วิธีเลือกของเล่นเด็กเสริมพัฒนาการตามช่วงวัย ดีต่อพัฒนาการสมอง

วิธีเลือกของเล่นเด็กเสริมพัฒนาการตามช่วงวัย ดีต่อพัฒนาการสมอง

การเลือกของเล่นเด็กให้ลูกเป็นเรื่องสำคัญที่มากกว่าแค่ความสนุก เพราะทุกการเล่นคือการเรียนรู้ และของเล่นแต่ละชิ้นก็เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของลูกน้อย ได้แก่ ร่างกาย จิตใจและอารมณ์ สติปัญญา สังคมและศีลธรรม บทความนี้เราจะแนะนำวิธีเลือกของเล่นที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับช่วงวัย เพื่อให้ทุกการเล่นของลูกมีคุณค่าและเป็นช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ที่สำคัญที่สุด

วิธีเลือกของเล่นเด็กเสริมพัฒนาการตามช่วงวัย ดีต่อพัฒนาการสมอง

คำถามที่พบบ่อย

ควรเลือกของเล่นแบบไหนให้ลูกวัย 0-6 เดือน เพื่อช่วยกระตุ้นการมองเห็นและประสาทสัมผัส?

สำหรับทารกวัย 0-6 เดือน ซึ่งอยู่ในช่วงของการสำรวจโลกด้วยประสาทสัมผัส การเลือกของเล่นที่ช่วยกระตุ้นการมองเห็นและการได้ยินจึงมีความสำคัญมากค่ะ

  • ของเล่นที่ช่วยกระตุ้นการมองเห็น: เด็กวัยนี้จะชอบมองวัตถุที่มี สีสันสดใส และ เคลื่อนไหวช้า ๆ ค่ะ ของเล่นจำพวก โมบายติดเตียง รูปตุ๊กตาน่ารัก ๆ หรือของที่พริ้วไหวตามลมได้ จะช่วยดึงดูดความสนใจของลูกได้ดี
  • ของเล่นที่ช่วยกระตุ้นการได้ยิน: ของเล่นที่มี เสียงกรุ๊งกริ๊ง หรือ เสียงดนตรีเบา ๆ เช่น ของเล่นแบบเขย่า จะช่วยกระตุ้นการได้ยินและสร้างความเพลิดเพลินให้ลูกน้อยได้ค่ะ

การจำกัดเวลาเล่นหน้าจอของลูกมีความสำคัญต่อพัฒนาการของเขาในระยะยาวหรือไม่?

การจำกัดเวลาเล่นหน้าจอมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อพัฒนาการของลูกในระยะยาวค่ะ เพราะช่วงวัยแรกเกิดถึง 3 ปี เป็นช่วงที่สมองของเด็กพัฒนาสูงสุด การปล่อยให้ลูกใช้เวลาอยู่กับหน้าจอมากเกินไปอาจส่งผลกระทบในหลายด้าน

  • สำหรับเด็กแรกเกิด - 2 ปี: ควรหลีกเลี่ยงการใช้หน้าจอทุกชนิดอย่างจริงจัง เพราะนอกจากจะไม่ช่วยพัฒนาสติปัญญาแล้ว ยังลดโอกาสที่พ่อแม่จะได้มีปฏิสัมพันธ์กับลูกอีกด้วย
  • สำหรับเด็กอายุ 2 - 5 ปี: สามารถใช้หน้าจอได้ แต่ไม่ควรเกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน และควรมีคุณพ่อคุณแม่ดูอยู่ด้วยเสมอ เพื่อพูดคุย ตั้งคำถาม และทำความเข้าใจเนื้อหาที่ลูกดู
  • ช่วงเวลาคุณภาพ: การปิดหน้าจอและหันมาทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น พูดคุย เล่น หรืออ่านหนังสือ จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการของลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดค่ะ

จะรู้ได้อย่างไรว่าของเล่นที่เลือกให้ลูกนั้น 'พอดี' และ 'เหมาะสม' กับพัฒนาการจริง ๆ?

การเลือกของเล่นควรมีประโยชน์และเหมาะสมกับพัฒนาการในแต่ละช่วงวัยของเด็ก ของเล่นที่เล่นง่ายเกินไปอาจทำให้เด็กเบื่อ ในขณะที่ของเล่นที่ยากเกินไปก็อาจทำให้เด็กท้อได้ ของเล่นที่เหมาะสมกับอายุและระดับพัฒนาการของเด็ก จะช่วยให้พวกเขามีความสุขและสนุกสนาน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดทักษะการเรียนรู้ต่าง ๆ และเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาศักยภาพอย่างเต็มที่ในอนาคต หากคุณแม่ไม่แน่ใจว่าจะเลือกของเล่นแบบไหนที่เหมาะสมที่สุด สามารถ ปรึกษากุมารแพทย์ เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับของเล่นเด็กที่เหมาะสมกับช่วงพัฒนาการของลูกได้นะคะ

สรุป

  • ของเล่นเด็ก มีหลากหลายรูปทรงและรูปแบบที่เด็กสามารถสัมผัสและเล่นได้ตามจินตนาการของตนเอง แต่การเล่นของเล่นนั้นเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ของเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การเล่นของเล่นเด็ก ให้ประโยชน์กับลูกถึง 4 ด้านด้วยกัน ได้แก่ ด้านร่างกาย ด้านจิตใจและอารมณ์ ด้านสติปัญญา ด้านสังคมและศีลธรรม
  • เด็กวัยที่ต่ำกว่า 3 ปี ควรเลือกของเล่นเด็กที่มีขนาดใหญ่กว่า 3.2 ซม. หรือมีความยาวมากกว่า 6 ซม. เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกนำเข้าปากหรือเผลอสำลักได้ง่าย

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

ของเล่นคืออะไร? สำคัญอย่างไรต่อพัฒนาการของลูก?

