
ผนังมดลูกบาง สาเหตุ อาการที่คุณแม่ควรรู้เบื้องต้น
เยื่อบุโพรงมดลูก มีความสำคัญต่อการฝังตัวของตัวอ่อนและการตั้งครรภ์ โดยทั่วไปแล้ว เยื่อบุโพรงมดลูก หรือ ผนังมดลูก ควรมีความหนามากกว่า 8 มิลลิเมตร หากผนังมดลูกบางเกินไป จะทำให้ตัวอ่อนฝังตัวได้ยาก คู่รักหลายคู่ตั้งใจมีบุตรมานาน แต่ยังไม่มีอาการคนท้องเสียที บทความนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุ อาการ และวิธีดูแลเบื้องต้น เมื่อผนังมดลูกบาง เพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์
สรุป
- ผนังมดลูกบาง คือ ภาวะที่เยื่อบุโพรงมดลูกบางกว่าปกติ ทำให้ตัวอ่อนฝังตัวได้ยาก อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของภาวะมีบุตรยาก
- เยื่อบุโพรงมดลูกควรหนามากกว่า 8 มิลลิเมตรขึ้นไป ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติและเอื้อต่อการฝังตัวของตัวอ่อน
- สาเหตุของผนังมดลูกบาง เกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำ การไหลเวียนของเลือดไม่เพียงพอ สุขภาพของเยื่อบุโพรงมดลูกไม่ดี การขูดมดลูกหรือการผ่าตัด การใช้ยาคุมกำเนิดหรือการใช้ยาบางชนิด
- ผู้ที่มีผนังมดลูกบาง ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ หากดูแลสุขภาพและปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสม เพื่อเสริมสร้างให้ผนังมดลูกมีความหนาและแข็งแรงขึ้น
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- ผนังมดลูกบางคืออะไร?
- สาเหตุของผนังมดลูกบาง
- อาการของผนังมดลูกบาง
- วิธีการวินิจฉัยผนังมดลูกบาง
- ผลกระทบของผนังมดลูกบางต่อการตั้งครรภ์
- วิธีดูแลผนังมดลูกบาง
ผนังมดลูกบางคืออะไร?
ผนังมดลูกบาง คือ ภาวะที่เยื่อบุโพรงมดลูกบางกว่าปกติ ซึ่งภาวะนี้ส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการตั้งครรภ์
เยื่อบุโพรงมดลูก หรือ Endometrium คือ ชั้นเนื้อเยื่อที่บุอยู่ด้านในของมดลูก ทำหน้าที่สำคัญในการรองรับการฝังตัวของตัวอ่อนที่ปฏิสนธิแล้ว เพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ที่สมบูรณ์
ความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูกเปลี่ยนแปลงตามรอบเดือน โดยจะบางที่สุดในช่วงที่มีประจำเดือน เนื่องจากเยื่อบุโพรงมดลูกจะหลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน หลังจากนั้น เยื่อบุโพรงมดลูกจะค่อย ๆ หนาตัวขึ้น โดยสัมพันธ์กับการเจริญเติบโตของฟองไข่ในแต่ละเดือน และจะหนาตัวมากที่สุดในช่วงเวลาตกไข่
หลังจากช่วงตกไข่ ความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูกอาจจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงเล็กน้อย เพื่อรองรับการฝังตัวของตัวอ่อน หากไม่มีการฝังตัวเกิดขึ้น เยื่อบุโพรงมดลูกก็จะบางลงอีกครั้งเมื่อเริ่มมีประจำเดือนรอบใหม่
เพราะฉะนั้น ความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูกจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการตั้งครรภ์ เพื่อให้การฝังตัวของตัวอ่อนประสบความสำเร็จ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูกมากกว่า 8 มิลลิเมตรขึ้นไป ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติและเอื้อต่อการฝังตัวของตัวอ่อน หากความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูกน้อยกว่า 7 มิลลิเมตร ถือว่ามีภาวะผนังมดลูกบาง ซึ่งอาจทำให้ตัวอ่อนฝังตัวได้ยากขึ้น และหากความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูกน้อยกว่า 5 มิลลิเมตร โอกาสในการตั้งครรภ์จะลดลงอย่างมาก
