ้นมวัว แพ้ไข่ หรือแพ้แป้งสาลี มักจะหายไปได้เองเมื่อลูกโตขึ้นและระบบภูมิคุ้มกันแข็ง

เข้าใจเลยค่ะว่าเป็นอาการที่น่ารำคาญใจมาก เพราะน้ำหนักของลูกน้อยที่มากขึ้นและขนาดท้องที่ขยายออกทำให้เราต้องแอ่นหลังเพื่อรับน้ำหนักค่ะ ลองพยายามนั่งและยืนหลังตรงๆ ไม่ยกของหนัก

เป็นเรื่องปกติที่คุณแม่หลายคนเจอค่ะ ไม่ต้องกังวลนะคะ เป็นเพราะฮอร์โมนในช่วงตั้งครรภ์ที่ทำให้ผิวผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติค่ะ ลองเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยน

ใช่เลยค่ะ! เหมือนมีเตาผิงส่วนตัวเลยใช่ไหมคะ เป็นเพราะร่างกายของคุณแม่เผาผลาญพลังงานมากขึ้นเพื่อเจ้าตัวเล็กค่ะ ส่วนอาการบวมก็เกิดจากขนาดท้องที่ใหญ่ขึ้นไปกระทบการไหลเวียนเลือด

เป็นอาการยอดฮิตที่คุณแม่ช่วงนี้เลยค่ะ เกิดจากมดลูกที่ใหญ่ขึ้นไปกดทับเส้นเลือด ทำให้การไหลเวียนเลือดไปที่ขาลำบากขึ้น และร่างกายอาจต้องการแคลเซียมเพิ่มขึ้นด้วยค่ะ ลองยืดกล้ามเนื้อน่องเบาๆ

ตอนนี้ลูกน้อยมีขนาดตัวเท่าแตงโมลูกย่อมๆ เลยค่ะ ปอดและอวัยวะทุกอย่างทำงานได้สมบูรณ์เต็มที่ พร้อมสำหรับโลกภายนอกแล้วค่ะ เขากำลังรอจังหวะเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะออกมาเจอหน้าคุณแม่

เป็นเพราะเจ้าตัวเล็กกำลังหาทำเลดีๆ ค่ะ! ตอนนี้หัวของลูกเริ่มเคลื่อนต่ำลงมากดทับกระเพาะปัสสาวะของคุณแม่เต็มๆ เลยทำให้รู้สึกปวดบ่อย และเวลาไอ จาม หรือหัวเราะก็อาจมีปัสสาวะเล็ดออกมาได้

การเจ็บท้องเตือนเหมือนร่างกายกำลังซ้อมใหญ่ค่ะ มดลูกจะบีบตัวแข็งเป็นพักๆ แต่จะมาแบบไม่สม่ำเสมอและไม่เจ็บปวดรุนแรง พอคุณแม่เปลี่ยนท่าทางอาการก็จะหายไปค่ะ แต่ถ้าคุณแม่เจ็บท้องสม่ำเสมอขึ้นเรื่อยๆ

เป็นคำถามที่คุณแม่หลายคนสงสัยเลยค่ะ การท้องแข็งในช่วงนี้ส่วนใหญ่เป็นการ "ซ้อมใหญ่ของมดลูก" หรือที่เรียกว่าเจ็บท้องหลอกค่ะ จะมาแบบไม่สม่ำเสมอ พอเปลี่ยนท่าลุกเดินก็จะดีขึ้น

เรียกว่าพร้อมมากๆ แล้วค่ะ!

เป็นไปได้สูงเลยค่ะว่าลูกน้อยกำลังเตะหรือยืดแข้งยืดขามาโดนซี่โครงของคุณแม่พอดี โดยเฉพาะช่วงท้ายๆ ของการตั้งครรภ์ที่ตัวเขาใหญ่ขึ้นจนเต็มท้อง เหมือนนักมวยตัวน้อยกำลังซ้อมอยู่ในพุงเราเลยค่ะ

เขาเป็นนักสำรวจตัวน้อยที่กำลังยุ่งมากๆ เลยค่ะ!

ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ การออกกำลังกายเบาๆ ถึงปานกลางไม่ได้ทำให้น้ำนมลดลงหรือเสียคุณภาพไป สิ่งที่สำคัญกว่าคือการดื่มน้ำให้เพียงพอและกินอาหาร

เป็นเพราะเจ้าตัวน้อยโตขึ้นจนไปเบียดกระเพาะปัสสาวะของเราค่ะ ทำให้เราเก็บน้ำปัสสาวะได้น้อยลง สิ่งสำคัญคือ "ห้าม" ดื่มน้ำน้อยลงเด็ดขาดนะคะ เพราะน้ำยังจำเป็นต่อร่างกายมากๆ ค่ะ

เป็นเรื่องที่เจอได้บ่อยค่ะ เพราะร่างกายจะกักเก็บของเหลวมากขึ้น และมดลูกที่ใหญ่ขึ้นก็ไปกดทับเส้นเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนกลับไม่สะดวกค่ะ ลองยกขาสูงเวลานั่งหรือนอนจะช่วยได้เยอะเลย

เป็นอาการที่คุณแม่หลายคนเจอค่ะ ไม่ต้องตกใจนะคะ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็น "การเจ็บท้องหลอก" หรือการที่มดลูกกำลังซ้อมใหญ่เพื่อเตรียมคลอดค่ะ จะมาแบบไม่สม่ำเสมอ ไม่เจ็บแรงขึ้น

เริ่มจากเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายเป็นชั่วโมง ลองใช้ช่วงเวลาที่ลูกหลับแค่ 10-15 นาที ทำท่าบริหารง่ายๆ ที่บทความแนะนำ หรือแค่

เป็นอาการที่เจอได้บ่อยมากค่ะคุณแม่ เกิดจากร่างกายมีการบวมน้ำขึ้นเล็กน้อยตามปกติของการตั้งครรภ์ เลยอาจจะไปกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือได้ค่ะ ลองสะบัดมือเบาๆ หรือหลีกเลี่ยงการนอนทับแขนตัวเองดูนะคะ

ร่างกายของคุณแม่มหัศจรรย์มากค่ะ ร่างกายจะให้ความสำคัญกับการผลิตน้ำนมที่มีคุณภาพให้ลูกเป็นอันดับแรก โดยจะดึงสารอาหารสำคัญอย่าง DHA จากที่สะสม

ได้ยินชัดแจ๋วเลยค่ะ! ตอนนี้ระบบการได้ยินของเขาพัฒนาเต็มที่แล้ว และเขากำลังเริ่มจดจำเสียงของคุณพ่อคุณแม่ได้แล้วด้วย นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะพูดคุย ร้องเพลง หรือเล่านิทานให้เขาฟังเลยค่ะ