คุณแม่หลายท่านอาจมองว่าของเล่นเป็นเพียงสิ่งของที่ลูกใช้เล่นแก้เบื่อ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ของเล่นคือหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็กในทุกด้าน ของเล่นมีหลากหลายรูปทรงและรูปแบบให้ลูกได้หยิบจับสัมผัส ซึ่งแต่ละชิ้นก็มีคุณค่าและประโยชน์ที่แตกต่างกันไปค่ะ

การเล่นของเล่นเด็กมีประโยชน์อย่างไรต่อเด็ก

การเล่นไม่ใช่แค่เรื่องสนุกที่ดูไม่มีสาระนะคะ แต่เป็นกระบวนการที่มีความสำคัญอย่างมากในการกระตุ้นและส่งเสริมพัฒนาการของลูกในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น

  1. ด้านร่างกาย: การเล่นช่วยพัฒนากล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย การเคลื่อนไหวขณะเล่นทำให้กล้ามเนื้อทำงานประสานกันได้ดี ส่งผลให้กล้ามเนื้อของเด็กแข็งแรงขึ้น
  2. ด้านจิตใจและอารมณ์: การเล่นช่วยสร้างจิตใจที่ดีและปรับอารมณ์ของเด็กได้ เด็กจะได้เรียนรู้การแก้ปัญหา และยังช่วยคลายความเครียดหรือความวิตกกังวล
  3. ด้านสติปัญญา: การเล่นช่วยให้เด็กได้ใช้ความคิดและแสดงความเป็นตัวเอง เด็กจะมีโอกาสคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และเสริมความมั่นใจในตนเอง นอกจากนี้ยังส่งเสริมจินตนาการและการปรับตัว ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสู่การเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีศักยภาพ
  4. ด้านสังคมและศีลธรรม: การเล่นร่วมกับผู้อื่นสอนให้เด็กรู้จัก รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ซึ่งเป็นทักษะทางสังคมที่สำคัญ เด็กจะได้ฝึกการแบ่งปัน การช่วยเหลือผู้อื่น การรอคอย และการปรับตัวเพื่อที่จะอยู่ร่วมกับกลุ่มเพื่อนได้อย่างมีความสุข

 

การเลือกของเล่นที่เหมาะสมกับวัยและเปิดโอกาสให้ลูกได้เล่นอย่างอิสระ จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีที่สุดในการส่งเสริมให้ลูกเติบโตอย่างมีคุณภาพนะคะ

 

ของเล่นเด็ก ช่วยเสริมสร้าง IQ และ EQ ได้อย่างไร

คุณแม่รู้ไหมคะว่า "ของเล่น" เป็นตัวช่วยสำคัญที่จะสร้างพัฒนาการที่ดีให้กับลูก ทั้งในด้าน IQ (ความฉลาดทางสติปัญญา) และ EQ (ความฉลาดทางอารมณ์) เลยค่ะ

เมื่อลูกได้เล่นของเล่นที่ดีและมีคุณภาพ เขาจะได้ฝึกฝนทักษะที่จำเป็นรอบด้าน ทั้งการคิดอย่างสร้างสรรค์ การแก้ปัญหาด้วยเหตุผล และการปลดปล่อยจินตนาการได้อย่างเต็มที่ การเล่นที่กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้และท้าทายนี้ จะช่วยปลูกฝังนิสัยรักการเรียนรู้ด้วยตัวเองไปตลอดชีวิต นอกจากนี้ ของเล่นยังช่วยให้ลูกได้ผ่อนคลายความเครียดที่อาจจะอยู่ลึก ๆ ในใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราอาจไม่รู้ และยังเป็นเครื่องมือที่ดีที่ช่วยให้ลูกได้แสดงออกทางอารมณ์อีกด้วยค่ะ มาดูกันนะคะว่ามีของเล่นและกิจกรรมแบบไหนบ้างที่ช่วยพัฒนาสมองทั้งด้าน IQ และ EQ ให้กับลูกค่ะ

  1. เกมฝึกสมาธิ: อย่างการต่อ จิ๊กซอว์ เกมจับคู่ หรือ ปริศนาอักษรไขว้ จะช่วยให้ลูกได้ฝึกการจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำได้อย่างเหมาะสม และยังช่วยให้เขาฝึกการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบอีกด้วยค่ะ
  2. ดนตรี: การ เล่นกีตาร์ เปียโน หรือแม้แต่การ ร้องเพลง จะช่วยให้ลูกได้ฝึกประสาทสัมผัสและกล่อมเกลาจิตใจ ทำให้ลูกมีอารมณ์ที่อ่อนโยนขึ้นค่ะ
  3. ศิลปะ: กิจกรรมสร้างสรรค์อย่างการ วาดรูป ระบายสี ร้อยลูกปัด หรือ ทำงานประดิษฐ์ จะช่วยส่งเสริมจินตนาการและฝึกการทำงานของกล้ามเนื้อมือและสมองให้ประสานกัน
  4. กีฬา: การเล่น ฟุตบอล บาสเกตบอล ว่ายน้ำ หรือ วิ่ง นอกจากจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังช่วยสอนให้ลูกได้เรียนรู้การทำงานร่วมกับผู้อื่น การเคารพกฎกติกา และการจัดการอารมณ์เมื่อต้องเผชิญกับชัยชนะหรือความพ่ายแพ้

