คุณแม่ท้อง 3 เดือน ลูกอยู่ตรงไหน อายุครรภ์ 3 เดือน ลูกดิ้นหรือยัง

คุณแม่ท้อง 3 เดือน ลูกอยู่ตรงไหน อายุครรภ์ 3 เดือน ลูกดิ้นหรือยัง

16.02.2024

ท้อง  3  เดือนหรือตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ เป็นช่วงสำคัญในการดูแลตัวเอง เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของคุณแม่หลายอย่าง รวมไปถึงพัฒนาการของลูกน้อยในท้อง อายุครรภ์ 3 เดือนท้องใหญ่แค่ไหน ลูกดิ้นหรือยัง อาการคนท้อง 3 เดือน และสิ่งที่คุณแม่ควรทำเพื่อให้ครรภ์นี้แข็งแรงปลอดภัย

headphones

PLAYING: คุณแม่ท้อง 3 เดือน ลูกอยู่ตรงไหน อายุครรภ์ 3 เดือน ลูกดิ้นหรือยัง

อ่าน 10 นาที

 

สรุป

  • การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายคุณแม่ช่วงท้อง 3 เดือน ได้แก่ เต้านมขยาย หน้าท้องขยาย แพ้ท้องน้อยลง น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น มีอาการปวดศีรษะ วิงเวียน อ่อนเพลีย
  • พัฒนาการลูกน้อยในครรภ์ระยะนี้ มีอวัยวะครบแล้ว แต่ยังต้องพัฒนาต่อ สามารถขยับแขนขา ศีรษะ อ้าปาก หุบปาก ดูดนิ้ว และสะอึกได้แล้ว
  • ขนาดของทารกอายุครรภ์ 3 เดือนเทียบได้กับ ลูกมะนาว
  • เนื่องจากหน้าท้องเริ่มขยาย คุณแม่ควรเริ่มทาครีมป้องกันรอยแตก ท้องลาย

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

คุณแม่ในช่วงอายุครรภ์ 3 เดือนมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายที่สำคัญ ได้แก่ หน้าท้องขยาย เต้านมขยาย ทารกในครรภ์ก็มีพัฒนาการอย่างมาก ตอนนี้ลูกน้อยมีอวัยวะครบแล้ว แต่ยังต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง คุณแม่จึงต้องให้ความสำคัญในการดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ทั้งเรื่องสุขภาพ ผิวพรรณ รวมไปถึงความเสี่ยงในการแท้งที่ยังคงมีโอกาสแท้งสูงในไตรมาสแรก

 

เมื่ออายุครรภ์ 3 เดือน ลูกน้อยในท้องมีพัฒนาการอย่างไรบ้าง

ลูกน้อยในท้องคุณแม่อายุได้ 3 เดือนแล้ว ตอนนี้ลูกน้อยมีความยาวระหว่าง 2 ถึง 3 นิ้ว และมีขนาดเทียบได้กับ “ลูกมะนาว” ระบบย่อยอาหาร กล้ามเนื้อ และโครงกระดูกกำลังพัฒนา นิ้วมือและนิ้วเท้าแต่ละนิ้วเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ไตเริ่มทำงาน ปฏิกิริยาตอบสนองกำลังพัฒนา ไขกระดูกกำลังผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาว อวัยวะเพศกำลังพัฒนา (หมายความว่าในไม่ช้าคุณแม่จะรู้เพศลูกแล้ว)

 

อายุครรภ์ 3 เดือนลูกดิ้นได้แล้วหรือยัง

คุณแม่อาจยังไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวมากนักในช่วงท้อง 3 เดือน หรือ ท้อง 8 สัปดาห์ เนื่องจากลูกน้อยยังมีขนาดเล็ก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทารกเริ่มขยับแขน ขา และศีรษะได้ สามารถอ้าปาก หุบปาก ดูดนิ้วได้ ภายในท้องของคุณแม่ ลูกน้อยอาจกำลังดูดนิ้วโป้งหรือทารกสะอึก อยู่ก็ได้