สาเหตุของผนังมดลูกบาง
ผนังมดลูกบาง เป็นภาวะที่เยื่อบุโพรงมดลูกบางกว่าปกติ ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ดังนี้
- ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำ ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูก ในกรณีนี้ จำเป็นต้องให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัยถึงวิธีการดูแลรักษาในขั้นถัดไป
- การไหลเวียนของเลือดไม่เพียงพอ การใช้ชีวิตที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหว มีเนื้องอกในมดลูกหรือติ่งเนื้อ อาจส่งผลให้เลือดไหลเวียนไปยังมดลูกไม่เพียงพอ ทำให้ผนังมดลูกบางลง
- สุขภาพของเยื่อบุโพรงมดลูกไม่ดี การติดเชื้อหรือโรคต่าง ๆ เช่น วัณโรคเยื่อบุโพรงมดลูก และโรคอักเสบในอุ้งเชิงกราน อาจส่งผลต่อสุขภาพของเยื่อบุโพรงมดลูกได้
- การขูดมดลูกหรือการผ่าตัด การขูดมดลูกหรือการผ่าตัดมดลูก อาจทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกถูกทำลายเป็นบริเวณกว้าง เกิดเป็นพังผืดในโพรงมดลูก ซึ่งส่งผลให้ตัวอ่อนฝังตัวได้ไม่ดี
- การใช้ยาคุมกำเนิด การใช้ยาคุมกำเนิดเป็นเวลานานอาจทำให้ผนังมดลูกบางลง เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน
- การใช้ยาบางชนิด การใช้ยาบางชนิดในปริมาณมากเกินไป อาจส่งผลต่อระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งส่งผลต่อความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูก
อาการของผนังมดลูกบาง
ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกบางอาจส่งผลให้เกิดอาการต่าง ๆ ดังนี้

- ประจำเดือนผิดปกติ มีอาการปวดประจำเดือน รอบเดือนอาจไม่สม่ำเสมอ ประจำเดือนมาน้อยหรือลดลง เนื่องจากผนังมดลูกบาง เป็นต้น
- ภาวะมีบุตรยาก ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ตามธรรมชาติ จึงไม่แสดงอาการคนท้อง เนื่องจากผนังมดลูกไม่หนาพอ ทำให้ตัวอ่อนฝังตัวได้ไม่ดี อาจประสบปัญหาในการตั้งครรภ์
- ไม่มีอาการผิดปกติ ในบางรายอาจไม่มีอาการ แต่สามารถตรวจพบปัญหาได้จากการตรวจอัลตราซาวนด์
วิธีการวินิจฉัยผนังมดลูกบาง
แพทย์สามารถวินิจฉัยภาวะผนังมดลูกบางได้หลายวิธี ดังนี้
- อัลตราซาวนด์ทางช่องคลอด เพื่อวัดความหนาและโครงสร้างของเยื่อบุโพรงมดลูก
- การฉีดน้ำเกลือเข้าโพรงมดลูกเพื่อตรวจอัลตราซาวนด์ (SIS) เป็นการประเมินโพรงมดลูกว่ามีความผิดปกติหรือเป็นแผลเป็นหรือไม่
- การส่องกล้องตรวจโพรงมดลูก เป็นการตรวจภายในโพรงมดลูกโดยตรงเพื่อดูว่ามีพังผืด รอยแผลเป็น หรือความผิดปกติอื่น ๆ หรือไม่
- การทดสอบฮอร์โมน เพื่อประเมินระดับเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนที่จำเป็นต่อสุขภาพเยื่อบุโพรงมดลูก
สำหรับวิธีที่นิยมใช้มากที่สุดในการวัดความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูก ได้แก่ การตรวจอัลตราซาวนด์ทางช่องคลอด โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการตรวจอัลตราซาวนด์คือ ช่วงกลางรอบเดือน (ประมาณวันที่ 14-21 ของรอบเดือน) ซึ่งเป็นช่วงใกล้เคียงกับการตกไข่ เนื่องจากเยื่อบุโพรงมดลูกจะมีความหนามากที่สุดในระยะนี้
การตรวจในช่วงอื่นของรอบเดือน เช่น ช่วงมีประจำเดือนหรือหลังประจำเดือนเพิ่งหมด อาจทำให้วัดความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูกได้น้อยกว่าความเป็นจริง ทำให้วินิจฉัยผิดพลาดว่าเยื่อบุโพรงมดลูกบางได้ ทั้งที่จริงแล้ว เยื่อบุโพรงมดลูกอาจมีความหนาปกติหากตรวจในช่วงเวลาที่เหมาะสม ทั้งนี้ หากแพทย์ตรวจพบภาวะผนังมดลูกบาง แพทย์จะประเมินเพื่อการดูแลรักษาในขั้นถัดไป