 

การให้ลูกได้เล่นและทำกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้เขาได้ใช้ทั้งร่างกายและความคิดไปพร้อม ๆ กัน ทำให้เกิดการพัฒนาสมองทั้งด้าน IQ และ EQ ได้อย่างสมบูรณ์ และเติบโตอย่างมีความสุขค่ะ

 

การเลือกของเล่นเด็ก สิ่งที่พ่อแม่ต้องรู้ก่อนซื้อ

การเลือกของเล่นเด็กไม่ใช่แค่การเดินไปหยิบของชิ้นที่สวยที่สุดจากชั้นวาง แต่เป็นการเลือกของเล่นที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับพัฒนาการของลูกค่ะ ถ้าคุณแม่กำลังมองหาของเล่นชิ้นต่อไปให้ลูกรัก ลองมาดูหลักการง่าย ๆ ที่เรานำมาฝากกันนะคะ

1. ขนาดของเล่นต้องถูกต้อง ปลอดภัยไว้ก่อน

สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องความปลอดภัยค่ะ สำหรับลูกวัยที่ต่ำกว่า 3 ปี ควรเลือกของเล่นที่มีขนาดใหญ่กว่า 3.2 ซม. หรือมีความยาวมากกว่า 6 ซม. เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกนำเข้าปากหรือเผลอสำลักได้ง่าย นอกจากนี้ ของเล่นที่ทำจากพลาสติกหรือมีสีสันสดใส ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้รับรองมาตรฐานการผลิตที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก

  • เน้นคุณภาพ ไม่เน้นปริมาณ: การซื้อของเล่นน้อยชิ้นแต่มีคุณภาพ ดีกว่า การซื้อของเล่นราคาถูกจำนวนมาก เพราะของเล่นราคาถูกมักจะมีสารเคมีอันตรายมากกว่า
  • หลีกเลี่ยงสารเคมีและกลิ่นฉุน: ควรหลีกเลี่ยงของเล่นที่มีกลิ่นน้ำหอมหรือกลิ่นสารเคมีรุนแรง รวมถึงของเล่นที่ให้ความรู้สึกไม่สบายผิวเวลาสัมผัส
  • ระวังชิ้นส่วนเล็ก ๆ: สำหรับเด็กเล็ก ควรระมัดระวังเป็นพิเศษว่าของเล่นจะไม่มีชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่อาจหลุดออกมาและลูกสามารถกลืนลงไปได้
  • แกะบรรจุภัณฑ์ทิ้งไว้: เมื่อซื้อของเล่นใหม่ ควรแกะบรรจุภัณฑ์และนำของเล่นไปวางทิ้งไว้นอกอาคาร เพื่อให้สารเคมีบางส่วนที่อาจเป็นอันตรายระเหยไปก่อนนำมาให้ลูกเล่นค่ะ

 

2. เลือกของเล่นให้เหมาะกับช่วงวัยของลูก

ของเล่นที่ดีที่สุดคือของเล่นที่ช่วยเสริมพัฒนาการในแต่ละช่วงวัยค่ะ มาดูกันว่าลูกน้อยของคุณแม่เหมาะกับของเล่นเด็กแบบไหนในช่วงวัยของเขากันค่ะ

  • อายุ 9 เดือน: ช่วงนี้ลูกจะชอบสำรวจสิ่งของรอบตัว คุณแม่ลองหาอุปกรณ์ที่มีสีสันสดใสและมีเสียงกรุ๊งกริ๊งค่ะ อย่างลูกบอลยางนิ่ม ๆ หรือของเล่นที่เขย่าแล้วมีเสียง จะช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสของลูกได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ
  • อายุ 18 เดือน (1 ปี 6 เดือน): ช่วงนี้ลูกเริ่มสนใจมองตามสิ่งรอบข้างที่ คุณพ่อ คุณแม่ หรือพี่เลี้ยงชี้ให้ดูได้แล้วค่ะ ลองหาของเล่นเด็ก 1 ขวบ เช่น หนังสือเด็กที่ทำด้วยพลาสติก ผ้า หรือกระดาษหนา ๆ ให้ลูกเล่นดูนะคะ
  • อายุ 30 เดือน (2 ปี 6 เดือน): ช่วงนี้ลูกเริ่มเล่นเลียนแบบและใช้จินตนาการในการเล่นบทบาทสมมติที่ซับซ้อนมากขึ้นแล้วค่ะ คุณแม่ลองหาของเล่นเด็ก เช่น หนังสือรูปภาพหรือนิทานที่มีภาพสวย ๆ และคำอธิบายสั้น ๆ มาให้ลูกอ่านดูนะคะ เพราะจะช่วยพัฒนาภาษาและการเรียนรู้ของลูกได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ
  • อายุ 42 เดือน (3 ปี 6 เดือน): วัยนี้ลูกน้อยเริ่มช่วยเหลือคุณแม่ทำงานบ้านง่าย ๆ ได้แล้วค่ะ เช่น เก็บของเล่น หรือหยิบของ คุณแม่สามารถใช้โอกาสนี้สอนให้ลูกรู้จักสิ่งของต่าง ๆ รอบตัวได้ นะคะ ทั้งการสอนให้ลูกรู้ว่าอะไรคือสิ่งของที่เป็นอันตรายในบ้าน และยังสามารถสอนให้ลูกเรียนรู้รูปทรงต่าง ๆ เช่น ทรงกระบอกสั้น หรือรูปทรงสี่เหลี่ยม จากสิ่งของที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย นอกจากนี้ การเรียนรู้จากของเล่นที่เป็นรูปเสื้อผ้า อาหาร หรือสัตว์ ก็จะช่วยให้ลูกได้เรียนรู้และเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้อย่างสนุกสนานค่ะ
  • อายุ 60 เดือน (5 ปี): วัยนี้ลูกน้อยจะเริ่มสื่อสารและใช้เหตุผลได้ดีขึ้นมากเลยค่ะ คุณแม่จะเห็นลูกถามเกี่ยวกับความหมายหรือเหตุผลของสิ่งต่าง ๆ รอบตัว นอกจากนี้ยังสามารถจับดินสอได้อย่างถูกต้อง และวาดรูปคนที่มีอวัยวะครบ 6 ส่วน รวมถึงวาดรูปสามเหลี่ยมตามแบบได้แล้วด้วยนะคะ เพื่อส่งเสริมทักษะเหล่านี้ คุณแม่ลองหาของเล่นเด็กอย่างกระดาษ ดินสอ หนังสือนิทาน หรือแผ่นพยัญชนะ เพื่อให้ลูกได้ฝึกวาดรูปและเตรียมพร้อมสำหรับการเรียนรู้ในอนาคตได้เลยค่ะ