 

ในช่วงตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 16-20 หรือ ช่วงตั้งครรภ์ 4-6 เดือน คุณแม่จึงจะเริ่มรู้สึกว่า “ลูกดิ้น” ได้อย่างชัดเจนโดยการเคลื่อนไหวของทารกมีสารพัดท่าทั้งเตะ ต่อย พลิกตัว และม้วนตัวอยู่ภายในท้องคุณแม่

 

อาการของคุณแม่ท้อง 3 เดือน

 

อาการของคุณแม่ท้อง 3 เดือน

อาการแพ้ท้องอาจลดลงเล็กน้อยเมื่อผ่านไปประมาณ 8 ถึง 10 สัปดาห์ แม้อาการแพ้ท้องเป็นเรื่องปกติของคุณแม่ตั้งครรภ์ แต่ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน สำหรับคุณแม่ที่ไม่มีอาการแพ้ท้องเลย ถือว่าโชคดีมาก ๆ อย่างไรก็ตาม ร่างกายของคุณแม่ต้องเผชิญกับฮอร์โมนที่แปรปรวน คุณแม่ท้อง 3 เดือน อาจมีอาการ ดังนี้

  • ปวดศีรษะ อายุครรภ์ 3 เดือนเป็นช่วงที่ระดับฮอร์โมนสูงขึ้น หากคุณแม่ท้องระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ขาดน้ำ เครียด นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจรู้สึกปวดศีรษะ คุณแม่ควรหากิจกรรมที่ช่วยคลายเครียด รวมถึง ดูแลสุขภาพมากขึ้น อาการปวดศีรษะจะค่อย ๆ ดีขึ้น
  • อ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ เกิดจากระดับฮอร์โมนและความดันโลหิตของคนท้อง 3 เดือนที่เปลี่ยนแปลงไป คุณแม่จึงอาจมีอาการอ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ แต่ไม่รุนแรง เพียงได้นั่งพักหรือนอนพัก ก็จะรู้สึกดีขึ้น โดยคุณแม่สามารถป้องกันไม่ให้ร่างกายอ่อนเพลีย และวิงเวียนศีรษะได้โดยการกินของว่างระหว่างมื้อ และดื่มน้ำเยอะ ๆ

 

อาการข้างต้น ถือเป็นอาการปกติของคนท้อง 3 เดือน คุณแม่ยังไม่ต้องกังวล แต่หากคุณแม่มีอาการรุนแรง หรืออาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย ควรไปพบสูติแพทย์โดยเร็ว

 

ความเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย ของคุณแม่ท้อง 3 เดือน

ท้อง 3 เดือน มีการเปลี่ยนแปลงที่คุณแม่ควรรู้ เพื่อเตรียมรับมือและดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม

