ได้ยินชัดเลยค่ะคุณแม่! เหมือนมีผู้ฟังตัวน้อยๆ อยู่ในท้องเลยค่ะ เขาจะเริ่มได้ยินเสียงต่างๆ ชัดเจนขึ้นประมาณเดือนที่ 6 ของการตั้งครรภ์ค่ะ การที่คุณแม่พูดคุย ร้องเพลง หรือเล่านิทานให้เขาฟังบ่อยๆ

รู้สึกแน่นอนค่ะ! การสัมผัสเป็นประสาทสัมผัสแรกๆ ที่ลูกน้อยพัฒนาเลยค่ะ การที่คุณแม่ลูบหน้าท้องเบาๆ ก็เหมือนการส่งความรักและความอบอุ่นไปให้เขาโดยตรง บางครั้งเขาอาจจะตอบสนอง

รู้สึกแน่นอนค่ะ! การสัมผัสเป็นประสาทสัมผัสแรกๆ ที่ลูกน้อยพัฒนาเลยค่ะ การที่คุณแม่ลูบหน้าท้องเบาๆ ก็เหมือนการส่งความรักและความอบอุ่นไปให้เขาโดยตรง บางครั้งเขาอาจจะตอบสนอง

ถ้าอยากทานให้ชื่นใจ แนะนำว่าทานประมาณครึ่งถ้วยตวงต่อวันก็เพียงพอแล้วค่ะ เพราะถึงแม้จะมีประโยชน์ แต่ทับทิมก็มีน้ำตาลธรรมชาติอยู่เหมือนกันค่ะ การทานผลไม้หลากหลายชนิดสลับกันไปจะดีที่สุด

ประโยชน์หลักๆ เลยคือ 'กรดโฟลิก' ที่มีในทับทิมค่ะ ซึ่งสำคัญมากๆๆ ในการป้องกันความผิดปกติของระบบประสาทของลูกน้อยค่ะ นอกจากนี้ยังมีวิตามินเคที่ช่วยเรื่องการสร้างกระดูกให้แข็งแรง

ตัวพิซซ่าที่ปรุงสุกดีแล้วไม่ได้เป็นอันตรายต่อลูกโดยตรงค่ะ แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ "วัตถุดิบที่ไม่สุก" เช่น เปปเปอโรนี หรือแฮมบางชนิดที่อาจมีเชื้อโรคได้ และชีสบางชนิดที่ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์ค่ะ

ชีสส่วนใหญ่ที่ใช้ทำพิซซ่า เช่น มอสซาเรลล่าชีส เป็นชีสแข็งที่ปลอดภัยและผ่านการพาสเจอร์ไรส์แล้วค่ะ สามารถทานได้เมื่อปรุงสุกและร้อนจัดค่ะ แต่ควรหลีกเลี่ยงชีสชนิดนิ่ม (Soft Cheese)

หน้าที่แนะนำคือหน้าที่เน้น "ผักปรุงสุก" หรือ "เนื้อสัตว์ที่สุกดีแล้ว" เช่น พิซซ่าหน้าฮาวายเอี้ยน (สับปะรดสุก), พิซซ่าหน้าไก่ย่าง, หรือพิซซ่าหน้าเห็ดค่ะ ส่วนหน้าที่ควร "หลีกเลี่ยง"

ทั้งสองสีมีประโยชน์เหมือนกันเลยค่ะคุณแม่! แต่ในแก้วมังกรสีแดงจะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่า 'ไลโคปีน' และ 'เบต้าไซยานิน' สูงกว่า ซึ่งจะช่วยบำรุงร่างกายได้ดียิ่งขึ้นค่ะ

ถ้าอยากทานให้ชื่นใจ แนะนำว่าทานประมาณครึ่งลูกถึงหนึ่งลูกต่อวันก็เพียงพอแล้วค่ะ และไม่ควรทานทุกวันนะคะ การทานผลไม้หลากหลายชนิดสลับกันไปจะดีที่สุด เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วนค่ะ

"ห้ามเด็ดขาดเลยค่ะ!" ไม่ใช่แค่ตับไก่นะคะ แต่เป็นเนื้อสัตว์ทุกชนิดเลยค่ะคุณแม่! อาหารดิบๆ สุกๆ อาจมีเชื้อโรคหรือพยาธิปนเปื้อนอยู่ ซึ่งอาจทำให้คุณแม่ท้องเสียรุนแรงหรือติดเชื้อ

ถ้าอยากทานจริงๆ แนะนำว่าทานแค่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และทานครั้งละประมาณ 1-2 ชิ้นเล็กๆ ก็เพียงพอแล้วค่ะ เพื่อให้ได้ประโยชน์จากธาตุเหล็กโดยไม่เสี่ยงได้รับวิตามินเอมากเกินไปค่ะ

เป็นความกังวลที่ถูกต้องเลยค่ะคุณแม่! ตับไก่มี "วิตามินเอ" สูงมากจริงๆ ค่ะ ซึ่งถ้าคุณแม่ได้รับวิตามินเอมากเกินไป ก็อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์ได้ค่ะ

วิธีที่ง่ายที่สุดคือการอ่านฉลากข้างผลิตภัณฑ์ค่ะ โดยปกติแล้วจะมีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่า "ทำจากนมพาสเจอร์ไรส์ (Made from Pasteurized Milk)" ค่ะ โดยทั่วไปแล้ว ชีสชนิดแข็ง

ชีสที่ควรหลีกเลี่ยงเลยคือ "ชีสชนิดนิ่ม (Soft Cheese) ที่ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์" ค่ะ เช่น บรี (Brie), คาเมมเบิร์ท (Camembert), เฟต้า (Feta), และบลูชีส (Blue Cheese)