 

การเลือกของเล่นเด็กที่เหมาะสมกับช่วงวัยและปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดค่ะ เพราะของเล่นที่ดีจะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของลูกได้อย่างเต็มที่ หากคุณแม่ไม่แน่ใจว่าจะเลือกของเล่นแบบไหนที่เหมาะสมที่สุด สามารถปรึกษากุมารแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้นะคะ

 

ของเล่นเด็กเสริมพัฒนาการตามช่วงวัย

การเลือกของเล่นเสริมพัฒนาการที่เหมาะสมกับช่วงวัยของลูกเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ เพราะของเล่นแต่ละชิ้นไม่ได้มีไว้เพื่อความสนุกเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ลูกเรียนรู้และเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ มาดูกันค่ะว่าลูกรักของคุณแม่เหมาะกับของเล่นแบบไหนในแต่ละช่วงวัย

วัยแรกเกิด - 6 เดือน: กระตุ้นการมองเห็น การได้ยิน และการคว้าจับ

ในวัยนี้ ลูกน้อยจะเริ่มสำรวจโลกด้วยประสาทสัมผัส การเลือกของเล่นที่ช่วยกระตุ้นการมองเห็น การฟังเสียง และการใช้มือจึงเป็นสิ่งสำคัญค่ะ

  • กระตุ้นการมองเห็น: ลูกจะชอบมองสิ่งของที่มีสีสันสดใสและเคลื่อนไหวช้า ๆ ลองหาโมบายรูปตุ๊กตาน่ารัก ๆ หรือของเล่นเด็กที่พริ้วไหวตามลมมาติดไว้ในห้องนอน จะช่วยดึงดูดความสนใจของลูกได้ดีเลยค่ะ
  • กระตุ้นการได้ยิน: ของเล่นเด็กที่มีเสียงกรุ๊งกริ๊ง หรือเสียงดนตรีเบา ๆ จะช่วยกระตุ้นการได้ยินของลูกได้ค่ะ
  • กระตุ้นการใช้มือและปาก: เด็กวัยนี้มักใช้มือและปากสำรวจสิ่งของรอบตัว ของเล่นเด็กที่ทำจากยางนิ่ม ๆ หรือตุ๊กตาผ้าที่ทำความสะอาดง่าย จะช่วยให้ลูกได้เรียนรู้จากผิวสัมผัสได้ ค่ะ

 

วัย 7-12 เดือน: เสริมกล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหว และการแก้ปัญหาเบื้องต้น

เมื่อลูกเริ่มเคลื่อนไหวได้เองมากขึ้นและเริ่มมีทักษะทางภาษา คุณแม่สามารถเลือกของเล่นเด็กที่ซับซ้อนขึ้นเพื่อเสริมพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ได้ค่ะ

  • ผิวสัมผัสที่หลากหลาย: ลองหาลูกบอลที่มีผิวสัมผัสนุ่ม เรียบ หรือมีปุ่มต่าง ๆ ให้ลูกได้จับและขยำ จะช่วยให้ลูกได้เรียนรู้และสัมผัสความแตกต่างของผิวสัมผัสมากขึ้นค่ะ
  • ส่งเสริมการใช้กล้ามเนื้อ: ของเล่นเด็กที่กลิ้งได้ รถลากจูง หรือบล็อกขนาดใหญ่ที่ลูกสามารถต่อเข้าด้วยกัน และเก็บใส่กล่อง หรือหยิบออกจากกล่องได้ จะช่วยฝึกกล้ามเนื้อมือและขาให้แข็งแรงขึ้น
  • พัฒนาสติปัญญา: หนังสือภาพที่ทำจากกระดาษแข็ง พลาสติก หรือผ้า ที่มีรูปสัตว์หรือสิ่งของสีสันสดใส จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางภาษาและกล้ามเนื้อมือของลูกได้ดีมากเลยค่ะ

 

วัย 1-2 ปี: พัฒนาภาษา ความคิด และการทำงานประสานกันของอวัยวะ

วัยนี้เหมาะกับของเล่นเสริมพัฒนาการเด็ก 1 ขวบที่ช่วยเสริมทักษะทางภาษา การใช้ความคิด และการทำงานประสานกันของกล้ามเนื้อค่ะ

