ให้คุณแม่สังเกตอาการเหล่านี้ให้ดีนะคะ: หากมีอาการเจ็บปวดรุนแรงที่สะดือ, ผิวหนังรอบๆ สะดือมีสีแดงอักเสบหรือมีแผล, หรือมีก้อนนูนออกมาจากสะดือแล้วไม่ยุบกลับเข้าไปแม้จะนอนราบแล้วก็ตาม

เป็นคำถามที่ดีมากเลยค่ะ! หัวใจสำคัญคือการเลือกทานอาหารที่ "มีประโยชน์เน้นๆ" ไม่ใช่แค่ "แคลอรีสูงๆ" ค่ะ คุณแม่ควรเน้นทานโปรตีนดีๆ อย่างไข่และปลา, ไขมันดีจากอะโวคาโดและถั่วต่างๆ

เป็นเรื่องที่คุณแม่หลายท่านกังวลใจมากค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ คุณแม่ส่วนใหญ่ที่มีภาวะนี้ก็ยังสามารถให้นมลูกได้สำเร็จค่ะ สิ่งสำคัญคือการได้รับคำแนะนำและการช่วยเหลือที่ถูกต้องจากคลินิกนมแม่

ข่าวดีก็คือคุณแม่ส่วนใหญ่ ""สะดือจะกลับไปเป็นปกติ"" หลังคลอดค่ะ! เมื่อมดลูกหดตัวกลับเข้าอู่และกล้ามเนื้อหน้าท้องกระชับขึ้น สะดือก็จะค่อยๆ บุ๋มกลับเข้าไปเหมือนเดิมค่ะ อาจจะใช้เวลาหลายสัปดาห์

ไม่ต้องกังวลเลยค่ะคุณแม่ มีทางเลือกอื่นอีกเยอะเลยค่ะ!

มีแน่นอนค่ะ! ลองจิบ "น้ำขิงอุ่นๆ" จะช่วยขับลมได้ดีมากเลยค่ะ หรือลองทาน "โยเกิร์ตรสธรรมชาติ" ที่มีโปรไบโอติกส์ ก็จะช่วยปรับสมดุลลำไส้ได้ค่ะ นอกจากนี้ การทานผลไม้อย่าง "มะละกอสุก" หรือ "กล้วย"

เข้าใจเลยค่ะว่าทรมานมาก ลองปรับการกินดูนะคะ: ทานอาหารมื้อเล็กๆ แต่บ่อยขึ้น, เคี้ยวอาหารให้ละเอียด, หลีกเลี่ยงของทอด ของมัน และน้ำอัดลมค่ะ การลุกเดินเบาๆ หลังทานอาหารก็จะช่วยให้ลำไส้ขยับตัว

ใช่เลยค่ะคุณแม่!

ก่อนอื่นให้คุณแม่ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ แม้ว่าช่วงเวลาทองในการป้องกันภาวะหลอดประสาทไม่ปิดจะอยู่ในช่วงเดือนแรก แต่ก็ "ยังไม่สายเกินไปที่จะเริ่ม"

เป็นเรื่องปกติที่คุณแม่หลายคนเจอเลยค่ะ ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะในช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายจะต้องผลิตเลือดเพิ่มขึ้นเยอะมากเพื่อส่งไปเลี้ยงเจ้าตัวเล็กค่ะ ถ้าคุณแม่ได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอต่อการสร้างเลือด

มีประโยชน์มากเลยค่ะ! นอกจากบทบาทสำคัญกับลูกแล้ว โฟเลตยังช่วยดูแลสุขภาพของคุณแม่ตั้งครรภ์โดยตรงในด้านต่างๆ คือ:
ป้องกันภาวะโลหิตจาง: โฟเลตทำ