เป็นเรื่องที่คุณแม่หลายคนกังวลใจมากเลยค่ะ สิ่งสำคัญที่สุดคือให้หยุดดื่มทันทีที่รู้ว่าตั้งครรภ์นะคะ และไม่ต้องเครียดจนเกินไปค่ะ เรื่องนี้ต้องรีบแจ้งให้คุณหมอที่ฝากครรภ์ทราบในการไปพบครั้งต่อไปนะคะ

เป็นคำถามที่ดีมากเลยค่ะ! ในโยเกิร์ตมีสารอาหารสำคัญอย่างโฟเลตและวิตามินบีหลายชนิด ซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาสมองและระบบประสาทของลูกน้อยในครรภ์ค่ะ การทานโยเกิร์ตเป็นส่วนหนึ่งของการทานอาหาร

กรีกโยเกิร์ตเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมเลยค่ะ! เพราะมีโปรตีนสูงกว่าโยเกิร์ตทั่วไปและมีน้ำตาลน้อยกว่า ช่วยให้อิ่มนานและควบคุมน้ำหนักได้ดีค่ะ แต่ไม่ว่าจะเลือกทานโยเกิร์ตแบบไหน

อันนี้ต้องระวังนิดนึงค่ะ!

มีแน่นอนค่ะ! ผักที่ควรปรุงให้สุกก่อนทานเสมอคือ ถั่วงอก, หน่อไม้, และกะหล่ำปลี ค่ะ เพราะในผักเหล่านี้อาจมีสารบางอย่างหรือเชื้อแบคทีเรียที่อาจเป็นอันตรายได้เมื่อทานดิบๆ ค่ะ

เป็นความกังวลที่ถูกต้องเลยค่ะคุณแม่!

เป็นคำถามที่ดีมากเลยค่ะคุณแม่! ถ้าเราทานในปริมาณที่พอเหมาะ ก็ไม่น่ากังวลค่ะ เพราะส้มโอมีกากใยที่ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลได้ค่ะ แต่ถ้าทานเยอะเกินไป ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงได้

มีเยอะเลยค่ะคุณแม่! อาหารที่คุณแม่ควรระวังเป็นพิเศษคือ อาหารแปรรูปทุกชนิด เช่น ไส้กรอก, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, ขนมขบเคี้ยวต่างๆ, และของหมักดองค่ะ เพราะอาหารเหล่านี้มีโซเดียมแฝงอยู่สูงมากค่ะ

ใช่แล้วค่ะคุณแม่ ข้อนี้สำคัญมาก! ส้มโอมีสารที่อาจไปรบกวนการทำงานของยาบางชนิดได้ค่ะ เช่น ยาลดความดันโลหิต หรือยาลดไขมันในเลือดค่ะ ดังนั้นหากคุณแม่มีโรคประจำตัวและต้องทานยาใดๆ

ประโยชน์หลักๆ เลยคือช่วยให้คุณแม่รู้สึกสดชื่น ดับกระหายได้ดีมากค่ะ เพราะในน้ำมะพร้าวมีเกลือแร่จากธรรมชาติที่ช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำได้ และยังมีแร่ธาตุบางอย่างที่เป็นประโยชน์

เป็นความเชื่อที่ทำให้คุณแม่หลายคนกังวลใจมากเลยค่ะ แต่สบายใจได้นะคะ ในทางการแพทย์ยังไม่มีหลักฐานยืนยันเลยค่ะว่าการดื่มน้ำมะพร้าวจะทำให้มดลูกบีบตัวจนแท้งได้

ตัวเส้นขนมจีนเองไม่อันตรายเลยค่ะ แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ "ความสะอาด" ค่ะ เพราะขนมจีนเป็นอาหารเส้นสดที่อาจปนเปื้อนเชื้อโรคได้ง่ายหากทำหรือเก็บรักษาไม่ดีค่ะ คุณแม่ควรเลือกร้านที่ดูสะอาดน่าเชื่อถือ

เข้าใจเลยค่ะว่าเผือกอร่อยจนอาจจะหยุดไม่ได้! แนะนำว่าทานประมาณครึ่งถ้วยถึงหนึ่งถ้วยตวงต่อวันก็เพียงพอแล้วค่ะ และควรทานสลับกับอาหารคาร์โบไฮเดรตชนิดอื่นๆ เช่น ข้าวกล้อง หรือฟักทอง

ตัวไข่เค็มเองไม่ได้อันตรายต่อลูกโดยตรงค่ะ แต่ "ปริมาณโซเดียมที่สูง" ในไข่เค็มนี่แหละค่ะที่น่ากังวล เพราะหากคุณแม่ทานเค็มจัดจนเกิดภาวะความดันโลหิตสูงหรือครรภ์เป็นพิษ

เป็นคำถามที่ดีมากเลยค่ะคุณแม่! ถ้าเราทานในปริมาณที่พอเหมาะ ก็ไม่น่ากังวลค่ะ เพราะเผือกเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ดี แต่ถ้าทานเยอะเกินไป ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงได้เหมือนกับการทานแป้งชนิดอื่นๆ

ถ้าเลือกได้ แนะนำให้ทานแบบ "แป้งสด" ที่ทำใหม่ๆ จะดีกว่าค่ะ เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงเรื่องเชื้อโรคที่อาจเกิดจากกระบวนการหมักได้ค่ะ ขนมจีนแป้งสดจะไม่มีกลิ่นเปรี้ยวๆ เหมือนแป้งหมักค่ะ

อันนี้สำคัญมากเลยค่ะ! เพราะในเผือกดิบจะมีสารที่ชื่อว่า 'แคลเซียมออกซาเลต' ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการคัน ระคายเคืองในปากและลำคอได้ค่ะ และยังอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ด้วย