"จำเป็นและสำคัญมากๆ" เลยค่ะ! การตรวจเลือดก่อนวางแผนมีลูกหรือตอนฝากครรภ์ครั้งแรก จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ทราบความเสี่ยงและวางแผนครอบครัวได้อย่างดีที่สุดค่ะ

ความเสี่ยงหลักๆ ที่คุณหมอมักจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือ ความเสี่ยงที่ลูกอาจมีความผิดปกติของโครโมโซม เช่น ดาวน์ซินโดรม ซึ่งจะสูงขึ้นตามอายุของคุณแม่ค่ะ นอกจากนี้คุณแม่เองก็อาจมีความเสี่ยง

ใช่แล้วค่ะคุณแม่ คุณแม่สามารถไปคลอดที่โรงพยาบาลไหนก็ได้ที่สะดวกเลยค่ะ โดยให้สำรองจ่ายค่าใช้จ่ายไปก่อน แล้วค่อยรวบรวมใบเสร็จและเอกสารต่างๆ มายื่นเบิกเงินค่าคลอด

สาเหตุหลักๆ มาจากปัจจัยทาง "จิตใจที่รุนแรง" ค่ะ เช่น ความต้องการมีลูกอย่างมากจนเกิดเป็นความเครียดสะสม, ประสบการณ์การสูญเสียการตั้งครรภ์ในอดีต, หรือความกลัวการตั้งครรภ์อย่างสุดขีดค่ะ

ไม่จริงเลยค่ะคุณแม่! ความฉลาดและพัฒนาการของลูกขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมากๆ ค่ะ เช่น พันธุกรรม, โภชนาการที่คุณแม่ได้รับระหว่างตั้งครรภ์, และที่สำคัญที่สุดคือ "การเลี้ยงดู" และ "การกระตุ้นพัฒนาการ"

การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยเพิ่มโอกาสได้มากเลยค่ะ!

เป็นคำถามที่สร้างความกังวลใจให้คุณแม่มากที่สุดในช่วงนี้ค่ะ การมีเลือดออกเล็กน้อยในช่วงไตรมาสแรกสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ:
อาจเป็นเลือด

สิ่งแรกคือคุณแม่ไม่ต้องโทษตัวเองนะคะ ภาวะนี้เกิดจากจิตใจที่ส่งผลต่อร่างกายอย่างรุนแรงค่ะ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสาเหตุทางกายภาพอื่นๆ

คล้ายกันมากเลยค่ะ! คุณพ่ออาจจะมีอาการตั้งแต่คลื่นไส้, อยากทานของแปลกๆ, อารมณ์แปรปรวน, ไปจนถึงรู้สึกว่าตัวเองท้องป่องขึ้นก็ได้ค่ะ อาการเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นในช่วงที่คุณแม่กำลังแพ้ท้องหนักๆ

ได้ยินแน่นอนค่ะ! และนี่คือช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุดครั้งหนึ่งของการตั้งครรภ์เลยค่ะ ในการอัลตราซาวด์ทางช่องคลอด ซึ่งมักจะใช้ในช่วงอายุครรภ์

ไม่เร็วเกินไปเลยค่ะ และเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก! การฝากครรภ์ครั้งแรกในช่วง 6-8 สัปดาห์ถือว่าเหมาะสมอย่างยิ่งค่ะ เพราะ:
ยืนยันการตั้งครรภ์:

ไม่ผิดปกติเลยค่ะ และถือว่าคุณแม่โชคดีมาก! อาการแพ้ท้องไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับคุณแม่ทุกคนค่ะ คุณแม่ประมาณ 20-30% อาจจะไม่มีอาการแพ้ท้องเลย

อาการนี้เป็นผลโดยตรงจาก "ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen)" ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วค่ะ ฮอร์โมนตัวนี้จะไปทำให้ประสาทการรับกลิ่นของคุณแม่ "ไวขึ้น

การมีลูกแฝดตามธรรมชาติไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถกำหนดได้ 100% ค่ะ แต่ปัจจัยที่อาจเพิ่มโอกาสได้บ้างก็คือ การตั้งครรภ์ตอนอายุมากขึ้น (เช่น 35 ปีขึ้นไป) หรือหากคุณแม่มีประวัติครอบครัว

ยังมีโอกาสค่ะ!