คุณแม่ไม่ต้องตกใจไปนะคะ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อยมากๆ ค่ะ โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ที่เจ้าตัวเล็กยังตัวนิดเดียว เขาอาจจะกำลังนอนขดตัวอยู่ในมุมที่หาเจอยาก หรือบางทีรกของคุณแม่อาจจะบังอยู่ค่ะ

เป็นความเชื่อที่น่ารักและได้ยินกันมานานเลยค่ะ! แต่ในทางการแพทย์แล้ว อัตราการเต้นของหัวใจไม่สามารถบอกเพศของลูกน้อยได้เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นลูกชายหรือลูกสาว อัตราการเต้นของหัวใจ

เป็นคำถามที่ดีมากค่ะ ทั้งสองคำนี้มักจะใช้แทนกัน แต่ในทางเทคนิคแล้วมีความแตกต่างกันเล็กน้อย:
โฟเลต (Folate): คือวิตามินบี 9 ในรูปแบบที่เกิด

เพราะปลาร้าส่วนใหญ่ในร้านส้มตำมักจะเป็น "ปลาร้าดิบ" ที่ไม่ได้ผ่านการต้มให้สุกค่ะ ซึ่งอาจมีเชื้อแบคทีเรียหรือพยาธิปนเปื้อนอยู่ ทำให้คุณแม่เสี่ยงต่ออาการอาหารเป็นพิษหรือท้องเสียรุนแรงได้ค่ะ

ใช่เลยค่ะ ปกติแล้วลูกเดือยเป็นธัญพืชที่ดีมากๆ แต่สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ มีความกังวลจากงานวิจัยในสัตว์ทดลองว่าอาจมีผลต่อการบีบตัวของมดลูก ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงได้ค่ะ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย

แนะนำให้ทานเป็นผลสดๆ หรือคั้นสดไม่เติมน้ำตาลจะดีที่สุดค่ะ เพราะน้ำผลไม้แบบกล่องส่วนใหญ่มักจะมีการเติมน้ำตาลในปริมาณที่สูงมาก และอาจมีสารอาหารน้อยกว่าผลไม้สดค่ะ

มีธัญพืชที่มีประโยชน์และปลอดภัยสำหรับคุณแม่อีกเยอะแยะเลยค่ะ! เช่น ข้าวกล้อง, ข้าวโอ๊ต, ควินัว, หรือเมล็ดฟักทองค่ะ ธัญพืชเหล่านี้ให้ทั้งกากใย โปรตีน และวิตามินที่จำเป็นต่อคุณแม่

ความเผ็ดไม่ได้ส่งผลอันตรายโดยตรงต่อลูกน้อยในท้องค่ะ แต่จะส่งผลกับคุณแม่เต็มๆ เลยค่ะ! การทานเผ็ดจัดอาจทำให้คุณแม่รู้สึกแสบร้อนกลางอก, ปวดท้อง, หรือกระตุ้นให้เกิดกรดไหลย้อนได้ค่ะ

ตัวส้มตำเองไม่ได้อันตรายกับลูกโดยตรงค่ะ แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ "เชื้อโรคและพยาธิ" ที่อาจปนเปื้อนมากับของดิบๆ ดองๆ อย่างปลาร้าหรือปูค่ะ ซึ่งอาจทำให้คุณแม่ท้องเสียรุนแรงและส่งผลกระทบถึงลูกได้ค่ะ

คุณแม่ไม่ต้องตกใจหรือกังวลจนเกินไปนะคะ การทานไปในปริมาณเล็กน้อยและแค่ครั้งเดียว โอกาสที่จะส่งผลกระทบนั้นน้อยมากค่ะ แต่เพื่อความสบายใจ ให้คุณแม่คอยสังเกตอาการตัวเองนะคะ

ประโยชน์หลักๆ เลยคือ 'กรดโฟลิก' ที่มีในส้มโอค่ะ ซึ่งสำคัญมากๆๆ ในการป้องกันความผิดปกติของระบบประสาทของลูกน้อยค่ะ นอกจากนี้ยังมีวิตามินซีที่ช่วยให้คุณแม่และลูกมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง และช่วยให้ร่างก

