ไม่เป๊ะเลยค่ะคุณแม่! มันเป็นแค่ "วันคาดการณ์" เฉยๆ มีคุณแม่แค่ประมาณ 5% เท่านั้นที่คลอดตรงวันเป๊ะๆ ค่ะ จริงๆ แล้วการคลอดในช่วงระหว่าง 38-41

เป็นคำถามที่สำคัญมากสำหรับการวางแผนระยะยาวเลยค่ะ การปรับตัวเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นแน่นอน แต่เด็กที่เรียนมอนเตสซอรี่มักจะมีทักษะสำคัญติดตัวไปคือ

ว้าว! แสดงว่าน้องเป็นเด็กที่แข็งแรงมากเลยค่ะ การที่น้องพยายามพลิกตัวเร็วถือเป็นสัญญาณที่ดีว่ากล้ามเนื้อคอและหลังของเขาแข็งแรงค่ะ คุณแม่ไม่ต้องกังวล

เป็นความกังวลที่ถูกต้องเลยค่ะ การนั่งท่า W-sitting เป็นประจำมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับการเพิ่มโอกาสให้เกิดภาวะข้อสะโพกบิดเข้าด้านใน ซึ่งส่งผลให้เวลาเดินปลายเท้า

เป็นปัญหาคลาสสิกเลยค่ะ เพราะการคอยบอกซ้ำๆ อาจทำให้ทั้งเราและลูกรู้สึกหงุดหงิด ลองเปลี่ยนจากการ "ห้าม" เป็นการ "ชวน" และ "จัดสิ่งแวดล้อม" แทนดูนะคะ

คุณแม่ไม่ต้องโทษตัวเองเลยค่ะ! สาเหตุหลักของสิวทารกคือฮอร์โมนของคุณแม่ที่ส่งผ่านไปยังลูกในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นเรื่องของฮอร์โมนที่ส่งต่อกัน

เป็นเรื่องปกติที่คุณพ่อคุณแม่จะสังเกตเห็นแบบนั้นและกังวลใจค่ะ แต่จริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยมากในทารกค่ะ เนื่องจากต่อมเหงื่อของน้องจะทำงานหนาแน่น

เป็นข้อสังเกตที่ดีมากเลยค่ะ โดยส่วนใหญ่แล้วถ้าคุณแม่รู้สึกว่าลูกเตะหรือดิ้นแรงๆ อยู่บริเวณชายโครงหรือซี่โครง นั่นเป็นสัญญาณที่ดีว่าเท้าของเขาน่าจะอยู่ด้านบน

เป็นภาพที่คุ้นเคยและเป็นเรื่องปกติมากเลยค่ะสำหรับเด็กเล็ก! ภาวะขาโก่งตามธรรมชาติ (Physiological Bowing) เกิดจากการขดตัวอยู่ในท้องคุณแม่มานานค่ะ

คุณแม่ยังไม่ต้องกังวลไปนะคะ ในช่วง 34 สัปดาห์ ทารกยังมีพื้นที่และเวลาที่จะขยับตัวและกลับหัวได้อยู่ค่ะ ทารกส่วนใหญ่จะเข้าสู่ท่าศีรษะลงในช่วงสัปดาห์ที่ 32-36

เป็นคำถามที่สำคัญมากค่ะ โดยทั่วไปแล้วสิวทารกไม่จำเป็นต้องใช้ยาหรือครีมใดๆ และจะหายได้เองค่ะ การทาครีมหรือโลชั่นที่เหนียวเหนอะหนะเกินไปอาจ

เป็นเพราะระดับฮอร์โมนในร่างกายเริ่มเข้าที่เข้าทางและคงที่มากขึ้นแล้วค่ะ ทำให้พายุอารมณ์ในช่วงไตรมาสแรกสงบลง คุณแม่จึงรู้สึกผ่อนคลายและมีความ

เข้าใจเลยค่ะว่าต้องกังวลใจมาก ปัจจุบันการเจาะน้ำคร่ำถือเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูงมากค่ะ เพราะคุณหมอจะใช้อัลตราซาวด์ดูตำแหน่งของลูกน้อย

เป็นความกังวลอันดับหนึ่งของคุณพ่อคุณแม่ที่เริ่ม BLW เลยค่ะ การแยกสองอย่างนี้สำคัญมากค่ะ "การขย้อน" (Gagging) คือกระบวนการป้องกันการสำลักที่ปกติมาก

เป็นอาการที่ต้องสังเกตอย่างใกล้ชิดเลยค่ะ! อาการปวดหน่วงๆ เล็กน้อยอาจเกิดจากการที่มดลูกกำลังขยายตัว หรืออาจเป็นเลือดล้างหน้าเด็กจากการฝังตัว

ไม่มีกฎตายตัวเลยค่ะ เอาที่คุณแม่รู้สึกสบายตัวที่สุดได้เลย! คุณแม่ส่วนใหญ่มักจะเริ่มเปลี่ยนมาใส่ชุดคลุมท้องหรือกางเกงสำหรับคนท้องในช่วง 14-20