  • เสริมกล้ามเนื้อและการทรงตัว: ลองหาของเล่นไขลาน แท่งไม้หรือพลาสติกรูปทรงต่าง ๆ ให้ลูกได้หยิบ จับ วาง หรือของเล่นที่บีบ กดแล้วเปลี่ยนรูปทรงได้ จะช่วยเสริมทักษะกล้ามเนื้อมือ นอกจากนี้ การให้ลูกได้ลองใช้สีไม้หรือสีเทียนก็เป็นการฝึกกล้ามเนื้อมือที่ดีเยี่ยมเลยค่ะ
  • พัฒนาภาษา: นิทานตามวัย หรือสมุดภาพที่ให้ลูกเรียนรู้ชื่อสิ่งของต่าง ๆ เป็นวิธีที่สนุกในการช่วยลูกพัฒนาภาษาและการสื่อสารค่ะ
  • เสริมสติปัญญา: กล่องหยอดรูปทรงต่าง ๆ จะช่วยให้ลูกได้ฝึกการใช้มือและสายตาให้ทำงานประสานกัน และยังเป็นการฝึกการแก้ปัญหาเบื้องต้นให้กับลูกด้วยนะคะ

 

การเลือกของเล่นให้เหมาะสมกับพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย จะช่วยกระตุ้นการเรียนรู้และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว เพราะของเล่นที่ดีที่สุดคือการได้เล่นและเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กับคุณพ่อคุณแม่ค่ะ

 

แนะนำ 12 ของเล่นเด็ก ที่มีประโยชน์กับลูก

การเล่นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็ก ๆ เป็นมากกว่าแค่การให้ความบันเทิง แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เด็กเรียนรู้และทำความเข้าใจโลกรอบตัว การเล่นช่วยให้สมองของเด็ก ๆ ได้รับการกระตุ้นและพัฒนาทักษะต่าง ๆ เช่น ทักษะทางสังคมและอารมณ์ การใช้ของเล่นที่เหมาะสมกับวัย จึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการของลูกน้อยได้อย่างเต็มที่ค่ะ

ของเล่นเด็กสำหรับทารก

1. โมบายติดเตียง (Nursery Mobile)

  • การเล่น: แขวนไว้เหนือเปลหรือเตียง เพื่อให้ลูกได้มองและติดตามการเคลื่อนไหวของวัตถุ
  • จุดเด่นของของเล่น: สีสันสดใสและรูปทรงที่เคลื่อนไหวได้ ช่วยดึงดูดความสนใจของเด็ก
  • ประโยชน์ของการเล่น: ช่วยกระตุ้นการมองเห็น ส่งเสริมการมีสมาธิและการจดจ่อ ของเด็กให้ยาวนานขึ้น

 

2. กระจก (Mirror)

  • การเล่น: ให้ลูกได้ส่องดูตัวเองในกระจก
  • จุดเด่นของของเล่น: เป็นของเล่นที่เรียบง่ายแต่ดึงดูดความสนใจของเด็กได้ดี
  • ประโยชน์ของการเล่น: ในช่วงแรกเด็กจะสนใจใบหน้าและสีหน้าของตัวเองที่เปลี่ยนไปในกระจก ต่อมาเมื่อพวกเขาตระหนักว่าภาพสะท้อนที่เห็นคือตัวเอง ก็จะนำไปสู่การเรียนรู้เรื่องส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

 

3. ห่วงเรียงซ้อน (Ring Stack)

  • การเล่น: ให้ลูกถือ, จับ, หรือนำห่วงมาเรียงซ้อนบนกรวย ตามขนาด
  • จุดเด่นของของเล่น: มีสีสันสดใสและขนาดต่างกัน
  • ประโยชน์ของการเล่น: ในช่วงแรกเด็กอาจจะชอบกัดหรือถือห่วงเล่น ต่อมาจะได้ฝึกทักษะการเคลื่อนไหว (fine motor skills) ในการเรียงห่วง นอกจากนี้ยังช่วยฝึกเรื่องสีและจำนวนเมื่อผู้ปกครองชวนลูกนับห่วง

 

4. ของเล่นแบบผลัก-ลาก (Push-Pull Toys)

  • การเล่น: ให้ลูกเข็นหรือลากของเล่นขณะกำลังหัดเดิน
  • จุดเด่นของของเล่น: มีรูปแบบที่หลากหลายและมักมีเสียงเมื่อลากหรือเข็น
  • ประโยชน์ของการเล่น: ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ (large-muscle development) และการทรงตัวของลูกน้อยในขณะที่กำลังเปลี่ยนจากเด็กหัดคลานเป็นเด็กหัดเดิน

 

ของเล่นเด็กสำหรับวัยเตาะแตะ

5. ลูกบอล (Balls)

  • การเล่น: ให้ลูกกลิ้ง, ขว้าง, จับ, หรือเตะลูกบอล
  • จุดเด่นของของเล่น: มีหลายขนาด, สี, และวัสดุให้เลือกเล่น
  • ประโยชน์ของการเล่น: ช่วยส่งเสริมทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่, การประสานงานระหว่างมือและตา (hand-eye coordination), และความคล่องแคล่วของร่างกาย

 

6. ของเล่นคัดแยกรูปทรง (Shape-Sorting Toys)

  • การเล่น: ให้ลูกนำบล็อกรูปทรงต่าง ๆ ใส่ลงในช่องที่ถูกต้อง
  • จุดเด่นของของเล่น: มีรูปทรงและสีที่แตกต่างกันไป
  • ประโยชน์ของการเล่น: ช่วยฝึกการประสานงานระหว่างมือและตา และทักษะการแก้ปัญหา (problem-solving skills)

 