อาการเจ็บคัดเต้านมมักจะเป็น "สัญญาณแรกสุด" ของการตั้งครรภ์ที่ชัดเจนกว่าอาการแพ้ท้องเสียอีกค่ะ! สาเหตุก็เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน

ยินดีด้วยค่ะ! โอกาสท้องสูงมากถึง 99% เลยค่ะ ขีดที่สองแม้จะจางแค่ไหน ก็หมายถึงร่างกายของคุณแม่ได้เริ่มผลิตฮอร์โมน hCG (ฮอร์โมนตั้งครรภ์) ออก

ปกติมากค่ะ! อาการของคุณแม่แต่ละคนไม่เหมือนกันเลยค่ะ บางคนแพ้ท้องหนักมาก แต่สำหรับคุณแม่บางท่าน ร่างกายอาจจะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

เป็นคำถามที่คุณแม่กังวลกันมากที่สุดเลยค่ะ ลักษณะจะ "ไม่เหมือน" ประจำเดือนซะทีเดียวค่ะ ให้สังเกตง่ายๆ ดังนี้:
ปริมาณ: เลือดล้างหน้าเด็กจะมี

เป็นคนละอย่างกัน แต่มีความเกี่ยวข้องกันค่ะ
ท้องแข็ง: คืออาการที่มดลูก "ตึง" ขึ้นมาเป็นก้อนแข็งๆ โดยที่อาจจะ "ไม่เจ็บปวด" ก็ได้ ซึ่งเกิดจาก

"เป็นไปได้สูงมากค่ะ!" อาการเจ็บคัดเต้านมเป็นหนึ่งใน "สัญญาณแรกสุด" ของการตั้งครรภ์ที่ผู้หญิงหลายคนรู้สึกได้ก่อนที่ประจำเดือนจะขาดเสียอีกค่ะ

อาการนี้เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ค่ะ และมักจะมาจาก 2 สาเหตุหลัก:
การฝังตัวของตัวอ่อน: กระบวนการที่ตัวอ่อนฝังตัว

เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อยมากค่ะ และ ไม่ได้หมายความว่าคุณแม่ไม่ท้องนะคะ! เหตุผลหลักคือในช่วง 3 สัปดาห์นี้ เป็นช่วงที่ไข่เพิ่งจะปฏิสนธิและ

เป็นอาการยอดฮิตของคุณแม่ท้องแก่เลยค่ะ เกิดจากหลายสาเหตุรวมกัน ทั้งขนาดท้องที่ใหญ่จนอึดอัด, ปวดหลัง, ปวดปัสสาวะบ่อย, และความกังวลเรื่องการคลอด

เป็นคำถามที่คุณแม่หลายท่านสงสัยค่ะ มีงานวิจัยบางชิ้นที่ชี้ว่าการทานกรดโฟลิกเสริมและการบริโภคผลิตภัณฑ์จากนม อาจช่วยเพิ่มโอกาสได้บ้างเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนและไม่ใช่วิธีที่รับประกันผลไ

เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่เชื่อกันค่ะ!

เป็นทฤษฎีหนึ่งที่พูดถึงกันเยอะเลยค่ะ! ตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว สเปิร์มโครโมโซม Y (ตัวกำหนดเพศชาย) จะเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าแต่มีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน และจะชอบสภาวะแวดล้อมที่เป็นด่างค่ะ

35 สัปดาห์คือช่วงเวลาที่ "ดีที่สุด" ในการเริ่มเตรียมและจัดกระเป๋าเลยค่ะ! เพราะหลังจากนี้ไป อะไรก็เกิดขึ้นได้ และการคลอดก่อนกำหนดก็เป็นสิ่งที่

มีเคล็ดลับเรื่องอาหารอยู่เหมือนกันค่ะ! แนะนำให้คุณแม่เน้นทานอาหารที่มี "โซเดียมและโพแทสเซียมสูง" ค่ะ เช่น เนื้อสัตว์, ปลา, กล้วย, มันฝรั่ง และผักใบเขียวบางชนิดค่ะ และในทางกลับกันให้พยายาม