เป็นเรื่องปกติมากค่ะในช่วงแรก! คุณแม่ต้องมองว่านี่คือการ "เล่นเพื่อเรียนรู้" ค่ะ เขากำลังสำรวจเนื้อสัมผัส รสชาติ และฝึกใช้กล้ามเนื้อมืออยู่ค่ะ ในช่วง 6-12 เดือนแรก

เข้าใจเลยค่ะว่าพอเห็นตุ่มขึ้นหน้าลูกแล้วใจไม่ดี โดยทั่วไปสิวทารกมักจะมีลักษณะเป็นตุ่มแดงเล็กๆ หรือตุ่มมีหัวขาวๆ คล้ายสิวผู้ใหญ่ ขึ้นบริเวณแก้ม หน้าผาก

ข่าวดีคือ ส่วนใหญ่แล้วจะไม่กลับมาแล้วค่ะ! ไตรมาสที่ 2 มักถูกเรียกว่าเป็น "ช่วงเวลาฮันนีมูนของการตั้งครรภ์" เพราะเป็นช่วงที่ระดับฮอร์โมน hCG

เป็นภาพที่คุ้นเคยสำหรับคุณพ่อคุณแม่หลายท่านเลยค่ะ! การทำหน้าเบะไม่ได้หมายความว่าเขาเกลียดเสมอไปนะคะ แต่มันคือปฏิกิริยาต่อรสชาติและเนื้อสัมผัส

เปลี่ยนแน่นอนค่ะ และเป็นเรื่องปกติมากที่คุณแม่ไม่ต้องตกใจนะคะ! หลังจากที่น้องทานผักใบเขียวอย่างตำลึงเข้าไปแล้ว อุจจาระของเขามีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มขึ้นตามสีของคลอโรฟิลล์ในผักเลยค่ะ

ให้ยึดอายุครรภ์จาก "อัลตราซาวด์ครั้งแรก" (โดยเฉพาะที่ทำในไตรมาสแรก) เป็นหลักเลยค่ะ เพราะเป็นการวัดขนาดของน้องโดยตรงซึ่งจะแม่นยำที่สุดในช่วง

เป็นคำถามที่ดีมากเลยค่ะ! การนึ่งเป็นวิธีที่ "ยอดเยี่ยม" เลยค่ะ และอาจจะดีกว่าการต้มด้วยซ้ำ เพราะการนึ่งจะช่วยรักษาวิตามินและสารอาหารที่ละลายในน้ำได้ดีกว่า

เทคนิคคือเน้นทาน "อาหารที่สารอาหารแน่นแต่ปริมาณไม่เยอะ" ค่ะ ลองเปลี่ยนจากข้าวสวยมื้อใหญ่ๆ เป็นการทานของว่างที่มีโปรตีนสูงระหว่างวันแทน เช่น

เข้าใจที่สุดเลยค่ะเพราะน้องตัวใหญ่จนมาเบียดกระเพาะเราหมดแล้ว! ลองเปลี่ยนมาทานอาหารเป็น "มื้อเล็กๆ แต่บ่อยขึ้น" ดูนะคะ แทนที่จะทาน 3 มื้อใหญ่

สิ่งที่ควร "ลด" อย่างจริงจังคืออาหารจำพวก "แป้งขัดขาวและของหวาน" ค่ะ เช่น ข้าวขาว, ขนมปังขาว, เบเกอรี่, น้ำหวาน และผลไม้รสหวานจัด เพราะสิ่ง

ช่วยได้ดีมากเลยค่ะ! ทั้งฟักทองและลูกพรุนต่างก็ขึ้นชื่อเรื่องการมีใยอาหารสูง ซึ่งช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้และทำให้อุจจาระนิ่มลงได้เป็นอย่างดีค่ะ แต่ไม่ควรให้ทานเมนูนี้ทุกวันนะคะ

ความรู้สึกจะต่างกันชัดเจนเลยค่ะ "เสียงหัวใจเต้น" เราจะไม่ได้ยินด้วยหูเปล่าๆ นะคะ คุณหมอต้องใช้เครื่องฟัง (Doppler) ส่องถึงจะได้ยิน แต่ การ

เป็นคำถามที่สำคัญมากเลยค่ะที่คุณแม่ใส่ใจเรื่องนี้! เมนูนี้มีส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดภูมิแพ้ได้คือ "ไข่", "ชีส" (ผลิตภัณฑ์จากนม), และ "ขนมปังโฮลวีท" (กลูเตน) ค่ะ

ถ้าอยากกินจริงๆ ก็พอได้ค่ะ แต่ต้องมีเทคนิคนิดหน่อย คือให้กินในปริมาณที่ "น้อยมากๆ" เช่น มะม่วงสุกแค่ 1-2 ชิ้นเล็กๆ แล้วควรทาน หลังมื้ออาหาร

เข้าใจเลยค่ะว่าไม่อยากให้น้องติดหวาน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากค่ะ เมนูนี้จะได้ความหวานตามธรรมชาติจากแครอทและนมอยู่แล้ว ซึ่งเพียงพอสำหรับเด็กวัยนี้ค่ะ

ได้แน่นอนค่ะ!