7. ของเล่นแบบกลไก (Mechanical Toys)

  • การเล่น: ให้ลูกกดปุ่ม, หมุนปุ่ม, หรือเลื่อนคันโยกเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น ของเล่นแบบมีตัวการ์ตูนเด้งขึ้นมา หรือกล่องกิจกรรมที่มีปุ่มหลายปุ่ม
  • จุดเด่นของของเล่น: มีการทำงานที่ซับซ้อนขึ้นมาเล็กน้อย เพื่อท้าทายให้เด็กได้ลองเล่น
  • ประโยชน์ของการเล่น: ส่งเสริมทักษะกล้ามเนื้อมัดเล็ก และการเรียนรู้เรื่องเหตุและผล (cause-and-effect)

 

8. ของเล่นบทบาทสมมติ (Role-Play Toys)

  • การเล่น: ให้ลูกเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ใหญ่ เช่น การทำอาหาร หรือการเล่นเป็นคุณหมอ
  • จุดเด่นของของเล่น: เป็นของเล่นที่จำลองสิ่งของหรืออาชีพที่เด็กคุ้นเคย
  • ประโยชน์ของการเล่น: ช่วยให้เด็กได้เรียนรู้การทำงานของโลกรอบตัวผ่านการเลียนแบบ นอกจากนี้การเล่นกับตุ๊กตาหรือตุ๊กตารูปสัตว์ ยังช่วยพัฒนาด้านสังคมและอารมณ์ เพราะสอนให้เด็กรู้จักแสดงอารมณ์และดูแลผู้อื่น

 

9. หนังสือภาพ (Picture Books)

  • การเล่น: ให้ลูกสนใจมองภาพสัตว์สีสดใสในหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือที่ทำจากกระดาษแข็ง พลาสติก หรือผ้า ลองให้ลูกหัดจับและเปิดปิดหนังสือด้วยตัวเอง
  • จุดเด่นของของเล่น: หนังสือมีสีสันสดใส มีรูปภาพน่าสนใจ และทำจากวัสดุที่หลากหลายให้เลือก
  • ประโยชน์ของการเล่น: ช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านภาษาและส่งเสริมกล้ามเนื้อมือจากการหัดจับและเปิดปิดหนังสือ

 

ของเล่นเด็กสำหรับเด็กก่อนวัยเรียน

10. ศิลปะและงานฝีมือ (Arts and Crafts)

  • การเล่น: ให้ลูกได้ลองจับดินสอสีวาดภาพ หรือ ระบายสีบนสมุดภาพ
  • จุดเด่นของของเล่น: เพลิดเพลินและง่ายต่อการเล่น
  • ประโยชน์ของการเล่น: เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมือและการประสานงานระหว่างมือกับตา ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และสร้างความภาคภูมิใจในตัวเอง

 

11. บล็อกและชุดตัวต่อ (Blocks and Construction Sets)

  • การเล่น: ให้ลูกได้ต่อบล็อกเป็นรูปทรงต่าง ๆ เช่น การสร้างหอคอย
  • จุดเด่นของของเล่น: มีรูปทรงและขนาดที่หลากหลาย สามารถนำมาประกอบกันได้ไม่จำกัด
  • ประโยชน์ของการเล่น: ช่วยฝึกทักษะการแก้ปัญหา (เช่น การหาวิธีไม่ให้หอคอยล้ม), การประสานงานระหว่างมือและตา และส่งเสริมจินตนาการในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ

 

12. จิ๊กซอว์ (Puzzles)

  • การเล่น: ให้ลูกได้นำชิ้นส่วนจิ๊กซอว์มาต่อกันให้เป็นภาพที่สมบูรณ์
  • จุดเด่นของของเล่น: มีหลายระดับความยาก และลวดลายที่หลากหลาย
  • ประโยชน์ของการเล่น: ช่วยฝึกการประสานงานระหว่างมือและตา, ความคล่องแคล่วในการเคลื่อนไหว, การคิดเชิงตรรกะ, และความสัมพันธ์เชิงพื้นที่ (spatial relationships) ว่าสิ่งของแต่ละชิ้นอยู่ตำแหน่งใดเมื่อเทียบกับชิ้นอื่น

ของเล่นเป็นเครื่องมือสำคัญในการเรียนรู้ของลูก การเลือกของเล่นให้เหมาะสมกับช่วงวัยและเล่นไปพร้อมกับลูก จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการรอบด้าน และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวค่ะ

 

7 ลักษณะของเล่นเด็กที่ควรหลีกเลี่ยง

คุณแม่รู้ไหมคะว่า นอกจากการเลือกของเล่นเพื่อส่งเสริมพัฒนาการของลูกแล้ว การพิจารณาถึงความปลอดภัยของของเล่นก็เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้เลยค่ะ เพราะของเล่นบางชนิดอาจมีอันตรายแฝงอยู่โดยที่เราไม่ทันสังเกต และอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดได้ มาดูกันค่ะว่ามีของเล่นประเภทไหนบ้างที่คุณแม่ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อให้ลูกน้อยได้เล่นอย่างปลอดภัยและมีความสุข