  • หน้าท้องเริ่มขยายใหญ่ขึ้นแล้ว แต่หากเป็นท้องแรกอาจยังเห็นไม่ชัด จนกว่าจะตั้งครรภ์ได้ 4 หรือ 5 เดือน แต่ใน ท้องต่อ ๆ ไป มีแนวโน้มว่าหน้าท้องคุณแม่จะเห็นได้ชัดเจนไวขึ้น อย่างไรก็ตาม ขนาดพุงเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล ดังนั้นพยายามอย่าเปรียบเทียบพุงของคุณกับคุณแม่ตั้งครรภ์คนอื่น ๆ แม้ว่าคุณจะอยู่ในช่วงอายุครรภ์เท่า ๆ กันก็ตาม และเมื่อผิวหน้าท้องของคุณแม่ขยายใหญ่ขึ้น อาจเกิดรอยแตกลายบริเวณหน้าท้องได้
  • น้ำหนักขึ้น ในระยะนี้ คุณแม่ควรมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น 0.6-2.5 กิโลกรัม แต่หากคุณแม่น้ำหนักตัวไม่เพิ่มขึ้น หรือน้ำหนักตัวเพิ่มมากเกินไปควรปรึกษาแพทย์ เพื่อขอคำแนะนำวิธีเพิ่มน้ำหนักหรือวิธีลดน้ำหนักให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เนื่องจากน้ำหนักตัวที่มากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ ที่เป็นอันตรายสำหรับคนท้อง เช่น เบาหวานคนท้อง ความดันสูง เป็นต้น
  • มีตกขาวมากขึ้นกว่าปกติ ตกขาวสีใสที่ไหลออกจากช่องคลอดในช่วงตั้งครรภ์ถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากตกขาวมีหน้าที่ช่วยป้องกันช่องคลอดติดเชื้อ แต่หากคุณแม่สังเกตเห็นตกขาวผิดปกติ เช่น ตกขาวมีสีเปลี่ยนไป เช่น เหลือง ชมพู เขียว หรือน้ำตาล อาจเป็นสัญญาณการติดเชื้อหรืออาจคลอดก่อนกำหนดได้ ควรรีบปรึกษาแพทย์
  • ผิวพรรณเปลี่ยนไป เช่น เป็นสิว ฝ้า หรือผิวหมองคล้ำ เกิดจากระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงในช่วงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า หน้าผาก และแก้ม ซึ่งเป็นอาการที่พบได้ทั่วไปในคนท้อง ไม่เป็นอันตราย และจะค่อย ๆ หายไปเองหลังคลอด
  • มีอาการคัดเต้านม ในช่วงอายุครรภ์ 3 เดือนแรก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนที่ท่อน้ำนมเพื่อเตรียมสร้างน้ำนมไว้ให้ลูกน้อยกินหลังคลอด คุณแม่จะพบการเปลี่ยนแปลงของเต้านม รู้สึกเต้านมขยาย เจ็บหน้าอก มีอาการคัดเต้านม หัวนมมีสีเข้มขึ้น แนะนำให้คุณแม่เปลี่ยนเสื้อชั้นใน โดยเลือกเสื้อชั้นในแบบไม่มีโครง ขนาดพอดีกับเต้านม ไม่คับ ไม่หลวมเกินไป จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บหน้าอกได้

 

สิ่งที่คุณแม่ท้อง 3 เดือน ควรทำ

 

สิ่งที่คุณแม่ท้อง 3 เดือน ควรทำ

เป้าหมายสำคัญของคุณแม่ท้อง 3 เดือน คือการดูแลตัวเองและลูกน้อยให้แข็งแรง เพื่อให้ลูกน้อยมีพัฒนาการที่ต่อเนื่องและเหมาะสม รวมถึงระมัดระวังพฤติกรรมที่เพิ่มความเสี่ยงในการแท้งบุตร ดังนี้