ประโยชน์หลักๆ เลยคือ 'กรดโฟลิก' ที่มีในมังคุดค่ะ ซึ่งสำคัญมากๆๆ ในการป้องกันความผิดปกติของระบบประสาทของลูกน้อยค่ะ นอกจากนี้ยังมีวิตามินซีที่ช่วยให้คุณแม่และลูกมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง

ประโยชน์หลักๆ เลยคือ 'กรดโฟลิก' ที่มีในแก้วมังกรค่ะ ซึ่งสำคัญมากๆ ในการป้องกันความผิดปกติของระบบประสาทของลูกน้อยค่ะ นอกจากนี้ยังมีแคลเซียมที่ช่วยสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง

คำถามนี้ดีมากเลยค่ะ! ข้อควรระวังอันดับหนึ่งคือ "แยกตะเกียบ" ค่ะ ต้องมีตะเกียบสำหรับคีบของดิบ และตะเกียบสำหรับคีบของสุกเข้าปากแยกกันเด็ดขาดนะคะ เพื่อป้องกันเชื้อโรคจากของดิบมาปนเปื้อนค่ะ

แนะนำให้ซดแต่น้อย หรือเลี่ยงไปเลยจะดีที่สุดค่ะ เพราะในน้ำซุปมักจะมีความเค็ม (โซเดียม) สูงมากจากเครื่องปรุงต่างๆ และไขมันจากเนื้อสัตว์ที่ย่างก็จะละลายลงไปในน้ำซุปด้วยค่ะ

เป็นคำถามที่ดีมากเลยค่ะคุณแม่! ถ้าเราทานในปริมาณที่พอเหมาะ ก็ไม่น่ากังวลค่ะ แต่ถ้าทานเยอะเกินไป ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงได้จริงๆ เพราะในมังคุดมีน้ำตาลธรรมชาติค่อนข้างสูงค่ะ

ตัวหมูกระทะเองไม่ได้อันตรายโดยตรงค่ะ แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ "เชื้อโรค" ที่อาจปนเปื้อนมากับเนื้อสัตว์ดิบๆ ค่ะ เช่น เชื้อไข้หูดับ หรือเชื้อที่ทำให้ท้องเสียรุนแรง ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อคุณแม่

ถ้าอยากทานให้ชื่นใจ แนะนำว่าทานประมาณ 4-5 ลูกต่อวันก็เพียงพอแล้วค่ะ และไม่ควรทานทุกวันนะคะ การทานผลไม้หลากหลายชนิดสลับกันไปจะดีที่สุด เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วนค่ะ

จริงที่สุดเลยค่ะ! ลูกน้อยในท้องฉลาดมากๆ เขาจะดึงเอาสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตจากร่างกายคุณแม่ไปก่อนเสมอค่ะ ถ้าคุณแม่ได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ เขาก็จะดึงจากกระดูกและฟันของคุณแม่

เป็นความเชื่อที่ทำให้คุณแม่หลายคนกังวลใจมากเลยค่ะ แต่จริงๆ แล้วกลับกันเลยค่ะ! จากข้อมูลทางการแพทย์ในปัจจุบันพบว่า การที่คุณแม่ที่ไม่มีประวัติแพ้ถั่วทานอัลมอนด์ระหว่างตั้งครรภ์

เป็นคำถามที่ดีมากเลยค่ะคุณแม่! มีความเสี่ยงสูงเลยค่ะ เพราะนมเปรี้ยวส่วนใหญ่ โดยเฉพาะสูตรพร้อมดื่ม จะมีปริมาณน้ำตาลสูงมากเพื่อให้มีรสชาติอร่อยค่ะ การเลือกทานโยเกิร์ตรสธรรมชาติที่ไม่เติมน้ำตาล