  1. ของเล่นชิ้นเล็ก: ของเล่นเด็กที่มีชิ้นส่วนเล็กกว่า 3.2 ซม. หรือมีความยาวน้อยกว่า 6 ซม. เสี่ยงต่อการที่ลูกจะนำเข้าปากและเกิดการสำลักได้ง่าย โดยเฉพาะตุ๊กตาพลาสติกตัวเล็ก ๆ ที่เป็นรูปตัวการ์ตูนยอดนิยม
  2. ของเล่นที่มีสายยาว: ของเล่นที่มีสายยาวเกิน 22 ซม. เช่น โทรศัพท์ของเล่น หรือรถลาก อาจพันรัดคอของลูกได้ รวมถึงของเล่นที่มีช่องหรือรูขนาดพอดีกับนิ้วมือ ก็อาจทำให้มือหรือนิ้วติดได้ค่ะ
  3. ของเล่นที่มีกระสุน: ปืนอัดลมหรือปืนลูกดอกที่มีแรงอัดสูงกว่า .08 จุล อาจเป็นอันตรายถึงขั้นทำให้ดวงตาของลูกบาดเจ็บหรือตาบอดได้เลยค่ะ จึงควรหลีกเลี่ยงของเล่นประเภทนี้
  4. ของเล่นที่มีส่วนแหลมคม: ของเล่นที่ทำจากพลาสติกหรือโลหะ และมีส่วนแหลมคม เช่น รถของเล่นที่มีส่วนท้ายแหลม หรือจรวดพลาสติก อาจทำให้เกิดบาดแผลแก่ลูกได้
  5. ของเล่นที่ติดไฟง่าย: ชุดแต่งกายแฟนซีของเด็กบางชุดทำจากวัสดุที่ติดไฟง่าย หากไม่ได้ผ่านการทดสอบมาตรฐานความปลอดภัย อาจเป็นอันตรายหากอยู่ใกล้แหล่งความร้อน
  6. ของเล่นที่มีเสียงดังเกินไป: ของเล่นที่ส่งเสียงดังเกิน 110 เดซิเบลในครั้งเดียว หรือดังต่อเนื่องเกิน 80 เดซิเบล อาจเป็นอันตรายต่อเซลล์ประสาทการรับเสียงของลูกน้อยได้ ควรระวังของเล่นประเภทนี้ โดยเฉพาะของเล่นที่ใช้แบตเตอรี่และมีเสียงดังมาก
  7. ของเล่นที่เคลื่อนที่เร็วเกินไป: รถหัดเดินหรือรถพยุงตัวที่ไม่ได้ออกแบบมาอย่างเหมาะสม อาจเสี่ยงต่อการหกล้มหรือพลิกคว่ำได้ ซึ่งเป็นอันตรายต่อลูกน้อยที่กำลังหัดเดินหรือยืนค่ะ

 

การเลือกของเล่นที่ปลอดภัยถือเป็นหัวใจสำคัญของการเล่นที่สร้างสรรค์และมีความสุข เพราะการใส่ใจในรายละเอียดของของเล่นแต่ละชิ้นจะช่วยให้ลูกได้เรียนรู้และเติบโตอย่างเต็มที่

 

เล่นกับลูกอย่างไร? กิจกรรมเสริมพัฒนาการที่พ่อแม่ทำได้ทุกวัน

คุณแม่รู้ไหมคะว่าการใช้เวลาเล่นกับลูกเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะนอกจากจะช่วยสร้างสายใยความผูกพันแล้ว ยังส่งผลดีต่อพัฒนาการของลูกในทุกด้านเลยค่ะ จากงานวิจัยของ กรมอนามัย และ สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) ที่วิเคราะห์ข้อมูลจากการสำรวจของ สำนักงานสถิติแห่งชาติ และ องค์การยูนิเซฟ (UNICEF) ประเทศไทย พบว่า การที่พ่อแม่มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ กับลูกอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็กได้อย่างสมวัย โดยเฉพาะในด้านสติปัญญาและภาษาเลยค่ะ

มาดูกันค่ะว่ามีกิจกรรมอะไรบ้างที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำกับลูกได้ทุกวัน เพื่อให้ทุกช่วงเวลาแห่งการเล่นเป็นการเรียนรู้ที่สนุกและมีคุณค่าค่ะ

กิจกรรมที่เหมาะสมกับเด็ก

  1. พาเที่ยวเปิดประสบการณ์: การพาเด็ก ๆ ไปเยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ เช่น พิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์ หรือห้องสมุด จะช่วยกระตุ้นจินตนาการและส่งเสริมการเรียนรู้ได้อย่างดีเยี่ยมเลยค่ะ ที่สำคัญคือต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลักด้วยนะคะ
  2. ทำอาหารด้วยกัน: ชวนลูกเข้าครัวและลองทำอาหารง่าย ๆ ด้วยกันค่ะ คุณแม่อาจจะแนะนำวัตถุดิบที่มีประโยชน์และให้ลูกได้ลองจัดรูปร่างหน้าตาอาหารให้สวยงาม กิจกรรมนี้จะช่วยให้ลูกได้ใช้จินตนาการอย่างเต็มที่เลยค่ะ
  3. เล่นกีฬาและออกกำลังกาย: การเรียนว่ายน้ำ ขี่จักรยาน หรือเล่นกีฬาที่ลูกชอบ จะช่วยกระตุ้นและพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ให้แข็งแรง พร้อมทั้งฝึกทักษะการเคลื่อนไหวไปในตัวด้วยค่ะ
  4. สัมผัสธรรมชาติ: การทำสวน ปลูกต้นไม้ เลี้ยงสัตว์ หรือออกไปเยี่ยมชมธรรมชาติอย่างน้ำตก ภูเขา หรือทะเล จะช่วยให้ลูกได้เรียนรู้และใกล้ชิดกับสิ่งมีชีวิตรอบตัว
  5. งานศิลปะสร้างสรรค์: ชวนลูกวาดรูปหรือระบายสี จะช่วยกระตุ้นและพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กให้แข็งแรง พร้อมทั้งเสริมสร้างจินตนาการให้กว้างไกลขึ้นค่ะ
  6. เรียนรู้เรื่องคุณธรรม: ลองพาเข้าวัดเพื่อฝึกสมาธิ หรือพาไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ที่อยู่ห่างไกล จะช่วยสอนให้ลูกได้เข้าใจในเรื่องศีลธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ ได้ดีเลยค่ะ
  7. เข้าร่วมกิจกรรม: การเข้าค่ายกิจกรรมหรือค่ายอาสาต่าง ๆ จะช่วยให้ลูกได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่น และรู้จักช่วยเหลือสังคม
  8. กิจกรรมในบ้าน: ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง อ่านหนังสือ เล่านิทาน หรือเล่นบอร์ดเกม เช่น เกมทายคำศัพท์ กิจกรรมเหล่านี้ก็ช่วยเสริมสร้างทักษะการใช้ภาษาและการคิดวิเคราะห์ได้เป็นอย่างดีค่ะ
  9. เล่นดนตรี: ชวนลูกร้องเพลงหรือเล่นดนตรีด้วยกันในบ้าน จะช่วยสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและสนุกสนานในครอบครัว และยังช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์และจินตนาการของลูกด้วยนะคะ