  • ใส่ใจเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกาย เช่น ขนมปังโฮลเกรน เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน นมไขมันต่ำ เต้าหู้ ถั่ว ไข่ ธัญพืช ผักและผลไม้ ดื่มน้ำเยอะ ๆ กินโฟเลตเพื่อป้องกันทารกพิการแต่กำเนิด กินอาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 และดีเอชเอ เพื่อบำรุงสมองทารก หลีกเลี่ยงอาหารที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น อาหารที่ปรุงไม่สุก อาหารที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงคืออาหารที่ไม่ผ่านการปรุงสุก เพราะอาจเสี่ยงให้เกิดโรคทอกโซพลาสโมซิส (Toxoplasmosis) และโรคลิสเทอเรีย (Listeriosis) เพราะอาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อที่นำไปสู่ภาวะแท้งบุตร รวมถึงหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน สารเสพติด เนื่องจากสิ่งเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ ทำให้การเจริญเติบโตและพัฒนาการทารกผิดปกติ เช่น มีใบหน้าไม่สมบูรณ์ ระบบส่วนกลางเสื่อม บกพร่องด้านการเรียนรู้การเข้าใจ ทำลายปอดที่กำลังพัฒนา อัตราการเต้นของหัวใจทารกเปลี่ยนแปลง หรืออาจนำไปสู่การแท้งบุตรได้
  • เริ่มทาครีมบำรุงผิวแตกลาย การเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนทำให้ผิวหนังบอบบางลง เกิดสิว ฝ้า บนใบหน้าได้ง่าย รวมถึงหน้าท้องและเต้านมที่เริ่มขยาย ทำให้เกิดรอยแตกของผิวหนังบริเวณหน้าท้อง สะโพก ก้น และหน้าอก คุณแม่จึงควรทาครีมบำรุงผิวที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและเสริมความยืดหยุ่นให้แก่ผิว ป้องกันผิวแตก ท้องลายจากการตั้งครรภ์ รวมถึงทาครีมกันแดดทุกครั้งเมื่อต้องออกแดดเพื่อป้องกันฝ้าด้วย
  • หลีกเลี่ยงการเดินทางไกล หรือการทำงานหนัก เพราะการที่คุณแม่ออกแรงเยอะเกินไป อาจส่งผลร้ายได้ เช่น เกิดอาการวิงเวียน ปวดศีรษะ เจ็บหน้าอก หอบเหนื่อย อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย ไปจนถึงมีเลือดออกทางช่องคลอด และอาจส่งผลให้ทารกเคลื่อนไหวน้อยลง เป็นอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์ได้
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด สูติแพทย์ที่คุณแม่ฝากครรภ์อาจให้คำแนะนำถึงสิ่งที่คุณแม่ควรทำ และไม่ควรทำในช่วงอายุครรภ์ 3 เดือน ขอให้คุณแม่ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากไม่มั่นใจในเรื่องใดควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ รวมถึง ก่อนใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ ทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์

 

คุณแม่กำลังจะผ่านไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์แล้ว ลูกน้อยกำลังค่อย ๆ เติบโต ขอให้อดทนกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์ เมื่อเข้าไตรมาสที่ 2 ความเสี่ยงต่าง ๆ จะลดลง คุณแม่จะรู้สึกสบายขึ้น

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

 

 

อ้างอิง:

  1. What to Expect at 3 Months Pregnant, Healthline
  2. คำแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ไตรมาส 1-3, โรงพยาบาลบางปะกอก
  3. การดิ้นของทารกในครรภ์ สัญญาณที่คุณแม่ควรรู้, โรงพยาบาลบางปะกอก
  4. ท้อง 3 เดือน กับความเปลี่ยนแปลงที่คุณแม่ควรรู้, POBPAD
  5. ท้อง 3 เดือน การเปลี่ยนแปลงของคุณแม่และทารกในครรภ์, Hello คุณหมอ
  6. 8 ข้อห้ามคนท้อง 1–3 เดือน สิ่งที่คุณแม่ควรระวังเพื่อลูกน้อยในครรภ์, POBPAD

อ้างอิง ณ วันที่ 2 มกราคม 2567

บทความแนะนำ

คนท้องกินเผ็ดได้ไหม คุณแม่ชอบกินเผ็ดอันตรายกับลูกหรือเปล่า

คนท้องกินเผ็ดได้ไหม คุณแม่ชอบกินเผ็ดอันตรายกับลูกหรือเปล่า

คนท้องกินเผ็ดได้ไหม คุณแม่ตั้งครรภ์ชอบกินของเผ็ดจะอันตรายกับลูกในครรภ์หรือเปล่า ระดับความเผ็ดแค่ไหนที่คุณแม่สามารถทานได้และไม่เป็นอันตรายกับลูกน้อยในครรภ์