ผลกระทบของผนังมดลูกบางต่อการตั้งครรภ์
ผนังมดลูกที่หนาเพียงพอเหมาะสมและแข็งแรงจำเป็นต่อการฝังตัวของตัวอ่อน หากผนังมดลูกบาง จะทำให้ตัวอ่อนฝังตัวได้ยาก อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของภาวะมีบุตรยาก และอาจนำไปสู่ภาวะแท้งบุตรในช่วงเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ โดยทั่วไป เยื่อบุโพรงมดลูกควรมีความหนาอย่างน้อย 8 มิลลิเมตร เพื่อให้รองรับการฝังตัวของตัวอ่อนอย่างมีประสิทธิภาพและส่งผลต่อการตั้งครรภ์ที่ประสบความสำเร็จ
วิธีดูแลผนังมดลูกบาง
ผู้ที่มีภาวะผนังมดลูกบาง ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ หากดูแลสุขภาพและปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสม เพื่อเสริมสร้างให้ผนังมดลูกมีความหนาและแข็งแรงขึ้น โดยมีแนวทางดังนี้

- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายโดยรวม เช่น
- อาหารที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน และแร่ธาตุ เช่น ผักใบเขียวเข้ม ถั่ว กะหล่ำปลี บรอกโคลี
- ธัญพืชเต็มเมล็ดและใยอาหาร เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวสาลี
- กรดไขมันโอเมก้า 3 เช่น ปลาที่มีไขมันสูง เมล็ดแฟลกซ์
- ไขมันดี เช่น น้ำมันมะกอก ถั่ว และเมล็ดพืชต่าง ๆ
- เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เช่น เนื้อวัวที่เลี้ยงด้วยหญ้า สัตว์ปีก ปลา
- เครื่องเทศที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด เช่น ขิง หญ้าฝรั่น ขมิ้น อบเชย กระเทียม
- อาหารที่มีวิตามินอี ผลการวิจัยชี้ว่าวิตามินอีอาจช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังมดลูก และช่วยให้เยื่อบุโพรงมดลูกแข็งแรง
- ลดการดื่มแอลกอฮอล์ กาเฟอีน และอาหารที่มีน้ำตาลสูง สารเหล่านี้อาจทำให้เกิดการอักเสบและลดการไหลเวียนของเลือด
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดไปยังเยื่อบุโพรงมดลูกได้ดีขึ้น
- ลดความเครียด มีงานวิจัยพบว่า ความเครียดส่งผลเสียต่อการไหลเวียนของเลือดไปยังเยื่อบุโพรงมดลูก ดังนั้น การลดความเครียดจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปยังมดลูกได้ดีขึ้น
สรุป
สำหรับผู้ที่วางแผนจะมีบุตร การดูแลสุขภาพมดลูกและเยื่อบุโพรงมดลูกเป็นสิ่งสำคัญต่อการตั้งครรภ์ที่ประสบความสำเร็จ หากมีอาการประจำเดือนผิดปกติ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของภาวะผนังมดลูกบาง ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับการวินิจฉัยและคำแนะนำในการปฏิบัติตัว เพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์
อ้างอิง:
- Thin Endometrium, Medicover Hospitals
- เยื่อบุโพรงมดลูกหนาหรือบางเกินไป ทำให้มีบุตรยากจริงหรือ, โรงพยาบาลพญาไท
- Endometrium คือ อะไร สำคัญอย่างไรต่อระบบสืบพันธุ์เพศหญิง, helloคุณหมอ
- What to know about endometrial thickness, Medical News Today
- All About the Endometrial Lining, verywell health
- ภาวะแท้งซ้ำซาก, สูติศาสตร์ล้านนา
- What Is a Thin Uterine Lining?, Caperton Fertility Institute
- เยื่อบุโพรงมดลูกบาง อุปสรรคทำให้มีลูกยาก (ตอนที่1), Dr.เช้าตรู่ นพ. ปัญญา ศักดิ์สง่าวงษ์
อ้างอิง ณ วันที่ 22 มีนาคม 2568 / 29 มีนาคม 2568