 

การเล่นและทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ลูกมีพัฒนาการที่สมวัยเท่านั้น แต่ยังเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สร้างความสุขและความผูกพันในครอบครัว ทำให้ลูกเติบโตเป็นเด็กที่ทั้งฉลาดและมีอารมณ์ที่ดีค่ะ

ของเล่นเด็กจะมีความหมายและสมบูรณ์ที่สุดก็ต่อเมื่อมีคนที่เล่นด้วยค่ะ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เด็กต้องการไม่ใช่แค่ของเล่นชิ้นใหม่ แต่คือ "เวลา" "ความรัก" "ความเข้าใจ" และ "ความใส่ใจ" จากคุณพ่อคุณแม่ค่ะ เพราะฉะนั้นแล้ว ไม่ว่าของเล่นจะดีแค่ไหนก็ตาม แต่ คุณพ่อคุณแม่คือของเล่นที่ดีที่สุดสำหรับลูกเสมอค่ะ

แม้ว่าการเล่นจะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของลูกได้เป็นอย่างดี แต่สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ โภชนาการ ค่ะ เพราะอาหารที่ดีมีส่วนช่วยในการสร้างรากฐานที่แข็งแรงให้กับทั้งร่างกายและสมองของลูกน้อย

รวมถึงการดื่มนมก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กันค่ะ เพราะนมเป็นแหล่งของ โปรตีน และ แคลเซียม ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน การเสริมนมกล่องเด็กให้กับลูกที่อายุ 1 ปีขึ้นไป คุณแม่ควรเลือกนมรสจืด เช่น นมครบส่วน หรือ นมไขมันเต็ม เพื่อให้ร่างกายของลูกได้รับพลังงานอย่างเพียงพอ ที่สำคัญ อย่าลืมมองหาสารอาหารสำคัญที่ช่วยบำรุงสมองในนมด้วยนะคะ เช่น โอเมก้า 3, 6, 9 ดีเอชเอ (DHA) วิตามินบี 12 ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมอง และ แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน (Alphalac Sphingomyelin) เป็นสารอาหารสำคัญที่มีบทบาทต่อการพัฒนาสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับ การประมวลผลที่รวดเร็ว และช่วยให้ สมองมีสมาธิจดจ่อ ซึ่งส่งผลให้การทำงานของสมองในเด็กเจนใหม่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นค่ะ

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่

อ้างอิง:

  1. การเล่น, กองกิจกรรมทางกายภาพเพื่อสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข
  2. หลากอันตรายจาก “ของเล่นเด็ก”, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
  3. เลือกของเล่นอย่างไร?ให้ปลอดภัยกับเด็ก, กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
  4. พัฒนาการของลูกน้อยเมื่ออายุ 9 เดือน, Unicef Thailand
  5. พัฒนาการเด็ก แต่ละช่วงวัย (เด็กแรกเกิด - 6 ปี), โรงพยาบาลสมิติเวช
  6. เลือก “ของเล่น” เป็น “ของขวัญ” ช่วยเสริมพัฒนาการของเด็กแต่ละวัย, โรงพยาบาลสมิติเวช
  7. Smart Toys for Every Age, Nemours Kids Health
  8. 4 วิธีฝึกสมาธิลูก ลดภาวะสมาธิสั้น ป้องกันสมาธิสั้นเทียมในยุคดิจิทัล, มูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์
  9. เลือกของเล่นเด็กให้ปลอดภัยจากสารพิษ, มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
  10. กรมอนามัย เผย ผลวิจัย ชี้ เด็กเล่นกับพ่อส่งเสริมพัฒนาการด้านสติปัญญา ชวนใช้เวลาเล่นกันมากขึ้น สร้างพัฒนาการสมวัย, กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
  11. คุณหมอแนะนำ...ปิดเทอมนี้ ชวนลูกทำกิจกรรมอะไรช่วยกระตุ้นพัฒนาการได้, โรงพยาบาลพญาไท 2
  12. อาหารที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย, ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
  13. พัฒนาการสะดุด ถ้าไม่หยุด สมาร์ทโฟน, กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
  14. เลือก “ของเล่น” เป็น “ของขวัญ” ช่วยเสริมพัฒนาการของเด็กแต่ละวัย, โรงพยาบาลสมิติเวช

 

อ้างอิง ณ วันที่ 24 กันยายน 2568