คนท้องกินเครื่องดื่มเกลือแร่ได้ไหม คุณแม่แพ้ท้องจนไม่มีแรง รับมือแบบไหนดี

คนท้องกินเครื่องดื่มเกลือแร่ได้ไหม คุณแม่แพ้ท้องจนไม่มีแรง รับมือแบบไหนดี

คนท้องกินเครื่องดื่มเกลือแร่ได้ไหม คำถามที่คุณแม่ตั้งครรภ์อยากรู้ เมื่อมีอาการแพ้ท้องจนเหนื่อยอ่อน หมดแรง แต่ก็กังวลว่าการกินเครื่องดื่มเกลือแร่จะส่งผลกระทบกับลูกน้อยในครรภ์

ที่ตรวจไข่ตก ใช้ตรวจการตกไข่ ได้จริงไหม แม่นยำแค่ไหน พร้อมวิธีใช้งาน

ที่ตรวจไข่ตก ใช้ตรวจการตกไข่ ได้จริงไหม แม่นยำแค่ไหน พร้อมวิธีใช้งาน

ที่ตรวจไข่ตก แม่นยำแค่ไหน ทำไมถึงสำคัญสำหรับคนอยากมีลูก ที่ตรวจไข่ตกหรือชุดตรวจไข่ตก มีกี่แบบ ใช้งานยังไง ไปรู้จักที่ตรวจไข่ตก พร้อมวิธีการใช้งานที่ตรวจไข่ตกกัน

มีประจำเดือนแต่ท้อง เป็นไปได้ไหม ใช่เลือดล้างหน้าเด็กหรือเปล่า

มีประจำเดือนแต่ท้อง เป็นไปได้ไหม ใช่เลือดล้างหน้าเด็กหรือเปล่า

เมนส์มาน้อยท้องไหม ประจำเดือนมาวันเดียวแล้วหายไป แบบนี้ผิดปกติหรือเปล่า ว่าที่คุณแม่หลายคนอาจสงสัยว่าแบบนี้คือตั้งครรภ์หรือแค่ประจำเดือนมาไม่ปกติ ไปหาคำตอบกัน

คนท้องกินวิตามินซีได้ไหม ส่งผลดีและผลเสียกับการตั้งครรภ์ยังไงบ้าง

คนท้องกินวิตามินซีได้ไหม ส่งผลดีและผลเสียกับการตั้งครรภ์ยังไงบ้าง

คนท้องกินวิตามินซีได้ไหม คุณแม่อยากบำรุงครรภ์และร่างกายให้แข็งแรง สามารถกินวิตามินซีได้ แต่ควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม หากมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อการตั้งครรภ์

มูกเลือดออกทางช่องคลอด คืออะไร มีมูกออกทางช่องคลอดปกติไหม

มูกเลือดออกทางช่องคลอด คืออะไร มีมูกออกทางช่องคลอดปกติไหม

มูกเลือดออกทางช่องคลอด อาจเป็น สัญญาณเตือนว่าคุณแม่ใกล้คลอดแล้ว ซึ่งอาจเกิดจากภาวะน้ำเดิน ลักษณะมูกใสก่อนคลอด ยังบอกถึงปัญหาสุขภาพของคุณแม่ได้หลายอย่างอีกด้วย

แม่เป็นโรคภูมิแพ้ ลูกน้อยจะเป็นโรคภูมิแพ้ในเด็กด้วยหรือไม่

แม่เป็นโรคภูมิแพ้ ลูกน้อยจะเป็นโรคภูมิแพ้ในเด็กด้วยหรือไม่

คุณแม่ตั้งครรภ์หลายคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ มักมีความกังวลว่า แม่เป็นโรคภูมิแพ้แล้วลูกจะเป็นโรคภูมิแพ้ในเด็กด้วยหรือเปล่า ไปดูสาเหตุพร้อมวิธีป้องกันเบื้องต้นกัน

เลือกระยะการตั้งครรภ์และพัฒนาการเด็ก